Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ลมปราณกับเวทมนต์ต่างกันยังไง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ลมปราณกับเวทมนต์ ต่างกันยังไงครับ ในเมื่อมันมาจากธรรมชาติเหมือนๆกัน แค่ลมปราณใช้ภายใน เวทมนต์ใช้ภายนอก

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

12 พ.ย. 61 เวลา 14:05 น. 1

ลมปราณมีการฝึกกันจริง ๆ เพียงแต่ไม่ได้เว่อร์วังเหมือนในนิยาย

0
Miran/Licht 12 พ.ย. 61 เวลา 14:07 น. 2

คุณก็เข้าใจถูกแล้วลมปราณมาจากภายใน จึงเป็นพลังของ 'ตัวเอง'

แต่เวทมนต์มีแหล่งกำเนิดของพลังหลากหลายแบบ ทั้งจากภายใน และภายนอก


copy มาจากกระทู้ pantip https://pantip.com/topic/36417292


หากในที่นี้ผู้ใช้เวทมนตร์เป็นแม่มด

- คงต้องคิดถึง "แหล่งพลังเวท" ของแม่มดก่อน

เช่น จากซาตาน(แม่มดดำ) จากธรรมชาติ(แม่มดขาว)

จากสายเลือดแม่มด(DNA) ฯลฯ

การกำหนดแหล่งพลัง เป็นจุดที่น่าสนใจของเรื่องได้

(จะแหวกแนว ได้พลังจากวิทยาศาสตร์ก็ได้ แต่อาจ

แต่งยากไป เพราะต้องอ้างอิงวิชาการอะไรๆเยอะ..

เอาเป็นแบบพลังลี้ลับดั้งเดิม เสริมความเฉพาะตัว

ในแบบของ จขกท. เอง ลงไป น่าจะง่ายกว่า.. )


- การร่ายเวท(ใช้เวท)

ต้องอาศัยเครื่องมืออะไร แบบไหนก็ว่าไป..

ตามธรรมเนียมนิยม ก็คฑาเวท(ไม้กายสิทธิ์)

อื่นๆ ก็เช่น ไม้เท้า ถุงมือ หนังสือเวท ลูกแก้ว ฯลฯ

(หรือจะร่ายด้วยเพียงปากเพียวๆ

ใช้นิ้วเขียนอักษรกลางอากาศ ก็ว่าไป.. )


- ชนิดของเวทมนตร์

ก็น่าจะมีแบ่งประเภทไว้ จะได้แต่งเรื่องไปได้ง่ายขึ้น

อย่างเช่น

เวทสายโจมตี(พวกยิงพลังเป็นธาตุไฟน้ำลมดินแสงมืด)

เวทสายป้องกัน(พลังบาเรีย หรืออาณาเขตป้องกัน)

เวทสายอัญเชิญ(เชิญเทพ ปีศาจ วิญญาณ สัตว์ต่างๆ)

เวทสายแปลงกาย เวทสายสนับสนุน(พยากรณ์) ฯลฯ

(สิ่งที่ควรระวัง เวทที่ให้ผลลัพธ์เวอร์ๆ ควรหลีกเลี่ยง

เพราะจะเป็นบั๊กของเรื่องได้.. ไม่ว่า เวทอะไร ควรจะ

มีเงื่อนไข ขอบเขต ข้อจำกัด กำกับหรือระบุ ไว้ดีกว่า)


- ความถนัดเวทของแม่มดแต่ละคน(อัตลักษณ์)

เช่น

แม่มดสายปรุงยา

แม่มดสายภาษาภูติ-สรรพสัตว์

แม่มดสายพยากรณ์

แม่มดสายคำสาป(แช่ง) ฯลฯ

0
SilverPlus 12 พ.ย. 61 เวลา 14:38 น. 3

เดาเอาว่า ลมปราณ ก็คือแรงที่แฝงอยู่ภายในร่างกาย เป็นเรี่ยวแรงที่เพิ่มเข้ามาจากแรงปกติ และลมปราณยังมีจริง ๆ ในชีวิตด้วย แต่จะไม่เหมือนในนิยายเสียทีเดียว


