Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ควรเลือกทางไหนกับตัวเองดี?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ควรเลือกทางไหนกับตัวเองดี?ระหว่างสิ่งที่ตนชอบ กับ ความหวังดีของคนอื่นเกริ่นก่อนว่าเราเป็นเด็กม.5 ตอนนี้รู้ตัวเองแล้วว่าอยากเรียนนิเทศตั้งแต่ม.4 ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่เราทำแล้วแฮปปี้ อย่างเวลามีงานตัดวิดิโอส่งอาจารย์เราก็ทำเต็มที่และมีความสุขกับมันด้วยความเป็นเด็กวิทย์-คณิตทางบ้านเราบอกว่าเรามาสายนี้ทำไมไม่ต่อพวกวิทย์หรือแพทย์ เราก็ให้เหตุผลไปว่าตัวเองไม่ถนัดแล้วอยากเรียนสายนี้มากกว่า ทางบ้านก็ค้านอย่างหนัก พูดกรอกหูทุกวันว่า 'จบไปทำอะไร?' 'นิเทศมันตันแล้ว เค้าจะยุบแล้ว' 'ดูคนนู้นจบสิคนนี้จบสิตอนนี้ทำงานอะไร เห็นมั้ยลำบากจะตาย' โดนกรอกอย่างนี้จนเราเบื่อ รู้สึกแย่ เราไม่ชอบให้ใครบังคับเรา เราไม่ชอบให้ใครมาห้ามในสิ่งที่ตัวเองอยากทำทีนี้ด้วยความที่มีเพื่อนที่อยากเข้าอักษรมหาลัยเดียวกัน เราจึงไปเล่าให้ที่บ้านฟังว่า 'เนี่ยเขาก็เด็กวิทย์ก็ไม่เห็นเข้าวิทย์เลย เขาเลือกเข้าอักษร เราก็อยากเข้านิเทศ'และก็เหมือนเป็นตัวชนวนให้ที่บ้านกรอกหูใหม่ว่า 'เข้าอักษรก็ดีนะ จะได้ภาษา การงานดีกว่าด้วย' เราก็เลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนคนนั้น เขาเลยบอกว่าให้เราอยู่เฉยๆไม่ต้องพูดหรือเถียงอะไรทั้งนั้น แล้วก็พยายามทำให้เต็มที่ให้เขาเห็นว่าเราอยากเข้าจริงแล้ววันนี้ที่บ้านก็พูดเรื่องนี้อีกทุกคนในบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าไม่ให้เข้านิเทศ เพื่อตัวเราเองแล้วความสบายในอนาคตเรานั้นเลยตั้งคำถามเลยว่า จริงหรอ? แล้วความสุขเราล่ะ สิ่งที่เราอยากเรียนล่ะ ไม่สนหน่อยหรอ เห้ย!นี่ชีวิตเราเกิดมาเพื่อเลือกเองนะไม่ใช่ให้คนที่ขึ้นชื่อว่าบุพการีเลือก อย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ที่ต้องตั้งโปรแกรมบังคับดิ ไม่สงสารเราหน่อยหรอตอนนี้เรารู้สึกว่าคำพูดที่แม่พูดกับเราว่า 'ดูพ่อสิ พ่อเขาลำบากเพื่อหนูนะ ไม่สงสารพ่อหน่อยหรอ พ่อคาดหวังกับหนูมากนะ' มันเหมือนเอาเป็นข้ออ้างให้เราต้องทำให้พวกเขามากกว่า เหมือนพูดทวงบุญคุณเราอ่ะ เราไม่โอเลย เราต้องยิ้มแล้วพูดว่า 'ค่ะ' ตลอดทั้งๆที่เราร้องไห้กับเรื่องนี้มาหลายรอบแล้ว ต้องร้องคนเดียวด้วยเพราะเวลาแม่มาเห็นก็จะว่าเราว่า 'ร้องหาญาติหรอ?' ...ค่ะ ร้องไห้ตัวเอง ถือเป็นญาติเหมือนกันเพื่อนๆมีความคิดเห็นยังไงบอกกันด้วยนะคะ แล้วก็ใครมีอะไรคล้ายกันหรือแนะนำอะไรก็บอกกล่าวกันได้ค่ะขอบคุณที่นั่งอ่านความในใจเราตอนนี้นะคะขอบคุณค่ะ

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

JASM 16 ธ.ค. 61 เวลา 22:23 น. 1

พี่ก็เป็นเด็กคนนึงที่ชอบงานตัดต่อวิดีโอเหมือนกัน เคยคิดอยากเรียนนิเทศเหมือนกัน แต่สุดท้ายพี่ก็ไม่เลือกเรียน เพราะพี่รู้ว่าทางบ้านต้องไม่สนับสนุนแน่ ๆ ถึงเขาจะไม่ได้พูดแต่พี่ก็พอเดาได้

