Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สิ่งดีๆ ของในหลวง ที่คนไทยทุกคนควรอ่าน บทความ ดร.วิษณุ เครืองาม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ในฐานะที่ทำงานอยู่ใน ทำเนียบรัฐบาล โดยหน้าที่ ต่างๆกัน
ถึง 15 ปี ผมขอยืนยันว่า พระองค์ ทรงมีมาตรฐาน เดียวโดยตลอด จะต่างกันก็ที่ โอกาส เช่น คณะรัฐมนตรีบางคณะ
เข้ามาในช่วงที่ทรงพระประชวร บางคณะมีราชการ งานเมือง
ต้อง เข้าเฝ้าฯ ขอ พระราชทานมหากรุณาบ่อยหรือห่าง
ตามเหตุการณ์

ในการมีพระราชดำริ พระราชดำรัส และการทรงงานใดๆ ไม่มีเลยสัก เรื่องที่จะ แสดงว่าทรงรับ เอาประโยชน์ ส่วนพระองค์แม้ พสกนิกรจะเต็ม ใจถวาย

สมัย จอมพลถนอมเป็นนายกฯ คราวหนึ่งประจวบโอกาส
ครองราชย์ครอบ 25 ปี (พ.ศ. 2514) รัฐบาล จะสร้าง
พระบรม ราชานุสาวรีย์ และถาวรวัตถุ ใหญ่โต “ ที่ สุดในประเทศ ” ถวาย รับสั่งว่า “ สิ้นเปลืองและไม่เป็น ประโยชน์
แก่ประชาชน สร้างถนนกันรถติดดีกว่า ” นี่คือที่มาของ “ 
ถนนรัชดาภิเษก ”

สมัยคุณบรรหารเป็นนายกฯ เคยกราบบังคม ทูลว่า จะสร้าง
ทาวเวอร์หรือหอคอยสูงใหญ่ข้างสะพานพระราม 9 
ใช้เป็นหอดูวิว หอโทรคมนาคม และเฉลิมพระเกียรติ 
รับสั่งว่า “ เทคโนโลยีสมัยนี้ไม่ต้อง สร้างหอโทร คมนาคม
และ เปลือง เงินเปล่าๆ ”

นายกฯคนหนึ่งเคยกราบบังคม ทูลถามว่า ที่พระอนุสาวรีย์
กรมหลวงชุมพรฯ หน้าทำเนียบรัฐบาลนั้น ตอนพลบค่ำ
คนมักมาจุดประทัดแก้บน บางทีก็ยิง ปืนสนั่นหวั่นไหว 
ดังรบกวนมาถึง สวนจิตรฯ หรือไม่ รับสั่งว่า “ อยู่ที่หลักการ
ว่าทำอย่างนั้นผิดกฎหมาย ไหม ถ้าผิดก็ต้องห้าม แต่ถ้าเป็น เสรีภาพก็ต้อง ปล่อยไป รำคาญหนวกหูก็ต้องทน อย่าใช้ มาตรฐานสวนจิตรฯ หรือทำเนียบรัฐบาลมาตัดสิน ”

สมัยนายกฯทักษิณ เคยกราบบังคมทูลว่า 
เมื่อประทับรักษาพระองค์ที่วังไกลกังวลอย่างนี้ รัฐบาลจะขอ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ สำนักพระราชวัง 
ปรับปรุงวังไกลกังวล ให้สะดวกสบายสมกับที่จะใช้
เป็นที่ประทับยาวนาน รวมทั้งจะปรับ ปรุงโรงพยาบาล 
หัวหินให้ทัน สมัยพร้อมทุก ประการ

รับ สั่งว่า การปรับปรุงโรงพยาบาล เป็นประโยชน์ แก่ทุกคน
ถ้ามี งบก็ควรทำ แต่การปรับปรุงวังไกลกังวลเป็นเรื่องพระสำราญ “ แค่นี้ก็พออยู่พอเพียงแล้ว ”

รัฐบาลหลายคณะ เคยออกกฎหมายที่มุ่งจะเฉลิมพระเกียรติ
เช่นมีคำว่า “ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลย เดชมหาราช ”

