Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มีความคิดเห็นขัดแย้งกับครอบครัวในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะศาสนา และความเชื่อโบราณที่ไม่มีหลักวิทย์ฯรองรับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
   สวัสดีค่ะ เราขอเข้าเรื่องเลย เราอายุ 16 แล้ว แต่เราไม่เชื่อเรื่องศาสนา เพราะหลายๆอย่างไม่มีเหตุผลรองรับ ในบัตรปชช.เราใส่ศาสนาพุทธ เรายังไม่กล้าเปิดใจคุยกับพ่อและยายเรื่องนี้ แต่เราคุยกับแม่ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้เห็นด้วยเต็มร้อยแถมยังพยายามลากให้เรากลับมาเชื่อในศาสนานี้อีก เราไม่เชื่อในศาสนาเพราะหลายๆเรื่องที่เรียนมามันเข้ากับหลักความเป็นจริงและวิทยาศาสตร์เลยสักนิด (ส่วนเรื่องอะไรนั้นขอข้ามค่ะ เพราะคาดว่าหลายๆคนน่าจะรู้ดี) ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมของเรา เรายึดว่าต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือคลางแคลงใจ และต้องไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนหรือคลางแคลงใจเหมือนกัน ใครดีมาดีตอบอะไรประมาณนี้ แล้วอีกอย่างยายเราเลื่อมใสในรสพระธรรมมาก เลยกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเราไม่เชื่อในศาสนาแล้วเรื่องราวจะใหญ่โต
   ส่วนอีกเรื่อง คือความเชื่อของโบราณที่สืบต่อกันมา ต้องบอกก่อนว่าแม่เราค่อนข้างหัวสมัยใหม่เลยไม่มีปัญหากับแม่ แต่ยายเราคือหัวโบราณครํ่าครึ ส่วนพ่อเราอยู่ระหว่างหัวโบราณกับพยายามรับสิ่งใหม่ๆ แต่ประเด็นคือถ้ายายพูดอะไรพ่อจะเออออตามไปหมดในขณะที่แม่จะขัดบ้าง
   เรื่องสดๆร้อนคือวันนี้เราทำงานโดยการออกแบบไว้ในA4ก่อนแล้วค่อย แล้วมาวาดขยายในA2 ซึ่งแบบเราก็จะปลิวค่ะ เราเลยใช้ขาตรงบริเวณข้อเท้าทับไว้ไม่ให้ปลิว ยายหันมาเห็นก็บอกว่าทำไมทำแบบนั้น ของมีครู เป็นกระดาษที่ใช้เรียน พอพ่อเห็นก็ด่าเราใหญ่ว่าทำอะไรทุเรศๆ ทำไมทำนิสัยแบบนี้ พอเราบอกว่ามันก็แค่กระดาษนะ เขาก็ด่าเรากลับมาว่าถ้าฉันเหยียบหัวเธอมันก็แค่หัวเธอน่ะสิ  เรานึกในใจแบบ เฮ้ยยยยยย คือหัวกับกระดาษมันคนละเรื่องมั้ย มันไม่ใช่อะไรที่มีชีวิต หัวคนก็หัวคน กระดาษก็กระดาษดิวะ แล้วก็ไม่ได้จะเอาไปส่งครู แล้วเขายังหันมาบอกเราอีกว่า เธอเหยียบมันอย่างนั้นเธอเรียนไปก็ไม่เจริญ โง่อยู่อย่างนั้นแหละ เอ๊ะ สมองส่วนการคิดวิเคราะห์และบริหารงานของเรามันไปเกี่ยวข้องกับการวางเท้าบนงานได้ไงคะ อย่าให้เหตุผลว่าเป็นของตํ่า ถ้ามันไม่อยู่ด้านล่างมันจะคอยรับนํ้าหนักให้เราเดินเหินไปไหนมาไหนได้ไง มีประโยชน์ขนาดนี้ทำไมว่าเป็นของตํ่า เข้าใจค่ะว่าในบางครั้งการใช้เท้ากับเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรมันก็เสียมารยาท นั่นคือเป็นกลอุบายของคนโบราณที่สอนลูกหลานให้มีมารยาทหรือเปล่า แต่เราก็ไม่ได้ทำนิสัยแบบนี้นอกบ้านนี่คะ แต่ที่หงุดหงิดและไม่เข้าใจที่สุดคือ การเผลอเดินเหยียบหนังสือเรียน
(คือไม่เห็นว่ามันวางขวางอยู่)ทำให้โง่ จริงแล้วคือควรให้เหตุผลว่าไม่ควรเหยียบมันเพราะจะเสียหาย หรืออย่างที่เราพึ่งเจอไป มันทำให้โง่ลงตรงไหน ไม่เข้าใจเลย เราเลยหงุดหงิดจนไม่เป็นอันทำงานต่อ สิ่งที่เราเชื่อคือ การเหยียบงานไม่ได้ทำให้เราโง่ มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความขยันที่จะเรียนของเราเท่านั้นที่จะทำให้เราประสบผลสำเร็จ ลองชีวิตนี้ทำตามที่คนโบราณว่าทุกอย่าง แต่คุณไม่ขยันทำงาน ไม่ตั้งใจเรียน ชีวิตนี้ก็ไม่เจริญขึ้นมาหรอก ขอบคุณที่รับฟังค่ะ 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

อ้วนล่ำหม่ำทุเรียน 1 ธ.ค. 61 เวลา 15:04 น. 1

ทำใจครับ.. คนหัวโบราณส่วนใหญ่เป็นแบบนี้เกือบทุกคน


ผมก็เป็นคนคนหนึ่งแหละครับที่ไม่เชื่อเกี่ยวกับเรื่องศาสนา หรือ ปาฏิหารใดๆ นอกจากจะมีวิทยาศาสตร์ มายืนยันเท่านั้น


ความเชื่อมันก็แค่เรื่องโกหกให้คนกลัวการทำผิด

ความเชื่อ = เรื่องโกหก


0
มัณทนา[ไหดองล้านปีกับอาราเล่] 5 ธ.ค. 61 เวลา 11:22 น. 2

ดีแล้วค่ะที่ไม่นับถือพุทธ

เดี๋ยวนี้เด็กไทยรุ่นใหม่ๆหลายคนหนีไปนับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามกันค่ะ

เพราะขยะแขยงค่ายธรรมะบางค่ายกับพุทธศาสนิกชนบางคนที่เอาศาสนาพุทธมาใช้ในทางที่ผิด

0