Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทุกคนมีเทคนิคการวาง Plot และเชื่อมโยงเนื้อเรื่องกันยังไงบ้างคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ เราน้ำมูกหนืด หรือ หมีร่ม นะคะ เนื่องจากเราไม่ได้แต่งนิยายนานแล้ว อีกทั้งแต่งไม่เคยจบและไม่ชำนาญ ถือว่าเป็นมือใหม่ในการเขียนนิยายค่ะ

เราอยากทราบว่าแแต่ละคนมีเทคนิคในการวาง Plot เรื่อง มีรูปแบบการวางพล็อตยังไงบ้าง และเชื่อมโยงเนื้อเรื่องยังไงบ้างคะ?

โดยส่วนตัว เหตุผลนึงที่เราไม่สามารถแต่งนิยายจนจบเพราะไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อเรื่องได้เลยค่ะ เส้นเรื่องมันมั่วกันไปหมด แบบกำหนดจุดใหญ่ๆเหตุการณ์สำคัญๆได้ แต่ตรงกลางหรือรายละเอียดในการดำเนินเรื่องกลับไม่สัมพันธ์กันและไม่สามารถเชื่อมไปยังจุดสำคัญที่กำหนดไว้ตอนแรกได้ ถึงแม้ตอนแรกที่เขียนๆอยู่จะดีๆแต่เขียนไปสักพักก็มั่วนี่แหละค่ะ

ช่วยกันแชร์+แนะนำประสบการณ์กันหน่อยนะคะ

ปล.นิยายที่เราเที่ยวโปรโมตอยู่ เราลบไปแล้วนะ ไม่มั่นใจโคตรๆเลย กะจะหาข้อมูล ศึกษาการแต่งให้ดีแล้วค่อยมาลงอีกรอบค่ะ

แสดงความคิดเห็น

16 ความคิดเห็น

น้ำมูกหนืด 15 ส.ค. 61 เวลา 20:13 น. 1-1

โห สุดยอดค่ะ

เราก็ทำแบบนี้นะคะ

แต่ลองเขียนแล้วยังงงๆกับวิธีเขียนของตัวเองอยู่เลยค่ะ

ไม่สามารถนำมาใช้กับการเขียนได้เลย 5555

0
m13ss 15 ส.ค. 61 เวลา 20:19 น. 1-2

แนะนำลองเขียนเรียงความมั้ยครับ

เรียงความต้องมีใจความซึ่งตั้งแนวหลักไว้เพียงแค่ประโยคเดียว แต่พอเขียนเราต้องขยายว่ามันมีอะไรบ้าง เช่น พวกนิทาน

แนะนำว่าไม่ต้องเครียด ถ้าเขียนไม่ออกก็พักแล้วเขียนใหม่

0
น้ำมูกหนืด 15 ส.ค. 61 เวลา 20:23 น. 1-3

ขอบคุณมากค่ะ จะลองดูนะคะ

พวกเรื่องสั้นแบบนี้น่าจะได้ค่ะ จะลองเขียนดูก่อนค่ะ


0
lesserpandaบาก้าผุดๆ 15 ส.ค. 61 เวลา 20:09 น. 2

ก็ดูว่าชอบนิยายเรื่องไหน ที่มันตรงกับแนวที่เราเขียนอยู่ จับเรื่องนั้นนิดเรื่องนี้หน่อยมาเขียนใส่ในนิยายก็ได้ อันนี้แนะนำสำหรับคนหัดเขียนอะค่ะ


เราเริ่มการเขียนมาจากแฟนฟิค มันเริ่มง่ายกว่านิยายมาก คือเหมือนเอาคาแรคเตอร์ที่เราชอบ มาบรรยายให้เหมือนการ์ตูนอีกเรื่องนึง ถ้าวาดเป็นภาพออกมาก็คือเอา ตัวละครที่เราชอบมาซ้อนทับกับการ์ตูนเรื่องนั้นแค่นั้นเองค่ะ55


แต่เดี๋ยวนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วค่ะ เสียชั้นเชิงหมดกันพอดี อิอิ


