ทุกคนมีเทคนิคการวาง Plot และเชื่อมโยงเนื้อเรื่องกันยังไงบ้างคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เราอยากทราบว่าแแต่ละคนมีเทคนิคในการวาง Plot เรื่อง มีรูปแบบการวางพล็อตยังไงบ้าง และเชื่อมโยงเนื้อเรื่องยังไงบ้างคะ?
โดยส่วนตัว เหตุผลนึงที่เราไม่สามารถแต่งนิยายจนจบเพราะไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อเรื่องได้เลยค่ะ เส้นเรื่องมันมั่วกันไปหมด แบบกำหนดจุดใหญ่ๆเหตุการณ์สำคัญๆได้ แต่ตรงกลางหรือรายละเอียดในการดำเนินเรื่องกลับไม่สัมพันธ์กันและไม่สามารถเชื่อมไปยังจุดสำคัญที่กำหนดไว้ตอนแรกได้ ถึงแม้ตอนแรกที่เขียนๆอยู่จะดีๆแต่เขียนไปสักพักก็มั่วนี่แหละค่ะ
ช่วยกันแชร์+แนะนำประสบการณ์กันหน่อยนะคะ
ปล.นิยายที่เราเที่ยวโปรโมตอยู่ เราลบไปแล้วนะ ไม่มั่นใจโคตรๆเลย กะจะหาข้อมูล ศึกษาการแต่งให้ดีแล้วค่อยมาลงอีกรอบค่ะ
16 ความคิดเห็น
ลองเขียนดู บรรยายทั้งพล็อตแล้วก็ตลค.
จดลูกเดียว...
โห สุดยอดค่ะ
เราก็ทำแบบนี้นะคะ
แต่ลองเขียนแล้วยังงงๆกับวิธีเขียนของตัวเองอยู่เลยค่ะ
ไม่สามารถนำมาใช้กับการเขียนได้เลย 5555
แนะนำลองเขียนเรียงความมั้ยครับ
เรียงความต้องมีใจความซึ่งตั้งแนวหลักไว้เพียงแค่ประโยคเดียว แต่พอเขียนเราต้องขยายว่ามันมีอะไรบ้าง เช่น พวกนิทาน
แนะนำว่าไม่ต้องเครียด ถ้าเขียนไม่ออกก็พักแล้วเขียนใหม่
ขอบคุณมากค่ะ จะลองดูนะคะ
พวกเรื่องสั้นแบบนี้น่าจะได้ค่ะ จะลองเขียนดูก่อนค่ะ
ก็ดูว่าชอบนิยายเรื่องไหน ที่มันตรงกับแนวที่เราเขียนอยู่ จับเรื่องนั้นนิดเรื่องนี้หน่อยมาเขียนใส่ในนิยายก็ได้ อันนี้แนะนำสำหรับคนหัดเขียนอะค่ะ
เราเริ่มการเขียนมาจากแฟนฟิค มันเริ่มง่ายกว่านิยายมาก คือเหมือนเอาคาแรคเตอร์ที่เราชอบ มาบรรยายให้เหมือนการ์ตูนอีกเรื่องนึง ถ้าวาดเป็นภาพออกมาก็คือเอา ตัวละครที่เราชอบมาซ้อนทับกับการ์ตูนเรื่องนั้นแค่นั้นเองค่ะ55
แต่เดี๋ยวนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วค่ะ เสียชั้นเชิงหมดกันพอดี อิอิ
ขอบคุณมากๆค่า
เราก็เริ่มจากการเขียนฟิคเหมือนกันค่ะ
แต่ว่าเขียนนิยายมันต่างจากการเขียนฟิคมากเลย
เราเลยต้องมาขอคำแนะนำนี่แหละค่ะ TwT พล๊อตพังตลอดๆ
ผมก็ไม่ถนัดพล็อตเลยครับ อ่อนแออย่างแรง วิธีที่ใช้อยู่ก็คือ แบ่งเรื่องเป็นช่วงๆ ตามพัฒนาการความสัมพันธ์ของคู่เอก (พอดีผมเขียนแนวรัก) ตั้งเอาไว้ว่าช่วงไหนจะพัฒนาจากไหนไปไหน แล้วก็ค่อยๆ คิดเหตุการณ์ที่จะเกิดในเรื่อง เขียนเรียงๆๆ กันไป ถ้าอันไหนยังเรียงไม่ถูกก็แยกไว้ก่อน
เวลาเขียนจริง ก็ค่อยๆ เขียนไปทีละช่วงครับ บางทีตอนเขียนช่วงแรกๆ ช่วงหลังยังคิดไม่เสร็จก็มี แต่จะวางไว้คร่าวๆ ว่าจะต้องไปถึงไหนในช่วงนั้น
เสนอแนะอย่างนึงว่า ถ้าตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ถนัด ให้เริ่มเขียนจากเรื่องที่ไม่ยาวมากก่อนครับ ตอนผมเขียนเรื่องความยาวขนาด 120 หน้า ปมมันเล็กๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็ทำให้จบได้ง่ายครับ
คุณพีทพูดถูกงับ เลือกปมที่ไม่ต้องซับซ้อน จะได้ไม่ยาวมาก และจบได้ลง แล้วมันจะแต่งสำเร็จจนตลอดรอดฝั่งไปเองค่ะ!
