Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review เตรียมตัวสอบการสอบและศูนย์สอบ TOEFL iBT ศูนย์สอบเกษมบัณฑิต 2018

ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ

เนื่องจากในวันที่ 20 ตุลาคม 2018 ผมได้มีโอกาสสอบ TOEFL iBT ที่ศูนย์สอบเกษมบัณฑิต ผมจึงอยากจะแชร์ประสบการณ์ครับ

ขอแนะนำตัวก่อน

ผมตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.6 เหตุผลของการไปสอบครั้งนี้คือ เพื่อไปสมัครและยื่นทุนเข้ามหาวิทยาลัยต่างประเทศครับ ซึ่งส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนเกลียดภาษาอังกฤษแบบเข้าไส้เลย สอบตกที่โรงเรียนบ่อย คะแนนภาษาอังกฤษก็น้อยมากด้วย จู่ๆผมเกิดมีความฝันและมีไฟที่จะไปเรียนต่อนอกในตอน ม.5 ครับ ซึ่งแน่นอนว่า ม.5 นั้นกิจกรรมเยอะสุดๆ เรียนหนักด้วย และผมต้องทำโครงงานวิทยาศาสตร์อีกด้วย เวลาในการเตรียมตัวจากที่เยอะๆจึงกลายเป็นริบหรี่ ผมจึงขอ Dedicate กับการเตรียมตัวสอบครั้งนี้ ทำให้ผมแทบจะไม่ได้อ่านเนื้อหาวิทย์-คณิตเลยในช่วงเวลาที่ผ่านมาก
//ถามว่าทักษะภาษาเราป่วยขนาดไหน -ป่วยระดับ คำนาม+ing, ใช้ Adj แทนกิริยา, ประธานใช้ him, her, me ก็เคยใช้มาแล้ว คิดดูขนาดไหน

เตรียมตัวสอบ

ขอเกริ่นไว้ก่อนครับว่า ทางบ้านผมมีฐานะปานกลาง ค่อนไปทางจนนิดๆ ฉนั้น เรื่องเรียนพิเศษไม่มีทางเป็นไปได้ครับ แล้วเนื่องจากพี่ของผมเคยสอบ TOEFL iBT มาก่อน ผมจึงใช้หนังสือเก่าของพี่ผมครับ

Barron's TOEFL iBT 14th Edition

เครดิตรูป : https://www.amazon.in/Barrons-TOEFL-Pamela-Sharpe-Ph-D/dp/1438001568

เล่มนี้จะประกอบด้วย เทคนิคการทำข้อสอบในแต่ละพาร์ท และก็ Pre-test ครับ
ข้อดี
1.เทคนิคเยอะมาก ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเทพเลย ผมคิดว่าคนที่มีเวลาเตรียมตัวเยอะ แบบเป็นปี ต้องลองครับ
2.Listening section พูดเร็วมาก
ข้อเสีย
1.ไม่ได้ทำในคอม
โดยส่วนตัว
ผมใช้เล่มนี้ไว้ทำโจทย์ครับ 

ต่อไปนี้ ผมจะเริ่มรีวิวสิ่งที่ผมใช้เตรียมตัวแบบจริงๆนะครับ (ของ Barron ผมไว้ทำโจทย์อย่างเดียว)

Youtube
ใช่แล้วครับ ผมใช้ Youtube ในการเตรียมตัว โดยผมได้ทักษะ Listening, Writing จาก Youtube นี้หล่ะครับ

1. เริ่มต้นกับการสอบ ด้วยการแนะนำ + เทคนิคในภาษาไทย

https://www.youtube.com/playlist?list=PLpZKBsa1xQzdWb1Jophk3Smx46JWe0eeg

อันนี้คือ Playlist ที่ผมทำไว้ตอนฝึกแรกๆครับ เนื่องจากผมยังไม่ชินกับภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ผมเลยหาคนไทยที่สอน TOEFL ไว้ครับ

2. อัพระดับการเรียนรู้ ด้วยภาษาอังกฤษ

https://www.youtube.com/channel/UCAQg09FkoobmLquNNoO4ulg

คนนี้เป็นคนรัสเซีย ที่สอบ TOEFL iBT ได้คะแนน 119/120 ซึ่งเทพมากๆ และเธอก็แนะนำวิธีการเตรียมตัวสอบด้วย ว่างๆก็ลองดูก็ได้ มีทั้งเทคนิคเล็กๆ สำหรับคนเรียนภาษาอังกฤษด้วย