พี่ชอบงานพวกตัดต่ออะไรพวกนี้จริง แต่พอพี่ลองมานึก อาชีพที่ชอบมันทำให้อนาคตพี่ต้องลำบากรึเปล่า ในอนาคตจะมีงานทำมั้ย พี่ก็เลยเลือกที่จะไปเอาคณะที่มั่นคงที่เราชอบรอง ๆ ลงมาดีกว่า เพราะพี่คงทนความกดดันแบบนั้นไม่ได้

แต่นี่มันก็คือพี่เนอะ แค่ลองมาเล่าอีกมุมนึงให้น้องได้ฟัง ถ้าน้องคิดแล้วว่ายังไงก็อยากเรียนแน่ ๆ ให้ลองเอาข้อดีของคณะนี้ + อาชีพตอนเรียนจบไปคุยกับพ่อแม่เลยค่ะ หรืออาจให้คุณครูช่วยพูดให้ก็ได้ค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

1
Sunnyshineshow 16 ธ.ค. 61 เวลา 23:43 น. 2

นิเทศมันไม่ได้แค่ตัดต่อวีดิโอแล้วจบน่ะสิ 55555 เอาจริงๆ เราก็ไม่ค่อย Recommended นิเทศเท่าไหร่อ่ะ เพราะปัจจุบันคนเริ่มตกงานกันเยอะ แต่ถ้าอยากเป็นจริงๆ เราก็ไม่ว่าอะไร ขนาดที่หนึ่งของห้องมันยังบอกเลยว่าจะเข้านิเทศ 55555


ไม่รู้ว่าไปโดนใครกรอกหูมามั่งนะ แต่คนที่มีสิทธิ์เลือกอนาคตคือคนที่กรอกชื่อคณะตอนยื่นคะแนนต่อมหาวิทยาลัยอ่ะ (เอ๊ะ แต่เธอต้องเป็นคนกรอกเองไม่ใช่หรอ??)

1
Kuma_Type 17 ธ.ค. 61 เวลา 22:58 น. 2-1

เรารู้ว่าไม่ได้เรียนแค่ตัดต่อ ช่วงนี้เราชอบเข้ากิจกรรมที่เกี่ยวกับการแสดงด้วย555 แต่คิดว่าจะฝึกตัวเองไปเรื่อยๆเหมือนกัน


ขอบคุณที่แสดงความเห็นนะคะ

0
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 19 ธ.ค. 61 เวลา 00:46 น. 3

พี่เรียนอักษรฯ สาขาปรัชญานะ พี่อยากให้น้องลองพยายาม "งมจับ" คำพูดออกมาให้ได้ว่าคุณค่าภายในของความรู้ทางนิเทศศาสตร์ มีดีอย่างไร ต่อยอดอะไรได้บ้าง อันนี้ส่วนนึงนะ

อีกส่วนที่แยกไปต่างหากคือ การวางแผนอาชีพ ซึ่งอาจต้องคำนึงตั้งแต่เนิ่นๆเลยว่าน้องจะใช้ความรู้นิเทศศาสตร์หาเงินได้ยังไง หรือจะเป็นอาชีพอะไรแน่ๆชัวร์ๆ

อีกเรื่องคือ การเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆเป็น "อภิสิทธิ์" ฮะ เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แล้วยุคนี้อินเทอร์เน็ตมีความรู้คุณภาพให้ฟรีๆ(เกือบจะทั้งหมดของความรู้ทางนิเทศศาสตร์ก็มีในเน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าน้องได้ภาษาอังกฤษและเสิร์ชคำค้นด้วยภาษาอังกฤษเป็น)


นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอักษรฯเอกภาษาอังกฤษจึงอธิบายคุณค่าภายในออกมาได้อย่างชัดเจน เพราะมันใช้ต่อยอดในการหาความรู้ได้


ส่วนทีพี่เรียนปรัชญาเพราะพี่มีแผนจะเรียนปรัชญาจนทะลุป.เอกแล้วจบมาเป็นอาจารย์มหาลัย โดยพี่ก็เรียนโปรแกรมเกียรตินิยมและได้ทุนเนื่องจากได้เรียนวิชาที่ชอบทำให้มีผลการเรียนดี คว้าทุนมาได้ น้องเห็นไหมว่าถึงแม้พี่เลือกเรียนเอกปรัชญาซึ่งดูเสียเปรียบเอกอังกฤษ แต่ด้วยแผนการเฉพาะตัว มันก็ปรับสมดุลข้อดีข้อเสียกันได้

1