หากำลังใจให้นิยายตัวเองกันยังไง
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนหน้านี้เราลงนิยายไปประมาณสามสิบตอน
คนอ่านก็มี คนด่าก็มาก
นิยายไม่สมเหตุสมผลบ้าง ใช้คำแปลกบ้าง พิมพ์ผิดเยอะไปบ้าง
สุดท้ายเราเลยปิดตอนชั่วคราว เพื่อไปทำการแก้ไขตัวเนื้อหาและคำผิด
ตอนนี้เริ่มเอามารีอัพ ทยอยรีอัพวันละตอนสองตอน
แต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง อยากรู้ว่า ช่วงเวลาอ่อนไหวนี้
นักเขียนท่านอื่นเคยเป็นบ้างไหมคะ แล้วถ้าเคย
หากำลังใจจากไหน กันบ้างคะ
14 ความคิดเห็น
ไม่ทราบเหมือนกันครับ ทำบุญกรวดน้ำก็ไม่ได้ ผมกันนับถือคริสต์อีก
ส่วนเราเป็นคาทอลิกที่เข้าวัดประจำค่ะ นี่ก็แทบจะเปลี่ยนมาเป็นพุทธกันทั้งบ้านละ
ผมเป็นคริสเตียน โปรเตสแตนต์
เข้าวัดเอ๋ยวัดโบสถ์ครับ
โย้ว ไปโบสถ์กับเค้าด้วย มันซาบซึ้งจนน้ำตาจิไหล
555
กำลังใจของเรา คือจำนวน word count ที่เพิ่มขึ้นค่ะ T T
โอะ ขอบคุณมากค่ะ!
คิดซะว่าอย่างน้อยเราก็ได้นำคำติติงไปปรับปรุงแก้ไขและเขียนนิยายให้ดีขึ้นนะคะ เราเองยังไม่เคยถูกคอมเมนต์ ออกจะกลัวการถูกเมนต์มากกว่าอยากได้เมนต์ค่ะเพราะเป็นคนเซนซิทีฟ กลัวร้องไห้เพราะอ่านเมนต์ค่ะ555 สู้ๆ นะคะ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ปัญหาเหล่านี้นักเขียนทุกคนต่างก็เคยผ่านมากันทั้งนั้น โดนด่าแบบหยาบโลนจนต้องรีบไปคว้ากระโถนมารองรับการถ่มถุยแทบไม่ทันก็มี แต่อยากให้ จขกท.พึงระรึกเสมอว่า...คอมเม้นต์ด้านลบที่ปรากฏในหน้านิยาย ไม่ใช่แค่นักอ่านคนนั้นคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น มีอีกนับสิบหรืออาจจะนับร้อยที่รู้สึกไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาเหล่านั้นไม่ได้พิมพ์ออกมาเท่านั้นเอง
ความไม่สมเหตุสมผลมีอยู่สองประการ
1.นิยายไมสมเหตุสมผลจริงๆ (อันนี้ต้องกลับไปอ่าน ตรวจทานเพื่อความมัั่นใจว่าใช่อย่างที่เขาว่าจริงๆ ไหม)
2.บุคลิกของตัวละคร การตัดสิน หรือเนื้อหานั้น ไม่สอดคล้องสมเหตุสมผลกัน เนื่องจากผู้อ่านนั้นไม่เข้าใจว่านั่นคือปมซึ่งนำไปสู่แก่นสารของเรื่อง บางครั้งปมที่ว่านั้นอาจจะดูงี่เง่าบ้าง แต่ถ้าผู้เขียนนั้นมีหลักการคลายปมอย่างสมเหตุสมผล มีเหตุผลอันแน่นหนัก ที่จะคลายปมซึ่งไม่สมเหตุสมผลนี้ในสายตาของผู้อ่าน ในบทถัดๆ ไปหรือเล่มถัดๆ ไป ก็ต้องมีเกริ่นนำไว้ในหน้านิยาย เพราะบางครั้งการคลายปมซึ่งเป็นแก่นสารของเรื่อง มักจะนำไปสู่การคลายปมอื่นๆ ด้วย ซึ่งผู้เขียนนั้นไม่สามารถจริงๆ ไม่สามารถทำตามประสงค์ของผู้อ่านได้ เพราะนั่นหมายถึงการเปลี่ยนชื่อเรื่อง และเปลี่ยนพล็อตแทบทั้งหมด!! (บางคนก็ไม่เก็ตนะ ต้องอธิบายว่าทำไมเราถึงเลือกสร้างปมอย่างงี้ขึ้นมา อธิบายโดยการเปรียบเปรย ไม่ใช่สปอย)
เรื่องคำผิดขอไม่พูดก็แล้วกัน
ส่วนเรื่องการให้กำลังใจ...
