ภาษาที่สวยงามในการเขียนนิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
โดยส่วนตัว ผมว่ามันก็เป็นข้อดีเหมือนกันนะ เขียนง่าย อ่านง่าย เข้าใจง่าย รวบรัดรวดเร็ว ไม่บรรยายเวิ่นเว้อจนเกินไป เหมาะกับนักเขียนมือใหม่ที่ประสบการณ์ยังไม่มากพอหรืออาจจะชอบอะไรแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และนักอ่านบางประเภทที่มองเนื้อเรื่องเป็นอันดับแรก อย่างอื่นเป็นรองลงมา
ทุกคนคิดยังไงกันบ้างครับ อันไหนดี อันไหนไม่ดี หรืออันไหนดีกว่ากัน
14 ความคิดเห็น
สำหรับเราเรามองว่าการเขียนนิยายแต่ละเรื่องมันสามารถใช้ภาษาได้หลากหลายแบบอยู่ที่ว่าตอนนั้นเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร บริษทอยู่ตรงไหน บางคนเลือกใช้ความรุ่มรวยของภาษาบรรยายเหมือนกันหมดทั้งเล่ม คล้องจองกันจนเหมือนเป็นร่ายมากกว่าร้อยแก้ว แถมยังต้องมาตีความศัพท์แสงอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นคิดว่าเลือกใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา อย่างบทบรรยายฉากบรรยายธรรมชาติก็อาจจะใช้ภาษาที่สละสลวยได้ แต่กับบางอารมณ์ก็ควรสื่อสารง่ายๆ จะเข้าใจมากกว่า สำหรับตัวเองมองว่าคนที่เขียนภาษาอย่างง่าย "ใช้คำน้อยแต่ได้ความมาก" สะเทือนอารมณ์มากนั่นคือดึงความสนใจได้ดีกว่าการบรรยายท่วมทุ่งแต่ไม่ได้อะไรเลย
เห็นด้วยครับ บางเรื่องมีเนื้อเรื่องอยู่เพียงไม่กี่บรรทัด แต่เอามาขยายด้วยการบรรยายจนได้1หน้ากระดาษA4 ผมนี่ทึ่งในความสามารถของเขามากๆ เลยครับ แบบนี้ก็ชอบอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็แอบหัวเราะที่เนื้อเรื่องมันเดินไปได้แค่นิดเดียว
การใช้คำง่าย ๆ การใช้คำน้อยแต่ได้มาก การใช้ภาษาสละสลวย การใช้ศัพท์ยาก ทุกอย่างต้องแล้วแต่จังวะ ไม่จำเป็นต้องตั้งกรอบจะใช้อย่างเดียวไปทั้งเรื่อง
สมัยก่อนเคยใช้พรรณาโวหารเยอะครับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
หลังๆ มา อาจเป็นเพราะอ่านนิยายใหม่ๆ มากไป เลยติดการใช้คำไม่ต้องหรู เน้นอ่านเข้าใจ หลีกเลี่ยงภาษาวิบัติ บางท่อนก็อ่านแล้วแข็งโป๊ก จนกังวลบ้างว่างานที่เขียนอยู่ อาจใกล้จะแย่กว่าไลท์โนเวลบางเรื่องแล้วครับ
ไลท์ โนเวลเลยเหรอครับ
ลืมเรื่องข้อดีข้อเสียไปเลยครับ จงบรรยายให้รู้เรื่องให้เป็นตัวเองก็พอ นักเขียนทุกคนต้องมี voice ครับ อ่านปุ๊ปแล้ว เฮ้ย!!! สำนวนคนนี้ สำนวนแบบนี้เขาเลย จะดีกว่า
เขียนอะไรก็แล้วแต่ครับ จะแร๊พ จะร็อค จะลูกทุ่ง มันต้องมีเอกลักษณ์ คิดโง่ๆเลยว่าหนังเรื่องเดียวกัน ให้โนแลน ให้สปิลเบิร์ก ให้แคเมรอน กำกับ มันออกมาคนละแบบอยู่แล้ว คุณจะเป็นพจน์อานนท์ไหมล่ะ?
