Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หลักการเวทมนตร์ ของแต่ละคน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากรู้ว่า หลักการของ เวทมนตร์ ของแต่ละคนเป็นยังไง เช่น เวทมนตร์ใช้ยังไง
มานาหรือพลังเวท มาจากไหน วิธีการที่ทำให้ใช้เวทมนตร์ ได้มากขึ้น ฯลฯ

แสดงความคิดเห็น

>

30 ความคิดเห็น

yurinohanakotoba 4 ส.ค. 61 เวลา 17:24 น. 1

มนุษย์ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ต้องทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตมิติอื่นแปลงมานาในร่างกายเป็นปาฏิหาริย์ต่าง ๆ หากมานาหมดไปก็จะสร้ามปาฏิหาริย์ไม่ได้ ต้องดูดซับจากวิญญาณที่มีอยู่ในธรรมชาติ คาถาแล้วแต่เงื่อนไขที่มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตต่างมิติจะตกลงกัน และยังมี Artifact บางชนิดที่ดึงมานาจากมนุษย์มาสร้างปาฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์ของปาฏิหาริย์ขึ้นอยู่กับ ความสามารถของสิ่งมีชีวิตต่างมิติ(หรือArtifact)กับปริมาตรของมานาที่ใช้ ดังนั้นคนที่มีความจุของมานามากและทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตชั้นสูงก็จะใช้เวทมนตร์ได้รุนแรง

2
lamooza 21 ก.ค. 63 เวลา 17:42 น. 1-2

เพิ่งจะเคยเห็นคนโฟสแบบนี้ถูกใจมากครับ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีเวทมนต์ แต่หา ศาตร์วิทยาศาตร์ แบบง่ายๆ มาอธิบายตัวเองไม่ได้ เห็นภาพชัดเจนครับ 2020 เพิ่งจะได้อ่าน แค่ก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ หลังจาก ที่ได้โดนคุณ ไสย เล่นงานกับตัวเอง ผมเลยได้เข้าไปท่องสวนมนต์ไหว้พระ ธรรมดาๆ เหมือนคนอื่น เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการ จากเวทมนต์ดำหรือสิ่งไม่ดีทั้งปวง และเริ่มสื่อสารกับสิ่งสักสิดได้ โดนคุยสื่อสารผ่านทางลูกเต๋า และได้เรียนรู้เวทมนต์ 2กะบวนท่า กะบวนท่าแรก วังวนแห่งความมืด ไว้ดูดซับพลังของคนที่เล่นของไส่เรา มาเป็นของตัวเราเอง (มันจะได้ไม่มีพลังไปแกล้งใครได้อีก) ท่านี้ สเด็จ ร.5 ท่านเป็นคนสอน และกะบวนท่าที่2 กำแพง Crystal wall ทุกจากโจมตี จะไม่สามารถทะลุผ่าน กำแพงCrystal wall ได้ การโจมตี Crystal wall ก้เปรียบเสมือนโจมตีตัวเองในกะจกนั้นแหละ ท่านี้ องค์ ร.6 ท่านเป็นคนสอน และยังเป็นท่าไม้ตายของ Aries Mu ผุ้พิทักษ์ประจำราศีเมษ และตัวผมเองก็บังเอิญเกิดราศีเมษ เช่นเดียวกัน แต่อย่างที่ท่านว่า มนุษย์ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ทุกครั้งที่ผมจะใช้ สเด็จ ร.5 และองค์ ร.6 ท่านต้องเซ็นต์อนุมัติด้วย คือการเห็นพ้องต้องกันว่าใช้เวทมนต์ได้ ผมเข้าใจแบบนี้นะ และ มานา ที่ท่านได้กล่าวเอาไว้ สำหรับผม นั้นคือ น้ำPepsi ผมต้องกินมันบ่อยๆ เพราะการจะใช้เวทมนต์ ต้องการ มานา อย่างที่ท่านได้กล่าวเอาไว้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ)

