Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ฉันไปดูหนังเรื่อง “Disobedience เสน่หา ต้องห้าม” มา

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ฉันไปดูหนังเรื่อง “Disobedience เสน่หา ต้องห้าม” แหม!! ชื่อไทยดูเย้ายวนเสียเหลือเกิน …

ฉันไม่คุ้นกับคำศัพท์นี้ มาก่อนเลย “Disobedience” แต่ก็คุ้นเคยกับ Rachel McAdams + Rachel Weisz ชื่อเหมือนกันด้วย ราเชลแรก คุ้นเคยจากหนังเรื่อง the Notebook มาก่อน เพราะเป็นหนังรักโรแมนติกเรื่องโปรดเรื่องนึงของฉัน...ส่วนราเชล 2 ก็จาก The Mummy และอีกหลายๆเรื่อง....

เชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อ หนังเรื่องนี้ ขนาดไปซื้อตั๋ว
พนักงานขายถามว่า : “ห๊ะ ? เรื่องอะไรนะพี่ มีด้วยเหรอ ?แป๊บนะพี่…”
เข้าไปในเมนูเลือกซื้อ ถึงรู้ว่ามีจริงๆด้วย แต่มีคนจอง ไปแล้วแค่ 3 คน ชัดเลยปะ
เป็นหนังที่มีนางเอก 2 คน และ นางเอกสองคนนี้รักกัน ใช่ค่ะเป็นหนังผู้หญิงที่รักผู้หญิง หรือเรียกอีกอย่างว่า “หนังเลสเบี้ยน”
วยความที่มันเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม.... คุณคิดว่าใครจะดูหนังแบบนี้บ้าง? สิ่งที่ฉันคิดคือ
*ต้องเป็นพวกที่เป็นแบบเดียวกับในหนัง
*อาจจะเป็นพวกคู่สามี-ภรรยาที่ชอบอะไรตื่นเต้น แบบว่าชอบดูหนังเพื่อปลุกอารมณ์
*อาจเป็นพวกนักวิจารณ์หนัง
*หรืออาจเป็นพวกชอบดูหนังอินดี้ หนังเกย์ หนัง LGBT ดูเพื่อบันเทิงเฉยๆ มันเป็นหนังรอบดึก...

คนก็จะน้อยๆหน่อย ฉันไปดูกับแฟน แน่ละ ฉันเป็นผู้หญิงและฉันมีแฟนเป็นผู้หญิง......ฉันก็เป็นกลุ่มแรกซื้อตั๋วไปดู

Disobedience เป็นเรื่องราวความรักของผู้หญิง 2 คน ที่อยู่ในสังคมที่เคร่งศาสนา และที่สำคัญ พ่อ เป็นนักบวชที่เป็นผู้นำของนักบวชอีกที คงไม่ต้องบอกนะว่าพ่อจะเคร่งศาสนาขนาดไหน…
เรื่องราวเริ่มต้นที่ “โรนิท” นางเอกคนแรก เธอทำงานเป็นช่างภาพอยู่ที่นิวยอร์ก ได้รับแจ้งข่าวว่าพ่อเสีย ซึ่งเธอก็เดินทางกลับมาบ้านเกิด ที่ลอนดอน พ่อของเธอ เป็น คนยิว และเป็น แรบไบ นิกายออโธดอกซ์ (แรบไบ Rabbi คือนักบวช หรือผู้สอนของศาสนายูดาห์ คล้ายๆกับบาทหลวงของศาสนาคริสต์ ถ้าจะพูดถึงศาสนาก็คงอีกยาว.... ) พ่อเป็นผู้นำศาสนา ท่านเก่งและคนในชุมชนเคารพรักมาก....แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่...
โรนิทได้มาพักกับ "โดวิท" ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนรักสมัยเด็กและลูกพี่ลูกน้องของเธอ เขาเป็นแรบไบ ผู้ที่จะ สืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อ และเธอก็ได้รับรู้ว่า โดวิท แต่งงานกับ “เอสตี้” หญิงสาวที่ทำให้เธอต้องหนีจากบ้านเกิดไปทำงานที่นิวยอร์ก
ใช่แล้วค่ะ "เอสตี้" คือ นางเอกอีกคน....เธอเป็นครูสอนชั้นมัธยม ในโรงเรียนละแวกบ้าน...และเคร่งศาสนาเช่นเดียวกับคนที่อยู่ในชุมชนนี้มาตั้งแต่เกิด โรนิทและเอสตี้ ทั้งสองคนเคยคบกันและพ่อรับรู้ถึงความรักของเธอ โรนิทจึงหนีไปนิวยอร์ก ซึ่งมีชีวิตที่อิสระรวมถึงงานของเธอก็บอกความเป็นอินดี้ และแสดงถึงความนอกกรอบได้ดีทีเดียว

