(อยากทราบค่ะ) ว่าทุกคนเขียนนิยายแล้ว สอดแทรกข้อคิดคติสอนใจเอาไว้บ้างไหมคะ แล้วมีใครที่เขียนบ้างคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เราอยากรู้ค่ะ ในนิยายของเรามีข้อคิดสอนใจทุกเรื่องเลยค่ะ เพราะเราชอบ เราอยากให้ผู้ที่ได้อ่าน เอาไปคิดทบทวน แล้วนำกลับเอาไปปรับนำไปใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ เราอยากให้ทุกคนรู้แจ้งว่า ว่าการกระทำสิ่งไหนไม่ดี ว่าการกระทำสิ่งไหนดี แล้วมีผลลัพธ์เป็นยังไง ต่อไปในภาคหน้าค่ะ
แล้วทุกคนละคะ เขียนแบบไหนกันบ้างคะ สอดแทรกข้อคิดคติสอนใจไว้ไหมคะ??
31 ความคิดเห็น
ทางนี้อยากจะแต่งเรื่องโดยมีคอนเซปท์หลักเป็นคำสอนอยู่ค่ะ แต่งานเขียนที่ผ่านมานี่มีแต่สนองนีทซะเยอะ 555
เพียบครับ ทั้งปรัชญา รวมไปถึงตรรกะ และวิชาการบางด้านที่พอรู้
ส่วนใหญ่จะแทรกมาในบทอีเว้นต์ต่าง ๆ
เช่นถ้าเรื่องที่ตัวเอกเป็นพี่ชาย กับน้องสาวบุญธรรม ก็จะออกในเชิงพี่สอนน้อง
หรือบางเหตุการณ์ต้องเอาตัวรอด ก็ใช้วิธีการกระทำ แล้วให้ฝ่ายน้องเป็นผู้ถามแล้วพี่ชายบอกใบ้ หรือแอบสอน ก็จะเป็นการเดินเรื่องแบบเนียน ๆ อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด
บางเรื่องที่ต้องการเน้นให้ตัวเองเด่นมาก ๆ ก็อาศัยการกระทำผสมกับการบรรยายประกอบครับ
ยัดไปทีละนิด ดูจังหวะเรื่อง ช่วงเบาๆ ก็ยัดได้มากหน่อย ช่วงไหนเน้นก็ปล่อยไปเลย แล้วใช้ผลลัพธ์เป็นตัวยืนยันคำพูดที่สอนหรือแนะนำไป
ใช้สูตรนี้มาหลายฉากมาก แต่ดูเหมือนผู้อ่านจะโอเคนะครับ บางคนบอกชอบที่ได้ข้อคิดจากเรื่องด้วยสิ
เห็นแล้วปลื้มเลย
ยินดีด้วยนะคะ
มีตลอดนะ แต่คนอ่านมักจะไม่ทันสังเกต 5555555555555
ของเรามันเป็นเรื่องเด็กอนุบาล ตัวเอกเป็นครูก็จะสอนโดยเล่านิทานให้เด็กฟัง แล้วก็จะถามว่ารู้สึกอย่างไร บางทีก็ให้เด็กเสนอว่าอยากทำอะไร
ที่สำคัญเวลาตัวเอกเขาจีบกันจะจีบกันด้วยบทกวีค่ะ
ป.ล. บทกวีทั้งหมดจากหนังสือ ‘หิ่งห้อย’ของรพินทรนาถ ฐากูร
โห เป็นบทกวีเลยเหรอคะ อัศจรรย์จริงๆเลยค่ะ
มีค่ะ แต่เราอยากทำให้ดีขึ้นโดยการแทรกให้เนียนกว่านี้
คหสต ถ้าใส่ได้แนบเนียนมากๆ คงยิ่งดีค่ะ
นิยายของเราสอนให้รู้ว่า....
.
.
.
.
.
.
