Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ “การเลือกคณะที่ไม่ถูก”
เรื่องราวของเด็กคนนึงที่ตอนม6ไม่รู้จะเข้าคณะไหนดีเลยพยายามเรียนให้ดีที่สุดเพื่อจะได้ “เลือกได้”
ด้วยความที่ทั้งพ่อและแม่เป็นหมอ เรียนดีประมาณหนึ่ง สังคมและหลายๆปัจจัยรอบข้างรวมทั้งการตัดสินใจแบบ “อะไรก็ได้” ทำให้เด็กคนนี้เข้าสู่เส้นทางแพทย์ เรียนไปพักใหญ่ก็เข้าใจว่าตัดสินใจผิดพลาดไป ตอนนี้สามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าถ้ามีไทม์เมชชีนก็จะขอนั่งกลับไป จะเลือกคณะใหม่ที่เพิ่งเลือกได้ ถ้าการซิ่วไม่ใช่อะไรยิ่งใหญ่ ก็จะขอซิ่วไปณตอนนี้ แต่จะทำไงได้ในเมื่อทุกคน ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย คนทั้งหมู่บ้าน เพื่อนพี่ครูบาอาจารย์ ต่างเรียกเราว่า “หมอ” จะทำไงได้ในเมื่อตัวฉันเองก็เป็นคนที่ตัดสินใจห่วยแตก ไม่เคยกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองเลยสักครั้ง งั้นอยู่ต่อละกันไม่แน่เผื่อจะดีขึ้น เรียนไปเยอะๆอาจชอบก็ได้ แต่หารู้ไม่ ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนตกนรกทั้งเป็น ไม่มีความอยากที่เรียน ทุกเช้าที่ตื่นนอนเฝ้าถามตัวเองเราตื่นมาทำไมกันนะ แต่ก็นั่นแหละทุกวันนี้ก็ยังลากร่างลากวิญญาณตัวเองให้ไปต่อจนหวังว่าจะเดินถึงสุดเส้นทางสายนี้
สุดท้ายนี้
อยากบอกน้องๆไม่ว่ากำลังจะเลือกสายหรือเลือกคณะว่าอย่าเลือกเพราะคะแนนดี อย่าเสียดายคะแนนตัวเอง
อย่าเลือกแบบสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าเลือกเพราะคนอื่นเลือก คิดดีๆ ถามตัวเองบ่อยๆว่าชอบไหม ไม่ชอบก็ตัดทิ้งไปเลย
ยอมรับว่ามีหลายคนที่ไหลมาตามน้ำแล้วโอเค แต่บางคนเช่นเราไม่เป็นแบบนั้น

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

คุณป้า 25 ก.ค. 61 เวลา 13:13 น. 1

ขอบคุณสำหรับการแชร์สิ่งดีๆจากประสบการณ์ ป้าเองเป็นคุณแม่ที่เคยประสบการณ์แบบนี้จากลูกสาว ชีไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรจะชอบอะไร ปีแรกที่แอด ชีเลือกสิ่งที่ถูกวัดจากรอบข้างว่า ชีสามารถ คือวิศว ชีติดค่ะ ติดตรงและแอดติด เธอเลือกเรียนวิศว ปีแรกชีเริ่มสงสัยตัวเองมาบ่นๆว่า เรียนไปแล้วเหมือนไม่ใช่ ชีลงภาษาที่ 3 ในยามว่าง ชีผ่านทุกระดับที่ลง พอปี 2 ชีบอกว่า ไม่ไหว ชีไม่ชอบและไม่สามารถทุ่มเทกับทันได้ คุณแม่เลยพาชีไปสอบสายภาษา คือ ซิ่วใหม่ แต่เป็นการซิ่ว ในปีที่ 3 ชีผ่านฉลุย ชีบอกว่าชีชอบและเป็นตัวของตัวเอง แต่พอวันจะรายงานตัว คงสงสารพ่อแม่ บอกว่าสงสารที่เสียเงินมาหลายปี ปีนี้ปี 3 อีกปีเดียวจบแล้ว จะพยายามอยู่และทำให้ใจให้อยู่กับมันให้ได้ ชีเรียนแบบไม่ตก ได้เก่งมาก แต่ผ่านได้ทุกวิชา แต่พ่อแม่ให้ความหวังเธอเลยบอกว่า ถ้าจบแล้ว จะไปซิ่วในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือจะไปต่อในสิ่งที่ใช่ จัดไปพ่อแม่รู้ซึ้งถึงการที่ลูกไม่ใช่ในปีท้ายๆ


