Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมต้องบุลลี่เด็กที่ไม่อยากทำกิจกรรม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
          เราเป็นเด็กซิ่วที่ตอนแรกเรียนพยาบาลอยู่แล้วเราก็ลาออกมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เรียนเพราะเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ แล้วการรับน้องอะไรที่มันดูโซตัสจนเกินไป เราต้องอยู่อย่างหวาดผวากลัวรุ่นพี่มาก ถึงขนาดที่เราออกมาแล้วเรายังคงต้องรักษาตัวโดยการทานยาโรคซึมเศร้า
          แล้วพอเราซิ่วมาติดคณะเภสัชม.เอกชนที่นึง เรานึกว่าคณะนี้จะไม่เป็นอย่างเก่าแต่มันก็ไม่ต่างกัน บังคับตลอดใครไม่เข้าร่วมกิจกรรมรุ่นพี่ก็จะไม่ชอบ แล้วเหมือนกับว่าเราต้องอยู่คนเดียวเหมือนถูกสังคมบุลลี่ แต่ตอนนี้เราก็ยังทำอยู่เข้าห้องเชียร์เสมอ แต่เสร็จกิจกรรมทีไรเรากลับมาร้องไห้ที่ห้องทุกวัน ร้องจนตาบวมไปเรียนตอนเช้า แค่นี้มันก็เหนื่อยแล้วไหนจะเรียนหนัก เราก็เข้าใจว่ารุ่นพี่ก็เหนื่อยเหมือนกันที่ต้องมาสอนน้องร้องเพลงห้องเชียร์ แต่ก็ไม่ควรบังคับน้องไหม เราอึดอัดใจมากไม่รู้จะทำยังไงดีหรือเราควรถอยออกมา แล้วก้มหน้ารับไปแต่โดยดีโดนเพื่อน ๆ รุ่นพี่เมินเหมือนเป็นอากาศ หรือว่าเราควรจะอดทนให้มันจบ ๆ ไปดีคะ
         เราก็ไม่อยากทำหรอกค่ะ เพราะคิดว่าบางทีมันก็ดูไร้สาระเกินไปอย่างการล่าลายเซ็น เรากลัวมากกับการต้องไปขอแล้วพี่ก็จะทำหน้าโหด ๆ แล้วถามว่ารู้จักพี่มั้ย แล้วถ้าเราไม่รู้ หรือตอบผิดพี่แกก็จะเดินสะบัดไปเลยค่ะ แต่ถ้าลายเซ็นไม่ครบก็จะโดนทำโทษอีก

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

wwwwwowwwww 1 ก.ย. 61 เวลา 20:58 น. 1-1

มีคนบอกว่าให้ทำๆไปยอมๆไป เดี๋ยวก็อยู่ไม่รอดหรอก เพราะไปฝึกงานเราก็ต้องเจอรุ่นพี่อยู่ดีอ่ะค่ะ ถึงแจ้งไปยังไงเดี๋ยวเค้าก็ต้องยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่

0
Shalnark T Diabolus 2 ก.ย. 61 เวลา 00:06 น. 1-2

ถ้ารุ่นพี่ที่จบไปทำงานแล้วกล้าพอจะเอาชีวิตการทำงานตัวเองมาเสี่ยงกับวัฒนธรรมกระจอกๆในมหาลัยอ่ะนะครับ

0
wwwwwowwwww 1 ก.ย. 61 เวลา 20:59 น. 2-1

ไม่ใช่ว่านี่จะไม่ร่วมกิจกรรมทั้งหมดนะคะ แค่แบบไม่อยากทำทุกกิจกรรมเฉยๆ บางอย่างที่เราคิดว่าไม่โอเราก็ไม่อยากทำ

0
ช่วยๆกันนะ 1 ก.ย. 61 เวลา 22:52 น. 2-2

เราเรียนแพทย์นะ 5555

ไม่รู้ว่าทางคุณทำกิจกรรมคล้ายของเราไหม

ของเรามันจะมีเต้น มีร้องเพลง มีเข้าฐานกิจกรรมต่างๆ นี่ก็ไม่อยากเข้ากิจกรรมบางอย่างเหมือนกัน

อย่าง...กิจกรรมที่ให้ไปกลิ้งบนโคลนอันนี้ก็ไม่ไหวจริงๆ

เราก็บอกเขาไปตามตรงว่าไม่เข้าร่วมนะคะ ไปกับของสกปรกไม่ได้จริงๆ

แล้วโดนรุ่นพี่ถามกลับมาว่า "แค่โคลนยังกลัวว่าสกปรก แล้วตอนไปเจอเลือดเจอหนองคนไข้ไม่เป็นลมตายไปเลยเหรอ?"

