Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว #เมืองปัตตานี เมืองน่ารักที่อยากให้ทุกคนมาค้นหา (มีทั้งคลิปทั้งภาพจ้าาาา)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ขอพี่นำเข้าเรื่องเลยแล้วกัน พอดีเมื่อสองอาทิตย์ก่อนพี่แป้งและพี่เกียรติไปงานเครือข่ายสัมพันธ์สงขลานครินทร์ (PSU Network) มาค่ะ เป็นงานพาชมผลงานวิจัยและนวัตกรรมของชาวมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยครั้งนี้ไปถึง ม.อ. ถึงวิทยาเขตหาดใหญ่ และวิทยาเขตปัตตานีค่ะ

 

ตัวย่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ม.อ. มีจุดคั่นนะจ๊ะ

(ไม่ใช่ มอ.)
 

พี่ถ่ายจากป้ายในหอประวัติ ม.อ. มาเลยจ้าาาาา 

ภาพชมทีมวิจัยด้านล่างนี้ก็มาจากหอประวัติ ม.อ.ที่หาดใหญ่ค่ะ 






ซึ่งนอกจากจะได้ชมนวัตกรรมดี ๆ ที่ต้องบอกเลยว่ายิ่งดูยิ่งภูมิใจกับชาว ม.อ. ที่มีการเรียนการสอนเจ๋ง ๆ เหล่านี้แล้ว ทางพี่ ๆ ประชาสัมพันธ์ ม.อ. ได้พาไปเที่ยวชม
เมืองปัตตานีด้วยค่ะ เป็นช่วงเที่ยวเมือง 3 ชั่วโมงที่คุ้มค่ามาก ๆ จ้า  เลยอยากมาอวดชาวเด็กดีด้วย เล่าสั้น ๆ พอเป็นกระษัยให้รู้ว่า ปัตตานีมีมนต์ขลัง เป็นเมืองอบอุ่น เรียบร้อย และสดใสมากกว่าที่คิดจ้า

(ดูคลิปก่อน แล้วค่อยอ่านเนื้อความก็ได้จ้า)


 

 

มัสยิดกลางปัตตานี
 



  มัสยิดกลางปัตตานี เป็นพื้นที่ศาสนาและวัฒนธรรม ยอมรับตรง ๆ ว่าพี่เกียรติไม่กล้าเดินเข้าไป ด้วยความที่นับถือต่างศาสนาก็กลัวทำผิดทำละเมิดกฏค่ะ เลยได้ชมอยู่ด้านหน้า ผ่านรั้วเข้าไปหน่อย แต่ก็รู้สึกถึงความขลังและมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหาจริง ๆ ค่ะ (ไม่ได้บรรยายแบบอวยภาษาสวย ๆ ไปเฉย ๆ นะ พี่รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เน้อ)





  ระหว่างนั่งรถบัสเดินทางมีเล่าเรื่องเกร็ดพื้นที่ เพราะมีคนสงสัยว่า ทำไมชาวปัตตานีจอดรถไว้เกาะกลางถนน มันจะสะดวกเดินเหรอ จอดเสร็จก็ต้องข้ามถนนมาอีก เลยได้คำตอบว่าเป็นการจอดรถเพื่อระวังเหตุก่อการไม่สงบ หามีใครแฝงระเบิดไว้ที่รถจะได้ไม่ทำลายบ้านช่องข้างทาง แล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็จะให้จอดเปิดเบาะ เพื่อระวังแฝงระเบิดใต้เบาะด้วย




ตามกันต่อมาที่ชุนชนตลาดจีนค่าาา มีศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ ชุมชน และตลาดค่ะ
พื้นที่ตรงนี้จึงเรียกว่าเป็น china town ของปัตตานีเลยจ้า
 

 

ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว


  จากตำนานน้องสาวตามหาพี่ชายจนมาสิ้นชีพที่ปัตตานี สู่เทพเจ้า...เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
"
ลิ่มกอเหนี่ยว" เกิดในตระกูลลิ่ม สมัยราชวงศ์เหม็ง มีพี่ชายชื่อ ลิ่มโต๊ะเคี่ยม พี่ชายรับราชการอยู่มณฑลฮกเกี้ยน และถูกขุนนางใส่ร้ายจึงถูกประกาศจับ เลยหลบหนีออกจากจีนไปเกาะไต้หวัน และมาค้าขายที่ปัตตานี บ้านกรือเซะ   หลายปีต่อมาแม่ของทั้งสองคน (ที่อยู่จีน) ไม่เห็นลูกชายกลับมาซะที ลิ่มกอเหนี่ยวเลยอาสาออกตามหาพี่ชายเพราะสงสารแม่ ตามถึงปัตตานีจนเจอพี่ชาย แต่พี่ชายก็ไม่ยอมกลับบ้านเพราะติดการก่อสร้างมัสยิดกรือเซะ ชวนพี่ชายกลับบ้านเท่าไหร่ก็ไม่กลับซะที ด้วยความกตัญญูที่พาพี่ชายไปหาแม่ไม่ได้จึงทำอัตตวิบากกรรมที่ใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ใกล้กับมัสยิดนั้นแหละ พี่ชายและชาวบ้านเสียใจมากเลยทำฮวงซุ้ยไว้บริเวณบ้านกรือเซะนั้น พอคนจีนสมัยนั้นได้รู้ถึงความกตัญญูของลิ่มกอเหนี่ยวที่พยายามรักษาคำมั่นจนเสียสละตน จึงไปไปกราบไหว้บูชาฮวงซุ้ย และต้นมะม่วงหิมพานต์ จนเกิดอภินิหารจนได้รับการเคารพบูชาเป็นเทพเจ้า มีการย้ายอัญเชิญย้ายท่านมาเป็นเจ้าแม่ตั้งศาลในเมืองปัตตานี จนมาเป็นศาลเจ้าแม่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวในปัจจุบัน  (ข้อมูลเพิ่มเติม pattani.org)

เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและการค้าขาย แต่ที่ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ไม่ได้มีแต่เทพเจ้าให้สักการะนะคะ ไม่ห่างจากตัวศาลนักมีพิพิธภัณฑ์ด้วย เพิ่งเปิดไม่นานค่ะ



พิพิธภัณฑ์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว



ตัวพิพิธภัณฑ์
บอกเล่าความเป็นมาภูมิศาสตร์ปัตตานี และศาลเจ้าลิ้มกอเหนี้ยว รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมจีนในพื้นที่ปัตตานีด้วยค่ะ อย่างงานสมโภชศาลเจ้าแม่ ก็มีเกี้ยวหามที่ใช้ในงานจัดแสดงอยู่ มีประวัติพิธีแห่องค์พระ ลุยน้ำ ลุยไฟ  ซึ่งจะจัดในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 1 ของจีน ถ้าไปศาลเจ้าแม่แล้ว ต้องไปให้ถึงพิพิธภัณฑ์ด้วยนะคะ เพราะเราจะได้รู้จักที่มาที่ไปของเมืองนี้ค่ะ


 

กือดาจีนอ (กือ - ดา - จี - นอ)
 

กือดา แปลว่า ตลาด

จีนอ แปลว่า จีน

กือดาจีนอ ก็ความหมายตรงตัว คือตลาดคนจีน เป็นย่านคนจีนในจังหวัดปัตตานี นิยมแถวนี้ว่า "ชุมชนจีนหัวตลาด" เส้นทางกือดาจีนอเป็นสองฟากตึกแถวมีถนนสายเล็ก ๆ คั่นกลาง ตึกแถวต่าง ๆ คงเอกลักษณ์ดังเดิมของตึกไว้ โดยมีการปรับปรุงสีสันโครงสร้างบ้าง เพื่อการบำรุงรักษาและให้เข้ากับยุคสมัย โดยยังได้กลิ่นอายดั้งเดิมคลาสลิกค่ะ ตลอดเส้นทางจะมีบ้าน ร้าน ที่เปิดให้เข้าชม หรือซื้อของฝาก โดยมีประวัติความเป็นมาให้ศึกษาด้วยค่ะ


ยังมีโรงเตี๊ยมคุณตาและคุณหลานน่ารักคอยรับแขก (น้องมองกล้องเราด้วยยย>.<)



 


มีป้ายประวัติความเป็นมาให้ศึกษาตลอดทาง


แอบเสียดายที่วันไปของพี่เกียรติเป็นวันธรรมดา ความเป็นตลาดเลยไม่คึกคัก แต่เรื่องมุมพักผ่อน มุมถ่ายรูป มุมเช็กอิน และร้านของฝากก็มีมาให้เราเยี่ยมชมจ้า


 