0
Ameliey-7993 4 ส.ค. 61 เวลา 17:57 น. 3

เวทย์มนต์ คือ บทสวด ส่วนที่ใช้ฤทธิ์อภิญา หรือ

มโนยิทธิ เป็นอีกอย่าง ชึ่งแตกต่างกันออกไปจำ

มาจากหนังสือ ที่เคยอ่านมานะ ในยุคสมัยก่อน

เหล่าฤษี และ พระสงฆ์ สายที่ปฏิบัติอยู่ในศีลใน

ธรรมพระอาจารย์จะเคร่งครัดในพระวินัยมาก

ขออธิบายเรื่องฤษี สามารถฝึกฝนฤทธิ์และแสดง

ฤทธิ์ได้ แต่พระสงฆ์ถ้าได้ฝึกฝนฤทธิ์ห้ามแสดง

ฤทธิ์เพราะไม่ใช้หนทางดับกิเลศ เพราะกลัวไป

หลงติดอยู่กับฤทธิ์ แต่พระสายปฏิบัติไม่สนใจ

ฤทธิ์หรอก ที่สนใจมีแต่สายฤษีและศิษย์ฤษีเท่า

นั้นแหลาะ ถ้าจขกทสนใจเรื่องพวกนี้ ที่วัดเขาอ้อ

ตักศิลา จังหวัดพัทลุงจะดีกว่าค่ะ เป็นแหล่งรวบ

รวมอาถรรพ์เวช ทุกวิชา ชึ่งดิฉันแค่พยายามหา

ข้อมูลเพื่อจะนำมาใช้งานได้บ้าง เมื่อก่อนเคยมี

ตำนาน เสือสมิง วัวธนู นิ้วเพชร มีดครู กระลาราหู

ชึ่งมีสรรพวิชาเยอะค่ะ


ป.ล. สำหรับข้อมูลนะคะ

0
watchboy2010 4 ส.ค. 61 เวลา 18:14 น. 4

ของผมจะเป็นในรูปแบบของการจับจ่ายใช้สอยมากกว่า ประมาณว่า เราอยากได้ไฟ เราใช้มานาที่เหมือนเงินไปจ้างอนูเวทย์ที่อยู่รอบกายให้สร้างไฟให้ และความซับซ้อนของผมมันจะอยู่ตรงนี้นี่แหละ คือ


แต่ละคนจะมีความเข้มข้นและจำนวนไม่เท่ากัน(ซึ่งฝึกฝนได้) ความเข้มข้นจะเหมือนกับสกุลเงิน จำนวนก็คือจำนวน และแต่ละธาตุจะมีความชอบไม่เหมือนกันด้วย อย่างเช่นอนูธาตุไฟต้องการมานาที่มีความเข้มข้นปานกลาง คนที่มีความเข้มข้นแบบจางก็จะต้องใช้เยอะหน่อย ส่วนคนที่มีความเข้มข้นแบบปานกลางเป๊ะๆก็จะใช้น้อยมากถ้าเทียบกับคนอื่น


ปริมาณอนูก็จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมด้วยเหมือนกัน ถ้ามีอากาศร้อนอนูไฟก็จะเยอะเป็นพิเศษทำให้สามารถใช้เวทย์ไฟได้ง่าย แต่น้ำก็จะยากขึ้นด้วย ถ้าเอาแบบสุดโต่งไปเลยก็ก้นทะเล ก้นทะเลแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เวทย์อื่นๆนอกจากน้ำ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเป็นสวรรค์สำหรับคนที่ถนัดธาตุน้ำไปโดยปริยาย(ถ้าอยู่ในนั้นได้น่ะนะ) แต่สิ่งมีชีวิตบริเวณนั้นก็จะมีภูมิคุ้มกันธาตุน้ำสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะงั้น จะใช้เวทย์ทีก็คิดๆกันหน่อยล่ะ