เวทมนต์ ก็พลังพิเศษ ที่วิธีใช้และวิธีเรียกใช้หลากหลาย จะอัดแน่นในตัว หรือเรียกใช้จากด้านนอกก็ได้ มีตั้งแต่ระดับอลังการ ไปถึงระดับเล็ก ๆ

0
Oregon Trail 12 พ.ย. 61 เวลา 16:17 น. 4

ตามนั้นครับ เวทมนตร์เป็นการขอยืมพลังจากข้างนอก ลมปราณอาศัยพลังจากร่างกายของเราเอง


จุดต่างกันครับ

1. ลมปราณไม่ต้องเป็นถึงจอมเวทก็ได้ ไปเพาะกล้ามต่อยหน้าคนไปทั่วก็ใช้ลมปราณได้ ในหนังจีน ถ้าไม่ใช่ตาแก่ก็เป็นคนมีกล้ามแทน ส่วนผู้หญิงไม่ต้องเพาะกล้ามก็ทำได้ ส่วนเวทมนตร์ ถ้าอยากได้พลังขั้นสูงจำเป็นต้องเป็นนักเวทเท่านั้น เพราะเอาเวลามาเรียนศาสตร์ลี้ลับแทบไม่มีเวลาออกกำลัง


2. ลมปราณต้องเรียนรู้กระบวนท่า กล้ามเนื้อต้องจำ สมองไม่ต้องจำ เวทมนตร์อาศัยท่องจำแบบนกขุนทอง บังคับด้วยสมองเท่านั้น


3. ถ้าโดนสาปปิดปากเงียบ ลมปราณยังใช้ต่อไปได้ ตราบที่คุณสามารถร่ายรำวิชา แต่เวทมนตร์ที่ต้องใช้ท่องจำจะใช้การไม่ได้


4. ถ้าร่างกายเหน็บชาหรืออัมพาต ลมปราณใช้การยากถึงยากที่สุด แต่เวทมนตร์ไม่ต้องใช้แขนขาก็เสกได้


5. ลมปราณคือการกำหนดหายใจ คิดตามแผนปัจจุบันคือการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด ปอด และช่องทางหายใจ แต่เวทมนตร์คือศาสตร์ลี้ลับ จำพวกสวดมนต์และเรียนรู้กฎธรรมชาติแบบไสยศาสตร์ บางทียึดแนวคิดของพระเจ้าหรือปีศาจมาใช้


6. ความเชื่อต่างกันออกไป ลมปราณยึดตามหลักลัทธิเต๋า พวกพลังในนิยายจีนทุกเรื่องมักจะทางนี้หมด ไม่เหมือนพุทธเราที่เอามาจากแนวคิดเขมร ส่วนเวทมนตร์จะยึดความเชื่อท้องถิ่นหลายที่ ผู้ใช้พลังที่รับจากพระเจ้าหรือศาสนามักจะเป็นนักบวช นอกนั้นเป็นจอมเวท ซึ่งเห็นได้จากการล่าแม่มดนี่แหละ


7. ลมปราณมีกฎเคร่งกว่าเวทมนตร์ ลมปราณยึดตามคำสอนของเต๋าเท่านั้น เวทมนตร์จะยังไงก็ได้ อยู่ที่คุณเชื่อแนวคิดของใครมากกว่า


8. ตามหลักลัทธิเต๋า พลังชีวิตคือเชื้อเพลิงให้กับลมปราณ ใช้ลมปราณใช้มากเกินไปอาจถึงบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เวทมนตร์ไม่จำเป็นต้องเอาพลังชีวิตไปแลก ยกเว้นเงื่อนไขบางอย่าง (คิดง่ายๆ ลมปราณใช้ HP เวทมนตร์ใช้ MP)


9. เรื่องการใช้สิ้นเปลืองเกินขีดจำกัด ลมปราณจะทำให้ร่างกายแปรปรวนจนนอนป่วย เวทมนตร์จะเสียการควบคุมจนไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใช้เวทก็เป็นได้ สิ่งแวดล้อมรอบตัวจะผิดเพี้ยนบ้าง แล้วแต่ความเชื่อ


