Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว เทคนิคการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย แบบทั่วไปสำหรับ #dek62 #dek63 และอื่นๆ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเรื่องเลยนะคะ คือเราจะมาแชร์วิธีการเตรียมสอบในแบบฉบับของเรา ซึ่งเราตั้งปณิธานเอาไว้นานมาแล้วว่าถ้าติดจุฬาฯ ก็อยากจะมาทำอะไรแบบนี้เพื่อเป็นแนวทางให้เด็กรุ่นต่อๆไป และก็เป็นปมด้อยของเราเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนเราหากระทู้แนวนี้ไม่เจอเลย ก็จะมาทำให้คนอื่นแทนละกันน เผื่อเป็นแนวทางนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ต้องบอกก่อนว่าเรามาแนะนำวิธีการเตรียมสอบ ไม่ได้มารีวิวหนังสือนะคะ เพราะน้องๆสามารถดูจากกระทู้อื่นๆได้มากมายย และมหาลัยไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่โปรดเข้าใจว่ากระทู้นี้จะมาช่วยน้องๆที่อยากเข้ามหาลัยนะคะ (ส่วนมากจะแนวสายศิลป์เนอะ) มาเริ่มกันเลยย!!!!

ภูมิหลังของเรา
เราเป็นเด็กต่างจังหวัดจากภาคเหนือ โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง และมาจากห้องศิลป์คำนวณ อย่างที่รู้ๆกันว่าถ้าไม่ใช่เด็กวิทย์ก็จะกลายเป็นคนไม่ค่อยเก่งทันที และคุณครูส่วนมากก็จะ... ไม่ขอพูดมาก แต่คุณครูที่ดีมากๆๆๆ ก็มี และเรารักมากก เรามีนิสัยเชื่องช้า หัวช้า แต่ถ้าเรามีเป้าหมายแน่วแน่ก็จะพยายามตั้งใจอย่างสุดความสามารถ แต่ก็จะหมดไฟง่ายมาก เพราะงั้นมันก็จะขัดแย้งกันหน่อยๆ
เราว่าไม่ว่าเราจะเป็นคนที่โง่แค่ไหนก็ตามตลอดมา เราก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ตั้งแต่ประถม มัธยมที่ไม่ว่าเราจะได้เกรดห่วยแค่ไหน ถ้าเราเข้ามหาลัย(ที่ดี)ได้ เราก็เหมือนเปลี่ยนตัวเองไปตลอดอ่ะ ดูอย่างเราเป็นตัวอย่างก็ได้ เกรดที่จบมาคือ 3.12 ค่ะ ไม่ได้เขียนผิดนะ เพราะงั้นอย่าท้อเพราะอดีตของเรามันไม่ดี เกรดก็แค่ตัวเลข ไม่ได้วัดความรู้ ความสามารถที่แท้จริงของเราได้ และบางคนอาจบอกว่าเกรดวัดความรับผิดชอบ แต่มันใช้ไม่ได้สำหรับเราค่ะ แล้วแต่คน แล้วแต่โรงเรียนเนอะ

วิธีการอ่านหนังสือ
แต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะ mapping หรือ shortnote แต่สำหรับเรา เราจะชอบเรียน แบบให้ติวเตอร์เป็นคนพูดให้ความรู้เราจะจำแม่นกว่า และก็อ่านในหนังสืออย่างเดียวไม่จด ยกเว้นเรื่องที่ลึกซึ้งจริงๆ อาศัยความเข้าใจอย่างมากก็จะshort note แต่ใช่ว่าเราอ่านรอบเดียวจะจำได้หมด บางคนอ่าน7-8 รอบแต่เราไม่ไหว เราอ่านแบบนี้
1 อ่านทุกตัวอักษรพร้อมทำความเข้าใจ
2 ไฮไลท์คำสำคัญ (ฝึกอย่าให้ตัวเองไฮไลท์เยอะเกินจำเป็นเน้อ)
3 อ่านที่ไฮไลต์
4 (เพิ่มเติม) short note ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ
ถ้าเป็นหนังสืออ่าน เราจะไม่ถนอมเลย เราชอบที่ใช้เลมนั้นอย่างเต็มที่ เขียนโน้ต จดอะไรลงไปได้หมด แต่ถ้าเป็นหนังสือทำข้อสอบจะสะอาดมาก ยกเว้นเฉลย เพราะเผื่อมาทำซ้ำได้ แต่เอาจริงไม่ได้ทำซ้ำเลย555
แล้วก็คนที่เรียนจากหนังสือที่เรียนพิเศษ ระหว่างกลับบ้าน หรือกลับบ้าน ให้เปิดทบทวน นิดหน่อยก็ยังดี มันทำให้เราจำแม่นขึ้นมากๆนะ แบบไม่ต้องใช้การอ่าน3 รอบเลยก็ได้ เพราะเราทั้งเรียนและเข้าใจและเข้าใจอีกไปแล้ว
สำหรับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เราไม่ค่อยท่องศัพท์ แต่จะจดศัพท์วันละ20 คำ แล้วทบทวนหน้าเก่าด้วยทุกวัน พยายามชิวๆ และเรียนรู้คำศัพท์จากข้อสอบเลยค่ะ

