Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

โดนแท๊กซี่ล่วงเกิน ไม่อยากไปเรียนพิเศษตอนกลางคืนแล้ว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
บางคนอาจจะคิดว่า อ้าว ยัยนี่คนเดียวกับที่เคยตั้งกระทู้บ่นโดนแท๊กซี่ด่าหน้าแก่นี่ ทำไมวันนี้ตั้งว่าโดนล่วงเกิน...คำตอบคือมันคนละคันกัน แล้วเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราถึงมีเรื่องกับแท๊กซี่อยู่เรื่อย

คือเราเรียนภาษาแถวๆที่ไกลจากบ้านพอสมควรเลย แถวอโศกโน่น ตอนแรกเราไม่รู้อะไร ไปเลือกเรียนซะค่ำเลย คิดว่าจะได้มีเวลาเรียนอย่างอื่น ทำอย่างอื่นตอนกลางวัน แล้วก็อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นมากในตอนนั้น
แต่พอไปกลับจริงๆแล้วเราเพลียมาก เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ทั้งๆที่ปกติเราหัวไวกว่านี้ แล้วคนที่เรียนด้วยก็มีแต่พวกรุ่นพี่ๆวัยทำงาน ไม่เป็นไปอย่างที่เราคิดเอาไว้เลย

แต่ปัญหาที่หนักกว่าอีกอย่างคือเรื่องแท๊กซี่ ล่าสุดขากลับหลังจากเราลงจากรถไฟฟ้า เราโดนแท๊กซี่เขาชวนคุยเยอะ จีบ แถมพาไปเลี้ยงข้าวร้านข้างทาง ซึ่งมันก็ออกจะดึกแล้ว ลุงแท๊กซี่ก็ดูอายุมาก มาจีบเราแบบนี้น่าจะไม่ได้มีจิตใจปกตินัก โทรศัพท์เราวันนั้นก็แบตหมด(จริงๆมันมักจะแบตหมดตอนค่ำทุกวันแหละ) เรากลัวมาก เลยไม่กล้าปฏิเสธ แต่ก็ไม่กล้ากินอะไรเหมือนกัน ก่อนอาหารมาเราเลยบอกว่าเราไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบหนีไปโบกแท๊กซี่คันอื่นไปส่งแถวๆรถสองแถวเพื่อจะต่อรถเข้าบ้าน

หลังจากวันนั้นเราก็กลัวมาก แต่โทรไปขอเปลี่ยนเวลาเรียนก็ไม่ได้ ผิดกฏโรงเรียน ส่วนแม่เราก็ไม่ยอมให้เราเลิกไปเรียน บอกว่าเรื่องนิดเดียวเอง ต้องรับมือให้ได้ แม่ยังออกไปทำงานกลับค่ำทุกวันเลย แล้วเราเป็นคนอยากเรียนเองนะ เงินก็จ่ายไปแล้ว ถ้าไม่ยอมไปเรียนให้ครบ วันหลังจะไม่ยอมให้เรียนพิเศษอย่างอื่นที่เราอยากเรียนอีก เพราะเราไม่มีความมุ่งมั่นพอที่จะเรียนให้จบคอร์สด้วยซ้ำ

เราก็เลยยอมเออออตกลงกับแม่ แต่จริงๆแล้วเราแอบโดดเรียนไม่ยอมออกนอกหมู่บ้านมาหลายคลาสแล้ว ทุกค่ำที่มีเรียน เราจะแอบไปนั่งในร้านกาแฟในหมู่บ้าน ไม่กล้าออกไปเรียนจริงๆ แถมยังมีความกลัวเรียนไม่ทันแล้วจะอายบวกเข้ามาอีกอย่าง เลยยิ่งไม่ยอมไปเรียนเข้าไปใหญ่

เราไม่รู้จะทำยังไงให้ตัวเองกล้าไปเรียนต่อให้จบ และสอบให้ผ่าน เพราะถ้ามันไม่ผ่าน แม่เราต้องหาว่าเรามุ่งมั่นไม่พออีกแหงๆ

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

จขกท 16 ต.ค. 61 เวลา 17:33 น. 1

เราโดนพวกรถแท๊กซี่ทำร้องไห้บ่อยมากจริงๆ เราเป็นแอสเพอร์เกอร์กะโรคแนวๆเดียวกันอยู่หลายอย่าง ปกติแล้วคนส่วนใหญ่ที่รู้จักเราจะคุยกับเราด้วยความระมัดระวังอยู่บ้าง

แต่พวกแท๊กซี่ที่ไม่รู้จักเราเลยดันชอบชวนเราคุยอยู่เรื่อย แล้วก็ทำเราร้องไห้จนตาบวมทุกที เพราะเขาชอบมาวิจารณ์ที่เรียนเราบ้าง วิจารณ์หน้าตาเราบ้าง บางทีก็เอาลูกตัวเองมาอวดข่มเราประมาณว่า'ลูกผมเป็นลูกคนขับแท๊กซี่อย่างผม แต่สอบเข้าโรงเรียนที่ดีกว่าหนูได้ ไม่เป็นโรตคอะไร แถมสวยกว่าหนูด้วย'(เราเลยแอบแปะหมากฝรั่งไว้ใต้เบาะซะเลย) วิจารณ์โรคที่เราเป็นบ้าง...หรือบางทีก็จีบเราแบบนี้ ซึ่งเรากลัวมาก