1
น้ำมูกหนืด 15 ส.ค. 61 เวลา 20:14 น. 2-1

ขอบคุณมากๆค่า

เราก็เริ่มจากการเขียนฟิคเหมือนกันค่ะ

แต่ว่าเขียนนิยายมันต่างจากการเขียนฟิคมากเลย

เราเลยต้องมาขอคำแนะนำนี่แหละค่ะ TwT พล๊อตพังตลอดๆ

0
คุณพีทคุง พิธันดร 15 ส.ค. 61 เวลา 20:18 น. 3

ผมก็ไม่ถนัดพล็อตเลยครับ อ่อนแออย่างแรง วิธีที่ใช้อยู่ก็คือ แบ่งเรื่องเป็นช่วงๆ ตามพัฒนาการความสัมพันธ์ของคู่เอก (พอดีผมเขียนแนวรัก) ตั้งเอาไว้ว่าช่วงไหนจะพัฒนาจากไหนไปไหน แล้วก็ค่อยๆ คิดเหตุการณ์ที่จะเกิดในเรื่อง เขียนเรียงๆๆ กันไป ถ้าอันไหนยังเรียงไม่ถูกก็แยกไว้ก่อน


เวลาเขียนจริง ก็ค่อยๆ เขียนไปทีละช่วงครับ บางทีตอนเขียนช่วงแรกๆ ช่วงหลังยังคิดไม่เสร็จก็มี แต่จะวางไว้คร่าวๆ ว่าจะต้องไปถึงไหนในช่วงนั้น


เสนอแนะอย่างนึงว่า ถ้าตอนแรกรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ถนัด ให้เริ่มเขียนจากเรื่องที่ไม่ยาวมากก่อนครับ ตอนผมเขียนเรื่องความยาวขนาด 120 หน้า ปมมันเล็กๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน ก็ทำให้จบได้ง่ายครับ

3
slimebox 15 ส.ค. 61 เวลา 20:25 น. 3-1

คุณพีทพูดถูกงับ เลือกปมที่ไม่ต้องซับซ้อน จะได้ไม่ยาวมาก และจบได้ลง แล้วมันจะแต่งสำเร็จจนตลอดรอดฝั่งไปเองค่ะ!


(ว่าไปนั่น ไอเราเรื่องแรกก็จัดแล้วสี่ภาค เหมือนหลักการท่วมหัวแต่ตัวไม่ยอมทำตาม 555+)

0
Miran/Licht 15 ส.ค. 61 เวลา 20:31 น. 4

จากที่เรารวบรวมเอาไว้นะคะ


ย่อหน้าแรกนั้นสำคัญไฉน

https://www.dek-d.com/board/view/3821862/

รวมเทคนิคการเป็นนักเขียนออนไลน์

https://my.dek-d.com/zoname/writer/view.php?id=608340

Tip นักเขียน : เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของ Keisei

https://my.dek-d.com/keisei/writer/view.php?id=704029

เขียนนิยายง่ายๆ ในแบบคุณ !

https://my.dek-d.com/k-kiangkyo/writer/view.php?id=1451905


Archplot มาวางพล็อตนิยายด้วยแผนภาพสามเหลี่ยมกันเถอะ!

https://www.dek-d.com/writer/36811/

7 องค์ประกอบ วางพล็อตยังไงใช้ได้จริง

https://www.dek-d.com/writer/37134/

สร้างพล็อตเรื่องทั้งที..ต้องมีอะไรบ้าง?

https://www.dek-d.com/writer/29043/


อยากเป็นนักเขียนต้องรู้ทรีตเมนต์และพล็อต เหมือนหรือต่างกันอย่างไร มาดู!

https://www.dek-d.com/writer/50223/



ของเราพอพล็อตแบบ short note เสร็จก็มาเขียนละเอียด บางคนเรียกทำทรีตเมนท์ แต่ขึ้นกับความถนัด เราจะมีกำหนดไว้ว่า 1 ตอนจะใส่อะไรบ้าง เช่น A-B-C


ช่วง A-B มีอะไร ก็จะค่อยๆ ใส่ลงไป ตอนแรกใส่ทั้งเนื้อทั้งน้ำไปก่อนก็ได้ค่ะ แล้วก็ค่อยๆ ดูว่าอันไหนตัดออกได้ก็ตัดค่ะ


เช่น A-B การบรรยายสภาพปัจจุบัน

B-C เปิดตัวละครหลักตัวแรก

C-D เปิดตัวละครหลักที่สอง

สรุปทั้งตอน คือการเปิดเรื่องตัวละครหลัก 2 คนและ 1 ตัว


https://image.dek-d.com/27/0060/1867/125330924https://image.dek-d.com/27/0060/1867/125330925https://image.dek-d.com/27/0060/1867/125330926


เพิ่มเติม

อีบุ๊คโหลดฟรี

Writer's Guide in 21 DAYs

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=64962&page_no=1


เขียนนิยาย เล่มนี้โหลดตัวอย่างฟรี 100 หน้ามาอ่านก็ได้ความรู้ไม่น้อยแล้วค่ะ

https://www.mebmarket.com/ebook-36758-%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2&page_no=1

