เสรีภาพที่หายไปโดยระบบ SOTUS
ตั้งกระทู้ใหม่
เสรีภาพที่หายไปโดยระบบ SOTUS
ในปีการศึกษา 2561 เมื่อเราจบการศึกษาจากระดับมัธยมศึกษาแล้ว สอบเข้ามหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว เมื่อเราเดินเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ภาพที่เรานึกขึ้นมาคือชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจะมีอิสระมากขึ้นได้ทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่ว่าสิ่งที่เราคิดไว้ว่าจะทำนั้นอาจถูกจำกัดเสรีภาพโดยระบบSOTUS จนกลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงว่าระบบSOTUS ว่ามีประโยชน์หรือไม่
ระบบSOTUS คือ ระบบที่รุ่นพี่ของบางคณะคิดขึ้นมาเพื่อบังคับรุ่นน้องให้ทำตามกฎ โดยกฎดังกล่าวเป็นกฎที่ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้กำหนดไว้ เราสามารถละเลยกฎของรุ่นพี่ได้ แต่การละเลยกฎของรุ่นพี่ก็จะถูกรุ่นพี่ตำหนิ ต่อว่า ตะคอกใส่ หรือถึงขั้นบีบบังคับให้ลาออก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การแต่งกาย รุ่นพี่จะกำหนดการแต่งกายขึ้นมาเองโดยใช้ชื่อว่า “ระเบียบคณะ” ซึ่งจริงๆแล้วอาจารย์ในคณะก็ไม่ได้กำหนดขึ้นมาแต่อย่างใด โดยระเบียบคณะที่ว่าจะให้เราผูกเนคไท ห้อยบัตรนักศึกษา หรือติดป้ายชื่อ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยไม่ได้บังคับให้เราใส่ในขณะที่นั่งเรียน แต่รุ่นพี่เป็นคนที่บังคับเรา
นอกจากนี้ยังมีกฎอื่นๆที่รุ่นพี่ห้ามไม่ให้เราทำทั้งที่ไม่ได้ผิดกฎของมหาวิทยาลัย เช่น
ห้ามทำสีผม ห้ามทำสีเล็บ ห้ามเคลือบเล็บ เป็นต้น โดยรุ่นพี่อ้างว่าเวลาจบการศึกษาไปแล้วได้งานทำเขาก็บังคับให้ใส่อยู่ แต่ที่จริงเราทำงานแล้วใส่ชุดยูนิฟอร์มของสำนักงานแล้วเราได้เงินเดือนเราก็ยอมทำ แต่การใส่ระเบียบคณะเราไม่ได้เงินจากรุ่นพี่ รุ่นพี่ไม่ได้ให้เงินเรา พ่อแม่ต่างหากที่เป็นคนให้เงินเราทั้งที่ไม่ได้บังคับให้ใส่ชุดระเบียบคณะ
ระบบSOTUS มีผลกระทบต่อนักศึกษาเนื่องจากเป็นการบีบบังคับให้ทำ การที่ถูกรุ่นพี่ตำหนิ การถูกตะคอกใส่ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของนักศึกษา ทำให้เราไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ถูกปิดกั้น ไม่มีความมั่นใจในตนเอง โดยจะส่งผลกระทบในระยะยาวเมื่อเราถึงวัยทำงานแล้วนั่นเอง
นักศึกษาทุกคนมีสิทธิ์ที่จะต่อต้านระบบSOTUS มีสิทธิ์ที่จะละเลยกฎของรุ่นพี่ที่ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้กำหนด เราสามารถทำตามกฎของทางมหาวิทยาลัยเพราะมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งที่ให้ความรู้กับเรา รุ่นพี่ควรดูแลน้องไม่ใช่บีบบังคับแบบเจ้านาย เรามีเสรีภาพที่จะแต่งกายโดยไม่ผิดต่อกฎของมหาวิทยาลัย ดังนั้นเราควรยกเลิกระบบSOTUS ออกจากระบบการศึกษา
MR.LOSER
ลองอ่านเเล้วเป็นอย่างไรบ้างครับเเสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ อยากรู้เหมือนกันว่าทางรุ่นพี่ที่ใช้ระบบนี้จะคิดยังไง
2 ความคิดเห็น
"โซตัส ดำรงอยู่ได้ด้วยความเต็มใจ"
ระบบ โซตัส นำมาซึ่งความขาดเสรีภาพ จำกัดสิทธิ และเพิ่มภาระให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครองโดยไม่จำเป็น เมื่อมองผิวเผิน ใครๆก็บอกได้ว่า โซตัส คือ ระบบอำนาจนิยมดีๆนี่เอง ที่บังคับให้ใครต่อใครก้มหัวลง ทั้งๆที่เขาไม่ได้ยินยอม แต่ถูกบังคับให้จำยอม ...