สิ่งที่เรียกว่านกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง (ทำไมกันน๊า ชอบจังเลย เขียนให้มีตัวละครนกเนี่ย หึๆ มาซบอกคนเขียนมาา~)
#โอเค สารภาพว่าแบบเป็นเรื่องเป็นราวนี่ไม่มีเลย แต่แบบง่ายๆ บนพื้นฐานชีวิตนี่ก็มีพอสมควรค่ะ 55
ของเรามันต้องมีสัตว์ประเภทแมวอยู่เรื่อยไม่รู้ทำไมเหมือนกัน555
บทพระรองใช่ไหมคะ ที่ชอบนางเอก แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้คู่กัน แปลว่านกใช่ไหมคะ555
#6-1 แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักค่ะ เราเองก็เขียนเรื่องที่มีแมวอยู่เช่นกัน เอาไว้เป็น กขค.ตอนตัวละครเลิฟๆ กัน หวานดีนักมนุษย์ ขวางเลย 5555
#6-2 ส่วนใหญ่เราจะให้พระ-นาง นกเองซะมากกว่าค่ะ ส่วนตัวรองก็คอยมองดูไป 555 เพราะทำแบบนี้ ตัวละครถึงติดปีกบินกันพรึบๆ -v-
ของผมก็มีครับนิยายกำลังภายในผมมีทุกตอน แถมตอนหลอกด่าลุงยามแถวบ้านก็มีทุกตอนเหมือนกัน
ลั่นเลยค่ะ พอบอกว่าด่าลุงแถวบ้านนี่สุดยอดจริงๆ
ก็มีบ่อยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคนอ่านจะทันได้สังเกตกันหรือเปล่า
นั่นน่ะสิคะ แต่บางช่วงเราก็ตั้งใจให้ทุกคนได้เห็นค่ะ
แต่เราชอบใส่ไปแบบเนียน ๆ น่ะค่ะ555
เราก็มีค่ะ แทรกในบางเรื่อง เรื่องที่อินที่สุด เป็นเรื่องแนวครอบครัว แทรกเยอะมาก...อยากฝึกความเข้มแข็งในใจผู้อ่านค่ะ เราบอกเขาแบบนี้
.
.
"รักที่สุด ยังไม่เท่า...รักษาอย่างไรให้นานที่สุด มีของดีในมือ...อย่าปล่อยให้หลุดมือนะคะ วันหนึ่ง ...ถ้ามันเสื่อมสภาพ ... ก็ขอให้ดูแลกัน "
.
.ประมาณนี้
ได้ค่ะได้อยู่
มีเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าใครจะทันสังเกตว่่าความรักคือความทุกข์ นิยายทุกเรื่องของเราเน้นเรื่องนี้หมด
สุดยอดๆ
ก็มี~........ นะ....
รึเปล่าวะบิลลี่ ?(กระซิบ)
ใส่เรื่อย ๆ ตามแต่ที่คิดไว้
พยายามสอดแทรกแบบเนียน ๆ ให้เข้ากับเนื้อเรื่องค่ะ
ไม่ให้เหมือนอ่านคำสอนเกินไป
ถ้าใส่ เราจะพยายามหลีกเลี่ยงลักษณะคล้าย "เทศนา" ค่ะ
อาจใส่ในรูปแบบ ให้ตัวละครพูดคุย ถกเถียง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยการหยิบยกสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเป็นหัวข้อสนทนา อย่างเช่น หนังสือ เป็นต้น...
