Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมแม่ไม่ปล่อยเราบ้าง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ อายุกำลังจะ14แล้วค่ะ แต่แม่ไม่ยอมปล่อยเราเลย ไม่ให้กลับบ้านเอง อันนี้พอเข้าใจได้ค่ะ

แต่เราแค่ข้ามถนนหน้าโรงเรียน ทั้งๆที่มียามคอยโบกรถและมีเพื่อน คนก็เยอะแยะ

ทำไมแม่ถึงห่วงเราจังคะ บางทีแม่ก็ให้ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ห้ามกลับดึก ไม่เคยนอนค้างที่ไหนเลยนอกจากบ้านตัวเองค่ะ

เคยขอแม่ไปคอน แต่แม่ก็ไม่ให้ บอกว่าแพง ทั้งๆที่เราจะใช้เงินตัวเอง

ก็เลยขอไปหน้าคอนแทน แม่ก็บอกได้ แต่แม่ต้องไปด้วย แบบไปเดินด้วยกันอ่ะค่ะ คือเสียใจมากๆ

โดยเฉพาะเรื่องข้ามถนนค่ะ ไม่เข้าใจมากไป พี่เราอยู่ม.4ค่ะ คนละรร. รร.พี่อยู่ไกล แม่ก็เลยให้พี่นั่งบีทีเอสกลับบ้านเองค่ะ

เราไม่เข้าใจเลย อยากให้แม่เข้าใจเราบ้าง บอกว่าเราทำอะไรไม่เป็นทั้งๆที่แม่ไม่เคยให้เราทำเลยค่ะ

ช่วยด้วยค่ะ ขอบคุณนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

48 ความคิดเห็น

เมโลดี้สีฟ้าใส 3 ม.ค. 62 เวลา 20:04 น. 1

เค้าก็คงยังเห็นว่าเรายังเด็กค่ะ ซึ่งก็เด็กจริงๆ ยังใช้เด็กหญิงอยู่ จริงมั้ย ลูกสาวคนเล็ก ยังไงก็ห่วงกว่าปกติแน่นอน ไม่ลองคุยกับแม่ดูละคะ เอาเป็นเรื่องพื้นฐานก่อนพวกเรื่องข้ามถนนไรงี้ ส่วนเรื่องไปคอน ไว้รอโตกว่านี้ก่อนค่อยไปเองก็ดีนะคะ

1
VioletVelvet 3 ม.ค. 62 เวลา 23:38 น. 2

หนู ตอนพี่ 14 ก้อเหมือนหนูแหละไม่ปล่อยไปไหนเลยตอนนั้นยังใช้เด็กช-ญ นำหน้าอยู่ แม่เลยมองว่าเป็นเด็ก แถมอยู่แค่ม.ต้นด้วยยิ่งน่าห่วง แต่หลังจากนั้นพอพี่อายุสัก 16 แม่ก็เริม่ปล่อยๆ ไปเที่ยวนิดหน่อย พอย่างเข้า 17 จนตอนนี้ 18 เท่านั้นแหละบันเทิงเลยแหละ พี่แพลนเองอะไรเองเสร็จสรรพ แม่ปล่อยโลด อยากไปกทม.คนเดียว..ไป ไปหน้าคอนกับเพื่อน..ไป ไปเดินสยามคนเดียว..ไป ไปไหนก็ไป 5555 แต่ตังออกเองนะ แม่ช่วยบางครั้ง (บ้านพี่อยู่ตจว. แต่ไม่ไกลก็กทม.เท่าไหร่)


คาดว่าน่าจะเพราะเราเป็นเด็กอยู่ด้วย แถมเป็นลูกสาวคนเล็กเลยโดนห่วงเป็นพิเศษ อาย 14 สำหรับพี่นี่ พี่ก็ยังถือว่าไม่โตเท่าไหร่นะ ถ้า 16 ขึ้นแล้วอันนี้พี่ว่าดูแลตัวเองได้สำหรับพี่ เชื่อเถอะถ้ามันถึงเวลาจริงๆ ที่เราต้องออกไป แม่ก็คงไม่รั้งเราไว้หรอก ในสายตาพ่อแม่ลูกทุกคนต่อให้แก่หงักขนาดไหน (ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ไหว) ก็จะมองเราเป็นเด็กเสมอ แถมแม่ก็ต้องเข้าใจด้วยแหละ ว่าเลี้ยงลูกแบบไข่ในหินมันส่งผลเสียต่อลูกในอนาคตระยะยาว เพราะงั้นพี่เลยคิดว่า แม่เราคงยังเห็นว่าเราเด็กเกินไปอยู่ที่จะไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้น เช่น กลับดึก.. อายุ 14 กลับดึกพี่ก็ว่าไม่ค่อยเข้าท่านะ ..หรือไปหน้าคอน คนมันเยอะ มิจฉาชีพเพียบ ล้วงกระเป๋า วิ่งราว สารพัด แม่เลยต้องอยากไปช่วยดูแลเป็นธรรมดา แต่พอถึงเวลาก็คงปล่อยเราเอง ถ้าแกคิดว่าเราดูแลตัวเองได้แล้ว

0
แอบงอแง 4 ม.ค. 62 เวลา 00:55 น. 3

แม่เราเคยบอกเราตอนที่เรามีปัญหาคล้ายๆเธอนี่แหละ เขาบอกว่าต่อให้เราโตแค่ไหน ในสายตาเขาอ่ะ ก็ยังมองว่าเรายังเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาอยู่ดี ซึ่งเขาอยากให้เราอยู่ในสายตาและอยากดูแลให้มากๆ เพราะว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่อ่ะ เขามีเวลาของชีวิตที่ต้องนับถอยหลัง มันต่างจากเราๆที่ชีวิตเพิ่งเริ่มต้น พวกเขาคิดเสมอว่าถ้าเขาตายไปใครดูเรา ใครจะรักเราไหม ฯ ต่างๆนานา แล้วแต่จะคิด เขาก็เลยเป็นห่วงเราทุกนาทีจนเรารู้สึกรำคาญ


เราเองยังเคยรำคาญมาาาาก แต่ก็กลับมาทำความเข้าใจให้ได้ และบางทีเราเองก็ควรตัดบางเรื่องออกไป จะเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นก็คงไม่ได้ เพราะพ่อแม่เขากับพ่อแม่เราคิดต่างกัน แต่ที่เขาคิดเหมือนกันน่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของลูก กว่าจะเลี้ยงมาได้โตขนาดนี้ก็คงอยากอยู่กับเราให้ได้นานที่สุดนั่นแหละ เราเพิ่งจะคิดได้ไม่กี่ปีหรอก จนถึงวันที่เราต้องเสียเขาไป เราถึงคิดได้มากยิ่งกว่าเดิม และก่อนแม่เราจะตายเขาเคยบอกกับคนอื่นๆไว้หลายๆคน เรื่องความกังวลว่าเราจะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีเขาแล้ว หลายคนมาบอกเราว่าแม่คิดอะไร แต่ไม่เคยบอกเรา เราร้องเลย ที่ผ่านมาเรามองข้ามเขามากเกินไปเพียงเพราะเราต้องการทำในสิ่งที่เราอยากทำมากกว่า ตอนนั้นเราไม่เคยเรียนรู้ที่จะอยู่กับเขา ไม่เคยเรียนรู้ที่จะเป็นผู้เสียสละบางอย่างเพื่อรักษาบางอย่างไว้ เราเอาแต่ได้ คิดว่าต้องได้ ต้องทำ แค่นั้นเอง


ถ้าย้อนไปได้เราคงไม่ทำแบบที่ผ่านมา ก็ไม่รู้นะ มันผ่านมาแล้ว เราก็แค่มาบอกเล่าให้เธอได้อ่าน ยังไงก็สู้ๆ ยังไงพ่อแม่ก็รักเราอยู่แล้วแหละ