ลองศึกษาดูหลายๆ แบบค่ะ

4
Miran/Licht 15 ส.ค. 61 เวลา 20:45 น. 4-2

จริงๆ มันเหมือนคำชมก็ไม่ใช่ด่าก็ไม่เชิงค่ะ


คือ กระแตไต่ไม้นี่ถ้าคนโดนบังคับเรียนร้อยมาลัยจะทราบกันดีว่า อย่างง่ายสุดพอร้อยเป็นตัวมา (แบบมาลัยครึ่งซึก) แล้วต้องเอาไปพันกับกิ่งไม้ แต่จริงๆ กระแตมันอยู่ไม่สุขถ้าไม่มัดดีๆ จะเสียทรง กระแตจะไม่ไต่แต่เป็นเลื้อยแทนค่ะ


เช่นเดียวกับอีกคำที่บอกว่า เรียบร้อยเหมือนผ้ายับๆ ที่พับเอาไว้ ฮาาาาา

0
lesserpandaบาก้าผุดๆ 15 ส.ค. 61 เวลา 20:54 น. 4-3

คือเราก็ไม่รู้นัยยะอะไรหรอกค่ะ เราว่านึกภาพแล้วมันน่ารักดี เหมือนกระรอกบินอะไรแบบนี้55

0
Kurara_Kaoru 15 ส.ค. 61 เวลา 20:51 น. 5

อันที่จริง เราไม่ค่อยถนัดเรื่องการวางพล็อตค่ะ อาศัยมโนเอาหลัก ๆ เห็นหลายคนวางพล็อต + ทรีตเมนต์กันที เราแอบหนีไปร้องไห้ที่มุมห้องทีนึง เราไม่ค่อยถนัดเรื่องการวางพล็อตที่มีเนื้อหาตายตัว เนื่องจากเวลาวาง มีปัญหาเรื่องการเขียนไม่ได้ตามพล็อตที่วางไว้ เพราะเขียน ๆ ไป ตัวละครดื้อจัดเลย ดังนั้นเวลาเราวางพล็อต เลยทำข้อต่าง ๆ ต่อไปนี้ค่ะ


1.ตัวละครหลักของเราคือใคร มีพื้นฐานการใช้ชีวิตอย่างไร มีทัศนคติแบบไหน มีบทบาทอย่างไรในเรื่อง ต้องการอะไรในชีวิต มีวัตถุประสงค์อะไร


2.ตัวละครอื่น ๆ มีใครบ้าง มีพื้นฐานการใช้ชีวิตอย่างไร มีทัศนคติแบบไหน มีบทบาทอย่างไรในเรื่อง ต้องการอะไรในชีวิต มีวัตถุประสงค์อะไร มีความสัมพันธ์กับตัวละครหลักอย่างไร มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ อย่างไร ใครเป็นผู้ขัดผลประโยชน์ ใครเป็นผู้เอื้อผลประโยชน์ ใครเป็นพวกเดียวกัน


3.ธีมของเรื่องเป็นอย่างไร ต้องการสื่ออะไรให้ผู้อ่าน ในโลกนั้น ๆ มีลักษณะภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หรือมีอะไรสำคัญ (เช่น เวทย์มนต์)


เราคิดแค่ 3 อย่างนี้ค่ะ แล้วปล่อยให้ตัวละครดำเนินเรื่องไปเอง พล็อตเหรอ ทรีทเมนต์เหรอ 555 (น้ำตาไหลพราก)


เอาตัวอย่างง่าย ๆ จากนิยายวัยรุ่นของเราเรื่องหนึ่ง


ธีมของเรื่องเราตั้งใจให้เป็นเรื่องแนวการดำเนินชีวิต ดราม่า คอเมดี้ มีคู่จิ้นหลายคู่ ผู้ชายหน้าตาดีเยอะ ๆ (เขียนเองฟินเอง) 


ตัวละครเอกเป็นเด็กหนุ่มไฮสกูลในโรงเรียนมัธยมญี่ปุ่น เป็นคนที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ เนื่องจากมีพื้นฐานในวัยเด็กคือแม่ทิ้งเขากับพ่อไป พ่อเองก็มีจิตใจไม่มั่นคง คิดถึงแม่เสมอ มีปัญหาซึมเศร้า ทำให้เขาต้องพยายามเข้มแข็ง ออกจะรักสงบ เก็บกดนิด ๆ พยายามทำตัวเป็นที่พึ่งพาของคนอื่น โดยเฉพาะพ่อ มีปมเรื่องเกลียดแม่ ในใจโหยหาความรัก เพราะรู้สึกว่าแม้จะทำดีกับพ่อยังไงก็ยังสู้แม่ไม่ได้