10. ถ้าเป็นแนวเด็กประถม คิดง่ายๆเลย การออกกำลังคือการฝึกลมปราณ การเรียนหนังสือคือการฝึกเวทมนตร์


11. การเข้าใจลึกซึ้งของพลัง ลมปราณมีสิทธิ์เป็นเทพเซียนตามความเชื่อเต๋า ส่วนเวทมนตร์ จอมเวทจะเข้าใจความลับของพลัง โดยคนทั่วไปไม่มีวันได้รู้


12. ระบบธาตุ เวทมนตร์แบ่งธาตุชัดเจนกว่าลมปราณ เนื่องจากผู้ใช้ลมปราณต้องปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ ไม่ให้เกิดการแทรกซ้อนเข้าร่างกาย ส่วนเวทมนตร์ อยากเลือกธาตุไหนก็เลือกเลย


13. บางที เวทมนตร์จะต้องเสียเวลาเขียนวงเวท ทำให้ระยะเวลาการร่ายนานกว่าลมปราณหลายเท่า ถ้าเจอซึ้งๆหน้าแบบทั้งคู่ไม่ได้เตรียมล่วงหน้า ลมปราณได้ต่อยนักเวทก่อนจะร่ายเสร็จ


14. เวทมนตร์สามารถท่องในใจก็ได้ แต่การท่องด้วยปากจะง่ายกว่า อาจทำให้ศัตรูรู้ว่าเรากำลังใช้ท่าอะไร แต่ลมปราณเดายาก อยากเอ่ยชื่อท่าก็ได้ ใช้ร่ายรำไม่ต้องท่องจำก็ทำได้


15. ถ้าคุณไม่ชอบเพาะกล้า ไม่ออกกำลังกายทุกวัน ถนัดใช้สมอง แคลเซียมน้อย อยากเป็นบุ๋นเพียว ไม่ชอบให้จอมยุทธดูถูก แนะนำเรียนเวทมนตร์ แต่ถ้าคุณมองว่าไสยศาสตร์เป็นเรื่องไร้สาระ ขี้เกียจแก้ปริศนาศาสตร์ลี้ลับ หรือไม่มีปัญหาใช้เวทมนตร์ แต่ไม่ชอบให้นักเวทดูถูก แนะนำไปเรียนลมปราณ ดูสิว่า ผู้ใช้ลมปราณกับผู้ใช้เวท ใครเทพกว่า


16. แต่ถ้าคุณต้องการใช้พลังสองอย่างในคนเดียวกัน ไปดูคุณครูจอมเวท เนกิมะเป็นตัวอย่าง พระเอกเป็นนักเวทหน้าเด็ก แต่ไปเรียนมวยจีนจากนักเรียนของเขาเอง

1
White Frangipani 13 พ.ย. 61 เวลา 06:03 น. 4-1


สวัสดีค่ะ



5. ลมปราณคือการกำหนดหายใจ คิดตามแผนปัจจุบันคือการไหลเวียนของออกซิเจนในเลือด ปอด และช่องทางหายใจ...ตรงนี้เห็นด้วย ว่าเป็นความจริงค่ะ


 แต่เวทมนตร์คือศาสตร์ลี้ลับ จำพวกสวดมนต์และเรียนรู้กฎธรรมชาติแบบไสยศาสตร์ บางทียึดแนวคิดของพระเจ้าหรือปีศาจมาใช้

แต่ตรงนี้...นะคะ ดูคุณจะเข้าใจอะไรผิดไปค่ะ


หรือเวทมนตร์คือศาสตร์ลี้ลับ จำพวกสวดมนต์และเรียนรู้กฎธรรมชาติ...หากเป็นการปฎิบัติจริงนั้นไม่ใช่ไสยศาสตร์นะคะ และนั้นก็คือพลังธรรมชาติของจิตนั้นเองค่ะ




6. ความเชื่อต่างกันออกไป ลมปราณยึดตามหลักลัทธิเต๋า พวกพลังในนิยายจีนทุกเรื่องมักจะทางนี้หมด