" "ฉันคิดว่าโฟลเรนติโน อรีซา ไม่ได้รักเฟร์มีนา ดาซาจริงๆหรอก เขาแค่หลงใหลในตัวเธอก็เท่านั้น แต่เพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว ละเมอเพ้อพบ กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักลดเหมือนคนเป็นโรคห่า เขาก็เลยยึดมั่นถือมั่น ว่าความรู้สึกที่มีให้เธอนั้นคือความรักจริงๆ"
ป้าคงกำลังพูดถึงตัวละครในหนังสือนิยายกับบรรดาป้าๆในกลุ่มบุ้คคลับ คืนวันพุธสุดท้ายของเดือนเช่นนี้ เพื่อนอาจารย์ที่เคยทำงานในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป้าภา มักมาทานข้าวเย็นด้วยกันกับป้าที่บ้านและพูดคุยเรื่องวรรณกรรมที่พวกท่านได้อ่านกันมาตั้งแต่ต้นเดือน
ความสนใจของคนเรานั้นตายยาก ป้าภาเคยเป็นอาจารย์สอนวรรณคดีอังกฤษในมหาวิทยาลัยชื่อดัง แม้เกษียณมาหลายปีแล้ว แต่ป้ายังคลั่งไคล้ในความงามของวรรณกรรมตะวันตก นางอ่านทุกวัน ซึ่งจะว่าไปแล้ว ความสนใจของป้ามีส่วนผลักดันให้ตุลย์พัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเองไม่น้อย เวลาปิดเทอมแล้วไม่อยากไปเกาะพะงันตามคำขอของมารดา ตุลย์มักใช้ป้าภาเป็นโล่ห์บังหน้า แต่ป้าภามักมีข้อแลกเปลี่ยนในการช่วยพูดกับแม่ให้เขาได้อยู่กรุงเทพฯต่อเสมอ ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนดังกล่าวคือให้เขาอ่านหนังสือวรรณกรรมภาษาอังกฤษทุกวันหลังกลับจากเที่ยวเล่นกับเพื่อน
ตุลย์เคารพรักป้าภาเหมือนแม่อีกคน และเคารพรักลุงอนันต์เหมือนพ่อที่เขาอยากมี ในความรักความเอ็นดู ลุงกับป้าให้อิสระกับตุลย์เสมอ ไม่ใช่คนแก่เคร่งครัด เวลาอยู่กับพวกท่านเขาจึงมักทำตัวเป็นเด็กดี
"ใช่ ...หรือไม่ก็คง in love with love ...หลงรักในความรัก ไม่ใช่ในตัวนางเอก" เพื่อนคนหนึ่งของป้าแสดงความคิดเห็นเสียงเนิบๆ ตุลย์คิดว่าเสียงนั้นคลับคล้ายคลับคลาเสียงของป้าน้ำอบ
"แหม แม่ภา แม่น้ำอบ ...ถ้าเขาไม่รักเขาจะรอนางเอกมากว่าห้าสิบปีหรือ? ฉันว่าเขารักนางเอกจริงๆ แม้ตอนที่ตกหลุมรักนั้นอายุจะยังน้อยแต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นความรักไม่ใช่ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราว ใครๆต่างบอกว่าเด็กวัยรุ่นไม่รู้จักความรัก ฉันบอกเลยว่าไม่เห็นด้วย"
และนั่นคงเป็นเสียงของป้าจันทร์...
เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้า ตุลย์นึกอยากย่องเดินหนีแล้วค่อยกลับมาสวัสดีป้าภาใหม่หลังจากป้าๆทุกคนกลับไปแล้ว แต่คำพูดของป้าจันทร์กลับดึงดูดความสนใจของเขาจนต้องนิ่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยความเผลอไผลลืมตัว ราวกับว่าสิ่งที่ป้าจันทร์พูดไปนั้นช่างใกล้ตัวเขายิ่งนัก
"นั่นน่ะสิ ...ฉันล่ะสงสารพระเอก เพราะสถานการณ์บีบบังคับแท้ๆทำให้ต้องรักเฟร์มีนาอย่างเจียมตัว รักอยู่ในมุมเงียบๆ อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย" เจ้าของเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ตาม 'พระเอก' ผู้แสนรันทด คงเป็นป้าชื่น
"เรียกว่า 'อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย' ก็คงไม่ถูกหรอกแม่ชื่น ช่วงเฟร์มีนาแต่งงานกับคุณหมออูร์บีโน โฟลเรนติโนก็ไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า" ป้าน้ำอบแย้งอย่างเผยความหมั่นไส้เต็มเหนี่ยว ก่อนป้าภาจะเสริมต่ออย่างมีอารมณ์
"ใช่ๆ หลายคนเชียว แถมอีกคนนี่เด็กมากกกก คิดถึงตรงนี้แล้วฉันรับไม่ได้ ทำตัวอย่างกับเฒ่าหัวงู!"