มี พระราชกระแสให้ รัฐบาลนำกลับไป ปรับปรุงเพราะ 

“ ไม่อาจทรงสถาปนาพระองค์เองได้ ” เช่นเดียวกับที่ใน
พ.ศ. 2512 ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ในร่างพระราช บัญญัติ
ยศทหาร ซึ่งถวายพระยศ ทางทหารเป็นจอมพล จนร่างพระราชบัญญัตินั้นตกไปเองในที่สุด

รัชกาล นี้ทรงลงพระปรมาภิไธยตรากฎหมายมาแล้ว ทั้งที่เป็น
พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกานับหมื่นฉบับ ทรงวินิจฉัย ฎีกานักโทษ ฎีการ้องทุกข์ขอพระราชทานความเป็นธรรมอีกหลายพันราย บางรายขอพระราช ทานยืมเงิน บางรายขอความเป็นธรรมเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย

ราย หนึ่ง- ลูกชายบวชหน้าไฟให้พ่อ อยู่มาก็ไม่ยอมสึก
แม่มีลูกชายคนเดียวทำหนังสือถวายฎีกาว่าเดือดร้อนหนัก 
ขอพระมหากรุณา ให้ลูกสึกมา ช่วยเลี้ยงแม่เถิด โปรดให้ตรวจสอบแล้วมีพระราชกระแสว่า แท้จริงแม่ไม่ได้อยากให้ลูกสึก 
แต่ปัญหาคือแม่ลำบากยากจน จึงโปรดให้กรมประชาสงเคราะห์ เข้าไปช่วยดูแล สอนอาชีพให้และ หาเครื่องมือทำ มาหากิน
ไปให้แม่ ลงท้ายแม่ก็ทำมาหากินได้ ส่วนลูกก็อยู่ ไปจนเป็นสมภาร

พระ บาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ ทรงสงเคราะห์ทั้งส่วนรวม
และพระองค์เองเพื่อจะได้มีพระอนามัยดี ทรงงานเพื่อ 
ส่วนรวมต่อไป จึงทรงดนตรี ทรงพระราชนิพนธ์หนังสือ 
ทรงเล่นคอมพิวเตอร์ ทรงฉายภาพ ทรงกีฬา ทรงวาดรูป 
ปั้นรูป ทรงงานไม้งานช่าง จะทรงจับงาน ด้านใดก็ทรงทำได้ดี

ที่คนไม่ใคร่ทราบคือ ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษในเรื่องภาษาไทย การศึกษา ระบบสิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข และพุทธศาสนา ส่วนที่ทรงพระปรีชาทางดิน น้ำ ระบบระบายน้ำ 
และการแก้ปัญหาจราจรนั้นเป็นที่ทราบทั่วไปอยู่แล้ว

เมื่อครั้งยังเป็น เลขาธิการคณะ รัฐมนตรี ผมเคยได้รับพระมหากรุณาพระราชทานคำแนะนำเรื่อง การ ใช้ถ้อยคำภาษา ไทย หลายหน

ครั้งหนึ่งได้ถวาย “ ราย ชื่อ ” บุคคล ให้ทรงแต่งตั้ง รับสั่งถามว่า ตั้งกี่คน ผมกราบบังคมทูลว่าคนเดียว ตรัสว่าคน เดียวเรียกว่า “ ชื่อ ” ถ้า “ ราย ชื่อ ” ต้องหลายคน

อีกคราวหนึ่ง มีหนังสือกราบบังคมทูลว่า “ ทูล เกล้าทูล กระหม่อมมา เพื่อทรง พิจารณา ” ทรง พระสรวลตรัสว่า “ 
ถ้า ทูลเกล้าทูล กระหม่อมก็อยู่ บน กระหม่อมยังไม่ถึงฉัน 
ถ้าจะให้ถึงฉัน ต้องทูลเกล้า ทูลกระหม่อม ถวายมาเพื่อทรง พิจารณา ”