ไม่เหมือนพุทธเราที่เอามาจากแนวคิดเขมร ส่วนเวทมนตร์จะยึดความเชื่อท้องถิ่นหลายที่ ผู้ใช้พลังที่รับจากพระเจ้าหรือศาสนามักจะเป็นนักบวช นอกนั้นเป็นจอมเวท ซึ่งเห็นได้จากการล่าแม่มดนี่แหละ


แต่การล่าแม่มดนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในพุทธศาสนานะคะ หากแต่เกิดขึ้นที่ยุโรปค่ะ จริงแล้ว การล่าแม่มด เป็นคำแสลง...ซึ่งใช้ในการกระทำของผู้นำในศาสนาต่างๆ คือใช้กับพิธีกรรมที่เขาเข่นฆ่า หรือทำลายล้าง เหล่าผู้คนซึ่งมีพลังเหนือคนธรรมดาทั่วๆไปนั้นเองค่ะ


ซึ่งคนกลุ่มหนึ่งได้เกิดมาและมีพลังธรรมชาติเหนือกว่าผู้คนส่วนมากนั้นก็มีอยู่จริง หากแต่ศาสนาเป็นความเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นมา การที่จะสร้างให้ผู้คนมากมายยอมเชื่อ ยอมนับถือศรัทธาศาสนานั้นๆ ผู้นำศาสนาจึงต้องทำการล่าแม่มด หรือเข่นฆ่าผู้ที่มีพลังธรรมชาติมากกว่า หรือเหนือกว่าคนส่วนใหญ่นั้นเองค่ะ


จริงแล้ว แม่มดที่ถูกล่าในที่นี้ คือ ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติกว่าคนทั่วไปเป็นธรรมชาติของเขาค่ะ


เพราะฉะนั้นคิดว่าคุณคงเข้าใจผิดไปนะคะ


และในข้อ8 ของคุณนี้...นะคะ อ่านแล้วรู้สึกเป็นอะไรที่เจ้าของเม้นต์ไม่เคยเห็นมาก่อนค่ะ



8. ตามหลักลัทธิเต๋า พลังชีวิตคือเชื้อเพลิงให้กับลมปราณ ใช้ลมปราณใช้มากเกินไปอาจถึงบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เวทมนตร์ไม่จำเป็นต้องเอาพลังชีวิตไปแลก ยกเว้นเงื่อนไขบางอย่าง (คิดง่ายๆ ลมปราณใช้ HP เวทมนตร์ใช้ MP)


ตามหลักลัทธิเต๋า พลังชีวิตคือเชื้อเพลิงให้กับลมปราณ ใช้ลมปราณใช้มากเกินไปอาจถึงบาดเจ็บหรือเสียชีวิต "

...เห็นด้วยกับตรงนี้ทั้งหมดค่ะ


แต่...

แต่เวทมนตร์ไม่จำเป็นต้องเอาพลังชีวิตไปแลก ยกเว้นเงื่อนไขบางอย่าง (คิดง่ายๆ ลมปราณใช้ HP เวทมนตร์ใช้ MP)"

...จริงแล้วคำว่าเวทมนต์ ซึ่งความหมายที่ถูกต้องคือ...พลัง ซึ่งเกิดขึ้นได้จากพลังจิตที่แก่กล้านะคะ


คือจริงแล้วเป็นอาการ หรืออานุภาพจิตที่มีพลังเป็นศักยภาพ...ยกตัวอย่าง ผู้ที่มีพลังจิตแก่กล้า...สามารถทำการตั้งสัตย์อธิษฐานได้สำเร็จ หรือผู้ที่มีพลังจิตดี แก่กล้า ทำให้พลังอธิษฐานบังเกิดตามที่เขาต้องการ คือจริงแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นได้ผ่านขบวนการ หรือกลไกของจิตนะคะ


แบบนี้แล้วเวทมนต์...หากจะเรียกอีกชื่อคือ...พลังจิต...นั้นเองนะคะ


ซึ่งจริงแล้วมีคำอธิบายไว้ในภาษาไทยชัดเจนด้วยนะคะ


นี่ค่ะ


เวทมนตร์

[เวดมน] น. ถ้อยคําศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมเพื่อให้สําเร็จความประสงค์ เช่น โบราณใช้เวทมนตร์ในการรักษาโรคบางอย่างบางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ คาถา เป็น เวทมนตร์คาถา เช่น เขาใช้เวทมนตร์คาถาล่องหนหายตัวได้.