ตัวละครรอง น้องฝาแฝดคนละพ่อ


น้องฝาแฝดคนละพ่อที่แม่เอามาทิ้งไว้ที่บ้านให้พ่อของตัวเอกช่วยเลี้ยง ซึ่งพื้นฐานเราให้เป็นเด็กที่ขาดความรัก พอเจอคุณพ่อของตัวเอก ก็ตกหลุมรัก จุดมุ่งหมายของตัวละครรองสองตัวนี้คือแย่งพ่อกับตัวเอก มีความเกี่ยวพันกับตัวเอกของเราเนื่องจากตัวเอกไปรู้เห็นเข้าพอดีเลยเป็นเรื่อง ไป ๆ มา ๆ น้องฝาแฝดพนันกันว่า ถ้าใครรังแกตัวเอกให้ตัวเอกบอกว่ายอมแพ้ได้ อีกฝ่ายจะเปิดทางให้คนชนะจีบคุณพ่อ


ดังนั้น เราได้พล็อตมาหนึ่งส่วนแล้ว คือ ตัวละครรองที่เป็นแฝด จะต้องทำยังไงก็ได้ให้ตัวเอกบอกว่ายอมแพ้ ในขณะเดียวกัน ก็พยายามนัวคุณพ่อไปด้วย (หัวเราะ)


ตัวละครรองตัวต่อมา น้องรหัส


เป็นน้องรหัสของตัวเอก โดยพื้นฐานเป็นเด็กหัวดี แต่เกเรไม่ยอมมาเรียน หลงรักแม่ของตัวเอกหัวปักหัวปำ มีความเกี่ยวพันกับตัวเอกคือ แม่ของตัวเอกเห็นว่าคุณตัวละครรองตัวนี้ไม่ยอมมาเรียน เอาแต่พยายามตามตื้อคุณแม่ คุณแม่เลยโยนตัวเอกซึ่งเป็นลูกชายตัวเองให้ตัวละครรองตัวนี้ แล้วบอกว่า นี่เป็นของขวัญ รับไปซะแล้วก็ตั้งใจเรียน ชั้นจะมาหาเธออีกครั้งในวันจบการศึกษา ความสัมพันธ์ของตัวละครนี้กับตัวเอกคือ ตัวละครนี้ใช้ตัวเอกเป็นตัวแทนคนที่ชอบ จุดมุ่งหมายแอบมีความไม่ชัดเจน แต่น่าจะเป็นการเรียนให้จบโดยใช้ตัวละครเอกแก้ขัดแทนตัวคุณแม่ไปก่อน


ดังนั้น เราได้อีกหนึ่งพล็อตมาแล้ว นั่นคือ ตัวละครที่ปฏิบัติกับตัวเอกแบบจะคนรักก็ไม่ใช่ จะสิ่งของก็ไม่เชิง


ตัวละครรองตัวที่สาม คุณพ่อ


แม้คุณพ่อนั้นจะรักตัวเอกมาก มีความสัมพันธ์ที่ดี แต่จุดมุ่งหมายของคุณพ่อนั้นคืออยากได้ความรักความสนใจจากภรรยาที่จากไป ตั้งแต่คุณแม่จากไป คุณพ่อก็เป็นโรคซึมเศร้าบ่อย ๆ


เราได้พล็อตดราม่ามาอีกหนึ่งพล็อตคือ คุณพ่อมีปัญหาทางด้านอารมณ์เป็นพัก ๆ กับคุณลูกที่พยายามใกล้ชิดกับคุณพ่อเพื่อชดเชยพื้นที่ที่หายไปของคุณแม่ แต่มันดันไม่พอ...


เราคิดแค่นี้จริง ๆ ค่ะ แล้วฮัลโหล พวกเธอไปแต่งเรื่องกันเอาเองนะ ใช้ชีวิตอย่างที่ชอบเลย โดยฉากหลังคือไฮสกูลชายล้วนสุดไฮโซที่มีหนุ่ม ๆ ให้จิ้นวายมากมายหลายคู่ เย้


ขอโทษนะคะที่ไม่ได้ช่วยเลย (น้ำตาไหลพราก)