0
Andy Ryu 4 ม.ค. 62 เวลา 01:06 น. 4

น้องครับ น้องสาวพี่อายุจะ 14 เหมือนกับน้อง เคยโดนมอเตอร์ไซค์ชนหน้าโรงเรียน นั่นแหละเหตุผลที่แม่ไม่ปล่อยให้น้องข้ามถนนเอง อยากให้น้องเข้าใจครับ

0
Hikariin 4 ม.ค. 62 เวลา 09:15 น. 5

ตอนพี่อายุ14ก็โดนแบบน้องแหละ ตอนนั้นยังอยู่ม.3 โดนคุมเข้มเลย พ่อมารับ-ส่งทุกวัน ไม่ให้นั่ง2แถวกลับบ้าน ห้ามมีแฟน(แต่แอบมี) ขนาดไปเที่ยวกับเพื่อนยังไม่ค่อยให้ไปเลย ตอนไปเข้าค่ายที่ต่างประเทศ พี่ยังโดนที่บ้านโทรทุกชม.อะ555 ตอนม.ปลายก็เริ่มปล่อยๆนะ แต่ปล่อยแค่50% กว่าที่บ้านพี่จะปล่อยแบบ80%อะ พี่ก็อยู่มหาลัยละ เรื่องพ่อแม่ให้ปล่อยอะ อันนี้พี่เข้าใจว่าแม่เป็นห่วงเนอะ น้องยังอายุ14อยู่เลย พี่ว่าแม่น้องอาจจะปล่อยตอนโตกว่านี้แหละ อาจจะสักอายุ15หรือ16นี่แหละ

0
Ärċaŋa 4 ม.ค. 62 เวลา 09:28 น. 6

ถึงบอกอายุก็แค่ตัวเลข​ แต่อายุแค่14ปีเองนะจะกลับบ้านดึกๆมันก็ไม่ควร​ ตอนอายุ14พ่อแม่พี่ถ้าถามว่าคุมเข้มไหมก็ระดับนึง​ แต่เหมือนเรามีกติกาที่ใช้ร่วมกันในบ้านมากกว่าว่าจะไปไหนให้บอก​ พี่มองว่าถ้าเราทำให้พ่อแม่เค้าเชื่อใจเรา​เริ่มจากสิ่งเล็กๆน้อยๆก่อนก็ได้เค้าก็จะมองว่าเรามีความรับผิดชอบนะ​ แล้วเค้าก็จะค่อยๆให้เราไปไหนมาไหนด้วยตัวเองได้เอง​ อะไรที่ท่านห้ามปรามก็อย่าเพิ่งรั้นจะทำ​ ยิ่งรั้นจะยิ่งโดนจับตามองและไม่ปล่อย

0
นานา 4 ม.ค. 62 เวลา 10:08 น. 7

พี่ว่าน้องก็ยังอายุน้อยมากจริง ๆ นะ ก็ไม่แปลกที่คุณแม่ยังเป็นห่วง ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไปใหญ่เลยจะให้กลับบ้านดึกดื่นก็ไม่ควร อาชญากรรมมันเกิดกับใครก็ได้

เรื่องคอนฯเนี่ย สำหรับผู้ใหญ่เเล้วอะไรที่เขาไม่อินเขามองว่าแพงว่าไร้สาระหมดค่ะ

หลังจากนี้ก็พยายามทำตัวให้คุณแม่รู้สึกว่าเราไว้ใจและวางใจได้นะคะ พอน้องอายุเยอะขึ้นกว่านี้เดี๋ยวแม่ก็ปล่อยได้ค่ะ

ยกตัวอย่างความห่วงของแม่นะคะ ยายของพี่ห่วงน้าพี่มาก(น้าอายุสี่สิบกว่าแล้ว) น้าพี่เลิกงานค่ำแค่ไหนยายจะไม่ยอมนอน จะนั่งรอหน้าบ้านจนกว่าน้าจะมา ถ้าดึกมากจะสั่งให้คนในบ้านโทรตาม เนี่นขนาดน้าพี่สี่สิบแล้วนะแม่ยังห่วงขนาดนี้ แล้วน้องแค่สิบสี่จะไม่ให้แม่ห่วงได้ยังไง

0
จากใจ 4 ม.ค. 62 เวลา 10:09 น. 8

ตอนพี่ม.6 แม่ก็ไม่ให้พี่กลับดึกหรือไปไหนไกลๆค่ะ ตอนนี้พี่ปี 3 แม่ก็ยังเหมือนเดิม แต่พี่ก็ทำเป็นทุกอย่างนะ ไม่จำเป็นว่าการที่เราถูกแม่ห้ามจะทำให้เราทำอะไรไม่เป็น น้องอายุแค่ 14 เอง สามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ดีแค่ไหนคะ ถ้าน้องอยากให้แม่ปล่อยน้องก็ต้องพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าน้องสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ไม่ใช่การหนีออกจากบ้านเป็นการพิสูจน์ตัวเองนะแต่น้องต้องรู้จักช่วยงานแม่ที่ทำให้แม่เห็นว่าหนูก็ทำได้นะ เชื่อเถอะค่ะแม่หน่ะห่วงเรามากที่สุดแล้ว

0
Katsuki Shiroko 4 ม.ค. 62 เวลา 10:24 น. 9

จขกท เป็นคนที่แม่ดูแลดีนะคะ ตัวเราพ่อแม่พี่น้องสอนให้เราดูแลตัวเองแต่เด็กๆ เริ่มหุ้งข้าว ซักผ้า เอง ตั้งแต่เข้าประถม ต้องทำทุกอย่างเองคนเดียว แม่ของเราไม่เคยมาส่งเราไปโรงเรียนเลยสักครั้ง ในตอนประถม เราต้องดูแลตัวเองให้ได้ เราถูกเลี้ยงมาอีกแบบนะคะ เอาตรงๆเราก็แอบอิจฉานะคะ ที่แม่คุณดูแลคุณทุกอย่าง กลับกันเราเองก็อยากเป็นเหมือนคุณนะคะ แต่เราเป็นแทนกันไม่ได้ แม้คุณจะอายุ 14 แต่ในโลกนี้ ใช่ว่าคนที่อายุ 14 จะคิดอะไรไม่เป็น เราชื่นชมที่คุณมีความคิดเป็นของตัวเองนะคะ แม่คุณดูแลคุณอย่าง ก็คงมีบ่นบางล่ะ แม่ดิฉันก็บ่นล่ะคะ หาว่าไม่เข้าใจแม่บางล่ะ แต่เราไม่เข้าใจแม่หรอกนะคะ เพราะแม่ก็ไม่เข้าใจเรา ไม่รู้ว่าเราชอบอะไร เกลียดอะไร แต่โชคดีที่เรามีนิสัยที่กล้าจะพูดคุยกับแม่ จขกทเอง ลองคุยกับแม่ดูนะคะ ถ้าแม่คุณไม่เชื่อคุณก็ต้องพิสูจน์ว่า แม้หนูไม่มีแม่คอยโบกรถ ดูแล เรื่องอื่นๆ คุณก็ทำได้ ลองเริ่มทำดูก่อน แม่บางคนเขาก็คิดว่าง"ลูกฉันไม่เคยทำอะไรเลย ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนไปได้หรอก มันทำอะไรไม่เป็นหรอก" คุณก็เริ่มลองทำทุกอย่างที่คุณคิดว่า "ตรงนี้แม่ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะฉันก็ทำได้ฉันมีความสามารถ" เอาตรงๆ แม่ของฉันแทบไม่ค่อยได้ทำอาหารให้ฉันกินเลย ถ้าคุณมีแม่ที่ดี ลองคุยก่อน ถ้าไม่ได้ผล ก็ต้องใช้การกระทำแสดงให้ดูค่ะ สู้ๆค่ะ