เรียนฟรีออนไลน์
Youtube เช่น คุณครูสมศรี อาจารย์ขลุ่ย พี่บอลสังคม ทรูปลูกปัญญา คณิตอ.เอ๋กวดวิชา และอื่นๆ

Facebook เช่น เพจ enconcept socithai คุณครูสมศรี PetchsWorld Tutorpearmai GAT Community และอื่นๆ

โซเชียล ที่ควรติดตาม
Line เช่น dek-d admission PDome รวมเส้นทางคนล่าฝัน GAT Community Bewise Academy

Facebook เช่น เด็กดี PDome ปั่นพอร์ตไปสัมภาษณ์ ครูพี่แนน อาจารย์ปิงดาวองค์ ครูพี่หมุย อาจารย์ขลุ่ย eduzones คุณครูสมศรี และอื่นๆ

Twitter แนะนำให้เปิดแจ้งเตือนเพจที่พูดปลุกใจเราเนอะ
อื่นๆ รูปที่ควรมีในมือถือคือคำคมปลุกใจสำหรับคนหมดไฟง่าย ตั้งเป็นพื้นหลังหน้าจอเลยก็ได้

อาหารการกิน
ใครดื่มแบรนด์ไม่ไหว แนะนำกินไข่ต้มวันละ1-2 ฟอง ตอนเช้า และกล้วย ทั้ง2อย่างนี้ควรมีในอาหารเช้า เพราะอุดมด้วยสารที่ดมากมายย สมองจะได้สดใสส
และช่วงใกล้สอบต้องรักษาสุขภาพ จะกินดื่มอะไรเลือกดีๆ อย่าทำให้ตัวเองป่วย หาเวลาออกกำลังกายด้วยทุกวันไม่ต้องเยอะเกิน1 ชั่วโมงก็ได้

การใช้ชีวิตในโรงเรียน
หลายๆโรงเรียน เด็กม.6 คุณครูจะไม่ค่อยเคร่งเรื่องการมาโรงเรียน และดรงเรียนเราเคยเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงการสอบเข้าปีเรา(dek61) อันนี้เข้าใจได้ว่าต้องให้เด็กเรียนครบชั่วโมงตามที่เค้ากำหนดมา เพราะงั้นเราก็ไม่ค่อยได้โดดไปอ่านหนังสืออยู่บ้าน หรือเรียนพิเศษเลย แต่บางคนก็ทำนะ555 เพราะงั้นปีต่อๆไปก็ไม่รู้ว่าครูจะปล่อยเด็กม.6 มั้ย แต่การอยู่ในโรงเรียน เราก็หาเวลาว่างมาอ่านหนังสือได้ อยู่ที่ว่าน้องจะมีวินัยรึเปล่า เพราะสิ่งเร้าเยอะ ทั้งเพื่อน ง่วงนอน หิว เล่น บลาๆ เอาเป็นว่าถ้าว่างๆก็หาเวลาไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด หรือติวกับเพื่อน หรือขี้เกียจไปห้องสมุดก็อ่านในห้อง วิธีไม่ให้ใครแซะว่าเคร่ง ให้ห่อปกหนังสือ ไม่ต้องให้เห็นชื่อเรื่อง บางคนก็จะรู้ว่าทำขนาดนี้ไม่ครไปถามแล้วแหละว่าอ่านอะไร แต่คนที่ไม่รู้ก็จะถามให้ได้อยู่ดี เพราะงั้นก็ช่วยไม่มาก และเราว่าลดความเขินอายได้อยู่นะ (หรับคนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่เคร่งเรียนแบบเรา) ถ้าสิ่งแวดล้อมของคุณไม่ใช่แบบนี้ก็ไม่ต้องทำก็ได้ค่ะ555

บางช่วงเราจะอ่านที่โรงเรียน+ตอนรอเรียนพิเศษ+บ้าน แต่บางช่วงก็จะไม่อ่านที่โรงเรียน เพราะต้องรู้ตัวเองอ่ะว่าไหวมั้ย ต้องพักมั้ย ส่วนเสาร์-อาทิตย์เราค่อนข้างเกเร ไม่ค่อยมีความอยากกอ่านที่บ้าน แต่ก็ไม่อยากออกบ้านไปไหน วิธีแก้ก็คือเรียนออนไลน์ ให้คนสอน ไม่อ่านเอง เราก็ได้ความรู้เหมือนกันนะ