ยกตัวอย่างตัวเอง: เคยมีคนทักว่าผมสำนวนไปทาง season cloud ผมยังไม่รู้จักเลยว่าใคร รู้สึกเคืองหน่อย ๆ ว่า ใครวะด้วย พอไป Google ดูก็ อ่อ มีความคล้ายนะ แต่จริง ๆ น่าจะเพราะอายุไล่เลี่ยกันมากกว่า (คนยุค 90s) คนที่ทักเขาอาจจะอ่านค่ายนี้หนักไปหน่อย สำนวนผมนี่ตามใจตัวเองสุดๆแล้ว (อันนี้ตัวอย่างนะ)
ของคุณพจน์ อานนท์ผมขอผ่านครับ
เขียนอธิบายปกติให้คนรู้เรื่อง คือพื้นฐานของนักเขียน
หากมีสะบัดลีลาเล็กน้อยเป็นสีสัน ก็ถือเป็นความเก่ง
หากทำให้คนอ่านขนลุกด้วยคำสวย ๆ และจมลงกับเหตุการณ์ด้วยรูปประโยคที่กระชากอารมณ์ อันนี้เรียกเทพ
และนักเขียนควรมีความเทพแบบนี้ ฉากธรรมดา ไม่จำเป็นต้องใช้คำสวยก็ได้ แต่ฉากเด่น ฉากพีค การใช้ภาษาสวยงามจะทำให้ดึงอารมณ์ออกมาได้ดีมาก
เหมือนหนังที่ใช้ดนตรี หากเลือกดนตรีได้เข้ากับฉาก มันจะดึงอารมณ์ได้สุด ๆ เกมเรดเดธท2 ที่เล่นจบไปแล้ว ดนตรีกับฉากเข้ากันสุด ๆ เล่นไปขนลุกไป ได้อารมณ์มาก คิดว่างานเขียนก็คงไม่ต่างกัน
อีกอย่าง งานเขียนคืองานศิลปะ มีสวย มีเรียบ แล้วแต่คนเขียนจะสร้างมันออกมาแบบไหน เรียบเกินไปก็น่าเบื่อ สวยเกินไปก็เข้าไม่ถึง หากจัดให้ลงจังหวะตามเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็จะยอดเยี่ยมมาก ๆ
นึกภาพออกเลยครับ
ภาษาสวยหรือไม่สวย ขอแค่อ่านรู้เรื่องและไม่นอกเรื่องก็พอ ถ้าเป็นภาษาอีสาน ภาษาปักษ์ใต้ ภาษาเหนือ พูดอีกเรื่อง
เปิดเข้ามาดูเพราะชื่อล็อคอินนี้เลยนะ ฮ่าา
อ้ะ พอดีเลย ผมมีตัวละครที่เป็นคนอีสานแล้วใช้ภาษาอีสานอยู่ด้วยล่ะ
ระดับต้น -- สื่อสารรู้เรื่อง
ระดับกลาง -- สื่อสารรู้เรื่อง + สื่ออารมณ์ได้
ระดับสูง -- สื่อสารรู้เรื่อง + สื่ออารมณ์ได้ + จรรโลงใจผู้รับสาร
บางคนเข้าใจผิดว่า ภาษาสวย = ระดับสูง แต่ที่จริงไม่ใช่ ถ้ามันสื่อสารกับสื่ออารมณ์ให้คนอ่านไม่ได้ มันก็เป็นไม่ได้แม้กระทั่งระดับต้นด้วยซ้ำ
ส่วนตัวเรามองว่า ภาษาที่ดีคือ ใช้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องค่ะ ไม่ใช่มาแบบ...จุดที่ควรกระชับดันมาพรรณนา จุดที่สมควรบรรยายก็ตัดให้กระชับไม่ให้รายละเอียดซะงั้น
งั้นผมขอเป็นระดับต้นที่พัฒนาไปถึงระดับกลางแค่นี้พอ น่าจะเป็นตัวของตัวเองที่สุดแล้ว
ไม่รู้สิ แต่เราชอบอ่านและเขียนแบบละเอียดยิบนะ
มันช่วยให้มองเห็นภาพได้ง่ายขึ้นใช่มั้ยครับ
55555..ภาษาอันงดงามสละสลวย คือภาษาที่เรียงร้อยเป็นประโยคเป็นวรรคตอนและบทตอน ด้วย
ถ้อยคำทั้งการจัดแบ่งวรรคตอนและการจัดลำดับประโยคต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยสามารถสื่อสาร
ความหมายที่ผู้เขียนต้องการสื่อได้อย่างถุกต้องชัดเจนเท่านั้นครับ ความสั้นยาวไม่ใช่ปัจจัยของคำ
ว่าสละสลวยหรือธรรมดาจนสามัญไม่..