ปล.อยากถามอะไร คุยหลังไมค์ได้คะ

0
ผู้ชายคนนึง 4 ม.ค. 62 เวลา 10:43 น. 10

แฟนผมอยู่มหาลัยปี 2 แล้ว แม่ยังไม่ปล่อยเลย จะไปเที่ยวกับเพื่อนต้องขออนุญาติทั้งพ่อแม่ พ่อให้ไปแม่ไม่ให้ไปก็จบ พอจะออกไปข้างนอกบอกกลัวอันตรายแต่ตัวพ่อแม่เองไปเที่ยวต่างจังหวัดกับญาติๆปล่อยให้ลูกสาวอยู่บ้านแล้วสั่งให้เฝ้าบ้านห้ามไปไหน ถ้ากลับมาไม่เจอคือโทรตามโทรจิกแล้ว พึ่งเคยเจอพ่อแม่เอาเหตุผลตัวเองเป็นใหญ่ ปีใหม่แฟนจอไปเคาท์ดาวน์กับเพื่อนๆ พ่อบอกไม่ให้ไปอันตราย เห้ย เคาท์ดาวน์มีครั้งเดียวไง! ให้ลูกนอนเน่าเป็นผักอยู่ในห้อง ส่วนตัวพ่อนั่งกินเหล้าหน้าบ้านกับเพื่อน อันไหนอันตรายกว่าวะ งง ตัดมาบ้านผมพอ 18 ก็ปล่อยแล้ว ให้เงินใช้เป็นรายเดือน จะไปไหนไม่กลับบ้านก็ไปเถอะ เงินหมดขอเพิ่มไม่ได้แค่นั้น

0
Reenin 4 ม.ค. 62 เวลา 10:48 น. 11

โชคดีแล้วค่ะ ที่น้องยังมีพ่อแม่คอยตาม คอยเป็นห่วง ยังมีเด็ก14 อีกจำนวนมากที่น้องจะคาดไม่ถึงที่เค้าอยากจะมีพ่อแม่ทำให้แบบนี้

0
fighting :) 4 ม.ค. 62 เวลา 11:09 น. 12

ของพี่ยันจบมอหกเลยค่ะน้อง เพราะพี่เคยเดินไปโรงเรียนเองแล้วเจอโรคจิต หลังจากนั้นท่านก็เลยเป็นห่วงต้องมีคนรับส่งตลอด

0
紅花 4 ม.ค. 62 เวลา 11:39 น. 13

14นี่ถือว่ายังเด็กนะคะ อย่างเพื่อนๆพี่กว่าพ่อแม่จะปล่อยก็เข้ามหาลัย แต่ก็ยังตามอยู่หล่ยเรื่อง ส่วนบ้านพี่ปล่อยมาตั้งแต่ม.1 ;-; น้อยใจ แต่จากที่น้องเล่ามา เดี๋ยวพอน้องขึ้นม.ปลายเขาน่าจะห่วงเราน้อยลงแล้วม้างง

พี่มีเพื่อนสนิทคนนึงพ่อแม่หวงมาก ไปคอนไปได้นะแต่ต้องกลับก่อน พอวางแผนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดมันก็ไปไม่ได้ พ่อแม่ห้าม ไม่งั้นพ่อแม่มันคงมาด้วย แบบนี่ก็มหาลัยแล้วนะ คือทั้งกลุ่มเซ็งมาก มันก็เซ็ง แต่ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพ่อแม่ เห้อ มีเพื่อนที่พ่อแม่หวงก็ลำบากใจเหมือนกันค่ะ

0
รติกร จรัสเรืองอุทัย 4 ม.ค. 62 เวลา 11:44 น. 14

14 ผมก็ยังไม่ปล่อยนะเเม่อะ 555 เเต่ตอนนี้ปี1ละ เค้าก็ปล่อยย ตอนนั้นผมก็คิดงั้นเเหละ ตอนเข้าปี1เค้าปล่อยก็เข้าใจเเม่เเหละ เดียวเเม่ก็ปล่อยเรา เเต่พอปล่อยก็ต้องรู้น่าว่าอะไรถูกผิดควรไม่ควร เเต่พวกเที่ยวกับเพื่อนไปคอนไรงี้ลองคุยกะเเม่ดูเเม่อาจจะให้เราไปกับเพื่อนก็ได้ ดีเเล้วนะที่มีเเม่อย่างงี้คอยดูเเลเอาใจใส่เรา รักเเม่คนนี้ให้มากๆนะ


0
Lala 4 ม.ค. 62 เวลา 12:06 น. 15

หนูอายุ 13 อยู่พี่ก็ยังถือว่าหนูเด็กอยู่นิดนึงนะหนูน่าจะอยู่ประมาณ ม.2-ม.3 คือตอนพี่เท่าหนูอะพี่ก็คิแว่าทำไมเข้าไม่ปล่อยอายุ 13 แล้วนะโตแล้วนะม.2 ม.3 แล้วนะที่ครอบครัวอื่นยังปล่อยให้ลูกทำอะไรเองเลยจนพอโตขึ้นจริงๆพ่อแม่ปล่อยจริงพี่กลายเป็นแบบไม่อยากออกไปไหนอยากอยู่แต่บ้านเหนื่อยไรงี้ เชื่อพี่ถ้าน้องอายุ 15-18 ช่วงนี้อะน้องจะโดนปล่อยแบบเริ่มเต็มตัวเพราะถือว่าอยู่ ม.4 ขึ้นไปแล้วจริงๆ มันจะมีคำว่าม.ปลายคำประกันอยู่อะ 5555 แต่พอโดนปล่อยก็ต้องระวังๆหน่อยเพราะเอาจริงๆโลกมันอยู่ยากอะตามความรู้สึกพี่ เพราะงั้นตอนนี้อย่าพึ่งน้อยใจ จะเล่าอะไรให้ฟังพี่รู้จักคนนึงโดนปล่อยให้เที่ยวกับเพื่อนตั้งแต่ประถมเนี้ยละน้องคิดว่าดีช่ะเมื่อก่อนพี่ก็คิดว่าดีสรุปม.4 ท้องตอนนี้เลิกกับพ่อเด็กไปแล้วด้วย เพราะงั้นพี่เลยคิดในใจขอบคุณพ่อแม่ที่ไม่ปล่อยพี่ตั้งแต่เด็กเพราะเด็กบางคนที่โดนปล่อยตั้งแต่เด็กจะเป็นงี้พี่ไม่ได้หมายถึงทุกคนจะเป็น แต่ที่พี่เจอมาคือเป็น พอโตขึ้นวุฒิภาวะก็จะมากขึ้น ตอยนี้พี่แนะนำที่พี่ทำตอนพี่อายุเท่าน้องเป็นเหมือนน้องทุกอย่างก็อยู่นิ่งเพราะรู้ถึงจะอยากแค่ไหนก็ไม่ได้อยู่ดีหันมาอ้อนพ่อแม่ให้พาออกไปเดินห้างหรืออ้อนให้พาไปเที่ยวอ้อนไม่ได้ก็เล่นเกมส์อ่านนิยายหรืออินดี้เด็กเรียนหน่อยก็อ่านหนังสือเรียนไปเลยเพราะคะแนนสอบก็มีผลต่อการปล่อยนะเพราะพี่ของพี่คะแนนสอบดีแบบสุดๆบอกครอบครัวแค่ว่าไปห้างนะปล่อยเลยจ้าพี่บอกทีถามใหญ่ไปกับใครไปทำไรกลับเมื่อไร 5555

0
Tokiwa 4 ม.ค. 62 เวลา 12:30 น. 16

ง่ายๆ คือแม่ท่านเป็นห่วงครับ


ตอน 14 ผมก็โดนห้ามไม่ให้ข้ามถนนเหมือนกัน แม้ตอนนี้อยู่มหาลัยแล้ว แม่ก็ยังคอยโทรตามอยู่เสมอ พี่โดนประมานน้องจนถึงตอนจบ ม ปลาย ครับ เป็นลูกคนเดียวด้วย พ่อแม่เลยห่วงเป็นพิเศษ (ดีกว่าน้องหน่อย ตรงที่เขาปล่อยให้ไปดูคอนคนเดียวได้ เขารอข้างนอก แต่นอกนั้นพี่ว่าไม่ค่อยต่างกัน อาจจะหนักกว่าเพราะของพี่เจอเรื่องเลือกสายการเรียน ด้วย)