1
น้ำมูกหนืด 15 ส.ค. 61 เวลา 21:23 น. 5-1

คุณเก่งมากนะคะที่แต่งโดยไม่วางพล็อตอะไรแบบนี้

เรานี่ไม่สามารถค่ะ ฮืออ ลองแต่งแบบนี้หลายรอบแล้วล่มทุกครั้งเลย

ยังไงก็ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์นะคะ

0
Twenty SIX 15 ส.ค. 61 เวลา 21:16 น. 6

วางเนื้อหา ต้นเรื่อง - กลางเรื่อง - ตอนจบ - บทสรุปหลังจบเรื่องราว


และก็คิดเนื้อหาใหญ่ๆหรืออีเว้นท์เล็กๆน้อยๆไว้แทรกในเรื่องราวครับ


เช่นคิดต้นเรื่องว่าตัวละครถูกจับมาติดคุกเพราะโดนยัดข้อหา


อีเว้นท์ เจอเพื่อนฝูง ชกต่อยกับคนอื่น


กลางเรื่อง สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น วางแผนช่วยเหลือเพื่อนที่ถูกผู้คุมจอมโหดชอบรังแก


อีเว้นท์ ผู้คุมคนเก่าได้รับโทษ กลุ่มตัวเอกพักรักษาตัว


ตอบจบหรือท้ายเรื่อง ตัวละครอื่นๆได้ออกไปจากคุกเพราะพ้นโทษ และได้วางแผนว่าจะช่วยตัวเอกที่เป็นแพะให้ออกมาจากคุกด้วยกัน


บทสรุป ทั้งหมดได้รับอิสระ และได้แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง

2
Twenty SIX 15 ส.ค. 61 เวลา 21:17 น. 6-1

ถ้าวางได้คร่าวๆประมาณนี้ ก็มีโอกาสเขียนจบมากกว่าเดิมแน่นอนครับ

0
น้ำมูกหนืด 15 ส.ค. 61 เวลา 21:24 น. 6-2

ขอบคุณมากๆค่ะ ความจริงเราก็วางแบบนี้นะคะ

แต่พอเขียน เราไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาตามที่วางไว้ได้เลยค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ

0
มัณทนา 15 ส.ค. 61 เวลา 21:59 น. 7

ถ้าเป็นแฟนฟิค

เชื่อมโยงได้มั่ว แต่มั่วแบบมีหลักการ

เอาสิ่งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง แต่ก็เอามาเชื่อมโยงกันได้และไปกันได้ดีมาก

1
หิมะสีขาว ยามอาทิตย์ตกดิน 15 ส.ค. 61 เวลา 22:56 น. 8

ของผมง่ายๆเลยคือ ทำให้มันเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน หากวันไหนว่าง ผมจะค่อยเขียน Plot จะเป๋นอะไรก็ได้


แต่ต้องอยู่โทนเดียวกัน เพราะ ของที่เหมือนกันย่อมเชื่อมกันได้ง่าย


ที่เหลือ แค่ เขียนไปเรื่อย ยังไม่ต้องลงเนื้อหาลึก เขียนว่าทำอะไร พร้อมวางปมอะไรก็ได้


พอถึงจุดหนึ่งค่อยย้อนกลับมาแก้ใหม่ เติมแต่งตามความต้องการ ลบโน้นลบนี่ไปเรื่อย


ผมแนะนำให้โหลดแอบสำหรับจด Plot ขึ้นมา พกพาสะดวกเร็วกว่าเขียนด้วยมือ และที่สำคัญ คือมันแก้ง่าย


--------


ผมเองเคยอยู่จุดเดียวกัน แต่หลังจากที่ได้ลองแล้ว มันหยุดไม่ได้ดดดดดดด


1 ปี ไปกับเรื่องๆเดียว ท่านเองทำได้ ขอแค่ตั้งใจจริง ไม่มีอะไรยากhttps://image.dek-d.com/27/0622/7295/127310097https://image.dek-d.com/27/0622/7295/127310099

4
Miran/Licht 16 ส.ค. 61 เวลา 07:35 น. 8-1

เห็นกองนี้นี่เหมือนเห็นตัวเองค่ะ ของเราเป็นสมุดรายงานมีเส้นแบบ 100 แผ่นแตะกลัวมันจะหลุดเลยต้องหาคลิบมาหนีบไว้อีกที


เวลาเขียนนี่ ปากกาสีมีกี่สีเอามาใช้หมด เขียนมือแม้น้ำจะเยอะแต่ไอเดียแล่นมากเลยค่ะ แล้วเราชอบกลับไปอ่านร่างแรกบ่อยๆ ด้วย