ยังมีอะไรจุกจิกอีกเยอะ แต่ผมเอาแค่นี้ก่อนละกัน

0
Anarkyfloyd 4 ส.ค. 61 เวลา 18:40 น. 5

เกิดจากวิทยาการต่างดาวตกมาบนโลกแล้วแล่อยรังสีทำปฏิกิริยารวมตัวกับออกซิเจนในอากาศเมื่อหายใจเข้าไปรังสีจะทำปฏิกิริยากับเซลล์ในร่างกายอีกทีทำให้ร่างกายมีพลังเวทมนตร์ วิธีการเรียกใช้จะต้องใช้ผ่านภาษาต่างดาว เริ่มแรกต้องเป็นการเขียนเท่านั้นแต่ต่อมามีคนคิดวิธีลัดโดยใช้การพูดได้ ปริมาณพลังเวทฯของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับความสามารถของการเผาผลาญภายในร่างการและสุขภาพ ยิ่งแข็งแรงยิ่งมีพลังเยอะ(คือพยายามจะหาเหตุผลในเรื่องของตัวเองว่าทำไมคนพาตัวมาต่างโลกมันถึงได้มีพลังโกงนักเพราะตั้งไว้ว่ามนุษย์โลกมีปริมาณฮีโมโกลบินมากกว่าคนในโลกแฟนตาซีถึง4เท่า) รูปแบบเวทย์มนตร์จะเป็นธาตุทั้ง6 ดิน น้ำ ไฟ ลม ความมืด และแสงสว่าง

1
Louis Forest 4 ส.ค. 61 เวลา 19:08 น. 6

ในนิยายออนไลน์ของผม จะใช้กฎเวทมนตร์แบบ Sanderson ครับ แต่ระบบวางไว้แบบแบบ D&D แต่เวลาเอามาเล่าจะไปแบบไฟนอลแฟนตาซีครับ

0
MoonMaru 4 ส.ค. 61 เวลา 19:09 น. 7

จะใช้เวทมนตร์ได้ต้องมีอย่างน้อย 2 อย่างนี้


1. มีเชื้อสายของเผ่าพันธุ์ที่ใช้เวทมนตร์ได้โดยกำเนิด ในบางเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการดีๆ อาจพัฒนาอุปกรณ์ให้ใช้เวทมนตร์ได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น ไม้เท้าของพ่อมด แต่ในกรณีนี้บางทีถ้ามีเชื้อสายอ่อนเกินไปหรือเกิดความผิดปกติใดๆ ก็อาจใช้เวทมนตร์ไม่ได้หรือได้น้อย


2. ผูกพันธะกับอุปกรณ์ที่ใช้เวทมนตร์ได้ โดยอุปกรณ์นี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้คนธรรมดามีพลังวิเศษจนกว่าตัวเองจะตายหรืออุปกรณ์พัง สำหรับข้อนี้ถ้าผูกพันธะสำเร็จอย่างไรก็ใช้เวทมนตร์ได้แน่นอน

0
Ong Kaizer 4 ส.ค. 61 เวลา 19:17 น. 8

การบิดผันและเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงซึ่งเดิมทีเป็นไปไม่ได้ตามหลักตรรกะ ให้ดำเนินไปตามความต้องการของผู้ใช้งาน

0
ลิงเมา 4 ส.ค. 61 เวลา 19:28 น. 9

เวทมนตร์ คือธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

ซึ่งมนุษย์แสดงออกมาได้โดยการเข้าถึงและเข้าใจธรรมชาติ

ใช้ความแน่วแน่ตั้งมั่นของตน กับความสอดคล้องกับธรรมชาติ

ในการชักนำมันออกมาในรูปแบบที่ตนต้องการ

2
ข้าวฟ่าง 11 เม.ย. 64 เวลา 13:39 น. 9-1

มีจริงๆหรอคะแล้วต้องทำยังไงคะที่พูดมาไม่ได้โกหกใช่มั้ยถ้าคุณโกหกคุณจะเหมือนคนหนึ่งที่ดับฝันหนูเลยนะคะ

0
Obelox 4 ส.ค. 61 เวลา 19:34 น. 10

ของผมนะครับ เวทมนต์ คือธรรมชาติ ไม่ยึดติดกับธาตุใดธาตุนึง เพาะเมื่อยึดติดกับมันปุ๊ป มันจะกลายเป็นอย่างอื่น เช่น เต๋า(ที่มีคนนำไปเป็นรากฐานของเวทมนต์ จนมันกลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว)เป็นต้น


เวทมนต์ไม่จำเป็นต้องมีธาตุหลัก ธาตุรอง แค่เข้าใจ ก็สามารถใช้ได้หมด

เวทมนต์ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำร่าย เพราะมันมาจากสำนึกของเราเอง

เวทมนต์ไม่จำเป็นต้องวาด วงเวท เพราะวงเวทมันก็แค่ทำให้เราจินตนาการได้ว่ามันคือ 'เวทมนต์'

