Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Review ความล้มเหลวทางการศึกษาของผม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้พี่จะขอเล่าประสบการณ์การเรียนในคณะที่ตอนแรกพี่คิดว่าใช่และจะเรียนมันได้ดีมาก และอยากฝากไว้เป็นอุทาหรกับการเลือกคณะที่ผิด

พี่จะเล่าตั้งแต่ช่วงมอ6ถึงปี2 ตอนมอ6ตอนนั้นพี่คิดว่าคระสายวิทยาศาสตร์ยังไงก็ดีกว่าสายศิลเพราะว่ามีงานเยอะไปเรียนต่อด้านไหนก็ได้อยากจะบอกว่ามันคือความคิดที่ผิดถ้าน้องไม่ได้ชอบวิชาพวกนั้นจริงๆแต่มันจะถูกทันทีถ้าน้องชอบมันและทำมันได้โอเคจากนั้นพี่ได้สอบเข้าและติดคระวิศวกรรม หลังจากนั้นgat pat และ 7วิชาสามัญพี่ก็อ่านหนังสือเบาลงมากและคะแนนก็ออกมาตามที่อ่านหนังสือคือน้อยมากๆแต่ในตอนนั้นพี่คิดว่าพี่มีที่เรียนคะแนนพวกนี้คงไม่จำเป็นช่วงgatpatผ่านไปพี่ก็ได้เข้าสู่ช่วงหยุด6เดือน พี่คิดว่าจะซิ่วเพราะพี่ไม่พึงพอพอใจกับมหาลัยที่ได้มา และวิชาที่ได้เริ่มอ่านคือวิชาภาษาอังกฤษอันนี้แหละเหมือนจุดประกายความคิดของพี่คือพี่ทำมันผิดเยอะมากแต่ความรู้สึกคือพี่ยังอยากทำมันต่อแตกต่างจากวิชาเลขกับฟิสิกพี่ทำมันไม่ได้แต่ไม่อยากทำต่อแต่วิชาเคมีพี่ยังอยากใจมันอยู่นะในทางกลับกันพี่ทำอังกฤษจนได้คะแนนพอที่จะติดสายภาษา(ข้อสอบเก่านะไม่ได้สอบจริง)พี่เริ่มคิดว่าการซิ่วมันจะเป็นไปได้ง่ายขึ้น และพอมาถึงเข้าไปเรียนในมหาลัยที่ติด พี่ได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษอาจารย์ให้เขียนเรียงความภาษาอังกฤษและอันนี้คือจุดเปลี่ยนและเป็นการเปลี่ยนที่ใหญ่มากพี่รู้สึกว่าชอบมากพี่ไปศึกษาเองจนได้รู้ว่าตัวเองชอบเรียนอะไรหลังจากนั้นพี่พยามปรับปรุงพัฒนาด้านภาษาอย่างมากแตกต่างจากวิชาสายวิทย์ที่พี่คิดว่าเอาแค่ผ่านพอเพราะไม่ได้สนใจมันจริงๆ จากนั้นพี่เริ่มคุยกับที่บ้าน แต่ก็ได้คำตอบมาว่าลองคิดดูก่อนลองผ่านเทอมนี้ดูก่อนหลังจากนั้นพี่เริ่มเรียนภาษาที่3จนพอพูดได้สอบวัดระดับได้ แต่ที่บ้านก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีจนวันนึงพี่หมดความอดทนจับเข่าคุยกับที่บ้านแบบจริงจัง พี่ได้พูดความในใจไปทั้งหมดและร้องให้อย่างบ้าคลั่งจนเขาพูดมาประโยคนึ่งว่า “เรียนเพื่อพ่อแม่กับแม่ได้ไหม“ จากนั้นพี่ทำได้แค่เสียงสะอื้นและตอบว่า โอเคผมจะเรียนที่นี่ให้จบหลังจากที่พ่อและแม่เดินเท้าก้าวออกไปจากห้องเหมือนความหวังที่จะได้เรียนคณะที่ตัวเองรักได้พังทลายลงกับหน้าพี่ร้องให้อยากบ้าคลั่งเหมือนคนบ้า พี่ร้องจนหลับไปจนพอทำใจได้ว่ายังไงก็ต้องเรียนคระนี้ไป
 
พี่อยากมาเตือนสติสำหรับน้องๆที่กำลังจะสอบเข้ามหาลัยสิ่งที่น้องเลือกมันจะต้องเป็นสิ่งที่น้องอยากทำจริงๆไม่ว่าน้องจะล้มหรือน้องจะแพ้แต่น้องจะต้องอยากทำมันต่อ ทุกคณะมีความสำคัญของมันอยู่ไม่ว่าจะเป็นสายไหนก็ตาม
ขอให้น้องโชคดีกับการได้เรียนมหาลัยนะครับเรื่องทั้งหมดพี่ขอไว้เป็นอุทาหร