(ว่าไปนั่น ไอเราเรื่องแรกก็จัดแล้วสี่ภาค เหมือนหลักการท่วมหัวแต่ตัวไม่ยอมทำตาม 555+)
ขอบคุณค่า นี่ว่าจะลองเริ่มจากเรื่องสั้นดูก่อนค่ะ
คุณพีทกล่าวมาถูกครับ... แต่ผมเจ็บ! ฮือ!
จากที่เรารวบรวมเอาไว้นะคะ
ย่อหน้าแรกนั้นสำคัญไฉน
https://www.dek-d.com/board/view/3821862/
รวมเทคนิคการเป็นนักเขียนออนไลน์
https://my.dek-d.com/zoname/writer/view.php?id=608340
Tip นักเขียน : เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของ Keisei
https://my.dek-d.com/keisei/writer/view.php?id=704029
เขียนนิยายง่ายๆ ในแบบคุณ !
https://my.dek-d.com/k-kiangkyo/writer/view.php?id=1451905
Archplot มาวางพล็อตนิยายด้วยแผนภาพสามเหลี่ยมกันเถอะ!
https://www.dek-d.com/writer/36811/
7 องค์ประกอบ วางพล็อตยังไงใช้ได้จริง
https://www.dek-d.com/writer/37134/
สร้างพล็อตเรื่องทั้งที..ต้องมีอะไรบ้าง?
https://www.dek-d.com/writer/29043/
อยากเป็นนักเขียนต้องรู้ทรีตเมนต์และพล็อต เหมือนหรือต่างกันอย่างไร มาดู!
https://www.dek-d.com/writer/50223/
ของเราพอพล็อตแบบ short note เสร็จก็มาเขียนละเอียด บางคนเรียกทำทรีตเมนท์ แต่ขึ้นกับความถนัด เราจะมีกำหนดไว้ว่า 1 ตอนจะใส่อะไรบ้าง เช่น A-B-C
ช่วง A-B มีอะไร ก็จะค่อยๆ ใส่ลงไป ตอนแรกใส่ทั้งเนื้อทั้งน้ำไปก่อนก็ได้ค่ะ แล้วก็ค่อยๆ ดูว่าอันไหนตัดออกได้ก็ตัดค่ะ
เช่น A-B การบรรยายสภาพปัจจุบัน
B-C เปิดตัวละครหลักตัวแรก
C-D เปิดตัวละครหลักที่สอง
สรุปทั้งตอน คือการเปิดเรื่องตัวละครหลัก 2 คนและ 1 ตัว
เพิ่มเติม
อีบุ๊คโหลดฟรี
Writer's Guide in 21 DAYs
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=64962&page_no=1
เขียนนิยาย เล่มนี้โหลดตัวอย่างฟรี 100 หน้ามาอ่านก็ได้ความรู้ไม่น้อยแล้วค่ะ
https://www.mebmarket.com/ebook-36758-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2&page_no=1
ลองศึกษาดูหลายๆ แบบค่ะ
ชอบความกระแตไต่ไม้ของคุณฉงนศรีมากค่ะ55
จริงๆ มันเหมือนคำชมก็ไม่ใช่ด่าก็ไม่เชิงค่ะ
คือ กระแตไต่ไม้นี่ถ้าคนโดนบังคับเรียนร้อยมาลัยจะทราบกันดีว่า อย่างง่ายสุดพอร้อยเป็นตัวมา (แบบมาลัยครึ่งซึก) แล้วต้องเอาไปพันกับกิ่งไม้ แต่จริงๆ กระแตมันอยู่ไม่สุขถ้าไม่มัดดีๆ จะเสียทรง กระแตจะไม่ไต่แต่เป็นเลื้อยแทนค่ะ