บางคนจะเหนือยและคิดว่าเราไม่ไหวถ้าต้องไปเรียนแล้วกลับบ้านมาอ่านหนังสืออีก แต่เชื่อเราว่ามันไหว เราแค่ไม่ชิน ก็ก็ต้องให้ตัวเองพัก อย่าฝืนเกิน เราจะลองทำตารางให้ดู
#1 สำหรับคน/วัน ที่ไม่มีเรียนพิเศษ
5โมง กลับบ้าน
5โมง-1ทุ่ม เล่น(มือถือ/อื่นๆ) อาบน้ำ กินข้าว
1-2 ทุ่ม ทำการบ้าน ถ้าไม่มีการอ่านยาวถึง3-4 ทุ่ม แต่ไม่ใช่อ่านตลอดไม่มีพักนะ

#2 สำหรับคนเรียนพิเศษเลิกไม่เกิน2 ทุ่ม
2-3 ทุ่ม อาบน้ำ กินข้าว พัก
3-4 ทุ่ม ทำการบ้าน ถ้าไม่มี อ่านไม่เกินเที่ยงคืน

#3 สำหรับคนที่ไม่ชอบนอนดึก
2-3 ทุ่ม เตรียมเข้านอน
ตี4 ตื่นมาอ่านหนังสือถึง6 โมงเช้า

#4 วันที่ว่างทั้งวัน
จัดตารางเองเลย แนะนำว่าสลับวิชาจำ กับคำนวณด้วย อย่าเรียนแค่วิชาเดียวทั้งวันหรือทั้งเดือน แล้วเปลี่ยนวิชาใหม่อีกวันหรืออีกเดือน ควรควบคู่หลายวิธีดีกว่า


** ควรทำตารางเวลาว่าเดือนๆนึงจะอ่าน/ทำอะไรบ้าง ทำครบให้รางวัลอะไรตัวเอง
**การบ้านอาจทำที่โรงเรียนหรือระหว่างรอเรียนพิเศษได้
**ถ้าเป็นคนติดมือถือ ควรแบ่งเลยว่าจะเล่นที่โรงเรียนแล้วอ่าน/ทำการบ้านตอนรอเรียนพิเศษ หรือสลับกัน
**ไม่รู้ว่าโหดไปมั้ยสำหรับบางคน แต่พยายามเล่นมือถือไม่เกินวันละ1 ชั่วโมง
**อ่านหนังสือแล้วแต่15-30-45 นาทีแล้วพัก10 นาที หรืออ ถ้าเราอ่านไปแล้วเรายังอยากอ่านต่อยังไม่อยากหยุดก็อ่านต่อไป หยุดตอนที่คิดว่าสมองจะรับไม่ได้แล้ว แล้วนอนหลับเลย
**ตอนอ่านต้องวางมือถือไว้ไกลตัว ปิดเสียงรบกวนทุกอย่าง คิดซะว่าตอนพักค่อยกลับมาเช็กก็ได้ อย่าคิดมาก
**ระหว่างเรียน/อ่าน จิบน้ำด้วยให้สมองสดชื่น
**วิธีจดสรุป เทคนิคการอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพหาได้ทั่วไปตามเว็บ ลองหาดู

เตรียมตัวในวันสอบ
-ถ้าเป็นคนขี้ร้อนเตรียมสเปรย์น้ำแร่ แป้งเย็น
-ถ้ารู้ว่าสอบห้องแอร์แล้วเป็นคนขี้หนาวก็เตรียม-ันหนาว
-นาฬิกาก็อย่าลืม เผื่อในห้องสอบไม่มี หรือเสีย
-เคยเรียนพิเศษพี่เคนเคมี พี่เค้าบอกว่าวันสอบให้หาชาเขียวยี่ห้ออะไรก็ได้(น้ำตาลเยอะๆ)มาจิบดื่มนิดๆก่อนสอบ และกินขนมปังนมเนยน้ำตาลนิดหน่อยก็สอบ