หรือแม้การทิ้งร่าง(คือการที่วิญญาณที่สามารถล่องหน ออกจากร่างได้)คืออกจากร่างโดยการกระทำโดยการผ่านการเข้าญาณ และ ผ่านกสิณ10 (หรือผ่านอานุภาพกสิณ หรือผ่านอำนาจฤทธิ์ในกสิณ10)นั้นก็ต้องใช้พลังปราณมหาศาล...เพื่อการนี้นะคะเจ้าของกระทู้


คุณอ่านรายละเอียดกสิณ10 หรืออานุภาพของกสิณ10 ตามลิ้งก์นี้นะคะ


https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%93#%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%93_10


หากจะอธิบายสั้นๆ คือการขับดวงวิญญาณออกจากสังขาร(คือการทิ้งร่าง) หรือแม้การกลับเข้าประทับร่าง(คือการกลับเข้าสู่สังขารเดิม) นั้นก็ต้องใช้พลังมหาศาล ไม่ว่าพลังนั้นจะเป็นพลังจากดวงจิต(คือพลังจิต) แต่ก็ต้องอาศัยพลังปราณด้วยการเข้าญาณ หรือเพ่งกสิณเพื่อช่วยให้เกิดขบวนการดังกล่าวในขณะเดี่ยวกัน...รวมๆแล้วขบวนการ หรือกลไกดังกล่าวนี้ ต้องใช้พลังมากมายนะคะ


และหากพลาด...คือพลังเกิดตกกลางคัน หรืออ่อนลง หรือไม่นิ่ง ไม่แกร่ง คือพลาดพลั้ง ดวงวิญญาณ หรือพลังจิตนั้นจะไม่สามารถเข้าร่างเดิมเป็นปรกติได้ คือตายนะคะ


และจะตายอย่างทรมานด้วย นั้นคือแยกตาย(ทั้งที่ยังไม่ตายทั้งร่างและจิตวิญญาณ) ร่างตายอีกที่ แต่วิญญาณยังคงลอยๆไร้ที่ประทับ คือวิญญาณนั้นไม่ดับนะคะ


คือหากพลาด ก็ตายอย่างทรมาน หรือที่เราเรียกว่าตายทั้งเป็นด้วย



เพราะฉะนั้น...ในความเป็นจริง...พลังจิต(เวทมนต์)


(และญาณ คือพลังปรีชา หยั่งรู้, ปรีชากำหนดรู้, ความสามารถหยั่งรู้หรือกำหนดรู้อันเกิดจากอำนาจสมาธิ รู้ตัวทั่วพร้อม รู้ได้ทั้งหมดทั้งอินทรีย์...คือการสำรวมรู้ ทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น สํารวมอินทรีย์

สติปัญญา


พลังปราณ ปราณ คือ ระบบลมหายใจที่ถูกจัดให้ให้เป็นระบบจนเกิดเป็นพลังงานชีวิต หรือลมปราณ คือ พลังงานหรือสนามพลัง



คือจริงแล้วทั้งหมดนี้มีส่วนร่วมกัน หรือต้องใช้ร่วมกัน...จึงจะเกิดเป็นฤทธิ์...ขึ้นได้ค่ะ(ฤทธิ์ซึ่งมีความหมายว่า อำนาจ, ความเจริญ, ความสำเร็จ.นะคะ)


จริงแล้วเจ้าของเม้นต์เข้าใจว่า ไม่ว่าศาสนาใด หรือลัทธิใดก็มีการจาลึกไว้คล้ายกัน เพียงแต่เป็นคนละชื่อ เพราะคนละภาษา หรือมีชื่อที่แตกต่างกันเท่านั้นเองค่ะ