ปกติเราก็พยายามใช้การขนส่งสาธารณะที่ตนเยอะๆนะ แต่บางทีมันหลีกเลี่ยงแท๊กซี่ไม่ได่

0
kAew Dek-D Columnist 16 ต.ค. 61 เวลา 23:40 น. 3

บอกคุณแม่เรื่องที่โดนคุกคามแล้วเหรอคะ ทำไมคุณแม่ยังยืนยันให้ไปเรียน อันนี้แปลกมาก คือถ้าแม่ยังยืนยันจะให้เรียนนะ ลองหาเพื่อนกลับบ้านด้วยกันค่ะ ทางเดียวกันไปด้วยกัน อย่างน้อยก็ปลอดภัยขึ้น หรือมันมีทางอื่นให้เรากลับบ้านได้มั้ย เช่น รถไฟฟ้าต่อรถเมล์ หรือถ้าเปลี่ยนไปเรียก Grab Car อาจจะสบายใจกว่ามั้ย


หรือถ้ามันไม่ไหวจริงๆ น้องเองก็ไม่อยากไปเรียน ไปก็โดด เลิกไปเรียนแล้วลองตั้งใจเรียนผ่านยูทูบ หรือซื้อหนังสือมาอ่านเองดูมั้ยละคะ อะไรที่เราไม่ไหวจริงๆ ฝืนไปก้จะยิ่งแย่

0
Bigmum 17 ต.ค. 61 เวลา 13:42 น. 4

ขึ้นอยู่กับการระวังตัวของตัวเอง แท็กซี่มีเป็นพันคันมันคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ทุกคันอยู่แล้ว ส่วนตัวป้าเองมีลูกเล็กเวลาไปไหนมาไหนคือ ใช้บริการแท็กซี่ค่อนข้างบ่อย แต่ส่วนมากแท็กซี่ที่เจอเค้าก็ทำตามหน้าที่ของเค้าคือ ถามเส้นทาง กดมิเตอร์ ขับไปส่ง แต่สิ่งที่แท็กซี่แทบทุกคันเป็นเลย คือชอบชวนผู้โดยสารคุย อันนี้เราสามารถวัดเจตนาและท่าทางได้ไม่ยาก ถ้าเห็นท่าไม่ดีป้าก็ลง โบกคันใหม่ จนกว่าจะได้คันที่รู้สึกว่าปลอดภัยกับเราและลูกจริงๆ คนสมัยนี้มันโรคจิตได้ทุกแบบทุกที่ ไม่จำเป็นต้องเป็นแท็กซี่ หนูควรสำรวจตัวเองว่าทำอะไรล่อแหลมให้เสี่ยงต่อภัยเหล่านั้นมั๊ย เช่น แต่งตัวเปิดเผยเกินไป ใส่เครื่องประดับของมีค่า อะไรแบบนั้น ถ้าไม่ใช่ สิ่งที่แนะนำได้คือ


1.ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยให้ขอลงไปเลย ถ้าไม่ยอมจอดหาช่องทางแอบโทรเรียก 191 โทรศัพท์ควรเติมเงินหรือมีแบตให้พร้อมเสมอหรือไม่ก็ลงทุนซื้อสเปรย์พริกไทยไว้ป้องกันตัวอีกทางหนึ่ง


2. มีสติเสมอ จำเลขทะเบียนและชื่อคนขับให้แม่น เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้โทรร้องเรียนหรือแจ้งตำรวจได้


3. ใช้บริการ Uber หรือ Grab taxi ไปเลย


4. หาที่เรียนใหม่ที่ใกล้บ้าน



ขอพูดในอีกเรื่องในฐานะมนุษย์แม่ ป้าไม่รู้ว่า แม่ของหนูเลี้ยงหนูแบบไหน ยังไง แต่เท่าที่อ่านมา ป้ารู้สึกได้ว่า ในความเป็นแม่ ที่เค้าพูดแบบนั้นไป ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงนะ แต่แค่อยากให้ลูกจำไว้เป็นบทเรียนและหาทางออกลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง มันไม่สามารถเป็นไปได้ ที่แม่คนหนึ่งจะตามประกบรักษาความปลอดภัยให้ลูกทุกฝีก้าวเหมือนสมัยเป็นเด็กเล็ก ทุกคนมีหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ ถ้ามัวแต่มานั่งพึ่งพาอีกฝ่าย ก็ไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี ลูกนกยังต้องตกลงมาเจ็บ ตอนฝึกบิน เพราะฉะนั้น สิ่งที่แม่ของหนูคาดหวังคือ เชื่อว่าลูกของตัวเองจะต้องเอาตัวรอดได้ พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยทั้งชีวิต สักวันหนึ่งก็ต้องตายจากไม่ช้าก็เร็ว ถ้าหนูผ่านเรื่องนี้ไปได้ มันจะทำให้หนูรู้สึกว่าปัญหาอื่นๆต่อไปที่จะเข้ามาในชีวิตมันไม่หนักหนาเลย

0
สู้ๆนะครับ 18 ต.ค. 61 เวลา 22:24 น. 5

ใช้การแกล้งโทรศัพท์ครับโดยที่ทำทีว่าโทรหาพ่อหรือมีคนโทรมาแล้วก็ให้ถามไปว่าออกเวรรึยังเลิกกี่โมงทำฟอร์มว่าคนที่โทรมาหรือคนที่เราโทรไปเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารให้แท็กซี่คิดว่าเราเป็นคนที่มีคนรู้จักเป็นตำรวจหรือทหารแท็กซี่จะได้ไม่กล้ายุ่งกับเราแต่ถ้าเจอเหตุการแบบนี้ควรมีสติรอบคอบก่อนเป็นอย่างแรก

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

deejung_deejai (ไลน์) 19 ต.ค. 61 เวลา 15:41 น. 7

แทกซี่แปลกหน้าชวนในรถ ทำไมต้องลงไปกินข้าวกับเขาตอนค่ำๆล่ะครับ หมายถึงว่า ใครก็ชวนไปกินข้าวได้เหรอ

แล้วเขาล่วงเกินยังไง

0