เช่นเดียวกับอีกคำที่บอกว่า เรียบร้อยเหมือนผ้ายับๆ ที่พับเอาไว้ ฮาาาาา
คือเราก็ไม่รู้นัยยะอะไรหรอกค่ะ เราว่านึกภาพแล้วมันน่ารักดี เหมือนกระรอกบินอะไรแบบนี้55
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ความคิดเห็นนี้มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ
อันที่จริง เราไม่ค่อยถนัดเรื่องการวางพล็อตค่ะ อาศัยมโนเอาหลัก ๆ เห็นหลายคนวางพล็อต + ทรีตเมนต์กันที เราแอบหนีไปร้องไห้ที่มุมห้องทีนึง เราไม่ค่อยถนัดเรื่องการวางพล็อตที่มีเนื้อหาตายตัว เนื่องจากเวลาวาง มีปัญหาเรื่องการเขียนไม่ได้ตามพล็อตที่วางไว้ เพราะเขียน ๆ ไป ตัวละครดื้อจัดเลย ดังนั้นเวลาเราวางพล็อต เลยทำข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้ค่ะ
1.ตัวละครหลักของเราคือใคร มีพื้นฐานการใช้ชีวิตอย่างไร มีทัศนคติแบบไหน มีบทบาทอย่างไรในเรื่อง ต้องการอะไรในชีวิต มีวัตถุประสงค์อะไร
2.ตัวละครอื่น ๆ มีใครบ้าง มีพื้นฐานการใช้ชีวิตอย่างไร มีทัศนคติแบบไหน มีบทบาทอย่างไรในเรื่อง ต้องการอะไรในชีวิต มีวัตถุประสงค์อะไร มีความสัมพันธ์กับตัวละครหลักอย่างไร มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ อย่างไร ใครเป็นผู้ขัดผลประโยชน์ ใครเป็นผู้เอื้อผลประโยชน์ ใครเป็นพวกเดียวกัน
3.ธีมของเรื่องเป็นอย่างไร ต้องการสื่ออะไรให้ผู้อ่าน ในโลกนั้น ๆ มีลักษณะภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรือมีอะไรสำคัญ (เช่น เวทย์มนต์)
เราคิดแค่ 3 อย่างนี้ค่ะ แล้วปล่อยให้ตัวละครดำเนินเรื่องไปเอง พล็อตเหรอ ทรีทเมนต์เหรอ 555 (น้ำตาไหลพราก)
เอาตัวอย่างง่าย ๆ จากนิยายวัยรุ่นของเราเรื่องหนึ่ง
ธีมของเรื่องเราตั้งใจให้เป็นเรื่องแนวการดำเนินชีวิต ดราม่า คอเมดี้ มีคู่จิ้นหลายคู่ ผู้ชายหน้าตาดีเยอะ ๆ (เขียนเองฟินเอง)