เวทมนต์ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เยอะๆถึงจะเก่งได้ เพราะบางครั้งมันก็อยู่กับจังหวะในการใช้

เวทมนต์ในแบบของผม ก็คือ แฮรี่ ผมคิดว่าที่เจเคสร้างคาถาขึ้นมา ก็เพราะต้องการให้เราเข้าใจง่ายๆเเค่นั้นเอง ส่วนใหญ่ในเรื่อง เวทมนต์นั้นล้วนมาจากใจจริงๆ และไม่ผูกมัดว่า คนๆนี้ คนๆนั้น จะมีเวทเฉพาะตัวแต่อย่างใด

0
P-ITEM 4 ส.ค. 61 เวลา 20:13 น. 11

การทำจิตใจให้ใส่สะอาดพลังธรรมชาติไหลผ่านได้สะดวก นั่งสมาธิบ่อยๆเข้าญาณได้ลึกก็ใช้เวทมนต์ได้นะคะ

อย่างพวกพระไงค่ะ ที่ถอดญาณได้สร้างพวกเรื่องรางของขลังและลงยันต์ได้

แต่พวกแอบอ้างก็มีบ้าง ของแท้ก็มีน้อย


ส่วนพวกสายมืดนี่ง่ายขึ้นมาหน่อยแต่จะทรมานหน่อยๆ

เพราะต้องทำจิตใจให้ชั่วมากอย่างพวกหมอผีใช้ผีอะไรพวกนี้ วิธีเพิ่มพลังก็จะมีความซาดิส


และที่สำคัญทั้งสองสายต้องมีคาถาดีค่ะ 5555

0
SilverPlus 4 ส.ค. 61 เวลา 20:46 น. 12

เวทมนตร์ในนิยายล่าสุดของผม


ไม่มีกฎเกณฑ์ อยากจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่จะโดนแก้ทางด้วยความสามารถอื่น ไม่สามารถอยู่เหนือกว่าคนอื่นได้


ประมาณ ถ้ามีผู้ใช้เวทมนตร์ ยิงไฟ ยิงสายฟ้า คนที่ใช้ดาบก็ต้องมีพลังพุ่งเร็ว หรือปัดเวทเหล่านั้นได้

0
Trianglecat 4 ส.ค. 61 เวลา 23:02 น. 13

สำหรับผม เวทมนต์ คือ สิ่งที่สามารถบิดเบือนความเป็นจริงได้ จะเป็นในรูปแบบของคำพูด สิ่งของ หรืออะไรต่างๆ นาๆ ที่ผิดแปลกไปจากความเป็นจริง


คาถา คือ คำพูดที่เปล่งออกมาแล้ว สามารถบิดเบือนความเป็นจริงได้ ตามเงื่อนไขของเวทมนต์


ในนิยายผม สำหรับทุกคนแล้ว ล้วนใช้เวทมนต์ได้ แต่ขึ้นอยู่กับความรู้ที่มี ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางเวทมนต์ ก็อาจจะใช้ไม่ได้ แต่ทุกผู้ทุกคนล้วนมีกระแสเวทมนต์ในตัว ถ้าถูกชิงไป ก็อาจถึงตาย หรือไม่ ก็พิการ


สำหรับคาถานั้น ไม่ขึ้นอยู่กับภาษาที่ตายตัว แต่จะเป็นความคิดที่ส่งเข้ากระแสเวทมนต์ และปล่อยมันออกมา โดยการที่จะใช้เวทมนต์ได้นั้น ต้องผ่านการเรียน หรือฝึกด้วยตัวเอง จากหนังสือหรืออะไรก็ตาม โดยกระแสเวทมนต์จะเป็นตัวกลางระหว่าง ผู้ใช้กับเวทมนต์คาถา หากกระแสเวทมนต์ไม่ได้จดจำคาถา ผู้ใช้ก็จะไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้


สิ่งที่ขับเคลื่อนกระแสเวทย์มนต์ให้คงไหลอยู่ในร่างกาย ไม่ออกไปไหน ก็คือ สุขภาพ หากสุขภาพไม่ดี เวทมนต์ ก็อาจจะบิดเบือน หรือไม่ออกเลย


