Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ไม่กล้าเเสดงออก ทำไรกลัวไปหมด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือผมทำอะไรกลัวไปหมดเลยครับ ขึ้นหนักครับ บางสิ่งบางทีคุ้นเเต่ก็กลัว บางทีเเค่เเบบไปซื้อของร้านอื่นที่ไม่เคยไปผมไม่กล้าครับ  ผมกลัวไปหมดเลยครับ กลัวเข้าไปเเล้วมึน งง ทำอะไรไม่เป็น เวลาเข้าธนาคารผมไม่กล้ามองหน้ามองก้มหน้าตลอด
ทำอะไรเเล้วเเบบคือเหมือนไม่ใช่ที่ของผม ไม่เหมือนคนอื่นที่เเบบดูชิวๆทำอะไรเเล้วเหมือนอยู่บ้านตัวเอง 

แสดงความคิดเห็น

>

14 ความคิดเห็น

TRWdonmuensri 7 ม.ค. 62 เวลา 21:31 น. 1

เป็นคนเก็บตัวอยู่คนเดียวมากไปรึเปล่า ผมก็เปน ประเภทนี้คล้ายinverter หรือโลกส่วนตัวสูง ไม่อย่างนั้นก็โรคซึมเศร้า แก้ด้วยการเข้าสังคม แล้วจะเลิกกลัวสายตาคนรอบๆตัวเอง

4
55555555555 8 ม.ค. 62 เวลา 21:39 น. 1-3

Inverter นึกถึงแอร์ 5555555555

Introvert สินะ แบบคนที่รักสันโดษอะ ชอบอยู่ชอบคิดชอบทำอะไรคนเดียว แต่คนมักชอบคิดว่าอินโทรเวิรทเป็นพวกเก็บตัวอย่างเดียว ซึ่งจริง ๆ ไม่ใช่ อินโทรเวิรทกล้าแสดงออกได้ เข้าสังคมได้ หรือบางคนลุคภายนอกอาจจะดูสนุกสนานด้วยซ้ำ เพียงแต่อินโทรเวิรทอยู่ในกรอบของการครุ่นคิด ถนัดที่จะทำอะไรคนเดียว หรือพึงพอใจที่จะสันโดษเองมากกว่า

0
ฮัลโหลว 9 ม.ค. 62 เวลา 20:32 น. 1-4

น่าจะเป็น introvert ค่ะ ที่คุณหมายถึง แต่เครื่องคงเด้ง (auto correct)ค่ะ


0
'นก'จนชินชา 7 ม.ค. 62 เวลา 21:32 น. 2

ทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะคะ มีเหตุผลอะไรรึเปล่า? เราก็เคยเป็นนะเวลาที่ไม่มั่นใจ กลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ กลัวโดนว่านั่นนี่เต็มไปหมด

1
Nichiyoubi 7 ม.ค. 62 เวลา 21:39 น. 3

เคยเป็นค่ะ เพราะว่าแคร์สายตาคนรอบข้างมากเกินไป เลยไม่มันใจในตัวเอง


แก้โดยการเริ่มทำอะไรคนเดียวบ้างทีละนิด ออกไปข้างนอกจากใกล้ๆบ้าน เริ่มไกลขึ้นหน่อย แล้วก็เริ่มไปตามแหล่งชุมชน


อย่างแรกต้องหาความมั่นใจในตัวเองก่อนค่ะ อย่าไปแคร์สายตาคนอื่น (พูดเหมือนง่าย แต่ความจริงมันไม่ง่ายหรอก) เอาเป็นว่าเริ่มจากการปรับทัศนคติของตัวเองก่อนก็ดี ปรับทัศนคติที่มีต่อตนเองก่อน แล้วค่อยขยายไปถึงคนรอบข้าง


ลองคิดในมุมมองของเราว่าถ้าเป็นเราเราจะสนใจ(เผือก)เรื่องของคนอื่นที่แค่เห็นผ่านๆขนาดนั้นเลยหรือ ไม่อ่ะ รู้จักก็ไม่รู้จัก ก็แค่เจอผ่านกันไม่กี่วิ จะสนใจไปทำไม หรือถ้าเป็นคนรู้จัก เขาก็ไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราขนาดที่จะต้องไปใส่ใจขนาดนั้นหรือเปล่า อันนี้ไม่ได้หมายถึงให้ทำอะไรไม่ดีต่อหน้าสาธารณะชนนะ