ตัวละครเอกเป็นเด็กหนุ่มไฮสกูลในโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่น เป็นคนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ เนื่องจากมีพื้นฐานในวัยเด็กคือแม่ทิ้งเขากับพ่อไป พ่อเองก็มีจิตใจไม่มั่นคง คิดถึงแม่เสมอ มีปัญหาซึมเศร้า ทำให้เขาต้องพยายามเข้มแข็ง ออกจะรักสงบ เก็บกดนิด ๆ พยายามทำตัวเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น โดยเฉพาะพ่อ มีปมเรื่องเกลียดแม่ ในใจโหยหาความรัก เพราะรู้สึกว่าแม้จะทำดีกับพ่อยังไงก็ยังสู้แม่ไม่ได้
ตัวละครรอง น้องฝาแฝดคนละพ่อ
น้องฝาแฝดคนละพ่อที่แม่เอามาทิ้งไว้ที่บ้านให้พ่อของตัวเอกช่วยเลี้ยง ซึ่งพื้นฐานเราให้เป็นเด็กที่ขาดความรัก พอเจอคุณพ่อของตัวเอก ก็ตกหลุมรัก จุดมุ่งหมายของตัวละครรองสองตัวนี้คือแย่งพ่อกับตัวเอก มีความเกี่ยวพันกับตัวเอกของเราเนื่องจากตัวเอกไปรู้เห็นเข้าพอดีเลยเป็นเรื่อง ไป ๆ มา ๆ น้องฝาแฝดพนันกันว่า ถ้าใครรังแกตัวเอกให้ตัวเอกบอกว่ายอมแพ้ได้ อีกฝ่ายจะเปิดทางให้คนชนะจีบคุณพ่อ
ดังนั้น เราได้พล็อตมาหนึ่งส่วนแล้ว คือ ตัวละครรองที่เป็นแฝด จะต้องทำยังไงก็ได้ให้ตัวเอกบอกว่ายอมแพ้ ในขณะเดียวกัน ก็พยายามนัวคุณพ่อไปด้วย (หัวเราะ)
ตัวละครรองตัวต่อมา น้องรหัส
เป็นน้องรหัสของตัวเอก โดยพื้นฐานเป็นเด็กหัวดี แต่เกเรไม่ยอมมาเรียน หลงรักแม่ของตัวเอกหัวปักหัวปำ มีความเกี่ยวพันกับตัวเอกคือ แม่ของตัวเอกเห็นว่าคุณตัวละครรองตัวนี้ไม่ยอมมาเรียน เอาแต่พยายามตามตื้อคุณแม่ คุณแม่เลยโยนตัวเอกซึ่งเป็นลูกชายตัวเองให้ตัวละครรองตัวนี้ แล้วบอกว่า นี่เป็นของขวัญ รับไปซะแล้วก็ตั้งใจเรียน ชั้นจะมาหาเธออีกครั้งในวันจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของตัวละครนี้กับตัวเอกคือ ตัวละครนี้ใช้ตัวเอกเป็นตัวแทนคนที่ชอบ จุดมุ่งหมายแอบมีความไม่ชัดเจน แต่น่าจะเป็นการเรียนให้จบโดยใช้ตัวละครเอกแก้ขัดแทนตัวคุณแม่ไปก่อน
ดังนั้น เราได้อีกหนึ่งพล็อตมาแล้ว นั่นคือ ตัวละครที่ปฏิบัติกับตัวเอกแบบจะคนรักก็ไม่ใช่ จะสิ่งของก็ไม่เชิง
ตัวละครรองตัวที่สาม คุณพ่อ
แม้คุณพ่อนั้นจะรักตัวเอกมาก มีความสัมพันธ์ที่ดี แต่จุดมุ่งหมายของคุณพ่อนั้นคืออยากได้ความรักความสนใจจากภรรยาที่จากไป ตั้งแต่คุณแม่จากไป คุณพ่อก็เป็นโรคซึมเศร้าบ่อย ๆ
เราได้พล็อตดราม่ามาอีกหนึ่งพล็อตคือ คุณพ่อมีปัญหาทางด้านอารมณ์เป็นพัก ๆ กับคุณลูกที่พยายามใกล้ชิดกับคุณพ่อเพื่อชดเชยพื้นที่ที่หายไปของคุณแม่ แต่มันดันไม่พอ...
