ไม่กล้าเเสดงออก ทำไรกลัวไปหมด
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
14 ความคิดเห็น
เป็นคนเก็บตัวอยู่คนเดียวมากไปรึเปล่า ผมก็เปน ประเภทนี้คล้ายinverter หรือโลกส่วนตัวสูง ไม่อย่างนั้นก็โรคซึมเศร้า แก้ด้วยการเข้าสังคม แล้วจะเลิกกลัวสายตาคนรอบๆตัวเอง
ขอโทษนะคะ คือ inverter คืออะไรเหรอคะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
น่าจะหมายถึง Introvert นะคะ
Inverter นึกถึงแอร์ 5555555555
Introvert สินะ แบบคนที่รักสันโดษอะ ชอบอยู่ชอบคิดชอบทำอะไรคนเดียว แต่คนมักชอบคิดว่าอินโทรเวิรทเป็นพวกเก็บตัวอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ อินโทรเวิรทกล้าแสดงออกได้ เข้าสังคมได้ หรือบางคนลุคภายนอกอาจจะดูสนุกสนานด้วยซ้ำ เพียงแต่อินโทรเวิรทอยู่ในกรอบของการครุ่นคิด ถนัดที่จะทำอะไรคนเดียว หรือพึงพอใจที่จะสันโดษเองมากกว่า
น่าจะเป็น introvert ค่ะ ที่คุณหมายถึง แต่เครื่องคงเด้ง (auto correct)ค่ะ
ทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะคะ มีเหตุผลอะไรรึเปล่า? เราก็เคยเป็นนะเวลาที่ไม่มั่นใจ กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ กลัวโดนว่านั่นนี่เต็มไปหมด
เป็นคนขี้เกรงใจคน ขี้กลัวง่าย
เคยเป็นค่ะ เพราะว่าแคร์สายตาคนรอบข้างมากเกินไป เลยไม่มันใจในตัวเอง
แก้โดยการเริ่มทำอะไรคนเดียวบ้างทีละนิด ออกไปข้างนอกจากใกล้ๆบ้าน เริ่มไกลขึ้นหน่อย แล้วก็เริ่มไปตามแหล่งชุมชน
อย่างแรกต้องหาความมั่นใจในตัวเองก่อนค่ะ อย่าไปแคร์สายตาคนอื่น (พูดเหมือนง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่ายหรอก) เอาเป็นว่าเริ่มจากการปรับทัศนคติของตัวเองก่อนก็ดี ปรับทัศนคติที่มีต่อตนเองก่อน แล้วค่อยขยายไปถึงคนรอบข้าง
ลองคิดในมุมมองของเราว่าถ้าเป็นเราเราจะสนใจ(เผือก)เรื่องของคนอื่นที่แค่เห็นผ่านๆขนาดนั้นเลยหรือ ไม่อ่ะ รู้จักก็ไม่รู้จัก ก็แค่เจอผ่านกันไม่กี่วิ จะสนใจไปทำไม หรือถ้าเป็นคนรู้จัก เขาก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราขนาดที่จะต้องไปใส่ใจขนาดนั้นหรือเปล่า อันนี้ไม่ได้หมายถึงให้ทำอะไรไม่ดีต่อหน้าสาธารณะชนนะ
จะบอกว่า ตราบใดที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่เห็นจะต้องแคร์เลย
คหสต.ล้วนๆค่ะ
เห็นด้วยกับคหนี้มากๆค่ะ จริงที่สุด เราแคร์คนอื่นมากไป แต่ก่อนเราก็กลัวนู่นนี่ พอมาคิดว่าคนอื่นไม่ได้สนใจเราขนาดนั้น และเริ่มไปไหนมาไหนคนเดียวเองบ่อย ตอนนี้ก็มั่นใจตัวเองมากขึ้นค่ะ
เราก็เคยเป็นนะ เมื่อปีที่แล้ว เรายังเป็นคนที่กลัวไปหมดทุกอย่าง ไม่กล้าแม้แต่กระทั่งออกจากบ้าน หรือแม้แต่ออกจากห้องนอนของตัวเองอยู่เลย
จนกระทั่งโดนเพื่อนลากไปเดินห้างหรูในชุดนอนตอนซะลึมซะลือ แม่ส่งไปอบรมที่ต่างๆ ส่งไปนำเสนอขายสินค้าที่บ้าน
หลังจากนั้นก็โดนจับไปพูดกลางที่ประชุมคนเป็นร้อยบ้าง
