10 คำถามที่เอาไว้ถามตัวเองก่อนจะซื้อ / ยืมหนังสือ
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีน้องๆ ชาวบอร์ดนักเขียนทุกคนนะคะ กลับมาพบกับกระทู้สนุกๆ จากพี่นัทตี้กันอีกแล้ว และสำหรับกระทู้ในวันนี้ พี่ขอเอาใจน้องๆ ที่ชอบอ่านหนังสือ กับ 10 คำถามที่เอาไว้ถามตัวเองก่อนจะซื้อ / ยืมหนังสือ มาดูกันดีกว่าว่า 10 คำถามที่ว่านั้นจะมีคำถามไหนโดนใจนักอ่าน และนักเขียนอย่างเรากันบ้าง?!
1. ใครเป็นคนเขียน?
อันนี้เชื่อว่าเป็นคำถามที่เราควรจะรู้กันอยู่แล้วนะ เพราะถ้าเราจะซื้อหนังสือสักเล่ม เราก็ควรที่จะต้องรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นใครเป็นคนเขียน แล้วเรารู้จักเขาดีพอไหม เขาคนนั้นเคยมีผลงานอะไรมาก่อนบ้าง เพราะถ้าเราสุ่มสี่สุ่มห้าซื้อมา โดยที่ไม่รู้ข้อมูลอะไร มันจะทำให้เราไม่มีความสุขกับการอ่านหนังสือเล่มนั้น และจากประสบการณ์ที่ผ่านๆ มาของพี่ พี่คิดว่าคนส่วนใหญ่มักจะเลือกซื้อหนังสือจากนักเขียนที่พวกเขารู้จักหรือคุ้นเคยกันมาก่อน เพราะพวกสำนวนภาษา วิธีการในการเขียนจะทำให้เราเข้าถึงหนังสือเล่มนั้นได้ดีกว่าหนังสือของนักเขียนที่เราไม่เคยอ่านผลงานของเขามาก่อนนั่นเอง
2. ความสามารถของนักเขียนกับผลงานนั้นสอดคล้องกันไหม?
2. ความสามารถของนักเขียนกับผลงานนั้นสอดคล้องกันไหม?
สำหรับข้อนี้พี่คิดว่ามันเกี่ยวกับความเชื่อหลังการอ่านล้วนๆ เลย เพราะถ้านักเขียนสามารถถ่ายทอดออกมาได้สมจริง หรือถ้าเรื่องที่ถ่ายทอดออกมานั้นเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจง เช่น มีศัพท์เกี่ยวกับวิชาชีพ หรือเป็นการพูดถึงสถานที่ในต่างแดน ผู้เขียนควรต้องศึกษาข้อมูลมาให้ดีก่อน เพราะถ้านักอ่านจับทางออกว่าข้อมูลที่นักเขียนนำมาเขียนนั้นผิดพลาด พวกเขาเหล่านั้นอาจจะหมดศรัทธา หรือไม่อ่านผลงานของนักเขียนคนนั้นอีกเลย
3. เหตุผลที่ทำให้นักเขียนเลือกที่จะเขียนหนังสือเล่มนี้?
อันนี้พี่คิดว่าถ้ารู้ก็ดี แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่ผิดอะไร พี่ขอยกตัวอย่างกับสถานการณ์ที่เรารู้จุดประสงค์ของนักเขียนมาก่อน มันก็จะยิ่งทำให้เราจับ Keywords สำคัญๆ ที่นักเขียนต้องการสื่อสารได้ แต่ถ้าไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนก็ไม่เป็นไร แต่โดยความเห็นส่วนตัวพี่คิดว่านักเขียนที่ดีเขาจะไม่คิดแต่ว่าจะเขียนอย่างเดียว เพราะเขาจะต้องคำนึงถึงสิ่งที่นักอ่านจะได้รับหลังจากอ่านผลงานชิ้นนั้นด้วย จริงไหมจ๊ะ?
4. ประเภทของงานเขียนชิ้นนั้นคืออะไร?