เราคิดแค่นี้จริง ๆ ค่ะ แล้วฮัลโหล พวกเธอไปแต่งเรื่องกันเอาเองนะ ใช้ชีวิตอย่างที่ชอบเลย โดยฉากหลังคือไฮสกูลชายล้วนสุดไฮโซที่มีหนุ่ม ๆ ให้จิ้นวายมากมายหลายคู่ เย้
ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ช่วยเลย (น้ำตาไหลพราก)
คุณเก่งมากนะคะที่แต่งโดยไม่วางพล็อตอะไรแบบนี้
เรานี่ไม่สามารถค่ะ ฮืออ ลองแต่งแบบนี้หลายรอบแล้วล่มทุกครั้งเลย
ยังไงก็ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะคะ
วางเนื้อหา ต้นเรื่อง - กลางเรื่อง - ตอนจบ - บทสรุปหลังจบเรื่องราว
และก็คิดเนื้อหาใหญ่ๆหรืออีเว้นท์เล็กๆน้อยๆไว้แทรกในเรื่องราวครับ
เช่นคิดต้นเรื่องว่าตัวละครถูกจับมาติดคุกเพราะโดนยัดข้อหา
อีเว้นท์ เจอเพื่อนฝูง ชกต่อยกับคนอื่น
กลางเรื่อง สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น วางแผนช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกผู้คุมจอมโหดชอบรังแก
อีเว้นท์ ผู้คุมคนเก่าได้รับโทษ กลุ่มตัวเอกพักรักษาตัว
ตอบจบหรือท้ายเรื่อง ตัวละครอื่นๆได้ออกไปจากคุกเพราะพ้นโทษ และได้วางแผนว่าจะช่วยตัวเอกที่เป็นแพะให้ออกมาจากคุกด้วยกัน
บทสรุป ทั้งหมดได้รับอิสระ และได้แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง
ถ้าวางได้คร่าวๆประมาณนี้ ก็มีโอกาสเขียนจบมากกว่าเดิมแน่นอนครับ
ขอบคุณมากๆค่ะ ความจริงเราก็วางแบบนี้นะคะ
แต่พอเขียน เราไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาตามที่วางไว้ได้เลยค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ
ถ้าเป็นแฟนฟิค
เชื่อมโยงได้มั่ว แต่มั่วแบบมีหลักการ
เอาสิ่งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง แต่ก็เอามาเชื่อมโยงกันได้และไปกันได้ดีมาก
แฟนฟิคจะเขียนง่ายมากดโขเลยค่ะ
แต่พอเป็นนิยายนี่ต่างกันมากเลย
ของผมง่ายๆเลยคือ ทำให้มันเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน หากวันไหนว่าง ผมจะค่อยเขียน Plot จะเป๋นอะไรก็ได้
แต่ต้องอยู่โทนเดียวกัน เพราะ ของที่เหมือนกันย่อมเชื่อมกันได้ง่าย
ที่เหลือ แค่ เขียนไปเรื่อย ยังไม่ต้องลงเนื้อหาลึก เขียนว่าทำอะไร พร้อมวางปมอะไรก็ได้
พอถึงจุดหนึ่งค่อยย้อนกลับมาแก้ใหม่ เติมแต่งตามความต้องการ ลบโน้นลบนี่ไปเรื่อย
ผมแนะนำให้โหลดแอบสำหรับจด Plot ขึ้นมา พกพาสะดวกเร็วกว่าเขียนด้วยมือ และที่สำคัญ คือมันแก้ง่าย
--------
ผมเองเคยอยู่จุดเดียวกัน แต่หลังจากที่ได้ลองแล้ว มันหยุดไม่ได้ดดดดดดด
1 ปี ไปกับเรื่องๆเดียว ท่านเองทำได้ ขอแค่ตั้งใจจริง ไม่มีอะไรยาก
เห็นกองนี้นี่เหมือนเห็นตัวเองค่ะ ของเราเป็นสมุดรายงานมีเส้นแบบ 100 แผ่นแตะกลัวมันจะหลุดเลยต้องหาคลิบมาหนีบไว้อีกที