3. เรียน Writing




อันนี้มีประโยชน์มากๆ เพราะถ้าไม่ได้คนนี้ Writing ผมเน่าแน่ๆ

4. โจทย์ Listening ที่เยอะมากๆ ไม่รู้จะเยอะไปไหน
แต่ส่วนตัว ผมว่าโจทย์ง่ายกว่าของจริงมาก ถ้าใครยังอยู่ระดับเริ่มต้นก็ลองๆได้ 
https://www.youtube.com/playlist?list=PLypKRMg8Q-k4QO-cdsCihPSFcw7YLkT8p

Notefull

อันนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงเรื่องเตรียมสอบ TOEFL iBT มีตั้งแต่ฟรีจนถึงระดับบเสียเงิน

https://www.notefull.com/

ซึ่งบอกได้เลยว่า ตอนผมสอบ Speaking ผมใช้ Structure and Strategy จากเว็บนี้แหล่ะ ถ้าไม่ได้ Notefull ผมคงเน่าไปแล้ว


หลังเตรียมตัวสอบก็ต้อง Evaluate yourself

หรือลองประเมิณ สิ่งที่ได้มาจากการเตรียมตัวครับ ผมได้ประเมิณไว้ก่อนสอบ 7 วัน ผมได้พบว่า
1. Listening skill ของผมอยู่ระดับ Disaster หรือก็คือห่วยสุดๆ คงเป็นเพราะผมไม่เคยสนใจ Listening มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทักษะผมก็พัฒนานะ แต่ยังไม่พออะ จากตอนแรกที่ฟังไม่ออกเลย ตอนนี้ผมเริ่มจับใจความได้ครับ แต่ไม่ถึงกับคล่องปรื๋อ ถ้าสมาธิผมหลุด ก็หลุดไปเลยครับ
2. Reading skill ผมหยุดพัฒนา คือในตอนแรกผมทำไม่ค่อยได้น่ะครับ ผมก็เริ่มทำโจทย์+ท่องศัพท์ไปเรื่อยๆจนเริ่มชินมือ ผมพบว่ามันดีขึ้นครับ แต่กลายเป็นว่าตอนนั้นผมเหลิงตัวเองไปช่วงนึง พอกลับมาทำโจทย์ใหม่ 2-3 สัปดาห์ก่อนสอบ คะแนนลดลงไปอยู่กลางๆ แล้วมันก็กลางๆแบบนั้นไปเลยจนถึง 1 วันก่อนสอบ
3. Speaking skill ของผมพัฒนาจนใช้ได้ จากแต่ก่อนตะกุตะกะ พูด Ummmm Ummm Ummm บ่อย ตอนนี้ลดลง ยิ่งตอนไปสอบจริง ผมรู้สึกว่ามันมีความ Fluent อยู่บ้างในบางโมเมนต์ แต่ก็มีช่วง Dead air คือไม่รู้ไงว่าจะแถอะไรต่อเนื่องจากพูดเสร็จแล้วเหลือเวลา
4. Writing skill ของผมค่อนข้างคงที่ครับ เนื่องจากผมเริ่มฝึกพิมพ์ภาษาอังกฤษผ่านทางเฟซบ้าง อะไรบ้าง จึงไม่ค่อยพิมพ์ผิดเท่าไหร่

1 สัปดาห์ก่อนสอบ ทำอะไรบ้าง

หลังจากประเมิณตัวเอง ผมได้ทำดังนี้ครับ
7-5 วันก่อนสอบ ผมได้ลงแรงไปกับ Part ที่ไม่ถนัดที่สุด นั้นก็คือ Listening
5-3 วันก่อนสอบ ผมได้เขียนสรุป + Template ก่อนสอบ โดย Template เป็นของ Speaking ครับ เขียนไว้ว่า จะพูดยังไงบ้าง
2 วันก่อนสอบ ผมพักผ่อนแบบเต็มแรง เต็มที่ครับ เพราะว่าก่อนสอบผมเครียดมากๆ ผมเลยใช้เวลาทั้งวันไปกับการพักผ่อน ดูการ์ตูนเรื่องโปรด เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง จัดเต็ม
1 วันก่อนสอบ เป็นวันเดินทางไปสอบครับ เนื่องจากบ้านผมอยู่ร้อยเอ็ด ผมจึงเดินทางจากร้อยเอ็ดไปกรุงเทพ ใช้เวลาเกือบทั้งวัน เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แน่นอนว่าในรถว่างมาก ไม่พ้นอ่าน Template + สรุปที่เขียนมา แล้วก็มีดูหนังในรถบ้างแก้เครียด 

มาถึงวันสอบ

มาถึงก็ขึ้นลิฟไปยัง KBU Promatic test center ทันที ผมมาถึง 8.15 AM อาจารย์คุมสอบดูเป็นมิตรครับ มาถึงก็ลงทะเบียน นั่งรอ ถึง 8.45 อาจารย์เรียกผมเข้าไปเก็บของเข้า Locker ตรวจโลหะ และพาผมเข้าห้องสอบ โดยอาจารย์ได้บอกว่าถ้าพร้อมก็ให้เริ่มทำได้ ผมจึงไม่รีรออะไรทั้งสิ้น ทำทันที