ทำยังไงไม่ให้เครียด/ท้อ
ขอแบ่งคนเป็น2 ประเภท
1 คนที่เครียดแล้วหมดไฟ ไม่มีไฟอยากทำอะไรเลย
2 คนที่เครียดแต่ก็ยังทำต่อไป ถึงจะเครียด เหนื่อยจะจะสู้ ไรงี้
ไม่รู้นะว่าน้องเป็นคนแบบไหน แต่น้องก็น่าจะรู้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน อยากจะบอกว่าคนส่วนมากเป็นแบบที่1 ไง ท่องไว้ เราเป็นคนถึก เรามันบ้า เราไม่เหมือนใคร เพราะงั้นเราจะบ้า สู้ให้ถึงที่สุด
-คิดภาพตัวเองในอนาคตช่วงใกล้สอบวาเราจะลนแค่ไหนถ้าเราไม่พร้อม แล้วอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนนี้ซะ
-เวลาท้อๆ เข้าyoutube พิมพ์ว่า ‘ใจ-สูง-ก็รอด ใจ-กระจอก-ก็จน’ เป็นคลิปวิดีโอพี่ดึงสติมากกก
-หาคำคมมาจุดไฟตัวเอง
-ฟังเพลง Mozart เผื่อพัฒนาไอคิวด้วยมั้ง5555
-สวดมนต์และนั่งสมาธิ (สำหรับเราช่วยให้ใจที่ฟุ้งซ่านของเราสงบลงได้ดีมากๆเลย)
**จะเห็นได้ว่าวิธีของเรา เป็นการให้กำลังใจจากตัวเอง ไม่ได้ไปขอกำลังใจจากคนอื่นเลย แม้แต่พ่อแม่ของเรา เพราะแค่เรามองหน้าเค้าเราก็รู้แล้วว่าเราทำไปให้ใครภูมิใจ นอกจากตัวเอง เพราะงั้น โตแล้ว ก็หากำลังใจจากตัวเองให้เป็นนะ ต้องเข้มแข็ง ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราอ่ะ เอาจริงๆ

ประสบการณ์ช่วงไฟไหม้ 1เดือนสุดท้ายก่อนสอบ
คือเหมือนเราเตรียมตัวมาดีแล้ว แต่มันก็ยังดีไม่พออ่ะ โจทย์บางวิชาก็ยังไม่แม่นนู่นนี่นั่นไปหมด เลยทำให้เรียนรู้วิธีการใหม่ ที่ช่วยได้มั้ยก็แล้วแต่คน อันที่จะเป็นวิชาจำเสียส่วนมาก
ปกติแล้วเราจะทำโจทย์ก่อนแล้วมาดูเฉลยทีหลังแล้วค่อยทบทวนที่ผิดจากเฉลยใช่ไหม แต่ถ้าเรารีบล่ะ!!! เราก็เอาคำตอบมากาในโจทย์ แล้วเรียนรู้เฉลยไปเลย ไม่ต้องทำโจทย์ก่อนแล้วมันไม่ทันแล้วว แต่ตอนอ่านเฉลยก็ต้องทำความเข้าใจจริงๆนะ อย่ารีบอย่าลนเลยตอนนี้ ต้องตั้งใจมีสมาธิสูง วิธีนี้เหมือนเราลดเวาลจาก2 เหลือ1 ไรงี้อ่ะ มู้จะได้ผลมั้ยนะ แต่อย่าทำตัวให้ไฟลนก้นเลยจะดีกว่า

การเลือกคณะ
เรื่องไม่รู้จะเรียนคณะอะไรให้ไปลองดูในเว็บต่างๆดูว่าเราเหมาะกับอะไร เราเป็นคนแบบไหน
แต่เรื่องที่สำคัญมากๆเลยคือ อย่ากลัว อย่าอย่าที่จะเลือก อย่ากลัวความผิดหวัง เพราะความผิดหวังเป็นผลลัพท์ของคนที่กำลังจะประสบความสำเร็จ มีบทเรียนมาทุกรุ่น ที่ว่าไม่กล้าเลือกคณะที่คะแนนสูงแต่มารู้ที่หลังว่าคะแนนเราถึง คิดดูว่าเราจะเสียดายอะไรมากกว่ากันระหว่าง สอบไม่ติด กับ ไม่ติดทั้งๆเป็นคณะที่อยากเรียนแล้วคะแนนถึง
แต่ก็ใช่ว่าเราจะเสี่ยงไปซะทุกอย่าง ทุกอันดับ เราก็ต้องเซฟตัวเองด้วย แต่เราแค่อยากให้ทุกคนกล้าลองจริงๆนะ!!


สุดท้ายนี้ อยากจะขอให้ทุกคนสู้นะ ทำตามความฝันของตัวเองให้ได้ อ่านหนังสืออีกไม่กี่เดือนก็จะได้พักยาวๆแล้วว เชื่อสิถ้าเราทำเต็มที่ตอนนี้ วันหน้าเราจะไม่คิดย้อนกลับมาเสียดายเลย และก็อย่าลืมเพื่อน อย่าลืมทำกิจกรรมสำคัญๆ จบ ม.6แล้วคงไม่มีเวลาให้กันมากเท่านี้อีกแล้วนะ แบ่งเวลาดีๆ มีวินัย ทุกคนทำได้อยู่แล้วว โชคดีนะคะทุกคน!!

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น