เวลาเขียนนี่ ปากกาสีมีกี่สีเอามาใช้หมด เขียนมือแม้น้ำจะเยอะแต่ไอเดียแล่นมากเลยค่ะ แล้วเราชอบกลับไปอ่านร่างแรกบ่อยๆ ด้วย
ผมเคยลองเขียนมา เหมือนกัน ยอมรับ ไอเดียแล่นมาก สมุดสามเล่มที่ผ่านไป ทุกวันตอนไปเรียนต้องมีติดต่อเพื่อเวลาคิดอะไรออก
แม้เราจะชอบขนาดไหน แต่ปัญหามันย่อมเกฺิด
ปัญหาที่ว่าคือ มันอ่านไม่ออกครับ แรกๆไม่เป็นไรเพราะ Plot มันอยู่ในหัว อ่านนิดอ่านหน่อยมันก็ขึ้นมาในหัวแล้ว พอนานไปกลับมาอ่าน แล้วมันอ่านไม่ออก แม้จะจำได้แต่รายละเอียดปีกย่อย อย่าง ปม เล็กที่เกี่ยวข้องกับ ปมใหญ่ มันนึกไม่ออกนี่สิ ทำให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทันที
ผมเลยเปลี่ยนมาใช้ SomNote แทน ใช้ง่ายด้วย ( เปลี่ยนจากถือปากกา สมุด มาเป็น มือถือติดตัวตลอดเวลาแทน )
รู้สึกดีทุกครั้งที่กลับไปจุดเริ่มแรกของเรา รู้สึกคิดถึงเวลาจับปากกาเขียนบนที่นอน ตอนแรกๆได้เลย ไฟมันลุกพรึบ พอมองกลับมาปัจจุบัน เห็นได้ชัดเลยตั้งแต่การร่างโครงขึ้นมา จนไปถึง ปม และตัวละคร ดีขึ้นผิดหูผิดตา
แนะนำให้ใครหลายคนเขียน Plot ก่อนลงมือเขียนจริง ถึงการเขียนสด มักให้ เนื้อหาที่แปลกใหม่ตามอารมณ์ แต่มันย่อมมีขีดจำกัดอยู่
แต่ขีดจำกัดนั่นอยู่ที่แต่ละคน
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคนด้วย
------
สำหรับผมแล้ว การเขียน Plot เป็นอีกหนึ่งเส้นทางทำให้เนื้อของเราไม่ออกนอกลู่นอกทางไปมากเกินไป และยังควบคุมปัจจัยต่างในเรื่องให้ อยู่ในกรอบที่เราต้องการอีก
--------
Miran/Licht // เขียน เนี่ย สุดยอดไปเลยครับ ผมเองก็อยากเขียนเหมือนกัน
ขอบคุณที่เราถนัดแกะลายมือตัวเองค่ะ อันนี้ตอนแบบค่อยๆ เขียน แบบหวัดก็มีค่ะ แต่พอเริ่มหวัดจะพยายามกลับมาเขียนให้ดีๆ
ถ้าไม่เขียนมือก็จิ้ม word ในมือถือค่ะ เสียเงินกับ office 365 ไปก็ใช้ให้คุ้มค่ะ คือมันจะลิงก์กันด้วย one drive เหมือน google.doc ทีนี้เราสามารถเปิดในคอมก็ได้ในมือถือก็ได้เซฟอัตโนมัติด้วย คือถ้าช่วงหยิบสมุดมาเขียนไม่ถนัดก็ต้องมาจิ้มเอา
โอ้โห เยอะมากเลยค่ะ
ตอนนี้เราใช้แอปจดอยุ่ค่ะ ><
ก่อนเราแต่งเราจะเขียนเรื่องย่อของทั้งเรื่องนิยายที่เราแต่งก่อนค่ะ วางโครงเรื่องอะค่ะพูดง่ายๆ หลังจากนั้นถ้าจะเขียนย่อยเป็นตอน เราก็มาขยายจากโครงเรื่องที่วางไว้ประมาณ 2 หน้ากระดาษเอ 4 ได้มั้งคะ แต่ละตอนก็วางโครงเรื่องย่อยไปอีกว่าตอนนี้จะเนื้อเรื่องยังไง แล้วขยายอีกทีค่ะ เราว่าวิธีนี้ทำให้เรารู้ว่านิยายเราจะไปในทิศทางไหน ผูกเรื่องดีขึ้นมากค่ะ ดีกว่าเขียนสดแล้วลงเลย เสร็จแล้วอ่านแล้วไม่โอจะแก้ก็ไม่ทันเพราะลงไปแล้ว ทีนี้มันจะตันได้ค่ะ ต้องวางแผนก่อนค่ะ
ขอบคุณมากๆค่า