ในทางพระพุทธศาสนา ก็ปรากฎว่า ทรงรอบรู้ ทั้งในทาง
ปฎิบัติและปริยัติ ทรงรู้จัก พระเป็นอันมาก เมื่อตรัสถึง 
เหตุการณ์ครั้ง ใดจะทรงย้อนไป ถึงเรื่องราว ครั้งเก่าก่อน 
เช่น “ ครั้ง สมเด็จพระสังฆราชยังเป็น พระญาณวราภรณ์ ” 
“ ครั้นเจ้าคุณประยุทธยัง เป็นพระราชวร มุนี ”

และเคยตรัสเล่าเรื่องราวความเป็นอัคร ศาสนูปถัมภก ว่า 
ต้องทรงอุปถัมภ์ และคุ้มครองทุก ศาสนา โดยไม่เลือกปฎิบัติ ทรงเล่าพระราช ทานว่า ครั้งหนึ่งควีนจากประเทศหนึ่งทูลถามว่า พุทธศาสนาไม่มี พระเจ้าแล้วชาว พุทธนับถืออะไร กัน เหตุใดไม่ยกพระพุทธเจ้าเป็น god เสีย เลย

ได้ทรงตอบว่า พุทธศาสนานับถือ “ ธรรม ” เรานับถือธรรม
ยิ่งกว่าพระ พุทธเจ้าเสียอีก เพราะธรรมเป็นเครื่อง คุ้มครองโลก และได้ตรัสเล่า ต่อไปว่า แม้ศาสนาอื่นก็ยังต้องทรงอุปถัมภ์ 
ฉะนั้นในฝ่าย พุทธศาสนาขอให้ ทุกคนวางใจเถิด ว่า จะเป็น เถรวาท มหายาน รามัญนิกาย มหานิกาย ธรรมยุต ก็ต้อง 
ทรง คุ้มครองและพระ ราชทานความเป็น ธรรมเสมอกัน

รัชกาลที่ 5 นั้น อะไรที่ไม่เคยมีและไม่มีคนไทยคนใดนึกว่า
ชีวิตนี้จะมี แต่ก็ทรงบันดาล หรือวางรากฐาน ให้มีขึ้นเป็น 
ขึ้นทั่วถ้วน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล รถไฟ ไปรษณีย์ 
เลิกทาส จนคนรุ่นก่อนหน้านั้นต้องคิดว่าเหลือเชื่อ

แต่ รัชกาลที่ 9 นั้น อะไรที่ควรจะมี ควรจะคิดออก ควรจะทำ
เป็นนานแล้ว แต่ผู้มีอำนาจ หน้าที่ไม่ใคร่ คิดไม่ใคร่ทำ 
ก็ทรงบันดาลหรือวางรากฐานให้มีให้เป็นขึ้น เช่น เขื่อน ฝาย ประตูระบายน้ำ ถนน สะพาน การสงเคราะห์คนเป็นโรคเรื้อน 
คนประสบภัย ธรรมชาติ การแก้ปัญหาจราจร การเพิ่มผลผลิต 
การเกษตร การแก้ปัญหาความยากจน ปัญหาพลังงาน

สมัยผมเป็นเลขาธิการ ครม. ต้องทูลเกล้าฯถวายเอกสาร
ใส่ซองขนาดใหญ่สีขาว เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย 
ทรงรับสั่งต่อไป หน้าซองไม่ต้อง เขียนเลขที่ หนังสือ 
จะได้หมุนเวียนกลับลงมาใช้หลายหน ไม่ต้องทิ้ง 
แม้แต่เรืองเล็กๆ ก็ควรประหยัด เวลาร่างกฎหมาย
โปรดให้ถวายปะหน้า 2 แผ่น เผื่อว่าทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วหมึกซึมเลอะ จะได้ ประหยัด เวลา ไม่ ต้องรอถวายใหม่

เวลาตั้ง รัฐมนตรีใหม่จะ ต้องเข้า เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฎิญาณ 
จะตรัสว่าให้รีบมาจะได้รีบไปทำงานไม่ต้องห่วงว่าติดเสาร์อาทิตย์ ประเทศไทย พระเจ้าแผ่นดิน ไม่มีวันหยุด ราชการ 
พระมหากรุณาธิคุณปานนี้จะ หาได้จากที่ไหน อีก 
เจ้าประคุณเอ๋ย!