นี่ข้าเข้าใจผิดไปเยี่ยงนั้นฤๅ
นี่ข้าเข้าใจผิดไปเยี่ยงนั้นฤๅ
ใช่ๆ เน้นเนื้อเรื่องเป็นหลัก
ชอบอ่านแบบใช้คำง่าย เข้าใจง่าย
ถ้าใช้ภาษาสวยสละสลวยบรรยายเยิ่นเย้อ มันต้องมาแปลอีกรอบ ยุ่งยาก เสียเวลา
ชอบอ่านนิยายแชท ไลท์โนเวล หรือนิยายที่ใช้ภาษาอ่านง่าย มากกว่า นิยายที่ใช้ภาษาและสำนวนอ่านยาก
ให้อารมณ์เหมือนลิเกมั้ย
ควรใช้ตามความเหมาะสม ตามรูปแบบของเรื่องราวนั้น เช่น มีเชื้อพระวงศ์ควรใช้ราชาศัพท์
ในบางจังหวะ เช่น ฉากโรแมนติกที่ต้องการความละมิุนละไม เพื่อสื่ออารมณ์ความรู้สึกให้ชัดเจนขึ้น
จุดประสงค์เพื่อดึงดูดความสนใจผู้อ่าน หรือ เพิ่มความประทับใจ เป็นส่วนเสริมให้ดูมีคุณค่ามากขึ้น
แต่ถ้าใช้ผิดใช้ไม่เป็นก็อาจทำให้ดูแย่ลง หรือ สื่อสารไม่เข้าใจได้ จึงควรระวังให้มาก
ได้ครับ จะพิจารณาให้ดี
เวลาผมอ่านนิยายเเละให้คะเเนน(ในใจ) ผมเเบ่งเป็นความสนุกของเนื้อเรื่อง พล็อดเเละโครง ส่วนความสวยของภาษาผมจัดอยู่ในหมวดคะเเนนพิเศษ ประเภทเดียวกันกับการสร้างบุคลิคตัวละคร การใส่รายละเอียดในฉาก เพราะมันค่อนข้างยากกว่า? เเยกย่อยกว่า? ว่าเเต่ช่วยอธิบายภาษาที่สวยงามให้ผมหน่อยได้ไหมครับ? ผมจะได้ไม่หลุดออกประเด็น เเล้วก็สงสัยด้วยว่าปกติจำกัดความกันยังไง เข้าใจเเบบไหน เเบบไหนที่เรียกว่าภาษาที่สวยงาม? สละสลวยเหมือนใช้ซัลซิล? #เขาไม่ได้จ่าย
เพิ่งเห็นกระทู้นี้ ขอตอบซักหน่อยละกัน
เราเพิ่งโพสกระทู้เปรียบเทียบสำนวนไป แล้วได้ข้อสรุปว่า
แล้วแต่จริตค่ะ
บางคนก็ชอบภาษาสวย ๆ รุ่มรวย บรรยายทุกอย่างให้เห็นภาพเข้าถึงอารมณ์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่อย่างเรา แทบจะอ่านแต่นิยายแปลและนิยายญี่ปุ่นสมัยใหม่มาตลอดชีวิต เลยชอบคำศัพท์และรูปประโยคที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องมานั่งตีความหรือเปรียบเปรย และก็พบว่าคำง่าย ๆ และเว้นช่องว่างให้คนอ่านได้จินตนาการสักนิดกน่อยนี่แหละที่เราชอบที่สุด ขอแค่ใช้เป็น ถูกจังหวะ มันก็ทำให้เราดำดิ่งลงไปกับนิยายได้โดยไม่ต้องประดิษฐ์ประดอยใด ๆ ให้มากความ
ไม่มีแบบไหนผิดหรือถูก มีแค่ชอบกับไม่ชอบเท่านั้น
สิ่งสำคัญพื้นฐาน คือการใช้คำให้ถูก รู้ว่าอยากจะสื่ออะไรออกมาแล้วสื่อออกมาได้ และพยายามเกลาให้อ่านแล้วลื่นไหลก็เพียงพอแล้ว (เราพยายามเขียนแบบรุ่มรวยแต่เกลาไม่ดีพอก็แป้ก เขียนง่าย ๆ ลื่น ๆ ยังจะดีเสียกว่า)
อ่านง่าย เขียนง่าย มองเห็นภาพง่าย แบบนี้สินะครับ
จริง ๆ ก็ขึ้นกับแนวเรื่องและกลุ่มเป้าหมายด้วยค่ะ
หากกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงไปเลย เช่นนิยายรัก นิยายวาย หรือแฟนตาซีแนวผู้หญิงหน่อย ให้บรรยายแบบรุ่มรวยและเน้นอารมณ์ความรู้สึกตัวละครจะดีกว่า
แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชาย เช่นแนวบู๊ สืบสวน อะไรพวกนี้ หรืออยากเขียนแนวที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัย ก็บรรยายให้เข้าใจง่ายและกระชับจะเหมาะกว่า