พี่อยากจะบอกว่า


พี่เองก็เบื่อเหมือนกันครับ หลายคนอาจจะบอกว่าผมอกตัญญู ไม่รักดี ขอพูดเลยครับว่าอะไรที่มันมากไป แม้ว่าจะเป็นความรักความห่วงใย มันไม่ดีหรอกครับ จำความรู้สึกตอน ม ปลายได้ดี ในขณะที่เพื่อนพี่ไปเที่ยวด้วยกัน ไปเดินสยาม เดินเซนเวิลด์ พี่ไปแทบไม่ได้ แค่ไปร้านการ์ตูนแถวโรงเรียน พี่ยังต้องแอบไปเลย ตรงๆ คืออิจฉาเพื่อนพวกนั้นมากๆ


พี่อยากจะแนะนำให้เราไปคุยกับพ่อแม่ก่อนครับ เพราะความเป็นห่วง บางทีมันสุดจะห้าม เปิดใจคุยกันก่อน ถ้าท่านยังไม่ให้ ก็ค่อยๆ รอเพราะ 14 มันก็ยังเด็กจริงๆ แต่ถ้าสุดท้าย ท่านไม่ให้จริงๆ ก็คิดซะว่าทนๆ ไปก่อน รอวันที่เราแกร่งพอ ดีพอ พอที่เราจะไม่รบกวนพวกท่านแล้ว ตอนนั้นก็ไปอิสระซะให้เต็มที่ครับ สู้ๆ นะครับ นี่ก็รอวันเรียนจบเหมือนกัน 5555

0
paper 4 ม.ค. 62 เวลา 13:09 น. 17

อยากทำอะไร ชวนแม่ไปด้วยกันเลยค่ะ อย่างดูคอน พยายามชวนให้แม่ติ่งด้วย

0
Amonlpha 4 ม.ค. 62 เวลา 13:13 น. 18

ลองทำงานบ้านให้แม่ก้อได้นะ ช่วยล้างถ้วย ซักผ้าเอง ความจริงแม่ก้อไม่ควรห่วงขนาดนี้เลย เพราะว่าถ้าเราโตขึ้นเราก้อต้องช่วยเหลือตัวเองแล้วนะไม่มีใครมาดูแลแล้ว ข้ามถนนเองเลยค่ะ แม่จะด่ายังไงว่ายังไงอย่าสน อายุ14ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ มันเหมือนพ่อแม่รังแกฉันอ่ะ อย่าปล่อยให้พ่อแม่ต้องห้ามแต่เราต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง

0
Kitkat 4 ม.ค. 62 เวลา 13:27 น. 19

เราคิดว่าต้องทำให้เขาเชื่อใจนะคะ ค่อยเป็นค่อยไป ทำตัวเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้ แก้ปัญหาเองได้ ไม่ไว้ใจคนง่ายประมาณนี้ค่ะ

0
Th_To 4 ม.ค. 62 เวลา 13:29 น. 20

น้องแค่ 14 แต่พี่นี่ 21 ปีแล้ว เกณฑ์ทหารก็ไปแล้ว ใบขับขี่ก็มีทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ แต่แม่ก็ยังไม่อยากปล่อยอยู่ดี เขาใจนะว่าเราอยากมีอิสระ แต่คำว่าอิสระนั้นมันลำบากกว่าที่เราคิดนัก แต่ถ้าเขาเข้าใจและเห็นว่าเราพร้อมแล้วเขาจะปล่อยเราเองครับ เป็นเด็กดีก็พอ

0
Mr. Leone 4 ม.ค. 62 เวลา 13:36 น. 21

พี่เองก็เป็นค่ะ ขนาดเรียนมัธยมจะจบแล้วเค้าก็ยังห่วงอยู่ ยิ่งต้องไปอยู่หอด้วยยิ่งหนักเข้าไปอีก เขาก็ห่วงตามปกติของคนเป็นพ่อแม่นั่นแหละค่ะ โตมากแค่ไหนเราก็ยังเด็กสำกรับเขา อายุ 14 ก็เริ่มมีวุฒิภาวะกันบ้างแล้วแต่ก็ยังนับว่าเด็กอยู่ดี แม้แต่ตัวพี่เองตอนนี้ก็ยังเด็กมากสำหรับโลกกว้าง ถ้าเขาปล่อยให้เจอโลกกว้างเร็วเกินไปอาจจะเสียคนได้นะคะ ถึงโตแล้วจะมีอิสระมากขึ้นแต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วยนะคะ

0
☆ราชินีอิซาเบลล่า☆ 4 ม.ค. 62 เวลา 13:38 น. 22

แม่เขาเป็นห่วงจขกทค่ะ เพราะว่าเรายังเด็กอยู่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมานี่ ใครจะต้องมานั่งเสียใจล่ะคะ ก็คือแม่ของน้องนั่นแหละค่ะ ที่จะต้องมานั่งร้องไห้เสียใจ ภายหลังท่านจึงเป็นห่วง เรื่องรถเรื่องรา กลัวลูกตัวเองจะเป็นไรไปก่อน น้องไม่ต้องคิดมากนะคะ ท่านทำไปเป็นเพราะความ เป็นห่วงของท่านค่ะ ดีเสียอีก มันบ่งบอกถึงความรัก ความเป็นห่วง ที่แม่มีต่อน้องนะคะ ขนาดแม่เรา ยังรับส่งไปโรงเรียนเลย ตลอดระยะเวลา ที่เราอยู่มอปลาย แม่ก็ยังจะไปส่งและรับถึงที่โรงเรียนเลยค่ะ คุณน้องขาาา จนกระทั่งเราจบมอปลายเลยล่ะค่ะ55555 ฉะนั้นอย่าคิดมากเลยค่ะ อาจเป็นเพราะว่าเราอายุยังน้อย และยังดูแลตัวเองไม่ได้ แม่น้องจึงยังต้องดูแล เรื่องความปลอดภัยค่ะ

0
น้องดาจะครองโลก 4 ม.ค. 62 เวลา 13:42 น. 23

เอาเป็นว่าคุณพ่อคุณแม่ของน้องเป็นห่วงเนาะ วัยกำลงซนเป็นวัยลองผิดลองถูก ลูกท่านทั้งคนไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง คิดซะว่าเราตั้งใจเรียน โตไปเรื่อยๆ จนมีงานทำ หรือแม้กระทั่งตอนมหาลัย ท่านจะเริ่มปล่อยแล้วค่ะ มีคุณพ่อคุณแม่คอยห่วง ดีกว่าไม่มีนะคะ ชีวิตอิสระที่ไม่มีคุณพ่อกับคุณแม่ น่ากลัวกว่าเยอะ

ส่วนเรื่องที่คุณแม่บ่น ลองค่อยๆคุยกันนะคะ ท่านอาจจะรับฟัง หรือไม่ก็ถือว่าเราได้พูดแล้ว ครอบครัวจะเข้มแข็งได้ด้วยการคุยกันและเข้าใจกันนะ ️

0
เชื่อพี่ 4 ม.ค. 62 เวลา 14:25 น. 24

เห็นแล้วอยากตั้งกระทู้บ้างงง

อายุ21แล้ว แม่ยังไม่ปล่อยเลย 5555จนชินแล้วค่ะ กลายเป็นคนไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่ชอบค้างคืนเลย ซึ่งก็ดีนะ คำว่าโตก่อนแล้วจะรู้อะนนี้ รู้จริงๆนะ