 

แสดงความคิดเห็น

11 ความคิดเห็น

โปเตตา 25 พ.ย. 61 เวลา 11:49 น. 1

เรียนเพื่อพ่อแม่กับแม่ได้ไหม


งี่เง่าอะ ยกเว้นพ่อแม่ไม่มีเงินส่งอันนั้นค่อยว่าอีกที ชีวิตเรา เราก็ต้องมีสิทธิ์เลือก นี่มันยุคไหนแล้ว

4
Sixtyone 26 พ.ย. 61 เวลา 09:43 น. 1-1

ถ้าทำงานหาเงินเองได้แล้วค่อยพูด

ก่อนเลือกคณะทำไมไม่คิด ถ้าอยากเรียนสิ่งที่ชอบคุณต้องมุ่งมั่นมาตั้งแต่ก่อนเลือกมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เข้าไปแล้วนึกอยากซิ่วก็ซิ่ว คุณคิดว่าพ่อแม่ต้องหาเงินมาจ่ายค่าลงทะเบียน ค่าหอ ค่าเสื้อผ้า ค่ากินอยู่ ค่าจิปาถะตั้งเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่สองสามพันนะ เงินที่ต้องจ่ายไปเท่ากับซื้อไอโฟนได้เครื่องนึงเลย แล้วจู่ ๆ ก็โยนมันทิ้ง

แค่คิดก็ขึ้นแล้ว!!!!!

0
DayDream 26 พ.ย. 61 เวลา 10:39 น. 1-2

นี่ทำงานหาเงินเรียนเองจะซิ่วยังโดนด่าเลยค่ะ ก็ตลกกับการอ้างเหตุผลความเป็นพ่อแม่ทุกอย่าง สรุปเราจบให้เขาทำงานมาสองปี พ่วงด้วยโรคไบโพลาร์ค่ะตอนนี้ก็อยากรู้ค่ะว่าพ่อแม่มีความสุขไหม ที่เราต้องมาป่วย

0
Sixtyone 26 พ.ย. 61 เวลา 11:40 น. 1-3

1-2 จะหาว่าเราแถก็ได้นะ ในเมื่อทำงานหาเงินเรียนเองได้ เลี้ยงดูตัวเองได้ คุณจะเอาชีวิตไปผูกไว้กับพ่อแม่ทำไมล่ะ

"ก็ตลกกับการอ้างเหตุผลความเป็นพ่อแม่ทุกอย่าง" ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พ่อแม่จะยึดติดกับคำนี้ ก็เขาเป็นพ่อแม่ แต่คุณต้องยึดติดกับคำว่าพ่อแม่ตามเขาด้วยเหรอ

0
โปเตตา 26 พ.ย. 61 เวลา 14:56 น. 1-4

ผมทำงานเลี่ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว มาเกินยี่สิบปีแล้ว คุณทำงานได้วันละ ครอบครัวผมไม่งี่เง่าแบบนี้

0
Memo 25 พ.ย. 61 เวลา 23:13 น. 2

สู้ๆนะคะพี่่่​ ตอนนี้น้องก็ไม่ต่างกันการได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ มันรู้สึก​หมดแรง​ใจ​มากๆเลย​ รู้สึกไม่อยากตื่นไปเรียนเลยย​ ฮือออ

1
pakhaydaow 26 พ.ย. 61 เวลา 00:09 น. 3

อย่างน้อยก็พบแล้วว่าอยากจะพัฒนาอะไรสำหรับตัวเอง ชอบอะไร ถึงวันนี้อาจจะเริ่มไม่ได้เพราะชีวิตมันมีอะไรที่ต้องคิดหลายอย่าง เรามีเวลาอีกหลายวัน อีกหลายปีเลยเรียนรู้ควบคู่ไปก็ได้ ถึงวันนี้จะต้องอดทนมากๆกับสิ่งที่ไม่อยากทำ ก็ค่อยๆคิดก็ได้หลายๆอย่างรีบไปที่คิดว่าใช่มันก็อาจจะยังไม่ถูกต้องทั้งหมด บางทีเราอาจจะชอบเรียนแบบเรียนรู้เองแบบไม่ต้องบังคับลงเรียนเป๊ะๆก็ได้ ใครจะไปรู้ เอาเป็นว่าถ้าจขกท.เรียนวิศวะอยู่ ชอบปฏิบัติมั้ยหรือไม่ชอบถ้าชอบก็ถือว่าเอาเป็นวิชาติดตัวแต่ถ้าวันไหนที่รู้สึกว่าไม่ไหวมากๆๆอย่าฝืนนะเพราะความเครียดมันสะสมได้ถ้าเราเก็บมันเอาไว้มากๆแต่ถ้าทุกวันนี้ยังพอจัดการความรู้สึกได้ก็ อยากให้สู้ๆนะ