หนังเล่าถึงความเคร่งของศาสนาที่ผู้ชายจะต้องสวมหมวกคิปป้า หมวกใบเล็กๆแปะอยู่บนศรีษะ และ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็ต้องสวมผ้าคลุมหรือใส่วิกผมไว้ตลอดเวลา เวลาออกนอกบ้าน มีพิธีกรรม บทสวดต่างๆ ที่คนในชุมชนต้องทำร่วมกันและการจัดงานศพครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่ท่านสาธุคุณของพ่อโรนิท และเป็นวันที่จะต้องประกาศ ผู้ซึ่งจะต้องมารับหน้าที่เป็นผู้นำศรัทธาทางศาสนาของคนในชุมชนต่อจากพ่อของโรนิท และนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก โดวิท สามีของเฮสตี้ หนังไม่ได้เล่าภาพจำเก่าระหว่าง โรนิทและเฮสตี้ แต่ให้คนดูจินตนาการเอง จากสายตาที่ทั้งคู่สื่อถึงกัน...แววตาแห่งเสน่หา ความต้องการซึ่งกันและกัน จนแทบจะหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ แต่สถานการณ์ ณ ขณะนั้นจะทำอะไรได้....เมื่อทุกคนในชุมชนที่เธออยู่รับรู้และต่างจับจ้องความสัมพันธ์ของเธอทั้งสอง.. แต่แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดทัดทาน เสน่ห์หา ต้องห้าม นี้ได้ เธอทั้งสองต่างก็ต้องการซึ่งกันและกัน จึงได้แอบหนีไปมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน เพราะเธอยังคงรักกัน ฉากเลิฟซีนเป็นอะไรที่เร่าร้อน ดูดดื่ม นักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึงใจมาก ตอนดูฉากนี้ นิ่ง เงียบ จนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายตัวเอง แต่จะว่าไปก็แอบดูเหมือนจะรุนแรงเหมือนหนัง AV มากไปนิด

และความลับไม่มีในโลกอีกเช่นเคย เอสตี้ท้อง...แต่เธอไม่สามารถทนอยู่สภาพแบบนี้อีกต่อไป สังคม ศาสนาและชุมชนที่เธออยู่ทำให้เธออึดอัด ขาดอิสรภาพและไม่มีความสุข เธอไม่อยากให้ลูกของเธอต้องมีชีวิตแบบที่เธอเป็น เธอจึงตัดสินใจบอก โดวิท ถึงความต้องการที่แท้จริง...

หนังจบสวย... ความรัก ไม่ได้จบที่การต้องอยู่ด้วยกันเสมอไป ในงานศพของสาธุคุณพ่อโรนิท โดวิท ประกาศไม่ขอรับตำแหน่ง ผู้สืบทอด เพราะคิดว่าเค้าไม่พร้อม และเค้าได้ประกาศว่า ขอมอบอิสรภาพให้แก่ เฮสตี้ ......หัวใจของโดวิทยิ่งใหญ่มาก แล้วทั้ง 3 คนก็โผกอดกันด้วยความอบอุ่นในหัวใจ...

หนังไม่ได้บอกว่าใครอยู่กับใคร รู้แต่ว่าต่างคนต่างไป ต่างใช้ชีวิต ให้คิดต่อเอาเอง แต่หนังได้ชี้ให้เห็นว่า ในหลายๆประเด็นที่มีอิทธิพลต่อการดำรงอยู่ในสังคมของคนกลุ่มนี้
ประเด็นครอบครัว สำคัญมาก โรนิท รักพ่อ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่เคยภาพถ่ายพ่อเลยแม้แต่ภาพเดียว ทั้งๆที่เธอเป็นช่างภาพมืออาชีพ....เพราะเหตุว่าเธอ เป็นเลสเบี้ยน
ประเด็นทางกฎหมาย และการยอมรับของสังคม ที่เป็นเครื่องกีดกันทางสังคม ให้ขาดเสรีภาพในการใช้ชีวิต ของกลุ่มคนเฉพาะกลุ่มนี้
ระเด็นทางด้านความศรัทธา หรือความเชื่อทางศาสนา ก็เป็น เรื่องใหญ่อยู่ไม่น้อย การรักเพศเดียวกัน เป็นบาป หรือไม่ เป็นการขัดต่อความเชื่อ ถือเป็นการไม่เชื่อฟัง เป็นการปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายบางมาตรา ด้วยเหตุผลที่ว่ากฎหมายนั้นๆ ไม่ชอบธรรม ตามความหมายของ Disobedience

ล้วมันผิดด้วยหรือ? ที่ “คน” อยากมีอิสระในการใช้ชีวิต อย่างมีความสุข โดยไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน https://storylog.co/LuckyJammy
kamolapas@gmail.com 

แสดงความคิดเห็น

>