หากกระแสเวทมนต์ไหลออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะบาดแผล หรืออะไรก็ตาม ตัวเจ้าของก็อาจจะรู้สึกล้าผิดปกติ หรือไม่ก็อาจจะป่วยง่าย สุดท้าย พอกระแสเวทมนต์ไหลออกจากตัวจนหมด ก็คือ ตาย


ในนิยายของผม น่าจะมีการอธิบายถึง เทคโนโลยี กับเวทมนต์ ที่ทำให้มีสิ่งประดิษฐ์มากมาย เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายอย่าง ปากกาเวทมนต์ และยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้เวทมนต์ อย่างปืนเวทมนต์เป็นต้น

1
Kami Neko 24 ส.ค. 61 เวลา 19:18 น. 13-1

เหมือนลมปราณมากเลย สุขภาพแย่ลมปราณเพี้ยนเหมือนกัน

0
jojo741963 5 ส.ค. 61 เวลา 00:45 น. 14

โอ้ กระทู้ดีควรค่าแก่การปักหมุด


เราเคยส่องเจอนักเขียนท่านหนึ่งให้รายละเอียดในวิกิอันนี้ ก็รู้สึกว่ามีข้อมูลเยอะดีนะ

th.shurikenamerika.wikia.com/wiki/ทฤษฎีพลังเวทของคาร์ล_มาเลอร์


ส่วนความเห็นผมชอบแนวคิดเกี่ยวกับ พลังเวทมนตร์เริ่มต้นจากการยืมพลังของปีศาจ

จากนั้นมนุษย์ก็ได้พัฒนาวิธีเรื่อยมา จนเรียนรู้ด้วยตัวเอง และดึงพลังจากธรรมชาติมาได้ การฟื้นฟูพลังเวทย์(หรือมานา) เป็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ใช้ เช่น ทำให้ผ่อนคลาย เพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ได้

เวทมนตร์ เป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรม (อาจมีวัตถุดิบ เครื่องสังเวย ฯลฯ) และมีการใช้ระยะเวลา(ที่มากกว่าเล็กน้อย) เมื่อเทียบกับพลังจิต (พลังคลื่นสมองในมุมวิทยาศาสตร์)

ผู้ใช้พลังเวทย์จะมีสื่อหรือเครื่องมือที่ช่วยดึงพลังเวทย์ออกมาได้สูงขึ้น เรียกว่า ไม้เท้า คทา ลูกแก้ว ฯลฯ

และผู้ที่ใช้เวทมนตร์ได้ ก็มีระดับต่างกันออกไป เช่น ใช้เวทย์ได้ตั้งแต่เกิด(พรสวรรค์) หรือ เกิดจากการฝึกฝน(เรียนรู้) หรือปล่อยเวทย์จากมือเปล่าโดยไม่ต้องใช้สื่อก็มี

0
My Lords 5 ส.ค. 61 เวลา 14:57 น. 15

เวทย์มนต์ สำหรับหนูคือ พลังงานทางธรรมชาติ ที่สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งต้องมี และไม่มีกฎตายตัว โดยเฉพาะคนที่ได้รับเลือกจากผู้คุมกฎของโลก จะสามารถใช้ได้อย่างไร้ขอบเขต ได้รับความครุมครองจากธรรมชาติ (แล้วแต่การยอมรับ) ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในแก่นผลึกเวทย์ และยีงสามารถดูดซับเอามาจากธรรมชาติหรือผู้อื่นได้