ใส่ชุดนอนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิบ้าง
ต้องทำอะไรที่มันสุดเหวี่ยงหลายๆ อย่างทั้งที่ไม่อยากทำ เพียงเพราะเราไม่มีตัง แต่ตูอยากเติมเกม
หลังจากนั้นมา รู้สึกว่าอะไรก็ทำได้
เป็นคน inverter ที่ไม่ชอบคุยกับใคร ไม่มองหน้าใคร ไม่แคร์สายตาใคร และไม่แคร์โลกด้วย
ปรึกษาจิตแพทย์ดีที่สุดค่ะ บางอย่างมันไม่ใช่เรื่องเล็กหรอก
ไม่รู้นะว่าเป็นเหมือนกันหรือเปล่า ผมเองก็เป็นและหนักมาก เช่น ทำอะไรก็คิดมากกังวลไปหมด ไม่อยากเป็นจุดสนใจ พอต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักแล้วอึดอัดสุดๆ บางทีจู่ๆก็กลัวตายขึ้นมาเลยดื้อๆก็มี
แต่ของผมมีสาเหตุมาจาก 3 กรณีซึ่งไม่รู้ว่าอันไหนเป็นตัวหลัก
1. เป็นโรคซึมเศร้า
2. เคยพยายามกินยาฆ่าตัวตาย(จนสมองมันเพี้ยนๆ)
3. มีทัศนคติที่ย่ำแย่
กรณี 1 กับ 2 นี่นายคงต้องไปหาจิตแพทย์เอาเอง แต่ถ้าเป็นอันที่ 3 นี่ผมช่วยแนะนำได้(ที่จริงมันก็เป็นต้นเหตุของ 1 กับ 2 นั่นแหละ) ถ้าอ่านดูแล้วรู้สึกว่ามันตรงกับตัวเองหรือสามารถทำได้ก็ลองดูครับ
- ลองตั้งคำถามดูดีๆว่าตัวเองกลัวอะไร?
บอกก่อนว่าผมค่อนข้างยึดติดกับการเยียวยาอาการทางจิตของตัวเองโดยไม่ใช้ยา จากที่ศึกษามาหลายๆรูปแบบผมก็ค้นพบดังนี้
กรณี A ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เลยมักโดนเพื่อนแซวว่า "อยากดัง" "อวดเก่ง" "ประจบครู" เป็นประจำ ด้วยความคิดแบบเด็กๆสมัยนั้นเราเชื่อว่ามันเป็นเรื่องผิดจนเรากลัว (วัยเด็กเป็นวัยที่สะกดจิตตัวเองได้ง่ายมาก) จากนั้นผมก็เลยไม่กล้าทำอะไรเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่นมาโดยตลอด มองคนอื่นว่าใหญ่กว่าตัวเองเสมอ ทำอะไรโดยยึดจากความพึงพอใจของคนรอบข้างจนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง จะหยิบจับอะไรก็กลัวทำให้พวกเขาไม่พอใจไปซะหมด พอโตมามันก็เลยมีนิสัยนี้พ่วงมาด้วยและนานวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
กรณี B คำชมที่ผมได้รับบ่อยที่สุดคือคำว่า 'เก่ง' และยึดมันไว้เป็นคุณค่าของตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยวัยวุฒิที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ เราก็เลยกลัวว่าจะสูญเสียคุณค่าของตัวเองไป ทำอะไรก็ต้องให้สมบูรณ์แบบ ผิดนิดเบี้ยวหน่อยก็รับไม่ได้ ของง่ายๆฉันไม่ทำ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อรักษาความเก่งตามความเชื่อของตัวเองเอาไว้ เพราะผมดันเชื่อว่าเป็นข้อดีอย่างเดียวของตัวเอง (คือกลัวว่าจะไม่เก่งนั่นแหละ) พอความกลัวนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันก็พาลให้เราไม่กล้าเริ่มต้นทำอะไรสักที หรือไม่ก็ย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ ซึ่งนายก็คงต้องหาเอาเองนะว่าตัวเองยึดคุณค่ารูปแบบไหนเอาไว้ (ระวังการยึดว่า "ฉันเป็นกรณีพิเศษรักษาง่ายๆไม่ได้" เอาไว้ด้วย)