1
jumbo1700 26 พ.ย. 61 เวลา 02:23 น. 3-1

เราจะสู้ให้จบเพื่อที่จะไปเรียนภาษาให้ได้!!!555ขอบคุณนะครับ

0
The last hope 26 พ.ย. 61 เวลา 00:21 น. 4

ชีวิตของเรา มันเป็นของเราไม่ใช่พ่อเเม่ซักหน่อย ตอนปวช.ผมเคยเรียนสาขาที่ผมไม่ชอบ ผมฝืนเรียนเลยรู้ว่ามันทรมานมาก ที่ต้องทำอะไรที่ไม่ชอบ ถ้ารู้ตัวว่าชอบอะไรรีบย้าย ทำสิ่งที่ชอบดีกว่า

ชีวิตเกิดมาครั้งเดียว ทำตามใจตัวเองดีที่สุดครับ

0
Mister jin 26 พ.ย. 61 เวลา 01:29 น. 5

คุณจขกท ลืมถามพ่อกับแม่ไปว่า

ประโยคคำถามแบบเดียวกัน


"ถ้าผมไม่กินข้าวทั้งวัน พ่อกับแม่หิวไม"


"ถ้าพ่อรถคว่ำตาย ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์

แล้วผมตายไม"


ขอโทษ ถ้าไม่สุภาพ

มีคำถามคล้ายๆ กัน


"ยอมตายเพื่อคนที่เรารัก ได้ไม"


สำหรับผมการเป็นคนดี ดี แต่จงเป็นคนดี

ที่แข็งแกร่งเป็นยาก กระเพราะอาหารใน

ร่างกายของใคร ก็ของมัน ถ้าไม่มีใจ สู้

อ่อนแอก็ตาย


พื้นฐานการอยู่รอด ต้องรักตนเองก่อนที่สามารถ

ไปรักคนอื่นได้ ไม่ใช้อย่างคนเห็นแก่ตนนะ

รักตนเองหมายถึงดูแล ตนเองได้ ถึงสามารถ

ไปดูแลคนที่เรารักได้


แล้วคุณจขกท คิดอย่างไร ถ้าความคิดเห็นที่ผม

พิมพ์ไปข้างบนจนเข้าใจนะครับ

0
White Rosebud 26 พ.ย. 61 เวลา 03:21 น. 6

จขกท.ยังมีความกล้าที่จะบอกพ่อแม่ว่าชอบอะไรแต่เรายังไม่กล้าพอเลย ได้แต่นั่งเรียนแบบงงๆต่อไป เราเรียนเภสัชแต่ชอบภาษาเหมือนกันค่ะอยากเรียนภาษาจีนกับอังกฤษไปด้วยกัน พึ่งมาพบว่าชอบก็ตอนอยู่ปี1เทอม2 มันทำให้เรามีความสุขกว่าการเรียนวิทย์ ตอนปีแรก จบเทอม1เราตกต้องเรียนใหม่ เราไม่ชอบเคมีเลย ซึ่งจาก6ก็เป็น7ปีถึงจบ ทรมานมากทุกวันนี้แต่พอจะบอกพ่อก็เห็นรอยยิ้ม ลูกเป็นความหวังของพ่อนะ มันทำให้พูดไม่ออกเลย ตอนนี้ก็ลงเรียนภาษาจีนไปด้วย หาเวลาให้สิ่งที่ชอบจะได้ไม่เครียดเกินไป เป็นกำลังให้จขกท.เข้มแข็งไว้นะคะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

1
Sixtyone 26 พ.ย. 61 เวลา 10:16 น. 8

เห็นหลาย ๆ ความคิดเห็นมีปัญหากับคำว่า "เรียนเพื่อพ่อแม่กับแม่ได้ไหม" เราโคตรรู้สึกสงสารพ่อแม่ของพวกคุณเลย น่าสงสารที่พวกเขาเลี้ยงพวกคุณมาดีเกินไป

ต้องแยกแยะประเด็นให้ดีนะ เจ้าของกระทู้เขาเลือกคณะด้วยตัวเขาเอง ไม่ได้เกิดจากการที่พ่อแม่บังคับ พอเรียนไปแล้ว ไม่ชอบเลยอยากจะซิ่ว ในมุมมองของคนเป็นพ่อแม่เขายอมไม่ได้หรอก แล้วเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าถ้าซิ่วไปแล้ว พอไปเรียนอีกคณะที่บอกว่าชอบ จขกท. จะไม่ซิ่วอีก เพราะ จขกท. โตแล้ว ยังคิดตัดสินใจเลือกเส้นทางและรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้เลย