ปล. เอาของนิยายตัวเองมาตอบ

0
ฮิโตนะ มานามิ 7 ส.ค. 61 เวลา 02:43 น. 17

ของเรา เป็นแนวต่างโลกซึ่งโลกนี้มีชื่อว่า ฮาฟเทเนีย ใช้ระบบตามเผ่า+ธาตุ คือ

1 มนุษย์ ในโลกมนุษย์ปกติจะใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นผู้ใช้ปีศาจแล้วจะใช้พลังได้ตามธาตุของปีศาจคู่หู อาจมีเพียงบางคนที่จะมีธาตุแฝงตามความสามารถของตนในโลกเดิม(เมื่อทำสัญญาแล้วจะถูกบังคับย้ายโลก) เช่น พระเอกของเรามีความสามารถในการสื่อสารกับสัตว์ได้ ก็ได้ธาตุลมเป็นธาตุแฝง เป็นต้น แต่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถรับพลังเวทย์ได้ ทำให้ผู้ใช้ปีศาจทุกคนจะมีฮาฟสโตนเป็นอุปกรณ์เก็บพลังเวทย์ ควบคุมสมดุลพลังกับบ่งบอกธาตุมี 6 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มืด แสง เวลาจะใช้เวทต้องใช้ร่างมายาซึ่งเป็นร่างที่ได้รับพลังมาจากคู่หู ร่างกายบางส่วนจะกลายเป็นเหมือนคู่หู ฮาฟสโตนจะถูกเปลี่ยนเป็นอาวุธ เวลาจะใช้เวทก็ใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกับฮาฟสโตนหรือจะเอาฮาฟสโตนมาแตะกันเองก็ได้แล้วร่ายเวทหรือเรียกชื่อเวท สามารถใช้อาวุธของคู่หูได้โดยการให้คู่หูแปรเป็นอาวุธของตน หากมีอาวุธตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไปก็สามารถผสานอาวุธ เป็นอาวุธชิ้นใหม่ได้

2 ปีศาจแท้หรือภูติแท้(สองเผ่าแต่ใช้เวทแบบเดียวกัน)ใช้เวทได้แต่กำเนิด ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาฟสโตน

3 ลูกครึ่ง ใช้เวทได้แต่กำเนิด แต่จะมีฮาฟสโตนติดตัวมาแต่กำเนิดตัดสินธาตุตามเผ่าต้นกำเนิด เช่น เป็น ลูกครึ่งหมาป่าเพลิง ก็ได้ธาตุไฟ เมื่อถึงวัยเข้าเรียนหรือมีร่างมนุษย์แล้วเหล่าลูกครึ่งจะเข้าพิธีคัดสรรศาสตราเพื่อรับอาวุธประจำตัวที่โรงเรียนหรือเผ่าต้นกำเนิด(กรณีออกนอกเมือง)ซึ่งจะถูกเก็บไว้ในฮาฟสโตน จะใช้ก็เรียกออกมาเพิ่มความสามารถในการใช้เวท ความแม่ง ความเร็วและใช้ป้องกันตัว เมื่อครบ 13 ปี เขาจะได้โอกาสเลือกว่าจะเรียนต่ออยู่ในเมืองเดิมหรือเป็นผู้ใช้ปีศาจ(ซึ่งจะได้ธาตุเพิ่มตามธาตุคู่หูถ้าธาตุเดียวกันก็พลังเพิ่มขึ้น)แล้วออกเดินทางไปเมืองของผู้ใช้ปีศาจ แต่เวลาใช้เวทไม่จำเป็นต้องกลายร่างมายาและไม่ต้องมีคู่หูอยู่ด้วยตลอดเวลา จะใช้คู่หูกับร่างมายาเฉพาะเวลาจะใช้อาวุธหรือพลังของคู่หูเท่านั้น

และก็มีมนุษย์ทั่วไปที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ปีศาจพวกนี้จะมีฮาฟสโตนเทียมที่สร้างขึ้นเพื่อให้ใช้เวทได้ ซึ่งเผ่าอื่นก็สามารถใช้ได้แต่จะใช้เพื่อให้ใช้ธาตุอื่นนอกเหนือจากที่ตนมีอยู่ได้ ฮาฟสโตนเทียมนี่ยังใช้ติด/ฝังกับอุปกรณ์เวทเพื่อใช้เก็บและรักษาสมดุลพลังเวทคล้ายกับสโตนปกติ


พูดง่ายๆคือมนุษย์กับลูกครึ่งใช้ฮาฟสโตนเป็นสื่อลางใช้เวท แต่ปีศาจและภูติแท้จะใช้เวทแต่กำเนิด