"เป็นกำลังใจห้ายน้าาาาาาา" (ไม่รู้ว่าเสียงหวานพอมั้ย...เพราะตอนพูดกะพริบตา ใช้ฟันขบริมฝีปากล่างไปด้วย)
คงไม่มีใครที่จะให้กำลังใจเรา ได้ดีเท่ากับตัวเราอีกแล้ว ต่อให้คนนับร้อยรอบข้างบอกให้ลุก แต่ในใจเรากลับบอกว่าจุกไม่เอาแล้ว ไม่ไหว... ถ้านั่นคือใช่ และชอบ คำตอบอยู่ที่คุณแล้ว
ยึดคติ เจ็บบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน
ถ้าเราจะเป็นนักเขียนมันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะไม่เจอคำติ
ก็ค่อยๆพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ ก็คงจะดีขึ้นเองนั่นแหละ ยิ่งเขียน ก็ยิ่งเก่ง
เขียนส่งสำนักพิมพ์ ไม่ต้องเอามาลงเพราะจะเสียกำลังใจ
ปกติเมนต์แห้งแล้งเลยไม่ค่อยอะไร คุณอาจจะปิดคอมเมนต์ไปเลยก็ได้จะได้โฟกัสที่การเขียนอย่างเดียวไม่ต้องสนเมนต์ให้หมดกำลังใจ
กำลังใจเราคือ การที่ได้เขียนค่ะ
เราลบทิ้ง ตั้งแต่โดนว่าไม่สมเหตุสมผลแล้วค่ะ55
คือพล๊อตรอระบายในสต๊อคเราเยอะ อันนี้ถือเป็นการคัดทิ้ง
'พล๊อตนี้ไม่โดนแฮะ ไหนลองเขียนเรื่องนี้ดูสิ'
ว่างๆไว้กลับมาทบทวนใหม่เขียนใหม่
อนึ่งเราเป็นคนไม่ดันทุรังในทางที่ผิด ถ้าอาหารไม่อร่อย เราจะมาบังคับสะกดจิตตัวเอง บอกว่ามันอร่อย ต้องอร่อยเท่านั้น ไม่มีประโยชน์กับชีวิตเลย
สู้เราพยายามลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ มีเรื่องปังสักเรื่อง มีฐานคนอ่านในระดับหนึ่ง ต่อไปเราจะเขียนเรื่องไหนก็มีคนตามอ่านอยู่แล้ว เราคิดแบบนี้ค่ะ
เมื่อกี้เข้าไปดูนิยายคุณจขกทมา คนอ่านเยอะแล้วคงไม่กล้าลบทิ้งสินะคะ จริงๆเราแนะนำว่าไม่ต้องรีไรท์นะ ถ้าจะขายอีบุค หรือส่งสนพ ค่อยรีไรท์ม้วนเดียวจบไปเรยดีกว่าค่ะ
ปล.เราไม่โดนติเรื่องพล๊อตไม่สมเหตุสมผลนะ เราโดนติเรื่องเขียน ก็คงจะต้องรีไรท์เช่นกัน แต่ตอนนี้ ขอพักยาวๆไปก่อน55
คำว่าพักยาวโดยไม่มีกำหนดนี้น่ากลัวมากค่ะ เพราะว่า...เราก็จะแปลงร่างเป็นตัวขี้เกียจ
จริงๆ มิ้วส์ กลับมาแล้วละค่ะ แต่มันเป็นช่วงที่เราดันไม่ว่างเขียน เลยต้องพับไว้ก่อน55
น้องมิวส์ไปเดินทางไกลมาหรือคะ น่าเศร้าตรงเวลามีอารมณ์เขียนแต่ไม่ว่างเขียน...