เราเลยบอกว่า "ตอนทำหัตถการคนไข้ก็ไม่ได้ทำมือเปล่าตัวเปล่านี่คะ? มันมีชุดป้องกันให้ไม่ใช่เหรอ? หรือปกติพี่ผ่าตัดคนไข้ด้วยมือเปล่า เสื้อกราวน์เปล่า ...ไม่ได้ใส่ชุดปลอดเชื้อ?"

เท่านั้นแหละ จบเลยค่ะ5555

แต่เราก็เพิ่มเติมไปอีกว่า เดี๋ยวเราทำกิจกรรมอื่นชดเชยแล้วกันนะ แต่ขอโดดเฉพาะอันนี้นะคะ

เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอ่ะค่ะ ...ฮา

เพื่อน รุ่นพี่ก็ทำตัวปกติดี

เจ้าของกระทู้ลองทำแบบนี้ดูไหมคะ

0
wwwwwowwwww 1 ก.ย. 61 เวลา 23:19 น. 2-3

เป็นแบบห้องเชียร์ ละก็ต้องซ้อมบูมละก็ต้องสอบบูมด้วย ถ้าแบบเข้าฐาน เต้น กิจกรรม พวกนี้เราก็ทำนะคะ

0
M_a_R_c_H 2 ก.ย. 61 เวลา 12:12 น. 3

ในฐานะที่พี่เรียนจบ และทำงานมาหลายปีแล้ว ขอแนะนำน้องนะครับ


กิจกรรมบางอย่าง มันก็มีข้อดีของตัวมันเองอยู่นะครับ เราสามารถเลือกกิจกรรมที่เราอยากจะเข้าได้ บรรยากาศช่วงเข้าเชียร์มันก็จะกดดันประมาณนึง แต่พอจบจากเชียร์ ทุกอย่างก็จบ เป็พี่น้องกันเหมือนเดิม


การเข้าเชียร์ พี่ไม่เคยเก็บเอามาเครียดเลยนะครับ จบแล้วก็คือจบ ไม่มีรุ่นพี่โรคจิตที่ไหนมาแค้นฝังหุ่นน้องหรอกครับ ทำได้ก็ได้ไม่ได้ก็โดนทำโทษ เต้นโน่นนี่ไป มันก็จบแค่นั้นครับ


จริงๆที่พี่อยากจะบอกน้องนะครับ ถ้าน้องมาเจอความกดดันในสถานที่ทำงานจริงๆ เจอคนโรคประสาท แค้นฝังหุ่น ขี้นินทา แบบนี้น้องคงทำงานที่ไหนไม่ได้ เพราะมันมีทุกที่ครับ น้องจะเปลี่ยนที่ทำงานทุกครังที่เจอเรื่องแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ไง


อยากให้เปลี่ยนมุมมองใหม่ แล้วจะดีขึ้นครับ

0
G.Tenju 3 ก.ย. 61 เวลา 00:37 น. 4

ผมไม่รู้ทุกมิติของเหตุการณ์ จึงขอไม่ตัดสินรุ่นพี่ของน้องแล้วกัน


ตามที่ผมเข้าใจ น้องเป็นซึมเศร้าใช่ไหม? ผมเองก็เป็น อยากให้เข้าใจอย่างนึงไว้ว่าบางทีเคมีในสมองของน้องอาจทำให้น้องคิดมากเป็นพิเศษ จนตีความทุกอย่างว่ามันกำลังทำร้ายเราอยู่ก็ได้ คนเป็นซึมเศร้ามีแนวโน้มจะตำหนิตัวเองและไม่ไว้ใจคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


อย่างการล่าลายเซ็น ผมขอเดาว่าเราต้องไปขอลายเซ็นจากเพื่อนร่วมห้องหรือคนแปลกหน้าใช่ไหม? กิจกรรมพวกนี้มักจะมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ว่าต้องการให้เรากล้าที่จะทักทายคนแปลกหน้า ซึ่งถ้าน้องเป็นคนประเภทชอบอยู่ตัวคนเดียวไม่ยุ่งกับใคร(ที่ซึมเศร้ามักเป็นกัน) มันจะเป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะเราจะมองไม่เห็นความจำเป็นของมัน และเกิดอาการกลัวว่าคนที่เราคุยด้วยเขาจะไม่ยอมรับเรา เรากำลังทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์แถมรบกวนเขาด้วยอะไรประมาณนี้ (ซึมเศร้าเป็นตรงนี้กันเยอะมาก)