0
Creserrendelor 22 ม.ค. 62 เวลา 15:18 น. 18

พลังเวทย์เป็นอะไรที่ชับช้อนเกินไปที่จะอธิบายได้ใน1หน้ากระดาษ เเต่พลังเวทย์คือสิ่งที่ไร้เหตุผลและเหนือกฎเกณฑ์ใดๆ แต่มันก็มีกฎในตัวของมันเอง ในอดีตผมเคยบ้าอำนาจ แสวงหาพลัง จนได้รับสมญานามต่างๆมามาก เช่นปีศาจบ้างละ มหาจอมเวทย์มั่งละ เทพเจ้ามั่งละ หรือเป็นพระเจ้าในชนเผ่าบางแห่ง บลาๆๆ จนเหลิงคิดว่าตนนั้นทัดเทียมบกับพระเจ้า จนกระทั่ง ผมได้ลบล้างพวกเทพไปจำนวนมาก และนั่นก็ทำให้ผมได้เห็นพระเจ้าครั้งแรก (พระองค์มีอยู่จริง ในทุกศาสนา แค่อยู่ในชื่ออื่น หรือสถานะอื่น) และก็บลาๆๆ จนผมถูกสาปโดยพระองค์ และก็็บลาๆ ผมถูกสาปโดยปีศาจ1000ตัว แบะก็บลาๆๆๆ ถูกคนตายสาป และโลกก็เกียดผม ปัจุบัน ผมใช้พลังเวทไม่ได้ ก็ไม่เชิงว่าใช้ไม่ได้ แค่ไม่มีพลังของตัวเอง และผลิตเองไม่ได้ ต้องดึงจากอย่างอื่นหรือพลังงานอื่นมาเปลี่ยนเป็นพลังเวท มันอยู่ได้เพียงครู่เดียวและน้อยมาก ทั้งๆที่ในอดีตผมสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศได้เหมือนการโกรยทรายใส่มือ พลังเวทนั้นมีหลากหลายรูปแบบมาก ลองสังเกตดูละกันว่า อะไรที่มันไร้เหตุผล และเหนือกฎเกณฑ์ สิ่งนั้นแหละคือเวทมนตร์ แต่โลกใบนี้ พลังเวทย์มีน้อยมากๆ และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนคนหมู่มาก คิดว่าโลกนี่ไม่มีพลังเวทย์ หรือไครพูดถึงพลังเวทย์ก็เท่ากับไม่เต็ม บ้า หรือปัญญาอ่อน เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ ในโลกคู่ขนาด ที่มีพลังเวทย์อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ทั้งนั้นพลังเวทมีหลายรูปแบบ จนเกิดความเชื่อต่างๆตามพลังเวทที่ตนรู้จัก(พวกนี้เป็นพวกไม่รู้จักพลังเวทย์อย่างถ่องแท้ ชอบคิดว่าพลังเวทย์ในความเชื่อคนอื่นที่แตกต่างจากตนนั้นเป็นความเชื่อที่ผิด พลังเวทย์ไม่มีใข่หรือไม่ใช่ ถูกหรือผิด แต่เหล่านั้นล้วนเป็นพลังทั้งสิ้น เพียงแค่คนละประเภท ชนิด วิธี สาย หรือรูปแบบ เท่านั้นเอง

1
Creserrendelor 22 ม.ค. 62 เวลา 15:26 น. 18-1

ทางเหนือ ใช้พลังเวทผ่านตัวอักษรและการภาวนา ทางตะวันตก ใช้พลังเวทจากภายในร่างกาย ทางตะวันออก ใช้พลังเวทจากสภาพแวดล้อม ทางใต้ ใช้พลังเวทในรูปแบบวิญญาณ แต่ละที่ก็มีความเชื่อที่เกิดจากความรู้ของตน แต่ทั้งหมดนี้ก็คือพลังเวทย์

0
Pakinnod 23 ก.พ. 62 เวลา 10:42 น. 19

เมื่อเริ่มต้นจักรวาลพระเจ้ากำเนิดจากพลังของแอปเปิ้ลแห่งทองคำเมื่อนั้นพระองค์ได้ทำการกินแอปเปิ้ลลูกนั้นไปจำนวนหนึ่งแม่เปลือกภายนอกจะส่องแสงสีทองอร่ามแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความมืดมิดทำให้เมื่อไร้เปลือกห้อหุ่มความมืดมิดกถุกปลดปล่อยออกมา พระเจ้าได้ใช้พลังของแอปเปิ้ลในการสร้างจักรวาลแต่ความมืดได้ขัดขวาง ทำให้แอปเปิ้ลกระจายออกไปในจักรวาลพลังของแอปเปิ้ลทำให้เกิดเวทมนต์ขึ้น

0