ไม่อยากทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เดี๋ยวจิงานเผาไปอิ๊ก55
ที่เคยโดนมาคือโดนว่าแบบไม่มีเหตุผล ถ้าเจอแบบนั้นเราจะลบทิ้ง นอกนั้นถึงติก็จะติแบบสุภาพ ไม่รู้สึกถึงคำว่าด่าเลย ก็จะน้อมรับนำไปปรับปรุงแต่โดยดี
ส่วนกำลังใจเราคือ ยอดกดหัวใจ จำนวนเฟบ ยอดวิว คอมเม้นท์ (เป็นรูปธรรมสุดๆ เลยแฮะ)
แต่ความจริงแค่แต่งนิยายจินตนาการตามก็พอใจแล้ว หลายเรื่องเขียนเฉยๆ ไม่ได้ลงก็มีแต่ก็มีความสุขที่ได้เขียน อย่างอื่นเหมือนเป็นกำไรเฉยๆ มากกว่า
กำลังใจที่มีก็เริ่มจากใจตัวเองก่อนเลยจ้า อยากจิเป็นนักเขียนต้องใจแกร่งหน่อย555 เพราะเขียนคนเดียว ทำงานคนเดียว รู้เรื่องอยู่คนเดียว ใครจะมาให้กำลังใจเราได้ดีเท่าตัวเราเองล่ะเนอะ
ก็คงมองตามความจริงแหละฮะ
ถ้ามีคนติ เรามองดูแล้วมันเป็นความจริงก็ค่อยๆปรับแก้ให้ดีขึ้น
แต่ถ้าเขาติ แล้วมันไม่ใช่ความจริง ก็ให้รู้ไว้ว่ามันไม่ใช่ความจริงนี่นา จะไปแคร์ทำไม ให้ลองพิจารณาดูตามความเป็นจริงเลยฮะ อยู่ที่ใจล้วนๆ
อารมณ์แบบดีให้สุด หยุดเราไม่ได้555 ต่อให้เราเขียนห่วยจริงๆก็เถอะ ใครจะมาห้ามให้เราหยุดเขียนหยุดพัฒนาได้ล่ะ นอกจากตัวเราเองที่เลิกเขียนไปเอง
กำลังใจเขาเราคือเหล่ามิ้วน้อยในบ้านอ่ะค่ะ ต่อให้เหนื่อยหรือเครียดแค่ไหนได้กอดมิ้วน้อยก็หายเรียบ
ป.ล.พอได้อ่านความคิดเห็นของแต่ละท่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก เราเขียนนิยายมาได้ 11 เดือนแล้วแต่ยังไม่เคยโดนนักอ่านคอมเม้นต์ด่าเลยสักครั้ง นี่คงนับได้ว่าโชคดีสุด ๆ (รอดมาได้ไงฟ่ะเนี้ย)
เคยค่ะ ซึ่งแน่นอน ว่าเป็นเรื่องแรกค่ะ ที่โดนติติงมา เราโดนมากกว่า จขกท อีกนะคะ ภาษาการเขียนไม่ดี คำผิดก็เยอะบานเบิก ตัวอักษรก้เล็กนิดเดียว โดนว่าใช้คำเรียกผิด โดนด่าโดนว่าสารพัด บอกตามตรงเลยนะคะว่า ใจเราอ่อนแอมากเลยล่ะ มีน้ำตาตกในก็มีนะคะ ในตอนนั้น เรารู้สึกอ่อนแอมาก เราปล่อยทิ้งนิยายไว้นั้นนานพอสมควรเลยค่ะ ทั้งลบนิยายและลบไอดีทิ้งไปเลยค่ะ
กว่าจะกลับมาเขียนอีกครั้ง ก็ปีหนึ่งเต็มๆค่ะ ระหว่างที่เราเลิกเป็นนักอยากเขียน เราก็หาประสบการณ์ในการเขียน มาเรื่อยๆเลยค่ะ ไม่ใช่หยุดเพียงเท่านั้นนะคะ เราหาความรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ โดยการอ่านหนังสือให้มากๆ หารูปแบบการแต่งนิยาย หาสารพัดทุกอย่าง เกี่ยวกับการแต่งนิยาย