อ้อ ครับ
นอกเรื่องหน่อย
นี่เป็นกระทู้แรกๆ ที่ผมตั้งขึ้น
อารมณ์ประมาณว่า ต้องการจะบอกว่าตัวเองชอบอ่านอะไรที่มันง่ายๆ
แต่พอมาช่วงหลัง ตัวเองกลับตั้งกระทู้เพื่อดูว่าตัวเองฝึกการบรรยายไปได้ถึงไหนแล้ว
ซึ่งการบรรยายที่ว่านั้น ตัวเองกำลังหันหน้าเข้าหาอะไรที่มันยากๆ อยู่
อยากอ่านอะไรที่มันง่ายๆ แต่กลับอยากเขียนอะไรที่มันยากๆ เพื่อให้ได้ตีพิมพ์
ก็ขำดีเหมือนกัน ขัดแย้งกับตัวเองซะงั้น
อย่ากังวลเรื่องภาษามากนักเลยค่ะ จริง ๆ นิยายตีพิมพฺสมัยนี้ก็ไม่ได้อ่านยากอะไรเลย ใช้คำธรรมดา ๆ เนี่ยแหละ
เราเคยอ่านตัวอย่างการบรรยายของคุณ มันก็ไม่ได้แย่ แต่มันยังขาด ๆ เกิน ๆ ในบางจุด (แค่ในความคิดเรานะ) คุณมีนิยายที่เป็นแนวทางในการเขียนหรือเปล่าคะ อย่างเราเนี่ย จะมีนิยายอยู่เซ็ตนึงเอาไว้อ่านเป็นแนวทางการเขียนโดยเฉพาะ มันจะทำให้เราไม่หลงแนวค่ะ
ไม่มีเลยครับ เท่าที่มีเป็นหนังสือที่อยู่บ้าน ก็ไม่ได้หยิบเอามาเป็นแนวทางสักเรื่องเลย
ส่วนเรื่องการบรรยายนั้นผมทำได้แล้วครับ
เพิ่งจะเขียนได้+ชินมือก็สัปดาห์นี้เอง
ได้แล้ว พอใจแล้ว
ตอนนี้กำลังเอานิยายทั้งเรื่องกลับมารีไรท์การบรรยายใหม่อยู่ครับ
อีกหน่อยก็จะโปรโมทอย่างเป็นทางการ และเริ่มอัพลงเว็บจริงๆ จังๆ แล้ว
ขอบคุณที่แนะนำครับ
เอาใจช่วยค่ะ ^^
ผมว่าถ้าเป็นไปได้ นักเขียนควรแต่งนิยายที่ "ใช้ภาษาที่มนุษย์ธรรมดาเข้าใจได้ง่าย" เพราะหากใช้ภาษาแบบสุนทรภู่ อาจเป็นการขับไล่นักอ่านส่วนใหญ่ไป เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจถึงคำศัพท์โบราณหรือพิสดารมากนัก
ผมเคยไปอ่านของนักเขียนท่านหนึ่ง มันเป็นนิยายจีน ผมอ่านไปได้ประมาณสิบกว่าตอนมั้ง จากนั้นก็ไม่ได้อ่านอีกเลย เนื่องจากผมต้องใช้สมองมากในการตีความหมายที่นักเขียนท่านนั้นสื่อ จนบางครั้งต้องไปเปิดพจนานุกรมก็มี
แต่นี่จะไม่เกิดปัญหาสำหรับนักอ่านที่อ่านแนวจักรๆ วงๆ จนเคยชิ้น แต่ว่านักอ่านเหล่านี้มีน้อยไง
ทุกวันนี้ผมยังคิดอยู่เลย จะย้อนกลับไปอ่านดีไหม เพราะกว่าจะอ่านได้แต่ละบรรทัด ต้องใช้สมาธิมาก เพื่อตีความหมาย แต่ถ้าเป็นแนวที่เขียนไม่ได้พิสดารมากนัก อันนี้อ่าน 1 บรรทัดที่เขียนเต็ม ใช้เวลา 2 วินิดๆ ผมก็อ่านจบแล้ว แต่ถ้าใช้สำนวนดึกดำบรรพ์ อย่างต่ำ 5 วินาที
ส่วนเรื่องความสนุกนั้น ? ผมว่ามันน่าจะเป็นรองการใช้สำนวนนะ หากการใช้สำนวนอ่านเข้าใจยาก แต่เนื้อหาสนุก มันก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากนักอ่านไม่มีความสุขในการอ่าน อย่างเช่นตัวผม แต่ของคนอื่น ? ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนผมหรือไม่ เอาเป็นว่าความคิดนี้เป็นของผมคนเดียว
เคยเจอเหมือนกันครับ ตอนนั้นเป็นเด็กด้วย ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?