มีขอแนะนำให้น้องเลือกอยู่ 3 ทาง


1. บอกรุ่นพี่น้องตรงๆว่าเรารับไม่ไหว

เราเป็นซึมเศร้าแล้วรู้สึกเครียดกับการกดดัน ทำตัวนอบน้อมไปในฐานะ 'รุ่นน้องที่ต้องการคำปรึกษา' บอกเหตุผลให้ครบเพื่อจะหาทางออกทั้งสองฝ่าย เพื่อที่ว่าถ้าเราร่วมกิจกรรมกับเขาไม่ได้ จะได้ไม่ต้องระแวงกัน ซึ่งตรงนี้น้องต้องเซฟตัวเองไว้ด้วย หาเพื่อนสักคนที่ไว้ใจได้แล้วขอให้เขามาเป็นเพื่อน เพื่อป้องกันกรณีรุ่นพี่ดันอุตริจะเล่นบทจิตแพทย์ขึ้นมา ถ้ามันเกิดขึ้นจริงให้เพื่อนน้องช่วยพาหลบออกไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนภายนอกหลายคนยังไม่เข้าใจอาการของเรา ว่าถ้าไม่ไหว มันก็แปลว่า 'ไม่ไหว' จริงๆ


2. ใช้โอกาสนี้บำบัดตัวเอง

พวกรุ่นพี่อาจดูบ้าๆไปบ้าง แล้วเราก็อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไหนๆก็ต้องทนอยู่กับพวกเขาแล้วก็ใช้โอกาสนี้ฝึกตัวเองเลย ในมหาลัยยังเป็นแค่การจำลองคนนิสัยบ้าๆที่ข้างนอกมีอยู่เกลือนกราด ถ้าตรงนี้ที่เรายังสามารถรับมือกับมันได้ พอออกไปข้างนอกเราก็จะมีภูมิคุ้มกันติดตัวไปบ้าง อันนี้ขึ้นอยู่กับกำลังใจของน้องเองว่าไหวไหม? ถ้าไม่ไหวก็ไม่จำเป็นต้องฝืน ผมรู้ว่าอาการมันเป็นยังไง


3. พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คนเป็นซึมเศร้ามีโอกาสคิดเองเออเองมาก-ว่าคนอื่นคิดร้ายหรือไม่ชอบตัวเรา อยากให้น้องรู้ไว้ว่า สมองผู้ชายกับผู้หญิงจะไม่เหมือนกัน ผู้หญิงจะมีการตีความความรู้สึกและภาษากายได้เก่งมาก แต่ทว่ามันใช้กับผู้ชายไม่ได้ ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่คิดซับซ้อนขนาดนั้น เขาเงียบก็คือเงียบ ไม่ได้แปลว่าโกรธหรือโมโหอะไร ผู้ชายมักแสดงความรู้สึกไม่เก่งเพราะเราทุกคนถูกสอนให้อดทน ไม่เหมือนผู้หญิงที่สามารถแสดงออกมาอย่างชัดเจนได้ว่ารู้สึกยังไง บางทีในหัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องโต้ตอบยังไงด้วยซ้ำ ลึกๆแล้วเขาก็มีความปอดแหกเหมือนกัน ถ้าน้องสงสัยอะไรขอแนะนำให้ 'ถามตรงๆ' เพราะความจริงมันจะสามารถทลายความกังวลของน้องได้


น้องลองเลิกตีความสิ่งต่างๆแล้วมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง ส่วนใหญ่กิจกรรมพวกนี้มักจะมีจุดเป้าหมายคือการละลายพฤติกรรม ทลายความกลัวหรืออาการประหม่าคิดมากของรุ่นน้อง คนที่ผ่านพวกนี้ไปได้มักจะเป็นพวกทำตามกติกาได้แบบชิลๆไม่ซีเรียส เท่าที่ผมอ่านข้อความของน้อง น้องก็รู้อยู่แล้วว่ารุ่นพี่เหนื่อยเหมือนกัน นั่นเป็นสัญญาณที่ดีว่าน้องยังมีความใส่ใจคนอื่น


ที่เราเหนื่อยเราล้า เพราะเราเก็บมาคิดมากเกินไปครับ พูดไปก็ดูเหมือนอวดว่าผมเข้าใจน้องดี ผมเองก็แค่เคยเป็นแบบน้องมาก่อนเลยพยายามช่วยเท่าที่จะนึกออกได้ แนะนำให้ลองหาวิธีผ่อนคลายสมองดูบ้าง บางทีรูปแบบการเรียนการสอนมันไม่ตรงกับความถนัดของเรา หรือเรากดดันจากอดีต/อนาคตมากเกินไป ขอแนะนำวิธีง่ายๆให้น้องลองทำตามดู