อยากบอกทุกคนว่า ให้เลือกในสิ่งที่ชอบที่ใช่ ตามลำดับความชอบ ถ้าไม่ใช่ปีแรกคุยกับพ่อแม่เปิดใจ แล้วซิ่วให้ติด เอาให้ได้ที่ชอบที่ใช่ อย่าคิดแค่ความโก้ เสียดายคะแนน นะคะ

0
Ford 28 ก.ค. 61 เวลา 07:58 น. 2

ให้น้องๆดูหลักสูตรด้วยว่าสาขานั้นเรียนอะไรบ้างจะได้ไม่ตัดสินใจผิด

0
เกลียดเคมีแต่เจอเคมี 27 ส.ค. 61 เวลา 00:07 น. 3

เราเองก็เป็นคนนึงที่เรียนไม่ตรงกับสิ่งที่ชอบ มีความถนัดด้านวิชาสายศิลป์แต่ดันทุรังจะเข้าสายวิทย์เพราะเคยมีฝันอยากเป็นหมอ(ทำเสียงแบบโฆษณา//ฮาาา) แต่ความที่ไม่ถนัดวิชาวิทย์ๆเลย จึงสอบหมอไม่ติด เลยเข้าคณะสายวิทย์คณะนึง(ที่ไม่ใช่คณะวิทยาศาสตร์นะคะ) ด้วยความที่เข้าใจว่ามันกึ่งวิทย์กึ่งศิลป์เพราะมีวิชาออกแบบ แต่คือเข้าไปแล้วเราต้องเจอมารผจญอย่างวิชาเคมีซึ่งหลอกหลอนกันแบบเทอมละตัวเจอยันปี 4(วิชาภาคก็เจอแต่เป็นเคมีประยุกต์แล้ว ;w;) เราจัดว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ได้เรียนเก่ง แต่ไม่ได้เรียนแย่ ดังนั้นคณะสายวิทย์ที่เรียนเลยเรียนแบบพยุงเอาตัวรอดไปได้ พยายามแบบผ่านคราบน้ำตาตอนปี 1 จนปี 4 คือกลายเป็นชิลจบมาแบบเกรดนิยม(ที่เค้านิยมได้กัน//ฮาาา) โชคดีที่เรามาค้นพบว่าเราชอบวาดรูป และหาทางเรียนข้างนอกเอาตั้งแต่ตอนขึ้นปี 4 และโชคดีที่ทางบ้านเข้าใจและสนับสนุน ตอนนี้เลยได้เรียนอะไรที่ชอบซักที แม้ว่าจะเพิ่งมาเจอหลังเรียนจบแล้วก็ตาม


ความจริงเรารู้สึกว่าอยากให้สังคมไทยเรามีช่วงเวลา gap year แบบฝรั่งบ้าง ให้เด็กไปค้นหาความชอบแล้วค่อยไปเรียนในสิ่งที่ชอบสิ่งที่อยากเป็นคงจะดี และน่าจะแก้ปัญหาการศึกษาอะไรหลายๆอย่างได้ แต่ก็นะสังคมเรา เรียนจบแล้วต้องเข้ามหาลัยเลย เรียนจบแล้วก็ต้องทำงานเลย คนบางคนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะเรียนจบแล้วก็ตาม//ทำไมจบท้ายแลดูสิ้นหวังจัง 555555

0