กรณี C เข้าใจโลกน้อยเกินไป ยึดติดมากเกินไป การเรียนรู้ของประเทศเราถือว่าการลอกเป็นสิ่งที่ผิด การทำอะไรนอกคอกเป็นสิ่งที่ผิด ต้องพยายามหนักๆจนสายตัวแทบขาดเท่านั้นถึงจะถูกต้อง จนกระทั่งเราไม่กล้าทำอะไรเลยเพราะกลัวว่าจะทำผิดตามที่ถูกปลูกฝังมา ซึ่งไม่ได้เข้าใจเลยว่าโลกนี้มันมีวิชา 'กลยุทธ์' ซึ่งหลายคนแยกคำนี้กับคำว่า 'โกง' ไม่ออก (แนะนำคลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=_twSKHElDHE)
- พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วยอมรับมัน
อันนี้ผมได้วิธีแก้มาจากอาจารย์หลายๆท่านอย่าง โค้ชสอนการแสดง นักจิตวิทยา อาจารย์ทางธรรม ทุกท่านบอกวิธีแก้เหมือนกันหมดก็คือให้พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถึงแก่นของมันเพื่อมองให้เห็นความจริง ขอยกตัวอย่างที่เคยสรุปกับตัวเอง
ถาม : ฉันเป็นคนอวดเก่งจริงๆอย่างที่คนทั่วไปพูดหรือเปล่า?
ตอบ : ใช่...บางครั้งผมก็อวดเก่งเพราะมันรู้สึกดีเวลามีคนชม และมุมถ่อมตนของผมเองก็มีไม่แพ้กัน
(จากนี้ไปผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวถ้าจะโดนใครหาว่าอวดเก่ง เพราะผมยอมรับตัวเองไปแล้ว)
ถาม : นอกจากข้อเสียของการอวดเก่งแล้ว มันมีข้อดีอะไรบ้าง?
ตอบ : มันทำให้ผมเป็นจดจำของเหล่าอาจารย์ ถือเป็นกลยุทธ์ส่วนตัวของผมที่ทำให้ได้ใกล้ชิดพวกท่านเร็วขึ้นกว่าใครๆ เพราะพวกอาจารย์ระดับสูงจริงๆท่านจะไม่ตัดสินตัวตนของผม และมันเป็นการคัดพวกเหลาะแหละ ขี้อิจฉา คิดเล็กคิดน้อยออกจากชีวิตด้วยไปในตัว
(ทุกนิสัยมีข้อดี-ข้อเสียของมันเอง อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันทุกด้านหรือเปล่า)
ถาม : ฉันได้เรียนรู้อะไรจากการแก้ปัญหาครั้งนี้?
ตอบ : ผมไม่จำเป็นต้องสนว่าใครจะมองว่าอวดเก่งอีกต่อไป แล้วจะได้เป็นตัวของตัวเองสักที
(ถ้าเราเปลี่ยนความรู้สึกแย่ๆให้กลายเป็นบทเรียนได้ เราอาจหลุดพ้นจากความกลัวนั้นไปเลย)
การปล่อยวางไม่ใช่การ 'ลืมๆไปซะ' แต่เป็นการพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลาง ยอมรับความจริง เปลี่ยนประสบการณ์นั้นให้เป็นบทเรียน และเราจะไม่กังวลเมื่อนึกถึงมันอีกเลย (ปลอยวางของแท้)
- ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา เรากำลังเรียนรู้ที่จะเติบโต
ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ อย่างวิธีที่ผมบอกไปมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคน ของบางอย่างมันก็ต้องใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาและพิจารณาเป็นรายๆไป ทุกคนต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง นายก็ลองไปปรับใช้ในแบบของตัวเองดู เพราะสุดท้ายผมก็เป็นแค่คนนอก ไม่มีส่วนได้เสียอะไรกับนาย ความรู้ก็แค่ระดับลูกศิษย์ดาดๆ ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะเหมือนกัน
แถม การที่ผมออกมาตอบอะไรยาวๆแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาตัวเอง (ใครจะมองว่าอวดก็ช่างหัวมัน) ผมมีปัญหาด้านความจำและผลวิจัยบอกว่าการทบทวนที่ดีที่สุดคือนำมันไปใช้และแชร์ให้คนอื่น นายก็ได้เจอแนวทางใหม่ๆ ผมก็ได้เยี่ยวยาตัวเอง สุดท้ายแล้วมีแต่คนได้กับได้ เรื่องดีทั้งนั้น แล้วแต่ว่าจะมองเห็นข้อดีของมันหรือเปล่า
ชอบความเห็นนี้มากๆค่ะ เรากำลังเป็นแบบนั้นเลย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
ด้วยความยินดีเลยครับ :)
สำหรับคุณทางที่ดีที่สุดคือ ให้ครอบครัวพาไปหาจิตแพทย์ค่ะ การปรึกษาจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นบ้า แค่จิตใจของเรากำลังป่วย มันก็ไม่ได้ต่างจากที่ร่างกายเราป่วยแล้วต้องไปหาหมอต้องกินยาถึงจะหาย จิตใจก็ไม่ต่างกัน
ลองพบจิตแพทย์ไหมคะ บางทีอาจจะเป็นเพราะสารเคมีในสมองคล้ายๆ กับโรคซึมเศร้า คนในครอบครัวเราเคยเป็นค่ะ แพทย์จะสั่งยาให้มาทานและให้พักผ่อนมาก ๆ จขกทไม่ต้องกลัวนะคะ ลองพบแพทย์ดูก็ได้ค่ะ
ลองทำลิสต์ความกล้าดูมั้ยคะ แบบวันนี้ลองทำอะไรไปบ้างก็เขียนลิสต์ไว้ เราว่าพอเราพยายามเข้าสังคมหรือกล้าทำอะไรมากขึ้นมันก็น่าจะทำให้เราหายกลัวหรือลดความกลัวนั้นลงไปบ้างนะคะ
เราเคยเป็นนะ แต่พอนึกถึงวันที่เราต้องใช้ชีวิตในที่ที่เราไม่เคยอยู่ถ้าเรายังเป็นแบบนี้เราจะใช้ชีวิตยังไง แบบนี้แหล่ะ มันเลยทำให้เรากล้า
ไม่รู้สิครับ ผมก็เคยเป็นเหมือนกันแต่ผมแก้ด้วยการไม่สนใจมันไปซะ จนตอนนี้จะผ่านปี1ละก็ยังไม่มีเพื่อน แต่ผมก็ไม่เป็นไร
ออาจลองปรึกษาจิตเเพทย์ดู อาการคล้าน anxiety disorder เลย หรืออาจจะGAD ลองเสิชดู เราเป็นน้อยกว่าเธอ สิ่งที่ช่วยก็คือหากิจกรรมทำ หรือลองทำพาททามดู มันช่วยให้เราชินกันคนเเปลกหน้า เเละเป็นการผลักดันตัวเอง ให้ออกจากความกลัวด้วย หรือไม่งั้นเวลาออกไปทำธุระอะไร เริ่มฝึกทักทายคำสั้นๆ ก็ได้ วันละคำ จดความก้าวหน้าของตัวเองไปเรื่อยๆ เเต่ทางที่ดีควรพบจิตเเพทย์ดีกว่า อาจจะไม่ต้องไปหา มันน่าจะมีเบอร์ให้โทรปรึกษาไรงี้นะ ลองหาดูๆ เอาใจช่วย
เเพิ่มเติม : การปรึกษาพ่อเเม่เป็นเรื่องที่ดีเเต่บางครั้งการบอกพ่อ เเม่ ก็ทำให้เเย่กว่าเดิมถ้าท่านไม่เข้าใจเรา พ่อเเม่บางคนไม่เหมือนกัน บางคนหัวโบราณคิดอย่างเดียวว่าเราหาจิตเเพทย์เพราะเป็นบ้า หรือเราคิดไปเอง เราควรพูดเกิ่นเเล้วดูการตอบโต้ของพวกท่านก่อนนะ (จากประสบการณ์ส่วนตัว5555)
มีอาการคล้ายๆกัน แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะครับ
แนะนำให้ไปหาจิตแพทย์ ช่วยได้เยอะเลยครับ
สู้ๆนะครับ ค่อยๆรักษา เดี๋ยวก็ดีขึ้น
เป็นเหมือนกันเลย แต่ตอนนี้เราเริ่มดีขึ้นละ เหมือนเราอยู่ในเซฟโซนของเราตลอด พอไปทำอะไรที่ไม่เคยทำมันจะกลัวทุกอย่างเลย กลัวนู่น กลัวนี่ กลัวอยู่นั่นแหละ บางทีก็รำคาญตัวเองนะ555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?