แต่กระนั้น โซตัสก็ยังถูกสืบสานต่อมารุ่นสู่รุ่น และดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้นเลยในบางสถาบัน มันอาจจะเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความหมายที่แท้จริงของโซตัสนั้น ไม่ใช่อำนาจนิยม ... แต่คือ ความใจ ... คงฟังดูน่าขันสำหรับคนที่เคยผ่านเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ก็มิใช่สำหรับทุกคน ความจริงของข้อความนี้ถูกยืนยันได้ด้วยการที่ทุกวันนี้ยังมีคนสืบสานระบบโซตัสอยู่ .. เพราะเมื่อเรายอมอยู่ภายใต้ระบบแล้ว มิใช่เพียงปีแรกปีเดียว แต่มันคือ ตลอดไป ทุกวันหลังจากนี้ รุ่นพี่ จะเป็นรุ่นพี่สำหรับเรา (เว้นแต่มีเรื่องให้บาดหมางใจเสียใหญ่โตต่อกัน) นั่นคือ สิ่งที่ชนกลุ่มน้อยกลุ่มนี้เรียกว่า ความใจ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ มิตรภาพ ที่ก่อกำเนิดขึ้นอย่างแน่นแฟ้นจากระบบนั้น
มิตรภาพที่ว่า มันก่อตัวจากการที่รุ่นพี่มองรุ่นน้องว่าเป็นน้อง ยินดีช่วย ยินดีเอ็นดู ยินดีผูกพัน ส่วนรุ่นน้อง จำยอม ต่อรุ่นพี่ โดยเหตุผลเดียวคือ พี่เป็นพี่ เมื่อสองแนวคิดนี้เข้ามาเจอกันในกิจกรรมที่เรียกว่า "รับน้อง" กิจกรรมที่พี่ต้องดูแลน้องด้วยชีวิต และน้องได้ต้องยินยอมเข้ากิจกรรมด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ในช่วงกิจกรรมนั่นเองที่แนวคิดนั้นได้รับการพิสูจน์ ... น้องย่อมสัมผัสได้ถึงความจริงใจของพี่จริงๆ ส่วนพี่ย่อมสัมผัสได้ถึงความน่าเอ็นดูของน้องที่ยินยอม ... ตรรกะนี้ช่างน่าขัน และดูไร้เดียงสา แต่ทว่า ก่อกำเนินเป็นความสัมพันธ์ต่อกันได้จริง
แต่แน่นอนว่า เรื่องนี้มีช่องโหว่ และเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่มากๆ ด้วยว่า จุดเริ่มต้นของกิจกรรมนั้น เป็นการบังคับ .. และแค่คำว่า "บังคับ" ก็เพียงพอที่จะใช้กล่าวหาแล้ว ไม่ต้องมีคำใดๆมาบรรยายเพิ่มเติมอีก อีกทั้ง ไม่ใช่ทุกคนที่จะมานั่งซาบซึ้งสัมผัสความรู้สึกจริงใจของกันและกัน และที่สำคัญมากๆคือ ไม่ใช่พี่ทุกคนที่รู้จักใช้อำนาจนั้นในทางที่ถูกต้อง หรือใช้ด้วยความเข้าใจ
นอกจากความผูกพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องแล้ว โซตัสยังก่อให้เกิดความกดดันภายในรุ่นเดียวกัน หรือที่ทางชีวภาพเรียกว่า ความเครียดจากภายนอก ระบบโซตัสเป็นความเครียดที่กระตุ้นให้คนภายในรุ่นเดียวกัน เร่งรีบ ที่จะผูกกันแน่น แต่อาจไม่ใช่ในฐานะมิตร บางทีเป็นเพียงในฐานะผู้ร่วมงาน หรือผู้เกรงใจกัน