Reading Section
ส่วนตัวบอกได้เลยว่า ยากกว่าที่เคยทำโจทย์มาจริงๆ มีเวลาทั้งหมด 80 นาที ปัญหาที่พบอย่างแรกคือ ผมใช้เวลาในการคิดแก้โจทย์นานมาก Topic แรกผมเสร็จก็ใช้เวลาไป 22 นาที มา Topic ที่สองผมเริ่มใช้เวลานานขึ้นเป็น 25 นาที ผมเริ่มคิดละว่าซวยละไง บวกด้วยผมเป็นคนอ่านภาษาอังกฤษ ตีความไม่ค่อยแตก ทำให้เริ่มเครียดในห้องสอบ Topic ที่สามผมพยายามทำให้เร็วที่สุด พบว่า Topic สุดท้าย ผมมีเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น ผมจึงเปิดใช้ Skimming reading skill ที่ผมไม่กล้าใช้เท่าไหร่ (เพราะยังไม่คล่อง) กลายเป็นว่าเป็นนรกขุมแรกไปในทันที สุดท้ายก็ทำทัน

Listening Section
ไม่ทันไร ยังไม่ทันได้พักหายใจ ผมก็เผลอกดไปต่อ เข้าสู่ Listening Section อย่างไม่ได้ตั้งใจ นี้หล่ะ นรกของจริง ในตอนแรกเจอบทสนทนา ผมพยายามไม่จดอะไรทั้งสิ้น เพราะผมอยากที่จะเข้าใจก่อนว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แล้วค่อยจดว่ามี Solution อะไรบ้าง แรกๆก็ไปได้ถูๆไถ พอมาถึง Lecture เท่านั้นหล่ะ เกิดอาการง่วงจ้า เพราะตอนเราฟัง เราเผลอหลับตา จู่ๆเกิดอาการหนังตาหนักเป็นตัน ซวยแล้วววว ทำให้กลายเป็นว่าเป็นการฟัง Lecture ที่หลับตาตลอด พอหรี่ตาได้ก็คุมสติ หยิกมือตัวเองบ้าง จดบ้าง คือมันหลุดไปตั้งแต่แรกไง เลยไม่รู้ว่าที่จดไปมันคืออะไร 
จบแล้วววววววววววววววววววcryingcryingcrying
สุดท้ายก็ต้องประคับประคองตัวเองในห้องสอบ + ความเครียดพุ้ง เพราะเริ่มฟังไม่รู้เรื่องแล้ว กลายเป็นว่า นี้เป็นนรกขุ่มที่สองไปในทันที

พักเบรก 10 นาที
ออกจากห้องสอบด้วยความเครียด รีบเอากุญแจเปิด Locker หยิบช๊อคโกแลตเข้าห้องน้ำ กินไปอึไปทันที เพื่อให้ความเครียดลดลง ตั้งสติ ล้างหน้าเพื่อปัดความง่วงนี้ออกไป ไปถึงตรงห้องนั่งเล่น มีกาน้ำร้อนอยู่ ผมจึงดื่มน้ำอุ่นๆก่อนเข้าสอบ เพื่อดึงสติตัวเองกลับมา

Speaking Section
และแล้วก็มาถึง เป็นพาร์ทที่ผมคิดว่าถนัดที่สุด มีทั้งหมด 6 คำถามครับ ในคำถามแรกและคำถามที่สองเป็น Independent คือไม่ได้มีอะไรมาก แค่ถามประมาณว่า จะทำอะไร เพื่ออะไร มีเวลา 15 วินาทีในการเตรียมตัว และมีเวลา 45 วินาทีในการพูด ผมก็ได้ใช้ Template ที่ผมนั่งท่องมา ได้ใช้ซักที ในข้อแรกไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ อาจมีตะกุตะกะบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แกรมม่าตัดไปได้เพราะผมเลือกที่จะไม่สนใจแกรมม่า แต่พอมาข้อสองสิครับ คนสอบท่านอื่นเค้าก็คงมาถึงพาร์ทพูดแล้วเหมือนกัน เริ่มกลายเป็นพูดกันทั้งห้อง สติเราเริ่มสั่นๆบ้าง พยายามไม่สนใจ
ข้อที่สามและข้อที่สี่ จะมี Reading ให้อ่าน และก็มี Listening ให้เราฟังครับ คงเป็นเพราะบร๊ะลานุภาพของการที่ผมกินช๊อคโกแลตไปนั่งอึไป ผมเลยอ่านแบบจับใจความได้สบาย เจอ Listening ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร มีเวลาให้เตรียมตัว 30 วินาที พูด 60 วินาที ผมได้ใช้ Template ที่นั่งจำมาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ท่ามกลางเสียงผู้เข้าสอบกำลัง Speaking กันอย่างน่าเกรงขาม ผมก็เริ่มสลัดความสนใจของผมที่มีต่อเสียงพูดคนอื่นได้ ทำให้เริ่มไม่มีปัญหาครับ
ข้อที่ห้าและข้อที่หก เป็น Listening ล้วนๆครับ มีเวลา 20 วินาทีในการเตรียมตัว และ 60 วินาทีในการพูด ตอนนี้ผมเริ่มไม่มีปัญหาอะไรมากครับ แต่ก็มีข้อสุดท้ายนี้หล่ะ เป็น Lecture แล้วให้เราพูดารุปเกี่ยวกับ Lecture เพราะตอนฟังเกิดอาการฟังไม่รู้เรื่อง ผมเลยใช้วิธีได้ยินอะไร จดให้หมด อย่างน้อยก็เอาไปแถได้