ลองแบมือออกมา... แล้วค่อยๆกำมือลงไป... ทำสลับกันไปเรื่อยๆ แล้วลองสังเกตุความรู้สึกที่ฝ่ามือว่ามันร้อนหรือเย็น แค่รับรู้ไม่ต้องตีความ มันไม่มีผิดหรือถูก แค่รับรู้ไปเรื่อยๆ มันคล้ายกับการนั่งสมาธิแล้วจดจ่อกับลมหายใจนั่นแหละ แต่สิ่งนี้น้องสามารถทำได้ทุกที่ เช่น ตอนเดินอยู่ก็สังเกตดูว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนเกร็ง กระดูกส่วนไหนขยับ ตอนนอนก็ลองสังเกตการสั่นที่มาจากการเต้นของหัวใจ (มันฟังได้จริงๆนะ) ใช้ร่างกายรับรู้ พอมีความคิดอะไรแทรกเข้ามาให้ตบทิ้งซะ กลับมาอยู่กับร่างกาย


การทำสิ่งต่างๆพวกนี้สมองน้องจะได้พัก เพราะน้องสลับมาใช้ประสาทสัมผัสของร่างกายแทนสมอง ขอย้ำจริงๆว่าให้ลองทำดูก่อนไปสัก 3 วัน แล้วน้องจะพบว่าใจน้องจะค่อยๆสงบลงไปเอง สมาธิเราจะดีขึ้นเพราะสมองมันได้พักผ่อนบ้างแล้ว


ขอให้น้องใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่นเข้าไว้ แล้วก้าวข้ามผ่านบทเรียนชีวิตนี้ไปได้

1
wwwwwowwwww 3 ก.ย. 61 เวลา 09:18 น. 4-1

ที่พี่พูดมันตรงทุกอย่างเลยค่ะ แบบเรากลัวว่าเค้าจะปฏิเสธหรือไม่ยอมรับเรา แล้วเราก็คิดว่ามันไร้สาระ หนูขอบคุณพี่มากนะคะที่อุตส่ามาตอบทำให้รู้ว่ายังมีคนเข้าใจหนู พิมพ์ไปน้ำตาจะไหลไปเลยเนี่ย แต่ยังไงก็ขอบคุณพี่มากๆจริงๆค่ะ

0
ผู้หวังดี 3 ก.ย. 61 เวลา 19:32 น. 5

ไม่รู้สิ ไม่เคยสนใจด้วย ไม่แคร์อยู่แล้ว มาแคร์ตัวเองดีกว่าอย่าไปแคร์

อย่าให้ความสำคัญกับรุ่นพี่(พวกเขา)มาก ไม่ได้มาช่วยทำงานหรือช่วยจดเลคเชอร์ซักหน่อย


แล้วที่พวกที่บอกแค่นี้ทนไม่ได้ จะไปทำอะไรกิน

บอกไว้เลยนะมันคนละเรื่อง แล้วของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่เข้าเชียร์ก็ใช่ว่าจะทนเจ้านายด่าไม่ได้นิ

ไร้สาระมากบอกเลย โตขึ้นจะเข้าใจเอง


สรุป ก็แค่พวกรุ่นพี่ที่สำคัญตัวเอง แค่เราไม่แคร์ ไม่ให้ความสำคัญ เราก็ไม่ต้องคิดมาก รกสมองปวดหัวเปล่าๆ


0
Jdjd 4 ก.ย. 61 เวลา 09:55 น. 6

เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามครับ คำแนะนำของผมนะ ทำเนียนๆไปจะได้ไม่มีปัญหาครับ เพราะเวลาเรียนมันก็ต้องอาศัยรุ่นพี่หรือคำแนะนำจากรุ่นพี่เช่น ข้อมูลการเรียน ข้อสอบเก่า ข้อสอบใบประกอบวิชาชีพ ยิ่งปีสูงๆต้องไปฝึกงานตามโรงพยาบาลก็น่าจะวนเจอพวกรุ่นพี่ๆนี่แหละครับ มันยังต้องทำงานร่วมกันอีกและสื่อสารร่วมกันเยอะทีเดียวสำหรับสายวิชาชีพนี้ เวลาฝึกงานรุ่นพี่นี่แหละครับที่จะมาเป็นคนคอยสอนคอยแนะนำอะไรต่างๆให้กับเรา (อาจจะไม่ใช่ทุกคนนะครับ)

0