0
PARIN 4 ม.ค. 62 เวลา 14:47 น. 25

***ไม่แน่ใจว่าคล้ายกะของน้องรึเปล่าแต่อยากแชร์เรื่องของพี่นะ555555555 


คำถามเหล่านี้เคยเกิดขึ้นกับเราอยู่เหมือนกันนะ

แต่อย่างหนึ่งเลยคือ พ่อแม่ ไม่ว่าลูกจะโตสักเท่าไหร่ ลูกก็ยังเป็นเด็กๆ สำหรับสายตาพวกเขาตลอดอยู่แล้ว ในที่นี้ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ ทุกๆอย่างมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียเสมอ

พ่อกับแม่ของนี่ก็ไม่ปล่อยเลยเหมือนกันจนนี่อายุจะ 20 ไปรับไปส่งรร และทุกๆที่ตลอดจนเรียนจบมัธยม ไม่เคยให้ขับรถไปรรเอง ไม่เคยได้ค้างบ้านเพื่อนแม้จะมีงานดึกแค่ไหนก็มารับ เสื้อผ้าส่งซักรีดให้ แล้วก็บ่อยครั้งที่โดนบ่นว่าจะไปทำมาหากินไรได้ ให้พ่อกะแม่ทำให้หมดขนาดนี้

55555 เราก็อยู่มาแบบนี้จนชิน แต่อย่าลืมนะว่า ที่พ่อแม่บอกว่าทำให้ทุกๆอย่าง นั่นไม่ใช่ทุกๆอย่าง เขาทำ “ทุกอย่าง” ในส่วนที่เขาเป็นห่วงเราแค่นั้นเอง ซึ่งเด็กหลายคนไม่เข้าใจตรงนี้ ความเป็นห่วงของพ่อแม่ ลูกจะไม่มีวันเข้าใจเลยจริงๆจนกว่าจะได้เป็นพ่อแม่คน

แล้วทำไง? ส่วนตัวเราเองลองทำทุกๆอย่างเองที่เหลือทั้งหมดที่รร สภานักเรียน กิจกรรมโน่นนี่นั่น การสอบต่างๆนาๆ เรื่องเรียนเรารับผิดชอบทั้งหมดโดยไม่ให้พ่อแม่เป็นห่วงเรื่องนี้ บางอย่างที่เราสามารถเรียนรู้การใช้ชีวิตจริงๆผ่านกิจกรรมที่รร เราก็ทำทั้งหมด ส่วนที่พ่อแม่ทำให้เราก็ปล่อยเขาทำไปแบบนั้น มันเป็นข้อดีที่เราไม่ทำร้ายความเป็นห่วงของพ่อแม่ และเราก็สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้ด้วยตัวเอง ฟังดูอาจเหมือนอยู่ในกรอบนะ แต่เราแค่ต้องเข้าใจ เข้าใจในวัฒนธรรมของครอบครัวไทย เข้าใจพ่อแม่ เข้าใจตัวเราเองว่าทำไมถึงคิดถึงเป็นแบบนี้ หลายครั้งเหมือนกันที่เราก็ทะเลาะกับพ่อแม่เพราะอยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ก็มีบางครั้งได้ไปบ้างไม่ได้ไปบ้าง แต่แปลกที่ พอชวนเพื่อนมาบ้านพ่อกับแม่กลับไม่เคยว่าไรเลย 555555 นี่แหล่ะคือความเป็นห่วง ขอแค่ลูกได้อยู่ในสายตา

จนวันที่เราเข้ามหาวิทยาลัย เราถึงรู้ว่าคนที่คอยทำนั่นทำนี่ให้เราตลอด พอเราต้องมาทำเอง เรากลับคิดถึงมากๆ 555555 ไม่ต้องรีบหรอก การเรียนรู้มันมีได้ทุกๆที่ อะไรที่ทำเองได้ก็เรียนรู้ได้ทุกที่เหมือนกัน ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน

0
Lilly 4 ม.ค. 62 เวลา 15:13 น. 26

น้องยังเด็กค่ะ พ่อแม่เราเป็นห่วงเราธรรมดา อายุ 14 คือเด็กยังเป็นด.ญ อยู่เลย ออกไปสังคมโลกภายนอก สิ่งล่อลวงอะไรมันเยอะแยะมากมาย ผู้คนไว้ใจไม่ได้ ตอนพี่อายุเท่าหนูพี่ก็โดนแบบนี้ค่ะ โดนด่าเหมือนกับน้องด้วย ว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ตอนนี้พี่อายุ 18 ย่าง 19 แล้ว พี่ออกมาอยู่กทม แล้วก็ทำให้พ่อแม่เห็นว่าเราสามารถทำได้ ไม่เหมือนกับที่แม่เคยว่าไว้ ทำให้ท่านเห็น ตอนนี้น้องอายุ 14 พี่ได้ออกจากบ้านอายุ 18 สิ่งเดียวที่น้องควรทำคือ อดทนรอค่ะ น้องยังเด็ก ยัวไม่ถึงเวลา เมื่อมันถึงเวลา ยังไงซะ น้องก็ต้องได้ออกจากบ้าน ไปทำงาน ไปเที่ยวกับเพื่อนเองแน่นอน เชื่อพี่ พี่เคยผ่านมาแล้ว

0
L.jong 4 ม.ค. 62 เวลา 15:50 น. 27

เราเองก็เคยเป็นแบบนี้ค่ะ พ่อแม่ไม่ให้ทำอะไรเลย ไปรับไปส่งที่โรงเรียนตรงเวลา ห้ามข้ามถนน ไม่ให้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ให้นอนค้างบ้านเพื่อน ตอนนั้นเราก็เครียดมากๆเลยค่ะ รู้สึกกดดันหลายๆอย่าง ทำไมเพื่อนคนอื่นทำได้ทำไมเราถึงทำไม่ได้ ความรู้สึกเดียวกันเลยค่ะ ยิ่งตอนไปคอนเราขอแล้วขออีก เค้าเองก็บอกแพงเปลืองตัง พอเราบอกจะใช้ตังตัวเอง บอกเหตุผลนู่นนี่ ร้องไห้น้ำตาท่วมเค้ายังไม่ให้ไปเลยค่ะ แม้แต่หน้าคอนยังไม่ได้ไปเลย ตอนนั้นเราก็ไม่โอเคมากๆเหมือนกัน แต่พอเราโตขึ้น เราก็เริ่มรู้ว่าทุกอย่างมันมีเวลาของมันค่ะ วันที่เราสอบติดมหาลัย พ่อเราที่เคยห้ามเคยแอนตี้เรื่องเกาหลี เค้าให้ของขวัญเราคือบัตรคอนเสิร์ตตรงที่แพงสุดในคอน แม่เราเองก็ซื้อแท่งไฟให้ หลังจากนั้นเราก็ได้เริ่มเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง ได้ลองขึ้นรถไปนู่นนี่ด้วยตัวเอง ค่อยๆเรียนรู้ไปค่ะ หลังจากเข้ามหาลัย เค้าก็เริ่มปล่อยเราแล้ว อยากไปเที่ยวไหน อยากไปนอนค้างบ้านเพื่อน อยากไปคอนกี่รอบก็ได้ เค้าก็ไม่ว่าแล้วค่ะ ขอแค่บอกเค้า แล้วเราเองก็ดูแลตัวเองรู้หน้าที่ของตัวเองก็พอค่ะ อย่าเครียดไปเลยนะคะ ถ้าเราอยากไปจริงๆก็ลองบอกเหตุผลกับพ่อแม่เค้าดู ลองหาข้อตกลงมาตกลงกับเค้าก็ได้ เช่น เนี้ยถ้าหนูสอบได้เกรดดีขึ้นนะ หนูขอไปดูคอนเสิร์ตได้มั้ย ลองพูดกับเค้าดีๆค่ะ ใช้เหตุผลดู พ่อแม่เองเค้าทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงเราแหละค่ะ อย่างว่าสมัยนี้สังคมมันอันตรายขึ้นมากๆ เค้ารักเราเค้าก็อยากปกป้องดูแลเราให้ดีที่สุด การข้ามถนนด้วย เราเองอาจจะคิดว่าคนเยอะ เราเองก็ระวังอยู่แล้วแต่คนที่ขับรถมาเค้าอาจจะไม่ได้ระวังก็ได้นะคะ อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เสมอ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด พ่อแม่เองเค้าก็อยากให้ลูกหลีกเลี่ยงอันตรายให้มากที่สุดแหละ ถ้าอยากให้เค้าปล่อย เราเองก็ต้องทำให้เค้าเชื่อใจว่าเราสามารถดูแลตัวเองได้ ตอนนี้น้องเพิ่งอายุ14เองไม่ต้องรีบร้อนอะไรหรอก ถึงเวลาเดี๋ยวเค้าก็ปล่อยเราเอง สู้ๆนะคะ อย่าคิดมาก