ผมเขียนเป็นไดอารี่ครับ ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหลังตั้งแต่ต้นจนจบ (ตามวันเดือนปีและเวลาเลยครับ) ตรงนี้อาจจะใช้เวลานานครับ เพราะจะใช้ไปกับการหาข้อมูลมาเขียน แล้วมาคิดต่อเป็นพล็อตว่านิยายเราจะเริ่มที่ตอนไหนในช่วงเวลาที่เราวางไว้ ซึ่งผมจะวาดเป็นแผนภูมิรูปภาพไปด้วยเลย ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นในเรื่อง จากนั้นก็ขยายพล็อตต่อใส่รายละเอียดอีกนิด แล้วค่อยเริ่มเขียน ซึ่งการเขียนเป็นไดอารี่หรือแบบเหตุการณ์ย่อๆในแต่ละวันนี่ผมวางไว้ยาวพอจะเล่าออกมาเป็นนิยายหลายๆ เรื่องหลายๆ แนวได้เลยครับ รวมทั้งแตกออกเป็นจักรวาลคู่ขนานต่างๆ ซึ่งจะยิ่งทำให้ขยายขอบเขตจักรวาลผลงานของเราออกไป จากไดอารี่ที่เราเขียนไว้
ผมเขียนนิยายลงเว็บเด็กดีไว้ 4 เรื่อง มี 3 เรื่องที่อยู่ในเส้นเวลาเดียวกันแต่คนละช่วงเวลา ส่วนอีกเรื่องจะอยู่ในเส้นเวลาอีกเส้นที่ขนานกันไป ซึ่งตัวเอกในเรื่องนั้นสามารถเดินทางข้ามเวลาและจักรวาลคู่ขนานได้ครับและเขาเคยข้ามมาอีกเส้นแล้วด้วย ทำให้นิยายทั้งหมดถูกเชื่อมกันแล้วเชื่อมกันอีก เชื่อมในเชื่อมเลยครับ แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ก็ใช้เวลากับการเขียนลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดหลายเดือนครับ กว่าจะออกมาถูกใจตัวเอง
แสดงว่าต้องเขียนลำดับเหตุการ์ให้ดีสินะคะ
จะลองดูค่ะ
สู้ๆ นะครับ ถ้าใช้เวลาเตรียมตรงนี้เยอะๆ มันจะทำให้เราทำงานได้ลื่นกว่า คือเรามีส่วนประกอบต่างๆ ไว้หมดแล้ว เหลือแค่จับมาประกอบกัน เหมือนทำกับข้าว ต่อตัวต่อน่ะครับ ส่วนจะออกมาดีไม่ดีก็อีกเรื่องครับ (ยิ้ม)
อาการนั้นมันเรียกว่า "ออกนอกทะเล"
ดังนั้น ลองตัดเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปดู อะไรที่มันทำให้เรื่องไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ตัดออกไป อย่าเก็บไว้ เพราะเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากมันทำให้เรื่องออกนอกทะเล แต่ถ้าจะเก็บเอาไว้เป็นตอนพิเศษ เป็นเนื้อหานอกเรื่อง อันนี้ก็พอได้อยู่ ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่เหมือนกัน เสียดายตอนที่เขียนขึ้นมา (แต่ว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งออกทะเลนะ เดี๋ยวเรือจม ช่วงนี้พายุเข้าอยู่ ฮิๆ)
ของผมใช้วิธีปักธงเป็นเช็คพ้อยท์ครับ คือจะดำเนินเรื่องยังไงก็ได้ ออกทะเลแค่ไหนก็ตามสะดวก แต่ถึงเวลาต้องลากมันไปที่จุดเช็คพ้อยท์ให้ได้ (ฮา)
ตัวอย่างเช็คพ้อยท์
1. พระเอกเกิดมาเป็นคนมีปม ไม่มีพ่อไม่มีแม่
2. พระเอกรู้ความจริงว่าพ่อของตัวเองคือจอมมาร
3. พระเอกเผชิญหน้ากับพ่อ และพ่อบอกให้มาร่วมมือกันครองโลกซะ!
4. หลังจากบ่ายเบี่ยงมานาน ในที่สุดพระเอกก็ยอมร่วมมือกับพ่อ แล้วโลกก็สงบสุข (?) อีกครั้ง...