อันนี้เป็นคำถามที่นักอ่านทุกคนควรจะต้องรู้กันอยู่แล้วนะ เพราะถ้าเรากลัวผี แต่เรากลับซื้อหนังสือแนวสยองขวัญมามันก็ไม่ใช่เรื่อง ถูกไหม? ดังนั้นเราควรเลือกหนังสือประเภทที่เราชอบอ่านอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ควรเลือกซื้อหนังสืประเภทที่ไกลตัวจนเกินไป เพราะมันจะทำให้เราไม่ได้อ่านแทน โอเคนะ
5. มีสิ่งที่น่าสนใจอะไรบ้างที่ซ่อนอยู่ภายใต้หนังสือเล่มนี้
น้องๆ อาจไม่เข้าใจ มาจ้ะ เดี๋ยวพี่จะลองยกตัวอย่างให้ฟังกัน เอาเป็นว่าสมมุติเราเป็นนักอ่านที่ชอบอ่านนิยายมากๆ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเราก็อาจจะเป็น พระเอกของเรื่องหน้าตาเป็นยังไง ประกอบอาชีพอะไร อายุเท่าไหร่ ไทยแท้หรือลูกครึ่ง รูปร่างเป็นยังไง เจ้าชู้มากไหม บลาบลาบลา (ยิ่งกว่าเลือกแฟนอีกนะ คิดดู) ซึ่งสิ่งๆ นั้นเนี่ยจะเป็นตัวดึงดูดที่ทำให้เราจะอยากหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน เพราะถ้าเราไปซื้อหนังสือที่ไม่มีอะไรที่สามารถดึงดูดเราได้เลย พี่ขอฟันธงแบบชัวร์ๆ ไว้ก่อนเลยว่า น้องๆ จะไม่มีวันได้อ่านหนังสือเล่มนั้นแน่นอน (ก็เพราะมันไม่มีอารมณ์จะอ่านไง)
6. หนังสือเล่มนั้นมันเหมาะกับเราไหม อ่านหลากหลายแล้วดีจริงหรอ?
ในฐานะนักอ่าน เราอาจจะมองว่าการอ่านหนังสือได้หลายแนว หลายประเภทแล้วมันดี แต่ความจริงแล้วถ้าเราเฉพาะเจาะจงกับแนวที่เราชอบอ่านจริงๆ มันน่าจะโอเคกว่าไม่ใช่หรอ? เพราะมันจะยิ่งสะสมความชอบ ความสนุก ทำให้เราอ่านได้แบบไม่มีเบื่อ แต่ถ้าเราคิดว่าเราเบื่อแนวเดิมอยากเปลี่ยนไปลองแนวใหม่ ก็ลองดูจ้ะ แล้วลองเปรียบเทียบกันดูว่าระหว่างหนังสือแนวเดิมกับแนวใหม่ เราชอบแบบไหนมากกว่ากัน คำตอบที่จะได้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่ชอบแนวเดิม กับฝ่ายที่ชอบแนวใหม่ แล้วน้องๆ ล่ะจ๊ะ อยู่ฝ่ายไหนกัน?
7. เราจะได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้?
อันนี้ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าต้องตัดคำตอบว่าจะได้ความบันเทิงออกไป เพราะเราต้องมองให้ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้น (ถึงแม้ว่าบางเล่มพี่อาจจะไม่ได้มองลึกซึ้งเพียงพอก็ตาม) แต่พี่เชื่อแหละว่าจุดประสงค์ของนักเขียนไม่ได้มีแค่การให้ความบันเทิงอยู่แล้ว อย่างนิยายเรื่องล่าสุดที่พี่อ่านนักเขียนก็ยังใส่ความรู้เกี่ยวกับวงการแพทย์ไว้เต็มเลย อ่านแล้วนี่แทบจะผันตัวไปเรียนแพทย์เลยซะงั้น เอาเป็นว่าเราจับแนวให้ได้ก็แล้วกันว่าสิ่งที่นักเขียนต้องการมอบให้เราจริงๆ นอกจากความสนุกแล้วยังมีอะไรซ่อนอยู่อีก
8. หนังสือเล่มนั้นมี # หรือเปล่า?
การที่หนังสือเล่มนั้นมีการพูดถึง ไม่ว่าจะเป็น # ผ่านทวิต หรือบล็อกต่างๆ เองก็ตาม ล้วนแต่มีประโยชน์กับการตัดสินใจซื้อของเรามากๆ เพราะยิ่งมีการพูดถึง ก็ยิ่งน่าสนใจ เพราะมันจะต้องมีดี ไม่งั้นคนไม่หยิบมาพูดถึงกันหรอกจริงไหม?
9. คนส่วนใหญ่พูดถึงหนังสือเล่มนั้นว่ายังไงบ้าง?