แต่ขบวนการ หรือกลไกที่ใช้ขับเคลื่อนน่าจะเป็นเหตุเดี่ยวกันทั้งหมดค่ะ


เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจว่า...ทั้งปราณ และเวทมนต์ จะไม่สามารถบังเกิดฤทธิ์ขึ้นได้ หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปค่ะ


เม้นต์ เม้นต์เข้ามาเพียงแลกเปลี่ยน ความเข้าใจ และคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างนะคะ




16. แต่ถ้าคุณต้องการใช้พลังสองอย่างในคนเดียวกัน ไปดูคุณครูจอมเวท เนกิมะเป็นตัวอย่าง พระเอกเป็นนักเวทหน้าเด็ก แต่ไปเรียนมวยจีนจากนักเรียนของเขาเอง"...55555 แต่ก็ มีอยู่จริงด้วยสิ อยากดู อยากอ่านค่ะ


ส่งลิ้งให้ด้วยนะคะ


ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ




https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-12.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-12.pnghttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-12.png






0
White Frangipani 14 พ.ย. 61 เวลา 06:17 น. 5-1

สวัสดีค่ะคห.ที่5


เก็บเกี่ยว...หรอคะ!!!!55555


อยากจะบอกกับคนหาปลา...หรือนักล่าเนื้อ...ว่า คาถาเรียกเนื้อ เรียกปลา ของพระสังข์ทองนะคะ มีฤทธิ์ได้ สามารถเกิดเป็นผลสัมฤทธิ์...หากฝึกสำเร็จค่ะ


 คือสามารถบังเกิดขึ้นได้ เป็นความจริงนะคะ 5555 (สังข์ทอง นิยายยยยย แฟนตาซีของไทยที่ยอดเยี่ยมมาก)



คุณลองนำไปฝึก....นะคะ



ในคำนำหนังสือ"พระราชนิพจน์บทละครเรื่องสังข์ทอง" ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้กล่าวไว้ว่า[1]



...นิทานเรื่องสังข์ทองนี้มีในคัมภีร์ปัญญาสชาดก เรียกว่าสุวัณณสังขชาดก ถึงเชื่อถือกันว่าเป็นเรื่องจริง พวกชาวเมืองเหนืออ้างว่าเมืองทุ่งยั้งเป็นเมืองท้าวสามนต์ ยังมีลานศิลาแลงแห่ง ๑ ว่าเป็นสนามคลีของพระสังข์ อยู่ไมห่างวัดพระมหาธาตุนัก ที่ในวิหารหลวงวัดพระมหาธาตุ ฝาผนังก็เขียนเรื่องสังข์ทอง เป็นฝีมือช่างครั้งกรุงเก่ายังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ ทางหัวเมืองฝ่ายตะวันตกก็อ้างว่า เมืองตะกั่วป่าเป็นเมืองท้าวสามนต์อีกแห่ง ๑ เรียกภูเขาลูก ๑ ว่าเขาขมังม้า…

สังข์ทองเป็นเรื่องที่ได้มาจากสุวัณสังขชาดก เป็นหนึ่งใน ชาดกพุทธประวัติ เป็นนิทานพื้นบ้านในภาคเหนือและภาคใต้โดยที่สถานที่ที่กล่าวถึงเนื้อเรื่องในสังข์ทอง กล่าวคือเล่ากันว่า

เมืองทุ่งยั้งเป็นเมืองท้าวสามนต์ อยู่ในบริเวณใกล้วัดมหาธาตุเนื่องจากมีลานหินเป็นสนามตีคลีของพระสังข์

ส่วนในภาคใต้ เชื่อว่าเมืองตะกั่วป่าเป็นเมืองท้าวสามนต์ มีภูเขาลูกหนึ่งชื่อว่า "เขาขมังม้า" เนื่องจากเมื่อพระสังข์ตีคลีชนะได้ขี่ม้าข้ามภูเขานั้นไป