0
มิยาชิบโปย 4 ม.ค. 62 เวลา 16:05 น. 28

พี่เข้าใจนะ แต่น้องคะ พี่อยู่ปี1 พ่อกับแม่ยังไม่ปล่อยพี่เลย เขาไม่ปล่อยให้พี่ออกจากกรอบของเขา แต่งตัวจัดก็ไม่ได้ ขาสั้นยังห้ามเลย ห้ามเที่ยวกลางคืน ห้าโมงครึ่งนิโทรตามแล้ว เที่ยวไกล ๆ ก็ไม่ได้ ต้องอยู่ในสายตาเขาตลอด ก็ต้องเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่อ่ะเนอะ ว่าเขาห่วงเรา เอาจริง ๆ ห่วงเราดีกว่าเขาไม่ห่วงไม่สนใจเราดีกว่า และอีกอย่างน้องยังเด็กไป เป็นผู้หญิงด้วย รอโตกว่านี้ดีกว่า ถึงเวลาเมื่อไรน้องค่อยปลดปล่อย เที่ยวให้สมใจนะจ๊ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

1
4 ม.ค. 62 เวลา 16:23 น. 28-1

เป็นจริงอย่างที่คุณบอกเลยค่ะ ขนาดเราอ่ะนะ กำลังทำงานได้แล้ว แม่เรายังบอกว่า จะรับไปส่งเรา ที่ทำงานเลยนะคะเนี้ย55555 รู้สึกว่า แม่เรานี่ เป็นห่วงเราถึงขนาด กำลังจะได้ทำงาน แม่ก็ยังจะไปรับไปส่งเราเลยค่ะ เพราะแม่เขา ไม่ได้ทำงาน เขาอยู่ดูแลบ้าน และก็ก๋งค่ะ ก๋งเขาอายุเยอะแล้ว ไม่มีคนดูแล แม่จึงต้องลาออกจากงาน มาดูแลพวกเรา ที่เป็นลูกๆของเขา และก็ก๋ง ซึ่งเป็นพ่อของแม่เราค่ะ

0
เราเอง 4 ม.ค. 62 เวลา 16:11 น. 29

สปีชีย์เดียวกะพี่แน่เลย พี่ก็แบบนี้แหละ ได้ขึ้นรถเมลล์ไปเรียนพิเศษเองตอน ม.4 เหมือนกัน ยิ่งเรื่องค้างบ้านเพื่อนอย่าหวัง ไว้ใจใครไม่ได้หรอก พ่อเพื่อน พี่ชายเพื่อน จะเกิดอะไรกับลูกเราก็ไม่รู้ อันนี้ถูกแล้ว แต่ที่ว่าว่าทำอะไรไม่เป็นเลยเพราะไม่ปล่อยให้ทำนี่ต้องทำใจ มันคือผลพวงจากคำบ่น พี่ชอบเข้าครัวทำอาหาร ทำขนม แต่ไม่ชอบทำกับแม่เพราะแม่ชอบกฏเยอะ ต้องหั่นผักแบบนั้น ใส่อันนั้นก่อนสิ ใครเค้าทำกัน จะอึดอัดตรงนี้แหละ

0
amiblax 4 ม.ค. 62 เวลา 16:44 น. 30

พี่ยี่สิบกว่าละพ่อยังไปรับส่งเช้าเย็นที่มหาลัยอยู่เลย ไม่เคยไปไหนเอง คอนเสิตก็ไม่เคยไป เขาเป็นห่วงอ่ะดีแล้ว ไว้ถ้า20แม่ยังไม่ปล่อยแบบพี่ค่อยเครียด นี่พี่ยังไม่เครียดเลย สบายออก มีคนมาดูแล

0
มิมิ 4 ม.ค. 62 เวลา 17:32 น. 31

จขกท. ก็ยังเด็กอยู่จริงๆนั่นแหละค่ะ คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าสู่วัยรุ่น แต่ก็ยังเด็กนะ ไว้รอ 16-17 อันนี้เราว่าน่าปล่อยบ้าง


คุณเป็นผู้หญิง แม่ห่วงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องกลับดึกหรือไปนอนค้างบ้านเพื่อน เห็นข่าวตามอินเทอร์เน็ตไหมคะ ออกมาโครมๆ หัวอกพ่อแม่น่ะค่ะ ยังไงก็ยากเกินจะปล่อย


แต่เรื่องไม่ยอมปล่อยให้ทำอะไรเอง อันนี้เราอยากแนะนำให้คุยกับแม่ตรงๆ บอกว่าถ้าโตไป พ่อแม่ก็ไม่สามารถช่วยเราไปได้ตลอด ไม่งั้นคงโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่กล้าตัดสินใจ สักวันก็มีแต่เราต้องพึ่งพาตัวเองค่ะ

0
-mmiinntt- 4 ม.ค. 62 เวลา 18:06 น. 32

พี่อายุ21 แม่พี่ยังไม่ปล่อยเลย แต่ก็ต้องเข้าใจแหละว่าแม่เขาห่วงเราจริงๆ น้องอายุแค่14 คือมันยังเด็กมากอ่ะสำหรับผู้ใหญ่เขา

0
Thank you haha 4 ม.ค. 62 เวลา 18:08 น. 33

ต้องทำให้แม่เชื่อมั่นว่าตัวน้องยืนเองได้ค่าาาา เช่น activeในการพูดคุย เล่าเรื่องที่โรงเรียนแล้วมีความสุขดี เป็นตัวแทนโรงเรียน หรือเก่งด้านใดด้านหนึ่ง เท่ากับเป็นการยืนยันให้ผู้ใหญ่เชื่อมั่นว่าตัวน้องสามารถอยู่ในสังคมได้แบบสบายๆ แล้วยิ่งถ้าสามารถหาเงินใช้เองได้ รับผิดชอบตัวเองได้ รับรองปล่อยแน่นอน เพราะเราเจอมาเหมือนกัน จนงงว่าแม่!!! เดี๋ยวนี้ไม่สนใจหนูเลยหรอ55555 บอกแค่โอนตังมาพอ555

0
C A S T L E - G 4 ม.ค. 62 เวลา 18:13 น. 34

จริงๆ 14 ก็ถือว่าไม่แปลกนะที่พ่อแม่จะยังไม่ปล่อย แต่ถ้าอยากทำในสิ่งที่แม่เป็นห่วงจริงๆ ก็ลองคุยลองหาหลักประกันมาให้เขาให้ได้ว่าเราจะไม่เป็นอะไร อย่างพี่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะยอมปล่อยเลยเฉยๆ นะ พอขึ้นม.ปลายก็เริ่มทำกิจกรรม ไปเรียนพิเศษ ก็เริ่มทำอะไรได้เยอะขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ปล่อยเต็มที่ยังจำกัดเวลากลับบ้านอยู่ พ่อแม่เริ่มปล่อยจริงๆ ก็คือเข้ามหาลัยค่ะ ต้องไปอยู่หอแถมเรียนในจังหวัดไกลบ้าน ตอนแรกแม่ไม่ยอมด้วยซ้ำ แต่พี่ก็อ้างสาระพัดว่าเราสอบติดแล้ว ไม่ปล่อยก็ต้องปล่อยแล้วหละทีนี้ ก็รอโตกว่านี้แล้วกันเนอะ ค่อยๆ ทำไปทีละอย่าง