ตุลย์กระแอมไอสองสามทีเพื่อเรียกความสนใจจากป้าๆ เขาอยากรีบสวัสดีทุกคนตามมารยาทแล้วกลับบ้านพัก"
..........
ประมาณนี้ล่ะค่ะ แหะๆ
นำเรื่อง Love in the time of Cholera รักเมื่อคราวห่าลง มาถกกันสินะคะ เรื่องนี้ผู้หญิงน่าสงสารจริง
ใช่ค่ะ แหะๆ
ของเราล่าสุด เขียนให้นางเอกเป็นคนพูดปราศัยในงานแต่งของตัวเองค่ะ
ผมเขียนแทรกเอาไว้ในเรื่อง ให้นักอ่านเอาไปคิด แต่จะคิดได้ไหมอันนี้ไม่รู้ เพราะผมไม่แสดงให้โจ่งแจ้ง แค่เขียนออกมาให้เป็นองค์ประกอบของฉากและผลกระทบที่ตัวละครต้องเจอ
มีแทบตลอดค่ะ ทั้งแบบบอกโจ่งแจ้งและซ่อน หรือบางอันก็ต้องตีความ ถ้าไม่ฉุกคิดจะไม่เข้าใจเลยก็มีค่ะ 555
ของเราก็มีค่ะ แต่ออกจะลึ๊กกกก ลึกจนกลายเป็นไม่มี 55555
พยายามยัดความรู้เข้าไปเป็น tips เล็กๆ น้อยๆ ที่ได้จากการอ่านค่ะ 555
เรื่องฟอกเงิน เรื่องสิทธิมนุษยชน อะไรทำนองนั้น
อาจจะไม่ได้เป็นไอเดียใหม่สดหรือแหวกแนวกว่าทั่วไป แต่ส่วนใหญ่ผมก็มักสอดแทรกข้อคิดไว้ในนิยายด้วยครับ (ล่าสุดก็แนวเกมออนไลน์ทั้งสองภาค) เพราะถือว่าคนที่เข้ามาอ่านนิยายของผม นอกจากความบันเทิง ตลกโปกฮาแล้วก็ควรได้อะไรดี ๆ ติดมือกลับไปด้วย
ถ้าให้ยกตัวอย่าง : เกมออนไลน์ภาคแรก ผมสอดแทรกแนวคิดที่ว่าโลกโซเชี่ยลและไซเบอร์ เรียลลิตี้มันเป็นเหมือนดาบสองคม คือมันเป็นช่องทางรับข้อมูลข่าวสารและการเข้าถึงความบันเทิงอย่างภาพยนตร์หรือเกมออนไลน์ได้ก็จริง แต่อีกด้านมันก็ยังมีเรื่องไซเบอร์บูลลี่และประเด็นของคนที่ยึดติดกับโลกไซเบอร์เพื่อเยียวยาความเจ็บปวดทางใจ โดยไม่ได้หันกลับมามองผลกระทบที่เกิดกับคนรอบข้างเลย (ล็อคอินค้างในเกมเป็นปี ๆ ส่วนตัวจริงนอนเป็นผักให้คนอื่นคอยดูแล)
ของคุณนี่เจ๋งจริงๆเลยค่ะ
เนื่องจากเรื่องที่เขียนส่วนใหญ่เป็นแนวที่ไม่ได้ให้เด็กอ่าน การจะใส่ข้อคิดลงไปในคำพูดจึงต้องระวังมาก ถ้ามีก็มักจะไม่บอกตรง ๆ จะอ้อม ๆ เอา เพราะกลัวว่าจะไปทำให้คนอ่านหมั่นไส้ว่าเป็นใครมาสั่งสอน
แต่เชื่อเถอะ เป็นนักเขียน มันต้องสอนครับ สอนแบบไม่สอน ดังนั้นจึงเอาเมสเสจส่วนใหญ่ไปใส่ไว้ใน "แก่น" ของเรื่องแทน ซึ่งมันจี๊ดกว่าเยอะ อารมณ์ประมาณคนอ่านอ่านจบแล้ว ได้รับเมมสเสจแล้วถึงมาทราบว่าเราต้องการจะบอกอะไรนั่นแหละ ถือว่าประสบความสำเร็จ
การเขียนสอดแทรกข้อคิดในนิยายนี้ เรานิยามใส่ในนิยายตัวเองว่า จงแนบเนียนเข้าไว้ อย่าไปบอกแบบตรงๆ ถ้าบอกตรงๆ ก็อาจจะโดนทิ้งกลางคันก็ได้ค่ะ และดูน่าเบื่อไปเลยก็ได้
เราเลยเสนอแบบอ้อมๆค่ะ555
มีค่ะ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบอ่านอะไรที่ให้ข้อคิด เวลาเขียนเลยใส่ไปด้วยค่ะ แบบให้ข้อคิดนางร้ายบ้าง จะได้ไม่นกไรงี้ ฮา
ความรู้สึกส่วนตัว หาไร้ข้อคิดก็จะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ==!