0
หิมะสีขาว ยามอาทิตย์ตกดิน 16 ส.ค. 61 เวลา 07:47 น. 8-2

ผมเคยลองเขียนมา เหมือนกัน ยอมรับ ไอเดียแล่นมาก สมุดสามเล่มที่ผ่านไป ทุกวันตอนไปเรียนต้องมีติดต่อเพื่อเวลาคิดอะไรออก


แม้เราจะชอบขนาดไหน แต่ปัญหามันย่อมเกฺิด


ปัญหาที่ว่าคือ มันอ่านไม่ออกครับ แรกๆไม่เป็นไรเพราะ Plot มันอยู่ในหัว อ่านนิดอ่านหน่อยมันก็ขึ้นมาในหัวแล้ว พอนานไปกลับมาอ่าน แล้วมันอ่านไม่ออก แม้จะจำได้แต่รายละเอียดปีกย่อย อย่าง ปม เล็กที่เกี่ยวข้องกับ ปมใหญ่ มันนึกไม่ออกนี่สิ ทำให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทันที


ผมเลยเปลี่ยนมาใช้ SomNote แทน ใช้ง่ายด้วย ( เปลี่ยนจากถือปากกา สมุด มาเป็น มือถือติดตัวตลอดเวลาแทน )


รู้สึกดีทุกครั้งที่กลับไปจุดเริ่มแรกของเรา รู้สึกคิดถึงเวลาจับปากกาเขียนบนที่นอน ตอนแรกๆได้เลย ไฟมันลุกพรึบ พอมองกลับมาปัจจุบัน เห็นได้ชัดเลยตั้งแต่การร่างโครงขึ้นมา จนไปถึง ปม และตัวละคร ดีขึ้นผิดหูผิดตา


แนะนำให้ใครหลายคนเขียน Plot ก่อนลงมือเขียนจริง ถึงการเขียนสด มักให้ เนื้อหาที่แปลกใหม่ตามอารมณ์ แต่มันย่อมมีขีดจำกัดอยู่


แต่ขีดจำกัดนั่นอยู่ที่แต่ละคน


ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคนด้วย


------


สำหรับผมแล้ว การเขียน Plot เป็นอีกหนึ่งเส้นทางทำให้เนื้อของเราไม่ออกนอกลู่นอกทางไปมากเกินไป และยังควบคุมปัจจัยต่างในเรื่องให้ อยู่ในกรอบที่เราต้องการอีก


--------

Miran/Licht // เขียน เนี่ย สุดยอดไปเลยครับ ผมเองก็อยากเขียนเหมือนกัน


0
Miran/Licht 16 ส.ค. 61 เวลา 08:02 น. 8-3
0
Irene Serenata 15 ส.ค. 61 เวลา 23:11 น. 9

ก่อนเราแต่งเราจะเขียนเรื่องย่อของทั้งเรื่องนิยายที่เราแต่งก่อนค่ะ วางโครงเรื่องอะค่ะพูดง่ายๆ หลังจากนั้นถ้าจะเขียนย่อยเป็นตอน เราก็มาขยายจากโครงเรื่องที่วางไว้ประมาณ 2 หน้ากระดาษเอ 4 ได้มั้งคะ แต่ละตอนก็วางโครงเรื่องย่อยไปอีกว่าตอนนี้จะเนื้อเรื่องยังไง แล้วขยายอีกทีค่ะ เราว่าวิธีนี้ทำให้เรารู้ว่านิยายเราจะไปในทิศทางไหน ผูกเรื่องดีขึ้นมากค่ะ ดีกว่าเขียนสดแล้วลงเลย เสร็จแล้วอ่านแล้วไม่โอจะแก้ก็ไม่ทันเพราะลงไปแล้ว ทีนี้มันจะตันได้ค่ะ ต้องวางแผนก่อนค่ะ

1
np2l_studiononma 16 ส.ค. 61 เวลา 03:37 น. 10

ผมเขียนเป็นไดอารี่ครับ ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อนหลังตั้งแต่ต้นจนจบ (ตามวันเดือนปีและเวลาเลยครับ) ตรงนี้อาจจะใช้เวลานานครับ เพราะจะใช้ไปกับการหาข้อมูลมาเขียน แล้วมาคิดต่อเป็นพล็อตว่านิยายเราจะเริ่มที่ตอนไหนในช่วงเวลาที่เราวางไว้ ซึ่งผมจะวาดเป็นแผนภูมิรูปภาพไปด้วยเลย ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้นในเรื่อง จากนั้นก็ขยายพล็อตต่อใส่รายละเอียดอีกนิด แล้วค่อยเริ่มเขียน ซึ่งการเขียนเป็นไดอารี่หรือแบบเหตุการณ์ย่อๆในแต่ละวันนี่ผมวางไว้ยาวพอจะเล่าออกมาเป็นนิยายหลายๆ เรื่องหลายๆ แนวได้เลยครับ รวมทั้งแตกออกเป็นจักรวาลคู่ขนานต่างๆ ซึ่งจะยิ่งทำให้ขยายขอบเขตจักรวาลผลงานของเราออกไป จากไดอารี่ที่เราเขียนไว้