เกลือหวานปัตตานี
 

เกลือหวานปัตตานี ต้องเรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากการรวมกลุ่มชุมชนที่เข้มแข็ง เกลือที่ปัตตานีเป็นเกลือน้ำกร่อยค่ะ และเป็น "เกลือหวาน"  แต่ไม่ใช่หวานแบบน้ำตาลนะคะ แต่เป็นรสของสารอาหารในเกลือ เค็มอ่อนกว่าเกลือพื้นที่อื่น นิยมนำไปทำอาหารประเภทเบเกอรี่ หรือนำไปหมักดองกับอาหารทะเลอื่น ๆ ก็ช่วยในการถนอมอาหารได้รสชาติพอดีค่ะ พิพิธภัณฑ์ของเกลือหวาน มีหลายแบบ นอกจากเกลือเพียว ๆ แล้วก็ยังมีรูปแบบที่นำไปทำอาหารกึ่งปรุงสำเร็จได้ นำไปสปาผิวก็ได้ อย่างเกลือขมิ้นบานาสำหรับทอดปลา และเกลือบานาสปาขัดผิวจ้า

(ภาพจาก https://www.facebook.com/Pattanisalt )

 

จบเรื่องเกลือหวานแล้ววว ขอให้น้อง ๆ วกกลับไปที่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวนิดนึงที่เกียรติบอกว่าเจ้าแม่ท่านมาสิ้นที่ปัตตานี ก็ต้องมีสุสานกันหน่อย เป็นฮวงซุ้ยอยู่ติดกับมัสยิดกรือเซะค่ะ และพี่ก็ไปชมมัสยิดกรือเซะมาด้วยค่ะ


มัสยิดกรือเซะ


 

ในหัวพี่เกียรตินึกภาพมัสยิดกรือเซะก่อนไปเป็นมัสยิดค่อนข้างใหญ่ ปูด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง พี่ก็ไม่รู้ว่าไปเอาภาพมัสยิดแบบนี้มาจากไหนนะคะ ฮ่า ๆ แต่มัสยิดกรือเซะทีจริง ไม่ใช่แบบนั้นเลยจ้า มัสยิดกรือเซะเป็นมัสยิดขนาดกะทัดรัด เป็นอิฐแดงทั้งโค้งสร้าง ยกฐานขึ้น มองจากภายนอกจะดูเป็นเหลี่ยม ๆ ทั้งหลัง แต่ภายในตัวสถาปัตยกรรมมีซุ้มอิฐโครงทรงบัวตูมดูคลาสลิกมากเลยค่ะ (ดูภาพเพิ่มในคลิปได้นะคะ)
 





  - ตำนานมุสลิมและจีนของปัตตานีผสมกลมกลืนกัน จนเป็นพื้นที่วัฒนธรรมที่สงบและมีเสน่ห์
 

ต้องยอมรับว่าแม้ปัตตานีจะเป็นจังหวัดที่คนไทยนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่ แต่วัฒนธรรมจีน ตำนานความเชื่อความศัทธาก็เข้ามาผสมกลมกลืนกันจนมาเป็นปัตตานี้ในปัจจุบัน กลายเป็นพื้นที่วัฒนธรรมผสมผสานอย่างสวยงาม และถึงแม้ปัตตานีจะเป็น 1 ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ ประกอบกับชื่อกรือเซะในความทรงจำของคนที่เกิดทันปี 2547 ที่มีการปะทะกันของผู้ก่อความไม่สงบและตำรวจ - ทหารในภาคใต้ครั้งใหญ่หลาย ๆ จุด และเหตุที่มัสยิดกรือเซะก็มีผู้เสียชีวิตกว่าสามสิบราย แต่จากวันนั้นจนวันนี้เรื่องราวผ่านมานานมากแล้ววววว และพี่เกียรติคุยกับพี่ ๆ ม.อ. คนในพื้นที่บอกว่า นั่นมันเป็นเพียงภาพจำเก่าก่อน ตอนนี้เมืองปัตตานีไม่มีความไม่สงบใด ๆ มาเที่ยวกันได้ เมืองสวยงาม และสิ่งที่ยังให้เราได้ค้นหาได้จ้า เป็นการชมเมือง 3 ชั่วโมงที่มีคุณค่ามากเลยค่าาาา ขอบคุณชาว ม.อ. ที่พาไปเปิดหูเปิดตานะคะ


 

แสดงความคิดเห็น

กระทู้นี้ถูกปิดการแสดงความคิดเห็น