สืบเนื่องมาจากข้อที่ 8 เลยจ้า นอกจากเราจะทราบถึงความเคลื่อนไหวของหนังสือเล่มนั้นผ่านคนทั่วไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรดูก็คือ ‘ความคิดเห็น’ จากคนที่เคยอ่านมาแล้วว่าสนุกหรือไม่สนุกยังไง คุ้มค่ากับการเสียเงินไหม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นน้องๆ ทุกคนควรคำนึงถึงรสนิยมของคนอ่านทุกๆ คนด้วยว่าไม่มีทางที่เราจะชอบ หรือคิดว่าสนุกเหมือนกัน ขอเพียงแค่เอามาเป็นส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ กับการตัดสินใจซื้อของเราก็เพียงพอแล้ว
10. ถ้ามั่นใจแล้วก็ได้เวลากอบโกย
10. ถ้ามั่นใจแล้วก็ได้เวลากอบโกย
หลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้มาแล้ว ก็ได้เวลาที่น้องๆ ทุกคนจะต้องตัดสินใจกันแล้วล่ะจ๊ะว่าจะซื้อหนังสือเล่มนั้นดีไหม แต่สำหรับพี่ พี่เป็นคนที่ไม่จริงจังอะไรเบอร์นั้น (ค่อนข้างจะเอาแต่ใจ) คือถ้าชอบ ก็ซื้อเลย ถ้าไม่สนุกก็ดองไว้ในกอง ซึ่งบางทีแอบรู้สึกผิดทำไมเราไม่ศึกษาหาข้อมูลให้ดีกว่านี้ มานั่งนับๆ ดูหนังสือที่ซื้อมาแล้วไม่อ่านก็นับว่ามีเพียบเลย เงินช้านนนน ฮือ..
ถือซะว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเหตุผลในการตัดสินใจในการเลือกซื้อหนังสือของเราก็แล้วกัน ส่วนใครจะนำไปใช้กี่ข้อก็แล้วแต่คนๆ นั้นจริงๆ เพราะขนาดตัวพี่เองก็ต้องสารภาพตามตรงว่าบางครั้งเห็นหนังสือลดราคาเป็นไม่ได้ กวาดมาหมด อ่านไม่อ่าน ณ. ตอนนั้นคือยังไม่รู้ ซึ่งแบบนี้ถือว่าผิดมาก เพราะเราจะสิ้นเปลืองเงินโดยใช่1เหตุ แต่ก็อะนะ เพื่อความสุขและความสบายใจของเราก็เอาสักหน่อยน่า… เนอะๆ
ขอบคุณแหล่งที่มาดีๆ จาก
https://www.bustle.com/p/7-surprising-things-librarians-do-other-than-check-out-books-9704556
ขอบคุณแหล่งที่มาดีๆ จาก
https://www.bustle.com/p/7-surprising-things-librarians-do-other-than-check-out-books-9704556
4 ความคิดเห็น
กองดองเพียบเหมือนกันค่ะ t^t
นี่ก็เพียบเหมือนกัน แรกๆ ก็อยากอ่าน แต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็ไม่อยากอ่านแล้ว แง
ชื่อนักเขียนมีผลมากจริงๆ ค่ะ ฮ่าๆๆ ถ้าเคยอ่านของนักเขียนคนไหนแล้วชอบ พอออกเล่มอื่นมาก็จะโดดใส่
ทั้งที่บางทีมันก็ไม่ได้สนุกเหมือนเล่มแรกที่อ่าน
รองลงมาเป็นชื่อเสียงเรียงนามของหนังสือค่ะ ว่าได้คะแนนโหวตเท่าไหร่ คนเขาว่ายังไงบ้าง
ถ้านักเขียนคนไหนเขียนดี กี่เล่มๆ ก็ดี นับว่าเป็นความโชคดีของนักอ่านอย่างเรามากๆ /ปาดน้ำตา
เป็นเหมือนกันเลยค่ะ
ไม่อยากจะบอกว่าเดือน ๆ หนึ่งซื้อหนังสือเข้าบ้านมากกว่าอ่านหนังสือเสียอีก ดองเยอะมาก
แงงงง ถือซะว่าความสุขเล็กๆ น้อยๆ เนอะ
เรื่องที่อยากได้ใช้เวลาหาเป็นปีปี ล่าสุด 10 ปี หาเจอราคา 10 เท่าเราก็ซื้อ ซื้อเสร็จแล้วยังไง ..ดองงงงง
คำถามซื้อมาเพื่อดอง ??
..อยากได้พอได้ซื้อมาเก็บก็อุ่นใจ~
( ดองไว้เพียบ )
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?