พ่อแม่ไม่ใช่เจ้าชีวิตของลูก เขามีหน้าที่เลี้ยงดูลูก แต่เขาต้องเลี้ยงคุณไปจนวันตายเหรอ ถ้าพวกคุณอยากมีชีวิตของตัวเอง ก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ได้สิ ถ้ายังแบมือขอเงินพ่อแม่ มีสิทธิ์อะไรบอกว่าชีวิตเป็นของฉัน แค่ปัญญาความสามารถทำมาหากินเองยังไม่มี ยังต้องพึ่งพิงคนอื่น อยากได้อะไรก็ร้องหาพ่อแม่ ลองคิดในมุมของพ่อแม่ดูบ้าง อย่าคิดแต่ในมุมของตัวเอง

2
jumbo1700 26 พ.ย. 61 เวลา 14:35 น. 8-1

ก็จริงอยู่แต่เราแค่ตัดสินผิดตอนนั้นเราแค่หาข้อมูลไม่มากเพียงเราแค่อยากจะแก้ตัว

0
โปเปตา 26 พ.ย. 61 เวลา 15:27 น. 8-2

ถ้าคุณอยากให้เขาเลี้ยงตัวเองได้ คุณต้องให้เขาแก้ไขหาเส้นทางที่ตัวเองต้องการไปจริงๆได้สำเร็จ เด็กผิดพลาดได้เป็นเรื่องปกติ ถ้าแก่กว่านี้มันจะแก้ไม่ทันแล้ว เรียนเพื่อพ่อแม่ เรียนไปทำไม เรียนแล้วมีแต่ความทุกข์จะเรียนไปทำไม พอพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว คุณจะรู้ได้ไงว่าเขาจะเอาตัวรอดได้ ถ้าไม่ยอมให้แก้ไขตอนนี้ ก็ต้องเลี้ยงไปจนตายนั่นล่ะ คุณแอนตี้เรื่องการแก้ไขนี้มาก หรือว่าชีวิตคุณทุกวันนี้ไม่ได้ทำสิ่งตัวเองรักใช่ไหม ถ้าพ่อแม่ไม่มีปัญญาจ่ายเงิน ไม่มีปัญญาเลี้ยง นั่นก็ถึงเป็นอีกปัญหาที่ไม่ควรเลือกใหม่แล้ว ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ก็แก้ไปเถอะ มันยังไม่สาย

0
SadBoy 26 พ.ย. 61 เวลา 22:13 น. 9

สู้ๆนะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ไม่ได้เรียนสิ่งที่ตัวเองชอบ พอพูดว่าเราจะเข้าคณะนิเทศนะก็โดนแม่พูดดักมาเลยอยากย้ายคณะก้ย้ายไปแต่พ่อคงผิดหวัง(พ่อทำงานสายวิศวะ)มากรู้ใช่ไหมซึ่งจริงๆผมไม่ได้อยากเข้าคณะวิศวะเลย มันทำให้ผมอึดอัดมากได้แต่เก็บไว้อยู่คนเดียวเพราะพูดออกไปก็เท่านั้นเค้าไม่ฟังอยู่ดี

0
Byunyui 28 พ.ย. 61 เวลา 14:36 น. 10

จริงๆค่ะ เราก็เคยเจอแบบนี้ "เรียนเพื่อพ่อกับแม่ได้ไหม"

ผลที่ได้คือ จริงๆ จบแบบไม่รู้จะทำอะไรต่อ เราทำตามที่พ่อกับแม่ขอจนไม่รู้ว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไร เหมือนคนลอยๆอะไรก็ได้งี้


แต่ตอนนี้เจอสิ่งที่ชอบแล้วค่ะ

0
Kantarat_nam 29 พ.ย. 61 เวลา 14:17 น. 11

ขอบคุณมากนะคะที่มาแชร์ความรู้สึก น้ำคิดว่าทุกวันนี้มีหลายคนที่เจอกับความกดดันจากครอบครัว แล้วส่งผลถึงอนาคตของตัวเด็กเอง ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ สู้ๆ ขอให้ได้ทำในสิ่งที่รักในสักวันหนึ่งค่ะ และอยากฝากให้น้องๆที่เข้ามาอ่าน ก็ขอให้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองรักนะ สุดท้ายแล้วมันคืออนาคตของเรา ให้เลือกทางเดินของตัวเอง เป็นกำลังใจให้ค่ะ

1