มาจับมือกันค่ะ เหมือนกันเลยค่ะ555
//จับมือค่ะ อิอิ
เราก็สอดนะ 555
ยังคิดอยุ่เลยว่ามันจะดูเกินอายุกลุ่มเป้าหมายไปรึเปล่า
ของเราไม่เชิงคำคมหรือปรัชญาแต่จะเป็นความรู้สึกของเราที่มีข้อคิดจากเหตุการณ์ซะส่วนใหญ่ เช่น เราเคยเขียนว่านางเอกโดนพระเอกข่มขืนแต่พระเอกมาอ้างว่าทำเพราะรัก แต่นางเอกก็บอกว่ารักก็ส่วนรักอย่าเอาการกระทำแบบนี้มาเป็นข้ออ้าง อะไรทำนองนี้ค่ะ มันไม่ได้ดูสวยหรูอะไรหรอกแต่เราอยากให้คนอ่านเค้ารู้ว่าเราคิดยังไง ตัวละครคิดยังไง
เยี่ยมๆ
คติสอนใจเป็นของต้องมีนะ จะมากหรือน้อยก็ต้องมี เพียงแต่จะแทรกลงไปได้แนบเนียนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ หรือถ้าโชคดีมันจะมีอยู่แล้วในเรื่องราวโดยไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่ม
แต่ถ้าถามผมว่าทำไมต้องมี ผมคิดว่านอกจากต้องการสอนใจแล้วมันแสดงวุฒิภาวะของคนเขียนนะ วุฒิภาวะที่ได้มาจากการเผชิญโลก การใช้ชีวิตในสังคม เป็นการส่งต่อภูมิปัญญา ส่งต่อสิ่งที่มีที่เป็นและจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในสังคมไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม
คราวนี้กลับมาที่นิยายตัวเองมั่ง อย่างของผมแต่งกลอนเป็นเรื่องยาว ตอนนี้พ่อแม่สอนลูกชายขึ้น ม. 1 เดิมเรียนประถมขับรถไปรับไปส่ง แต่พอขึ้นมัธยมก็เปลี่ยนให้ขึ้นรถเมล์ไปกลับเอง มันเอื้อให้แทรกอยู่แล้วผมก็ใส่เลย
แทรกเป็นรูปไม่ได้กลัวก๊อปนะ แต่ถ้าพิมพ์จะเว้นวรรคกลอนลำบาก ยังมีต่ออีกสามสี่บทแต่พอแค่นี้ดีกว่า ไม่อยากสปอย
แต่งเป็นกลอนเลยหรือคะ สุดยอดๆ นับถือๆค่ะ คาราวะสักจอกสองจอกเป็นเลยเป็นไง555
มิกล้า มิกล้า 555+ ถ้าเป็นเรื่องภูมิความรู้กับการเป็นนักอ่านผมมั่นใจนะตัวเองว่าไม่ด้อยกว่าใคร แต่กับเรื่องงานเขียนผมยังรู้สึกว่าตัวเอง "เป็นบ้านนอกขอบชนบท ไม่ปรากฏศักดากล้าหาญ" ครับ
5555 รู้ค่ะรู้ เพียงแต่มีน้อยคนมาก ที่จะแต่งออกมาเป็นกลอนแบบนี้น่ะค่ะ ส่วนตัวเราก็แต่งเป็นนะ แต่ทางที่ดี อย่าเลยดีกว่าค่ะ เรื่องนี้เราขอบอกเลยว่า ไม่ถนัดเลยค่ะ5555
มีเยอะอยู่นะ ไม่เชื่อแวะเข้าไปดูได้ แต่ไม่รู้นักอ่านสนใจจะมองกันบ้างมั้ย^_^"