ผมเขียนนิยายลงเว็บเด็กดีไว้ 4 เรื่อง มี 3 เรื่องที่อยู่ในเส้นเวลาเดียวกันแต่คนละช่วงเวลา ส่วนอีกเรื่องจะอยู่ในเส้นเวลาอีกเส้นที่ขนานกันไป ซึ่งตัวเอกในเรื่องนั้นสามารถเดินทางข้ามเวลาและจักรวาลคู่ขนานได้ครับและเขาเคยข้ามมาอีกเส้นแล้วด้วย ทำให้นิยายทั้งหมดถูกเชื่อมกันแล้วเชื่อมกันอีก เชื่อมในเชื่อมเลยครับ แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ก็ใช้เวลากับการเขียนลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดหลายเดือนครับ กว่าจะออกมาถูกใจตัวเอง

2
np2l_studiononma 16 ส.ค. 61 เวลา 11:49 น. 10-2

สู้ๆ นะครับ ถ้าใช้เวลาเตรียมตรงนี้เยอะๆ มันจะทำให้เราทำงานได้ลื่นกว่า คือเรามีส่วนประกอบต่างๆ ไว้หมดแล้ว เหลือแค่จับมาประกอบกัน เหมือนทำกับข้าว ต่อตัวต่อน่ะครับ ส่วนจะออกมาดีไม่ดีก็อีกเรื่องครับ (ยิ้ม)

0
white cane 16 ส.ค. 61 เวลา 07:31 น. 11

อาการนั้นมันเรียกว่า "ออกนอกทะเล"


ดังนั้น ลองตัดเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปดู อะไรที่มันทำให้เรื่องไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ตัดออกไป อย่าเก็บไว้ เพราะเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากมันทำให้เรื่องออกนอกทะเล แต่ถ้าจะเก็บเอาไว้เป็นตอนพิเศษ เป็นเนื้อหานอกเรื่อง อันนี้ก็พอได้อยู่ ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่เหมือนกัน เสียดายตอนที่เขียนขึ้นมา (แต่ว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งออกทะเลนะ เดี๋ยวเรือจม ช่วงนี้พายุเข้าอยู่ ฮิๆ)

0
no one know 16 ส.ค. 61 เวลา 08:47 น. 12

ของผมใช้วิธีปักธงเป็นเช็คพ้อยท์ครับ คือจะดำเนินเรื่องยังไงก็ได้ ออกทะเลแค่ไหนก็ตามสะดวก แต่ถึงเวลาต้องลากมันไปที่จุดเช็คพ้อยท์ให้ได้ (ฮา)


ตัวอย่างเช็คพ้อยท์


1. พระเอกเกิดมาเป็นคนมีปม ไม่มีพ่อไม่มีแม่


2. พระเอกรู้ความจริงว่าพ่อของตัวเองคือจอมมาร


3. พระเอกเผชิญหน้ากับพ่อ และพ่อบอกให้มาร่วมมือกันครองโลกซะ!


4. หลังจากบ่ายเบี่ยงมานาน ในที่สุดพระเอกก็ยอมร่วมมือกับพ่อ แล้วโลกก็สงบสุข (?) อีกครั้ง...


เมื่อเรารู้ว่ามีเช็คพ้อยท์ตรงไหนบ้าง ระหว่างนั้นเราก็ให้พระเอกผจญภัยไปเรื่อย ๆ (ส่วนใหญ่ช่วงนี้ผมจะเขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียน เรียกว่าเป็นจุดปล่อยของ 55) พอถึงจุดหนึ่งเราก็เอามันวิ่งไปหาเช็คพ้อยท์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วครับ

1
ไม่ระบุชื่อ 26 ก.ค. 66 เวลา 22:30 น. 12-1

นี่ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้ได้ผลเลยทีเดียว เราจะวิ่งเล่นแกว่งหางที่ไหนก็ได้ขอแค่กลับบ้านถูก