จนกระทั่งเรารู้สึกว่าพร้อมแล้ว พร้อมที่จะกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเขียนขึ้นมาอีกครั้ง ก็เข้าไปปีที่2558น่ะค่ะ เราได้สมัครเป็นสมาชิกเด็กดีอีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็เริ่มคิดพล็อตเรื่องขึ้นมาใหม่ และลงมือเขียน เราค่อยๆแต่งค่อยๆเขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบเรื่อง ก็หลายเดือนอยู่ค่ะ กว่าจะเขียนจบได้ ใช้เวลานานพอสมควรไปกับการใช้เขียนเรื่องแรก
ทีนี้เรามีภูมิคุ้มกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยไม่รู้สึกเซนซะทีฟกับมันมาก ใครคอมเม้นให้ปรับปรุงอะไร เราก็จะแก้ไขให้ค่ะ ใครว่าอะไรมา ก็รับฟังค่ะ แล้วแก้ไขใหม่ให้ เรารู้สึกว่าดีนะคะ เรารู้สึกว่าตนเองดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เข้มแข็งขึ้นมาตั้งเยอะเลย
จขกท ลองปล่อยวางมันเอาไว้ก่อนนะคะ ลองใช้เวลาให้กับตัวเอง ได้คิดทบทวนดูอีกครั้ง ว่าที่เรามาเขียนนิยายนี่เป็นเพราะอะไร ทำไมถึงอยากเป็นนักอยากเขียนขึ้นมา เราเองก็ตั้งคำถามนี้กับตัวเองเช่นกันค่ะ
เราตอบกลับตัวเองไปว่า อยากเขียนค่ะ อยากถ่ายทอดความรู้สึกและจินตนาการ ให้กับสาธุชนทุกคนได้เห็นได้อ่านได้รับรู้ กันทั่วหน้า เราจะได้รู้สึกว่า ตัวเองก็มีทักษะด้านนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าด้านอื่นจะไม่เก่งอะไรเลย แต่อย่างน้อย เราจะได้ภูมิใจ ว่าตัวเองก็เก่งด้านนี้เหมือนกัน ถึงด้านอื่นจะไม่เก่ง แต่เราก็ยังได้เก่งทางด้านนี้ ทำให้คนอยู่ข้างภูมิใจในตัวเราได้ และเราก็ภูมิใจตัวเองเช่นกันค่ะ
ที่พิมพ์มาทั้งหมดนี่นั้น อยากจะให้จขกท ได้เอากลับไปคิดค่ะ เส้นทางของการเป็นนักเขียน มันไม่ง่ายอย่างที่ใครเข้าใจเลยค่ะ กว่าจะมาเป็นนักเขียนได้ ก็หนักหนาสาหัสอยู่พอสมควร ไหนจะต้องมารับฟังคำติคำชม จากผู้อ่านทุกคนอีก ไหนจะต้องหาแรงบันดาลใจ ในการเขียนนิยายอีก ไหนจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ให้รับฟังคำติเตียนได้อีก มันไม่ได้มาเป็นกันง่ายๆนะคะ
เราขอบอกเลยค่ะ ว่ายาก ยากสำหรับคนที่เพิ่งมาเป็นนักเขียน แต่พอนานเข้า เราก็จะชินไปเองค่ะ หรืออีกเรียกหนึ่งว่า(ตายด้านนั่นเองค่ะ555) ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว นั่นแหละ คือนักเขียนที่มีจิตใจเป็นดั่งภูผาแกร่งค่ะ
สุดท้ายนี้ เราขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆนะจ๊ะ
เราจะนึกถึงฉากจบของเรื่องค่ะ แล้วก็ตั้งปณิฎานว่าจะต้องได้แต่งฉากนั้น หลังจากนั้นกำลังใจก็มาเลยค่ะ555555555
หากำลังใจจากการ "เขียน" ครับ
สู้ๆ ชูสองนิ้วโลด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?