เหมือนจะไปโฟกัสจุดเรียกเลือดของเราซะมากกว่า=^.-=
สำนวนทุกอย่างต่างคิดเอง ในเนื้อหาก็มีแง่คิดทรอดแทรก
นอกจากจะให้ความบันเทิงเราก็ใส่แง่คิดในมุมมองต่างๆให้ด้วย
แต่ยอมรับไม่ใช่คนโลกสวย นิยายก็ไม่โลกสวย แนวแบบเราเชื่อว่าคนอ่านเข้าใจได้
เป็นกำลังใจให้นะคะ เราชอบให้ในนิยายมีคติสอนใจอยู่ในนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเสนอในรูปแบบไหน ก็ตามค่ะ
ก็เขียน เเต่ว่าเรื่องหลักที่เขียนมาคือเรื่องของกฏเเห่งกรรมซะมากกว่า
สำหรับเราก็สอดแทรกนะ ในแก่นของเรื่อง ให้ข้อคิดเยอะถ้าอ่านจบ แต่ถ้าไม่จบก็ดูไม่ค่อยเป็นรูปร่าง เหมือนมีแต่บทโหดเยอะ ดราม่าแยะ ประมาณนี้ ความจริงแอบเสียดสีสังคมนิดหน่อยด้วย55
โอเคค่ะ แบบนี้ได้เลย555
จะสอดหรือจะแทรกตรงไหนนั้น บางทีก็บอกไม่ถูกค่ะ 555
ถึงแม้ว่าจะอ่านเรื่องเดียวกัน แต่ก็มีมุมมองที่ต่างกันได้
บางครั้งเราต้องการนำเสนอในมุมมองหนึ่ง คนอ่านอาจจะเข้าใจและสนใจในอีกมุมมองหนึ่ง
เรียกว่าต่างจิตต่างใจกันเลยทีเดียว
เหมือนเพลงเดียวกัน แต่เปลี่ยนวิธีการสื่อออกมาก็ทำให้อารมณ์เพลงเปลี่ยนไป
สำคัญคือ คนอ่านกับคนเขียนต่างมีความสุขที่ได้ร่วมแบ่งปันจินตนาการร่วมกันจ้าาาา
เห็นด้วยๆ คนเราทุกคนต่างก็มีความคิดไม่เหมือนกัน และก็เปลี่ยนความคิดคนๆนั้น ไม่ได้ด้วยเลยค่ะ555
ข้อคิดในนิยายของผมก็คือ - ไม่ใช่ทุกคนที่ทำดีแล้วจะได้ดี - คนเราดีชั่วอยู่ที่สายตาคนมอง - สวรรค์ไม่มีตา เขียนมาอย่างนี้ทุกเรื่อง ดูแล้วเหมือนพวกหัวขบถยังไงไม่รู้
ได้อยู่ค่ะ สนับสนุนค่ะ
นั่นเพราะลีลาของศิลปินมีหลายนัยครับ
เราถนัดเขียนแนวดราม่าค่ะ ส่วนตัวชอบสัจธรรมการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของคนเราและรูปแบบความรักที่เน้นคุณค่าทางจิตใจมากกว่า เลยนำสองเรื่องนี้ลงไปในนิยายค่อนข้างเยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ออกมาในรูปแบบสอดแทรกเหมือนนักเขียนท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่ เพราะอยากให้นักอ่านได้นำไปพิจารณาในแบบของตัวเองด้วยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?