ข้อความทั้งหมดนี้...นำมาจาก...นี้ค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-07.pnghttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-11.pnghttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-11.pnghttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-11.png


0
white cane 13 พ.ย. 61 เวลา 10:44 น. 6

ถ้าไม่เวอร์เหมือนในนิยาย จะให้เปรียบเทียบกับความจริง ก็คงเป็น


เวทมนตร์ = พลังจิต ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยก็มีผู้ใช้พลังจิตอยู่จริง แต่ไม่ได้ยกของให้ลอยได้ หรือปล่อยแสงเหมือนยอดมนุษย์ พลังจิตในที่นี้หมายถึงใช้มองเห็นภาพต่างๆ ทั้งในอนาคต ปัจจุบัน และอดีต ยกตัวอย่างเช่น หมอดูอีที ซึ่งเป็นผู้พิการ ทางประเทศเขมรมั้ง ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ปัจจุบันนี้ตายไปแล้ว


ลมปราน = สิ่งที่ปลดปล่อยจากภายใน อาจจะใช้กำลัง หรือความร้อนทางเลือด หรืออะไรก็แล้วแต่ปลดปล่อยออกมา ผมเคยดูคลิปขอมหลวงจีนคนหนึ่ง ที่ประเทศจีน ใชฝ่ามือทำให้เกิดความร้อนได้ เมื่อเอาไปจ่อที่กระดาษ ปรากฏไฟลุกทันที มีกล้องจับความร้อนมาเป็นหลักฐานด้วย แต่ไม่รู้ว่าเป็นการแสดงปา-่หรือไม่ บางทีกระดาษใบนั้นอาจทาอะไรบางอย่างเอาไว้ จึงทำให้เกิดไฟลุก เหมือนกับปา-่ของประเทศไทย จู่ๆ ก็มีไฟลุกในบ้านได้เฉยเลย แปลกไหมล่ะ ?

0
ลิงเมา 13 พ.ย. 61 เวลา 17:41 น. 7

แปลตรงตัว ปราณ แปลว่า ชีวิตครับ

เพราะฉะนั้นลมปราณ คือลมแห่งชีวิต หรือลมหายใจนั่นแหละ

เป็นเหตุผลว่าทำไมการฝึกลมปราณถึงเกี่ยวกับการหายใจ

ในการฝึกลมปราณจริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่คือการเน้นไปที่การเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย

ถ้าใช้ในการต่อสู้ เราไม่สามารถป่อยตูมตามแบบในหนังจีนได้


ส่วนเรื่องเวทมนต์ ยกแนวคิดของวิคคามาแล้วกัน

เวทมนต์คือสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติ เป็นพลังของธรรมชาติที่มองไม่เห็น

เวลาใช้คือการใช้จิตใจ ประกอบกับพิธีกรรมจำพวกวงเวทย์ หรือสัญลักษณ์ต่างๆ

และอาจมีคีย์เวิร์ดเป็นสิ่งที่เรียกว่าคาถา อะไรเทือกๆนั้น


สรุป ปราณ มาจากภายในตัวเอง เน้นเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง

เวทย์มนต์ มาจากภายนอก ใช้เพื่อการหยิบยืมเอาพลังจากธรรมชาติมาใช้

เพื่อประกอบพิธีกรรม


หลักการกว้างๆ มีประมาณนี้ครับ


0
Shadow guerrilla Maya 12 เม.ย. 62 เวลา 14:47 น. 10

#รากฐานของลมปราณและพลังเวทย์(มานา)เดิมทีเป็นพลังชีวิต(พลังงานทางจิตวิญญาณตามธรรมชาติ) ในยุคโบราณพลังงานทางจิตวิญญาณตามธรรมชาตินั้นถูกลัทธิทางตะวันออกเรียกพลังงานนี้ว่าลมปราณ(ฉี) ลัทธิทางตะวันตกเรียกพลังงานนี้ว่ามานา


#ถ้าถามว่าพลังงานทางจิตวิญญาณตามธรรมชาติคืออะไรและเกี่ยวข้องกับพลังชีวิตอย่างไร?