เมื่อเรารู้ว่ามีเช็คพ้อยท์ตรงไหนบ้าง ระหว่างนั้นเราก็ให้พระเอกผจญภัยไปเรื่อย ๆ (ส่วนใหญ่ช่วงนี้ผมจะเขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียน เรียกว่าเป็นจุดปล่อยของ 55) พอถึงจุดหนึ่งเราก็เอามันวิ่งไปหาเช็คพ้อยท์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วครับ
นี่ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้ผลเลยทีเดียว เราจะวิ่งเล่นแกว่งหางที่ไหนก็ได้ขอแค่กลับบ้านถูก
ลองปรึกษาเพื่อนที่สนใจนิยาย หรือไม่ก็คิดก่อนว่าเราชอบเขียนแนวไหน ก่อนอื่นลองเขียนแบบสั้นๆ แล้วค่อยๆขยายความไปก็ได้ค่ะ ทดลองไปก่อนพอเราคิดว่าโอก็ค่อยลงที่ละตอน ก็โอนะคะ
ผมเน้นทำตามเพลงทิ้งรักลงแม่น้ำครับ "ปล่อยให้ไหลไป...ให้ลอยลงสู่ทะเล" //ผิด 5555555
จะบอกว่าผมเน้นปล่อยไปเรื่อย ๆ ให้ตัวละครและเรื่องเดินไปเองตามที่ผมชอบครับ ฟังดูชุ่ย ๆ แต่ผมวางโครงเรื่องบางส่วนไว้ตามแนวที่กำหนด และปมตัวละครนิดหน่อย (ปมตัวละครนี่ผมค่อนข้างเน้นพอสมควรเพราะเน้นเขียนแนวจิตวิทยา เน้นการดำเนินเรื่องโดยตัวละครมากกว่า) แล้วให้ตัวละครให้ไปเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา
ส่วนจะดัดแปลงอะไรก็อาจจะคิดนิดนึงว่าถ้าดัดรงนี้เรื่องจะเสียมั้ย เหตุผลอะไรพอรองรับได้มั้ย และดำเนินไปสู่จุดจบที่มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ตอนจบไหนดีที่สุด ฯลฯ
ของผมฟังแล้วอาจจะดูไม่มีแบบแผน แต่ถ้าร่างออกมาเป็นแผนภาพก็ง่ายขึ้นครับ เพราะผมเน้นเล่าเรื่องเป็นไทม์ไลน์ตรง ๆ มีแทรกบทย้อนอดีตบ้างตามแต่เรื่องจะสามารถใส่ไปได้แหละครับ
ตามเพลงทิ้งรักลงแม่น้ำเลยครับ ปล่อยให้ไหลไป...ให้ลอยลงสู่ทะเล~ //ผิด 5555555
อันนี้อาจฟังดูชุ่ย ๆ แต่ผมวางพล็อตแบบ ตั้งโครงเรื่องไว้นิดหน่อย หรือตั้งตัวละครและประวัติ (ปมปัญหา) แล้วค่อยต่อยอดมาเรื่อย ๆ ตามแนวที่กำหนด ให้ไปเจอเหตุการณ์โน่นนี่ จนไปสู่จุดจบที่ผมคิดความเป็นไปได้ไว้แล้วเลือกอันที่ดีที่สุด
รูปแบบการคิดพล็อตมันแล้วแต่ว่าเราจะถนัดแบบไหนครับ แต่โดยรวมเป็นเหมือน ๆ กันคือการเดินเรื่อว่าจากจุดเริ่มต้นจะไปยังจุดจบ ต้องเจออะไร ต้องทำอย่างไร ถ้าเราวางพล็อตเหนียวแน่นและสดใหม่ได้ เทื่านี้ก็ไม่ยากแล้ว (แต่กว่าจะถึงจุดนั้นนี่ โค-ตะ-ระ ยากเลยครับ 555555)
ปัญหาโลกแตกเดียวกันเลยครับ วางพล็อตหลัก คร่าวๆ ไว้พอสมควรแล้ว ต้น กลาง จบ มาครบ แต่รายระเอียดยิบย่อย จัดเรียงเนื้อหาให้สอดประสานกัน อันนี้ยากจริงๆ ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เราเรียบเรียงเนื้อหาไม่ได้
แต่ส่วนตัวคิดว่า เราต้องปล่อยให้ตัวเองได้คิด ปล่อยวางความกดดัน ให้ความคิดมันค่อยๆ ทำงานของมัน
เอง คิดได้แล้วจดลงสมุด เพราะทุกความคิดคือต้องจดอันนี้ทุกคนรู้(555)
เมื่อได้แบบนี้แล้ว ให้ทบทวนสักหน่อย ให้เวลากับเขาอีกสักนิด แล้วมาเรียบเรียงเนื้อหาในแต่ละช่วงที่ความคิดมันผุดขึ้นมา มาบรรลุความลำบากนี้ไปพร้อมๆ กันนะครับ^^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?