0
Mrs. J 16 ส.ค. 61 เวลา 16:12 น. 13

ลองปรึกษาเพื่อนที่สนใจนิยาย หรือไม่ก็คิดก่อนว่าเราชอบเขียนแนวไหน ก่อนอื่นลองเขียนแบบสั้นๆ แล้วค่อยๆขยายความไปก็ได้ค่ะ ทดลองไปก่อนพอเราคิดว่าโอก็ค่อยลงที่ละตอน ก็โอนะคะ


0
ชนุ่น 16 ส.ค. 61 เวลา 19:40 น. 14

ผมเน้นทำตามเพลงทิ้งรักลงแม่น้ำครับ "ปล่อยให้ไหลไป...ให้ลอยลงสู่ทะเล" //ผิด 5555555


จะบอกว่าผมเน้นปล่อยไปเรื่อย ๆ ให้ตัวละครและเรื่องเดินไปเองตามที่ผมชอบครับ ฟังดูชุ่ย ๆ แต่ผมวางโครงเรื่องบางส่วนไว้ตามแนวที่กำหนด และปมตัวละครนิดหน่อย (ปมตัวละครนี่ผมค่อนข้างเน้นพอสมควรเพราะเน้นเขียนแนวจิตวิทยา เน้นการดำเนินเรื่องโดยตัวละครมากกว่า) แล้วให้ตัวละครให้ไปเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ นานา


ส่วนจะดัดแปลงอะไรก็อาจจะคิดนิดนึงว่าถ้าดัดรงนี้เรื่องจะเสียมั้ย เหตุผลอะไรพอรองรับได้มั้ย และดำเนินไปสู่จุดจบที่มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ตอนจบไหนดีที่สุด ฯลฯ


ของผมฟังแล้วอาจจะดูไม่มีแบบแผน แต่ถ้าร่างออกมาเป็นแผนภาพก็ง่ายขึ้นครับ เพราะผมเน้นเล่าเรื่องเป็นไทม์ไลน์ตรง ๆ มีแทรกบทย้อนอดีตบ้างตามแต่เรื่องจะสามารถใส่ไปได้แหละครับ


0
ชนุ่น 16 ส.ค. 61 เวลา 19:45 น. 15

ตามเพลงทิ้งรักลงแม่น้ำเลยครับ ปล่อยให้ไหลไป...ให้ลอยลงสู่ทะเล~ //ผิด 5555555


อันนี้อาจฟังดูชุ่ย ๆ แต่ผมวางพล็อตแบบ ตั้งโครงเรื่องไว้นิดหน่อย หรือตั้งตัวละครและประวัติ (ปมปัญหา) แล้วค่อยต่อยอดมาเรื่อย ๆ ตามแนวที่กำหนด ให้ไปเจอเหตุการณ์โน่นนี่ จนไปสู่จุดจบที่ผมคิดความเป็นไปได้ไว้แล้วเลือกอันที่ดีที่สุด


รูปแบบการคิดพล็อตมันแล้วแต่ว่าเราจะถนัดแบบไหนครับ แต่โดยรวมเป็นเหมือน ๆ กันคือการเดินเรื่อว่าจากจุดเริ่มต้นจะไปยังจุดจบ ต้องเจออะไร ต้องทำอย่างไร ถ้าเราวางพล็อตเหนียวแน่นและสดใหม่ได้ เทื่านี้ก็ไม่ยากแล้ว (แต่กว่าจะถึงจุดนั้นนี่ โค-ตะ-ระ ยากเลยครับ 555555)

0
ไม่ระบุคัวตน 26 ก.ค. 66 เวลา 22:08 น. 16

ปัญหาโลกแตกเดียวกันเลยครับ วางพล็อตหลัก คร่าวๆ ไว้พอสมควรแล้ว ต้น กลาง จบ มาครบ แต่รายระเอียดยิบย่อย จัดเรียงเนื้อหาให้สอดประสานกัน อันนี้ยากจริงๆ ปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เราเรียบเรียงเนื้อหาไม่ได้

แต่ส่วนตัวคิดว่า เราต้องปล่อยให้ตัวเองได้คิด ปล่อยวางความกดดัน ให้ความคิดมันค่อยๆ ทำงานของมัน

เอง คิดได้แล้วจดลงสมุด เพราะทุกความคิดคือต้องจดอันนี้ทุกคนรู้(555)

เมื่อได้แบบนี้แล้ว ให้ทบทวนสักหน่อย ให้เวลากับเขาอีกสักนิด แล้วมาเรียบเรียงเนื้อหาในแต่ละช่วงที่ความคิดมันผุดขึ้นมา มาบรรลุความลำบากนี้ไปพร้อมๆ กันนะครับ^^

0