ปี 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสวรรคต 
ลองคิดดูว่าพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ จะทรงวิปโยค
ขนาดไหน เสด็จไปทรงสดับ พระพิธีธรรมที่พระที่นั่งดุสิตฯ ทุกราตรี แต่ทราบกันบ้างหรือไม่ว่าพอพระสวดจบ 
เสด็จลงมา ประทับที่พระที่นั่งราชกรัณยสภาใกล้ๆ กัน 
พระราชทานคำแนะนำการแก้ปัญหาจราจรแทบทุกคืน

ปี 2553 อยู่ระหว่างประชวรประทับในโรงพยาบาล 
พระราชกรณียกิจ อื่นภายนอกโรง พยาบาลทรงงดเสีย
เกือบสิ้น แต่การเสด็จไป เปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ 
ทอดพระเนตรโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมและเปิดสะพาน
ระบายการจราจรเพื่อพสกนิกรของพระองค์ เป็นเรื่องที่ทรง
ถือเป็นกิจสำคัญ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวฯ ทรงเป็นยอดแห่งผู้อดทน 
อดกลั้น ในการประกอบพระราชกรณียกิจนั้นย่อมมีทั้งร้อน
ทั้งหนาวยาวนานและน่าเหนื่อย หนัก ดูเอาจากการพระราชทานปริญญาบัตรเถิด แม้แต่ ที่ต้องทรงอด กลั้นด้วยขันติ บารมีใน
คำจ้วงจาบหรือระคาย เคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกไม่ รู้เท่าไร 
อย่าลืมว่า พระชนมพรรษา 83 แล้ว ทรงงานมา 64 ปีแล้ว

ดะไลลามะเคยพูดว่า “ ใครอย่ามาชมตัวท่านเลยว่า 
เป็นยอดคน ไปดูที่พระเจ้าแผ่นดินเมืองไทยเถิด ”

ผม เคยไปเฝ้าฯ เจ้าชายจิกมี กษัตริย์หนุ่มแห่งภูฎาน 
ตรัสว่า “ กษัตริย์ของท่านเป็นแบบ อย่างของ ข้าพเจ้า
ในการ จะครองราชย์ให้ คนรัก ”

สุลต่านบรูไนที่ เป็นผู้แทนกษัตริย์ 25 ประเทศ ถวายพระพร
ในคราวฉลองการครองราชย์สมบัติครบ 60 ปี เมื่อ พ.ศ. 2549 เคยทูลว่า การครอง ราชย์นานถึง 60 ปีเป็นเพียงตัวเลข 
สำคัญอยู่ที่ว่า 60 ปีนั้นได้ทำอะไร

“ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ฝ่าพระบาททรงทำทุกอย่างตลอด 60 ปี ให้เป็นประโยชน์ต่อชาวไทย ชาวเอเซีย และชาวโลก วาระนี้จึงทรงเป็นความภาคภูมิใจของบรรดาพระราชามหากษัตริย์ทั้งปวงโดยทั่ว กัน ”

เมื่อวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี 2552 มีพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า 
“ ความสุขความสวัสดีของ พระองค์จะมีได้ก็ด้วยการที่บ้านเมืองมีความเรียบร้อย ”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์นี้มีแต่ทรงให้
พวกเรามาตลอด แต่พระราชดำรัสนี้มีนัยเป็นทั้ง สิ่งที่
“ ทรงหวัง ” “ ทรงบอกให้รู้ ” และ ” ทรงขอ ” 
ซึ่งน่าจะทรงประสงค์ยิ่ง กว่าคำถวายพระพร “ ทรงพระเจริญ ”

ไหนว่า ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดังหวังวรหฤทัย 
แล้ว เรื่องอย่างนี้ เราคนไทยจะ พร้อมใจกันจัด 
ถวายได้ไหมครับ

แสดงความคิดเห็น

>