0
madenaja 4 ม.ค. 62 เวลา 18:23 น. 35

บ้านเรานี่ตอนประถมเลี้ยงดูปูเสื่อยิ่งกว่าไข่ในหินเลยค่ะ แต่พอขึ้นม.ต้นมาหน่อยเขาก็เริ่มปล่อยแล้ว จริงๆคือหลายๆอย่าง เราขอที่จะทำเองเช่น กลับบ้านเอง แต่รถที่เรานั่งต้องไปลงที่ทำงานพ่อ ให้เขารับรู้ว่าเรามีตัวตน แล้วเดินมาบ้านต่อเองหน่อยนึง คือเขาปล่อยเราครั้งแรกคือให้เราข้ามถนนเองค่ะ เขาเห็นว่าเราข้ามไปมาเองได้แล้ว หลายๆอย่างเขาก็เริ่มปล่อยวางค่ะ บางครั้งก็ขอให้เราทำเองบ้าง (เคยแอบคิดว่ารอเวลานี้กันอยู่รึเปล่า 55)


เราแค่อยากเล่าให้ฟังค่ะ คือถ้าเรากลับไปตอนที่เขาจูงมือเราข้ามถนนได้อีกครั้งก็คงดีใจค่ะ พ่อกับแม่เราเขาดูแลเราไปตลอดไม่ได้จริงๆค่ะ เราไม่ได้บอกให้ตอบแทนพ่อแม่หรืออะไรนะคะ แค่รับในสิ่งที่เขาให้เรามาในตอนนี้ก็พอแล้วค่ะ

0
nickandza110 4 ม.ค. 62 เวลา 20:17 น. 36

ก้อเอาดิขนาดอายุ17ปีแล้วนะไปเที่ยวก้อไม่ได้คือผมไม่ใช่คนเหลวไหลอะไรขนาดนั้นบุหรี่ไม่สูบ เหล้าเบียร์ไม่เคยแตะ กินแต่ฟูลมูน ขับรถก้อไม่ได้เร็ว แต่ว่าก้อค่อนข้างใช้เงินเยอะอยู่ ไม่ให้เที่ยวกลางคืนก้อโอเคอยู่ แต่ว่าห้ามไปกินหมูกะทะกับเพื่อนนี่อ่ะดิ จะห้ามิะไรกะนักกะหนา เป็นตอนกลางวันแท้ๆ แค่เราไม่กินข้าวด้วยก้อด่า อาบน้ำนอนดึกก้อด่า ไม่รู้จะพูดยังไงล่ะ จบม.6 ก้อไปเรียนต่อที่อื่น ก้อคงจะไม่มีคนมาคอยด่าละ

แค่อดทนเอา เดี๋ยวก้อชินเองhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png

0
ความสุข 4 ม.ค. 62 เวลา 22:26 น. 39

หนูตอนนี้พี่รับราชการแล้วครอบครัวพี่ก็ยังยิ่งกว่าหนูอีก ไปรับไปส่งโรงเรียน เรียนพิเศษเสาร์อาทิตย์ไม่เฮีย ป๊า หรือม๊าต้องไปนั่งเฝ้าหน้าห้อง เกรดเฉลี่ยที่เรียนต้องตามเป้า ห้ามให้เพื่อนมาส่งบ้าน เพื่อนที่คบครอบครัวก็ต้องดูด้วย ถ้าจำเป็นต้องไปทำงานกลุ่มจริงๆ หรือไปsopping ไปกับเพื่อนได้เฉพาะเพื่อนสนิทที่เป็นญาติกันและห้ามกลับเกินบ่ายสามไม่งั้นตามจริงๆและจะไม่ได้ไปอีกนานมาก เพื่อนจนเอามาล้อ และช่วงจะเข้ามหาวิทยาลัยพี่ชอบธรรมชาติอยากเรียนมากสิ่งแวดล้อมขอครอบครัวไม่มีใครเห็นด้วยเลย จำได้ครั้งนั้นโกรธมาก สุดท้ายก็ต้องเข้าคณะที่ครอบครัวเลือกให้ พี่ใช้ชีวิตมาด้วยคำถามอยู่ในใจเสมอว่าทำไม แต่พี่ก็คิดเสมอว่าเค้าทำเค้าเลือกแต่ละอย่างคือดีที่สุดสำหรับเราพี่เลยรับผิดชอบทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุด พอเราโตขึ้นขึ้นเราจะเข้าใจ แล้วอย่าเครียดไปเลยค่ะใช้ชีวิตให้มีความสุขเปลี่ยนสิ่งที่ฝืนให้มีความสุข

0
(*´∨`*) 4 ม.ค. 62 เวลา 23:02 น. 40

ถ้าถามว่าทำไม คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะว่าคุณแม่รักและเป็นห่วงน้องนะคะ

จริงๆ คุณแม่ก็หยวนให้แล้วนะคะ พาไปถึงหน้าคอนเลย นี่ๆ ถ้าเป็นพี่นะ พี่จะใช้โอกาสนี้ล่อลวงให้คุณแม่มาติ่งด้วยกันซะ 55555 พาคุณแม่ไปเห็น พาตัวเองไปเห็นว่าคอนเป็นยังไง อันตรายมากน้อยแค่ไหน คุณแม่คิดยังไง มองเห็นอะไรบ้าง เราคิดยังไง แลกเปลี่ยนกันค่ะ (ประมาณว่านี่ไงคะคอนที่หนูอยากมาเป็นแบบนี้นะ แต่หนูเข้าใจนะคะว่าแม่เป็นห่วง งั้นเรามาดูด้วยกันเลยดีกว่า เนอะ ๆ 555)


เรื่องข้ามถนนเนี่ยจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะ ไม่คุ้มกันเลย โดนชนทีนึงในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจถึงชีวิตหรืออาจจะพิการได้นะคะ การข้ามกับคนเยอะ ๆ ไม่รับประกันว่าเราจะปลอดภัยค่ะถ้าเราไม่ดูให้ดี มีพี่ยามโบกมีคนข้ามด้วยยังไงน้องต้องดูเองทุกครั้งนะคะ อันตรายจริง ๆ ค่ะ


เรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ถึงโอกาสเกิดจะมีแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นเกิดเป็นน้องขึ้นมา สุดท้ายก็เป็นตัวเราเองที่ต้องมาเสียใจและรับผลจากการที่ไม่ได้ป้องกันเหตุหรือความเสี่ยงเมื่อมีโอกาสนะคะ คุณแม่เป็นห่วงเพราะน้องยังเด็กอยู่ ซึ่งอาจไม่ได้ดูจากแค่อายุ แต่เป็นมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆ ประสบการณ์ ภาวะทางอารมณ์ กระบวนการคิด และกระบวนการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ของน้อง บางทีอาจดูเหมือนพวกผู้ใหญ่วิตกกังวลกันมากเกินไปเนอะ แต่ทุกอย่างมีเหตุมีผลอยู่ ซึ่งบางทีผู้ใหญ่มองไปไกลเกินกว่าที่เด็ก ๆ จะตามได้ทัน เพราะท่านผ่านอะไรมามากกว่า อย่างความเสี่ยงต่าง ๆ บางทีน้องคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่คุณแม่อาจจะมองไปถึงผลกระทบจากความเสี่ยงที่มากกว่านั้น หรือท่านอาจจะมองเห็นโอกาสหรือปัจจัยที่ชักนำให้มีความเสี่ยงมาเกิดกับน้องได้โดยที่น้องเองอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ามี หรือคาดไม่ถึงค่ะ พี่คิดว่าไม่แปลกอะไร อาจจะต้องรอให้น้องโตขึ้นอีกนิดนึง มองเห็นอะไรมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ถึงจะเข้าใจค่ะ ซึ่งเรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าเราต้องไปเจอเองเสมอไปถึงจะเข้าใจนะคะ เพราะเรื่องบางเรื่องนั้นจริง ๆ แล้วไม่ควรเกิดขึ้นกับเราเลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ ช่วงนี้พี่พูดกับคุณพ่อบ่อยมากเลยค่ะว่า อ๋อ ตอนนั้นที่ห้ามเพราะแบบนี้เองเหรอคะ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ (ตอนนั้นเถียงคอเป็นเอ็นเลยนะ ยังไงก็ไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้นั่นแหละค่ะ) คุณพ่อบอกว่า เห็นไหมโตขึ้นก็จะเข้าใจเองนั่นแหละ ตอนนั้นพ่ออธิบายให้เราฟัง เราก็ไม่เข้าใจจริง ๆ หรอก บางเรื่องก็เลยต้องบังคับเราบ้างในตอนนั้น ถ้าเราไม่ฟัง ไม่ยอมทำตาม พ่อกับแม่ก็ต้องยอมทะเลาะกับเราในตอนนั้น ดีกว่าตามใจเราแล้วต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ส่วนหลังจากเราหายงอนพ่อแม่แล้ว เราจะเข้าใจหรือเปล่า ต้องใช้เวลา ต้องให้เราเข้าใจเอง เรื่องนี้พ่อกับแม่ไปบังคับเราไม่ได้ (งือ พี่รู้สึกผิดเลยที่เถียง ที่พูดไม่ดีใส่คุณพ่อคุณแม่ในตอนนั้นค่ะ)


อย่ารู้สึกแย่เลยนะคะ น้องอาจจะคิดว่าพี่ไม่อยู่จุดเดียวกับน้องคงไม่เข้าใจน้องหรอก จริง ๆ คุณพ่อกับคุณแม่พี่ก็ไม่ค่อยปล่อยเหมือนกันนะคะ อาจจะพอ ๆ กันหรือมากกว่าน้องซะอีกค่ะ ตอนที่พี่อายุประมาณเดียวกันกับน้องพี่ก็ไม่เข้าใจ รู้สึกไม่มีอิสระเท่ากับเพื่อน ๆ ที่ทำตามใจได้มากกว่า มีอิจฉาเพื่อนบ้าง แต่พอคุยกันถึงกลายเป็นว่าเพื่อนพี่กลับมาอิจฉาพี่ซะงั้น เค้าบอกว่าพี่โชคดีนะที่มีพ่อแม่ดูแลใกล้ชิดขนาดนี้ พี่โตขึ้นถึงค่อย ๆ เข้าใจถึงความโชคดีของพี่ บางทีเราอยู่กับเรื่องแบบนี้จนชินเลยไม่เห็นถึงความพิเศษของสิ่งที่เรามี พี่รู้สึกขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่มาก โลกใบนี้มีทั้งด้านที่สวยงามและน่ากลัวค่ะ แต่เรื่องบางเรื่องอย่างเรื่องนี้ในส่วนของพี่ พี่คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เป็นเรื่องที่ดี เป็นโอกาสทองที่จะล่อลวงให้คุณแม่มาเข้าด้อมด้วยกันค่ะ 5555


พี่ขอแนะนำเล็ก ๆ นะคะ จากประสบการณ์ของพี่ พี่เคยคิดว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่ตามใจเราเพราะไม่เข้าใจเรา ทำให้เราพยายามต่อต้าน จนบางครั้งอยากจะแอบทำเพื่อเลี่ยงการขออนุญาตแล้วไม่ได้ แล้วต้องมาทะเลาะกัน ซึ่งเอาจริง ๆ อย่าแอบทำเลยนะคะ พี่เคยแอบซื้อดินสอที่อยากได้ตอนเด็ก ๆ ถึงจะไม่แพง และใช้เงินเก็บของตัวเองซื้อ แต่พี่ก็ไม่สบายใจค่ะ แอบทำแล้วรู้สึกแย่กว่าโดนห้ามซะอีก เลยไม่ทำอีกเลยค่ะ ซึ่งพี่ชื่นชมน้องนะคะที่มาบอก มาขออนุญาตคุณแม่ ทั้งที่รู้ว่าคุณแม่อาจจะไม่ตามใจ น้องทำได้ดี มีความกล้าหาญมากค่ะ น้องมีความเป็นผู้ใหญ่แมน ๆ คุยกันได้ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว นิสัยนี้เป็นสิ่งที่ดี รักษาไว้นะคะ


จริง ๆ แล้วบางอย่างคุณแม่ไม่ตามใจเราอาจจะเกิดจากการไม่เข้าใจกันนะคะ คือคุณแม่เข้าใจเรา แต่แค่อาจจะตามกันไม่ทันหรือเข้าใจกันไปคนละทาง ลองคุยกัน อธิบาย แลกเปลี่ยนมุมมองกันดู บางทีกลายเป็นว่า อ้าว จริง ๆ เราพูดเรื่องเดียวกันนี่นา ก็มีค่ะ อย่างพี่ชอบแกะยางลบเป็นตราปั๊มค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่พี่ก็จะเข้าใจว่าแกะเป็นการ์ตูน แกะตามแบบ เอามาปั๊มกระดาษไม่กี่ครั้งก็ไม่ใช้แล้ว อุปกรณ์ก็แพงอยากให้เก็บไว้ใช้กับอุปกรณ์การเรียนอย่างอื่นมากกว่า ท่านไม่ได้มองว่าไร้สาระแต่เข้าใจลักษณะและเป้าหมายของการแกะยางลบคนละอย่างกับพี่ค่ะ พี่ก็อธิบายว่าพี่ชอบการแกะยางลบเพราะได้ฝึกสมาธิและยางลบที่แกะเอาไปใช้ได้หลายอย่างนะคะ พูดไปคงจะไม่เห็นภาพ พี่เลยแกะทำเป็นตราปั๊มนามบัตร ตราปั๊มชื่อ ตราปั๊มทำการ์ดอวยพร หรือแกะเป็นของขวัญให้คุณพ่อคุณแม่เอาไปให้เพื่อน ๆ หรือญาติผู้ใหญ่ เช่น ของขวัญแต่งงาน ของขวัญรับปริญญา ของขวัญแสดงความยินดีต่าง ๆ จะปั๊มกระดาษห่อของขวัญเป็นลายเฉพาะของตัวเองยังได้เลยค่ะ หลังจากนั้นคุณพ่อคุณแม่พี่นอกจากจะไม่ห้ามแล้วยังสนับสนุนเต็มที่อีกด้วย 555 บางอย่างที่เราทำถ้าเรามั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่กระทบตัวเราหรือคนอื่นก็เดินหน้าทำให้ท่านเห็นได้เลยค่ะว่าดีอย่างไร จะได้เข้าใจกัน ดีกว่ามาทะเลาะกันให้เสียเวลา เสียความรู้สึกไปเปล่า ๆ นะคะ


เขียนมาซะยืดยาว แหะ คือพี่อินมาก พี่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ พี่เข้าใจน้องนะคะ ไม่มากก็น้อย น้องยังไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองก็ได้ค่ะ เพราะก็ไม่ได้แย่อะไร แค่เพิ่มมุมมองต่าง ๆ จากการคุยกันกับคุณแม่เพิ่มเข้าไปเพื่อจะได้เข้าใจกันมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องให้คุณแม่เข้าใจน้องทุกอย่าง อย่างที่น้องเองก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจคุณแม่ไปซะทุกอย่างในตอนนี้ แค่ทั้งสองฝ่ายพอจะเข้าใจมุมมองของกันและกัยบ้างก็พอแล้วค่ะ น้องจะได้สบายใจขึ้นด้วย สู้ ๆ นะคะ

0