TCAS Portfolio vs กสพท.
ตั้งกระทู้ใหม่
(จำนวนคนโหวต 17 คน)
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
7 ความคิดเห็น
ค่าสอบแพงมาก สอบรอบแรกใช่ว่าจะโอเคเลย เสียเวลาเตรียมตัวพอควร
เราเลยไม่ยื่น ทุ่มกสพททีเดียวเลย ก็ติดแพทย์กสพทที่นึง
จากใจคนไม่ติดรอบพอร์ท แต่ติดรอบ 3 นะครับ เอาเวลาไปทุ่มให้กับพวก 9 วิชาดีกว่า ส่วนรอบแรกอยากให้ไปสอบพวกวัดภาษา cu-tep อย่างเดียว ถ้าเราทำ cu-tep ได้ อิง 9 วิชาก็สบายๆครับ
เราสอบทั้งสองรอบ แต่ก็มาติดรอบกสพท. ถ้าย้อนกลับไปได้ก็จะไม่เตรียมตัวสอบรอบพอร์ต เพราะเสียเวลาไปหลายเดือน รวมทั้งค่าติวที่แพงกว่า ค่าสอบภาษาอังกฤษอีก คิดว่าถ้าตอนนั้นทุ่มแค่ 9 วิชาไปคงจะดีกว่า
แต่มันก็เป็นโอกาสอะนะ แนะนำว่าลองเอาข้อสอบเก่า BMAT มาทำก่อนสัก 1-2 ชุดก็ได้ เผื่อทำได้คะแนนดี ก็ลองยื่นรอบพอร์ตดูได้ ส่วนใหญ่เด็กหลักสูตรไทยทำ BMAT ส่วนที่เป็น science ได้ดีกว่า เด็กนานาชาติ เพราะหลักสูตรไทยเรียนเยอะกว่า ถ้าไม่ติดเรื่องคำศัพท์นะ
ความเชื่อผิดๆที่เด็กไทยเรียนเยอะกว่าเด็กนานาชาติ... รู้จัก A-Levels ไหมคะ? จากใจผปค.ลูกติด หมอจุฬาจากรร.นานาชาติรอบพอร์ท
ลองเอาเด็กนานาชาติมาสอบแข่งกับเด็กไทยก็พอบอกได้แล้วครับ
รอบกสพท เด็กนานาชาติติดน้อยมากๆ หลายสถาบันไม่มีเลยด้วยซ้ำ
รู้จัก A-level ค่ะ ขอโทษค่ะ ที่บอกว่าหลักสูตรไทยเรียนเยอะกว่าในส่วนของวิทยาศาสตร์ หนูอาจจะเข้าใจผิดค่ะ เพราะเข้าใจว่า สอบแค่ IGCSE ก็เทียบจบได้ค่ะ(ตรงนี้หนูเข้าใจว่าแต่ละโรงเรียนคงไม่เหมือนกัน) ส่วนที่บอกว่าเด็กโรงเรียนไทยทำได้ดีกว่าเพราะว่าเทียบกับเพื่อนค่ะ เพราะเพื่อนหลักสูตรไทยหลายคนได้คะแนนสูงเฉพาะScience ส่วนเพื่อนโรงเรียนนานาชาติได้คะแนนพอๆกันทุกSection
TCAS Portfolio รอบ 1 สำหรับ นร ที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ ที่จะสอบเข้าเรียนแพทย์ที่ จฬ มช มข และรามา นั้น ซึ่งกำหนดให้ต้องมีผลสอบ BMAT IELTS TOEIC มาใช้สมัครเพื่อคัดเลือกเข้าสัมภาษณ์ด้วยนั้น
เมื่อได้รับคัดเแลือกและสอบผ่านสัมภาษณ์แล้ว เวลาไปเรียนในคณะแพทย์ ส่วนใหญ่ก็จะเรียนรวมกับ นร ที่สอบผ่านเข้ามาจากระบบ กสพท ด้วยกันทั้งหมดไม่ได้แบ่งแยกเป็นหลักสูตรนานาชาติแต่อย่างใด ณ ปัจจุบัน (2560) มีเพียงบางวิชาเท่านั้นที่อาจแยกไปเรียนเฉพาะกลุ่มของตนเอง
ส่วนที่เรียนเป็นหลักสูตรแพทย์นานาชาติจริง ๆ (ทุกวิชาเรียนเป็นภาษาอังกฤษ) จะมีที่วิทยาลัยแพทย์นานาชาติจุฬาภรณ์ มธ กับ สจล ลาดกระบัง (ที่เพิ่งเปิดใหม่ในปี 2561) และของ ม.สยาม (ซึ่งอาจมีบรรยายเป็นภาษาไทยบ้างในชั้นเรียน) เท่านั้น
เป็นเพราะเริ่มใช้ระบบ TCAS ในปี 61 เป็นต้นไป คณะแทพย์ของหลายสถาบันจึงไม่ออกข้อสอบเอง แต่เลือกไปใช้เกณฑ์การรับสมัครเข้าสอบสัมภาษณ์ตามที่มหาวิทยาลัยแพทย์ที่อังกฤษใช้เป็นเกณฑ์ในการรับสมัคร จึงทำให้ในปี 2561 นี้ จะมี นร ที่เรียนนานาชาติหลายคนสอบเข้าเรียนได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับในปีก่อน ๆ หน้านั้น
รอบ Port บางคนคะแนนดีทุกอย่าง ถึงเวลาสัมภาษณ์มหาลัยคัดออก 50% เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก
แต่แน่ใจว่าวิชาการดี ไปรอบ กสพท เลยดีกว่า ไม่ต้องลุ้นกับการตัดสินใจของคณะกรรมการ
ตัวเราเอง อนาคตเราเอง ทำได้ก็ติดเอง
ถ้ามีความสามารถ ในการทำข้อสอบความถนัดแพทย์หรือวิชาเฉพาะแพทย์ และ 7 วิชาสามัญให้ได้คะแนนดีๆ
ให้ขยัน ทุ่มเท เตรียมตัวสอบ กสพท.ในวิชาดังกล่าวดีกว่า ส่วนโอเน็ต 60% ไม่ต้องไปกังวลอะไรมาก
ถ้า 7 วิชาสามัญได้คะแนนดีๆ โอเน็ต 60% ก็ผ่านอยู่แล้ว
ไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนให้ไปสมัครสอบ ที่ค่าสมัครสอบแพง หรือต้องไปสอบภาษาที่ค่าสมัครแพงๆ หรือค่าเรียนที่แพงมาก เช่น เทอมละ 1 แสน หรือ 5 แสน หรือปีละ 1 ล้าน ให้ลูกคนรวยที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน และไม่มีความสามารถในการทำข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ และ 7 วิชาสามัญ ไปแข่งขันกันเองดีกว่า อย่าไปแย่งเขาเลย
ประสบการณ์ตรง เด็กนานาชาติที่ไม่ได้เข้าระบบกสพท ส่วนใหญ่เข้ามาเรียนสู้เด็กไทยไม่ได้เลย
ไปลองรอบ 1 เราเรียนหลักสูตรไทย แต่ภาษาอังกฤษดี ไม่ได้เรียนพิเศษเพิ่ม เดิมเรามุ่ง กสพท. แต่ที่เลือกสอบรอบ 1ด้วย เพราะถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง และติดรอบ 1 เรียบร้อยแล้ว เวลาว่างเยอะเลย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?