Writing Section
มาถึง Last boss ของเรานะครับ มี 2 ข้อ ซึ่งในพาร์ทนี้ก็เริ่มสงบลงครับ อาจยังมีคนที่ยังทำพาร์ทที่แล้วยังไม่เสร็จ พูดอยู่บ้าง แต่ครั้งนี้เปลี่ยนจากเสียงคนเป็นเสียงคีบอร์ด !!! เสียงแต๊กๆๆจากคีบอร์ดดังมาอย่างต่อเนื่องและดุเด็ดเผ็ดมัน โดยข้อแรกจะมี Reading ให้เราอ่าน 4 นาที ซึ่งมันเป็น Reading ที่ยาวพอสมควร ผมจึงเลือกให้วิธี Skimming ในการอ่าน แล้วจะมี Lecture ให้เราฟัง แล้วเราต้องเขียนสรุป ใน 150-220 คำในเวลา 20 นาที อันนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ครับ อาจมีปัญหาที่แกรมม่าบ้าง แต่มาเจอปัญหาจริงๆตอนข้อสองครับ เป็นคำถามสั้นๆ แล้วให้เราเขียนความคิดเห็นของเราลงไป อย่างต่ำ 300 คำ ในเวลา 20 นาที แม่เจ้าาาาา เรานี้ใช้ Template ที่จำมาเขียนทั้ง 2 ข้อเลย -ข้อแรกไม่มีปัญหา เขียนได้ 165 คำ พอดิบพอดี แต่-ข้อสองนี้สิ เขียนเท่าไหร่ก็ไม่ครบ 300 คำ เขียนจบได้แค่ 180 คำ มีเวลาเหลือ 5 นาที เราเลยตัดสินใจ เพิ่ม Reason หรือเหตุผลของเราเพิ่ม กลายเป็นว่าเราต้องขึ้นย่อหน้าใหม่ เขียนอย่างสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้ มือในตอนนั้นคือรัวมาก สุดท้าย เขียนเสร็จ ได้ 225 คำ ไม่ครบอยู่ดี เศร้ามาก

สอบเสร็จ
เดินออกมาจากห้องสอบด้วยความระทวย

ข้อคิดที่ได้หลังจากสอบ

1. มีสติและสมาธิ
2. ควรมีความพยายามและมุมานะกว่านี้
3. การทำโจทย์เยอะๆ ไม่ได้แปลว่าจะพัฒนาฝีมือขึ้นเสมอไปสำหรับภาษาอังกฤษ สิ่งที่สำคัญคือความเคยชินด้วย
4. ไม่ควรเครียด ในทุกๆการสอบ

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

pvrs1212 21 ต.ค. 61 เวลา 20:30 น. 1

แล้วคะเเนนสอบเป็นยังไงบ้างคะ เราก็จะสอบเร็วๆนี้เหมือนกัน ขอบคุณมากนะคะที่มาเเชร์ประสบการณ์ให้ฟัง

1
anonymous 22 ต.ค. 61 เวลา 13:00 น. 2

เข้าใจเลยครับ ผมพึ่งสอบไป 14/10/18 อีก 2 วันคะแนนออก TT skill ภาษาอังกฤษผมก่อนเตรียมตัวก็ต่ำมาก(ที่จริงก็ไม่ได้เก่งขึ้นขนาดนั้น) ถ้าผมคะแนนถึงตามที่หวังก็อยากเขียนรีวิวบ้างเหมือนกันครับ :) ขอให้ จขกท คะแนนถึงตามที่หวังนะครับ :)

1