ผลจากความเครียดที่พอเหมาะอาจชักนำสิ่งมีชีวิตให้ตอบสนองได้ดีอย่างไร ผลจากความกดดันของโซตัสก็อาจชักนำให้คนในรุ่นนั้นช่วยกันทำบางสิ่งให้สำเร็จออกมาได้อย่างนั้น ผลที่ได้จากความเหนียวแน่นที่จำเป็นต้องมีต่อกัน เพื่อแสดงออกมาใช้ปกป้อง หรือ ร่วมแบกภาระกัน กลายเป็นสิ่งมีค่า หรือ ความสำเร็จบางอย่างที่น่าภาคภูมิใจในความทรงจำ ก่อให้เกิด ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในรุ่นเดียวกัน
และเมื่อมีคุณค่า มีความสำเร็จ มีความทรงจำ จึงมีแรงผลักดันให้มีโซตัสต่อไป
แน่นอนว่า มีช่องที่เป็นปัญหา เป็นช่องโหว่ที่จะใช้โจมตีระบบโซตัสได้อย่างเมามัน ...
ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จากที่ผู้เขียนได้เสนอประเด็นในตอนต้นที่ว่า "โซตัส ดำรงอยู่ได้ด้วยความเต็มใจ" จึงไม่น่าจะใช่เรื่องที่ไกลเกินความเป็นจริงไป(ตามทัศนคติของผู้เขียนเอง) ผู้เขียนมิได้เห็นด้วยในความรุนแรง หรือการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องมาบังคับควบคุม จำกัดสิทธิ จำกัดเสรีภาพ ไม่ได้เห็นด้วยเรื่องอำนาจนิยม ไม่ได้ชอบการว๊าก การเข้าห้องเชียร์ แต่ผู้เขียนก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน ว่าครั้งหนึ่งนั้น หัวใจของผู้เขียนตกหลุมรัก ความทุ่มเทของรุ่นพี่ทุกคนอย่างหมดทั้งหัวใจ ..
กระผมคิดว่า โซตัสอาจจะดำรงอยู่ต่อไป จนกว่าจะมีการประกาศเป็นกฎหมายบังคับให้เลิกใช้ หรือ จนกว่าจะมีใครเสนอระบบปกครองที่ดีกว่า และกินใจเท่า โซตัส ...
(ความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่สามารถใช้อ้างอิงในชั้นศาล และไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเลวร้ายเท่าเทียมกันทุกที่)
ระบบ sotus ก็เป็นเช่นเรื่องอื่นๆ คือ เป็น ดาบ 2 คม
ผู้ใช้ และ ผู้ปฏิบัติ เป็นผู้ได้รับผลกระทบ เป็นการฝึกฝนวินัย
เป็นการควบคุมตนเอง รู้จักตนเอง รวมทั้งสังคมภายในมหาวิทยาลัย
ซึ่งนักศึกษาที่มีความคิดอิสระมากมายไม่เข้าร่วม หรือบางคนเข้ามาทดลอง
มีทั้งประโยชน์ และปัญหามากมาย เพียงแต่หลายแห่งบ้ามากเกินไป
ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จนทำให้เสียหายทั้งระบบ ซึ่งก็เป็นนักศึกษารุ่นพี่นั่นเอง
ซึ่งเริ่มต้นจริง ๆ แล้ว ค่อนข้างดีทีเดียว ทั้งนี้ ในปัจจุบัน การเข้าร่วมกิจกรรมคณะ
ควรต้องเปิดเสรี ให้นักศึกษา เข้าร่วม หรือ ไม่เข้าร่วม โดยสมัครใจ
โดยคณะต้องทำให้ช้ดเจน ไม่ให้เกิดความรู้สึกถูกกดดันได้ จะเป็นประโยชน์จริง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?