ในยุคโบราณนั้นเต็มไปความเชื่อเรื่องวิญญาณซึ่งมีแนวคิดที่ว่าพลังงาน(หรือชีวิต)ในวัตถุนั้นมาจากองค์ประกอบทาง'จิตวิญญาณ'


*(เพิ่มเติม)

#ลมปราณ

พลังงานทาง'จิตวิญญาณ'ก็เหมือนกับสารบำรุง สารบำรุงไปบำรุงร่างกาย ร่างกายก็จะผลิตพลังชีวิตออกมา พลังชีวิตถูกเปลี่ยนเป็นพลังจิต ปริมาณของสารบำรุงเพิ่มขึ้นตามพลังจิต ซึ่งเรียกวงจรเหล่านี้ว่าวงจรสวรรค์น้อย -ยิ่งสุขภาพดีจิตก็ดี ยิ่งจิตดีร่างกายก็แข็งแรง

พลังงานทางจิตวิญญาณมีอยู่ในสามประเภท

1. อยู่ในสวรรค์

2. อยู่ในโลก

3. อยู่ในสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์ (อาจจัดอยู่ในประเภทที่ 2 ได้)

ตามแนวคิดของลมปราณคือการกระตุ้นพลังงานทางจิตวิญญาณภายในร่างกายและโคจรอยู่ในร่างกายโดยอาศัยกระบวนท่าเข้าช่วย ลมปราณเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนเลือด เมื่อลมปราณไหลเวียน กำลังจากภายในก็จะเกิดขึ้นตามลักษณะการไหลเวียนต่างๆ เคล็ดวิชาลมปราณอาจหมายถึงรูปแบบการไหลเวียนอย่างหนึ่ง

ในภาษาโบราณ "มานะ(มานา)" หมายถึง "ฟ้าร้องพายุหรือลม" เป็นพลังอันทรงพลังของธรรมชาติซึ่งถูกคิดกันว่าเป็นการแสดงออกของตัวแทนความเหนือธรรมชาติที่มองไม่เห็น แนวคิดนี้กระจายไปทั่วลัทธิทางตะวันออก

มานาขึ้นอยู่กับการนำไปใช้

ถ้าใช้ทางร่างกาย = ศิลปะการต่อสู้ภายใน

ถ้าใช้ทางจิตใจ = คาถาเวทย์มนตร์

#เวทย์มนตร์

การใช้เวทย์อาจประกอบไปด้วย พิธีกรรม,รูน,ภาษา,สัญลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นกฎแห่งการเปลี่ยนแปลง ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อม ใช้งานโดยผ่านการรับรู้ทั้งหก

-กฎแห่งการเปลี่ยนแปลงคืออะไร?

เป็นกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงการแสดงออกเกี่ยวกับจิตใจในลักษณะต่างๆ ทำให้จิตใจถูก(เชื่อมโยง)ไปตามพิธีกรรม,รูน,ภาษา,สัญลักษณ์ต่างๆ จนบรรลุผลสำเร็จ

แน่นอนว่าการให้เวทย์มนตร์สัมฤิทธิ์ผลนั้นต้องมีทั้ง คาถา พลังจิต มานา เนื่องจากการใช้เวทย์แต่ละครั้งต้องเผาผลาญทั้งกำลังกายและจิตใจ

-ถ้าอธิบายตามหลักฟิสิกส์

คาถาคือเครื่องจักร

พลังจิตและมานาคือพลังขับเคลื่อน /พลังจิตอาจแทนขีดจำกัด มานาแทนเชื้อเพลิง

คาถาเวทย์มนตร์ตามความเป็นจริงไม่ได้เว้อวังอย่างกับในหนังน่ะ คาถานั้นเพียงแค่ส่งผลทางจิตใจ เช่น คาถาหนังเหนียว คาถาอาจสะกดจิตว่าเราหนังเหนียวจริงๆ ทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ออกมาแล้วว่า ความคิดนั้นสามารถส่งผลต่อความเป็นจริงได้ขึ้นอยู่กับว่าความคิดนั้นแรงกล้าขนาดไหน


0