จะบอกว่า ตราบใดที่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่เห็นจะต้องแคร์เลย



คหสต.ล้วนๆค่ะ



1
พลอย 10 ม.ค. 62 เวลา 12:03 น. 3-1

เห็นด้วย​กับคหนี้มากๆค่ะ จริงที่สุด​ เราแคร์​คนอื่นมากไป แต่ก่อนเราก็กลัวนู่นนี่ พอมาคิดว่าคนอื่นไม่ได้สนใจเราขนาดนั้น และเริ่มไปไหนมาไหนคนเดียวเองบ่อย ตอนนี้ก็มั่นใจตัวเอง​มากขึ้นค่ะ

0
The Blues is coming 7 ม.ค. 62 เวลา 21:54 น. 4

เราก็เคยเป็นนะ เมื่อปีที่แล้ว เรายังเป็นคนที่กลัวไปหมดทุกอย่าง ไม่กล้าแม้แต่กระทั่งออกจากบ้าน หรือแม้แต่ออกจากห้องนอนของตัวเองอยู่เลย


จนกระทั่งโดนเพื่อนลากไปเดินห้างหรูในชุดนอนตอนซะลึมซะลือ แม่ส่งไปอบรมที่ต่างๆ ส่งไปนำเสนอขายสินค้าที่บ้าน


หลังจากนั้นก็โดนจับไปพูดกลางที่ประชุมคนเป็นร้อยบ้าง


ใส่ชุดนอนไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิบ้าง


ต้องทำอะไรที่มันสุดเหวี่ยงหลายๆ อย่างทั้งที่ไม่อยากทำ เพียงเพราะเราไม่มีตัง แต่ตูอยากเติมเกม


หลังจากนั้นมา รู้สึกว่าอะไรก็ทำได้


เป็นคน inverter ที่ไม่ชอบคุยกับใคร ไม่มองหน้าใคร ไม่แคร์สายตาใคร และไม่แคร์โลกด้วย

0
G.Tenju 8 ม.ค. 62 เวลา 08:11 น. 6

ไม่รู้นะว่าเป็นเหมือนกันหรือเปล่า ผมเองก็เป็นและหนักมาก เช่น ทำอะไรก็คิดมากกังวลไปหมด ไม่อยากเป็นจุดสนใจ พอต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักแล้วอึดอัดสุดๆ บางทีจู่ๆก็กลัวตายขึ้นมาเลยดื้อๆก็มี


แต่ของผมมีสาเหตุมาจาก 3 กรณีซึ่งไม่รู้ว่าอันไหนเป็นตัวหลัก

1. เป็นโรคซึมเศร้า

2. เคยพยายามกินยาฆ่าตัวตาย(จนสมองมันเพี้ยนๆ)

3. มีทัศนคติที่ย่ำแย่


กรณี 1 กับ 2 นี่นายคงต้องไปหาจิตแพทย์เอาเอง แต่ถ้าเป็นอันที่ 3 นี่ผมช่วยแนะนำได้(ที่จริงมันก็เป็นต้นเหตุของ 1 กับ 2 นั่นแหละ) ถ้าอ่านดูแล้วรู้สึกว่ามันตรงกับตัวเองหรือสามารถทำได้ก็ลองดูครับ


- ลองตั้งคำถามดูดีๆว่าตัวเองกลัวอะไร?

บอกก่อนว่าผมค่อนข้างยึดติดกับการเยียวยาอาการทางจิตของตัวเองโดยไม่ใช้ยา จากที่ศึกษามาหลายๆรูปแบบผมก็ค้นพบดังนี้


กรณี A ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เลยมักโดนเพื่อนแซวว่า "อยากดัง" "อวดเก่ง" "ประจบครู" เป็นประจำ ด้วยความคิดแบบเด็กๆสมัยนั้นเราเชื่อว่ามันเป็นเรื่องผิดจนเรากลัว (วัยเด็กเป็นวัยที่สะกดจิตตัวเองได้ง่ายมาก) จากนั้นผมก็เลยไม่กล้าทำอะไรเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่นมาโดยตลอด มองคนอื่นว่าใหญ่กว่าตัวเองเสมอ ทำอะไรโดยยึดจากความพึงพอใจของคนรอบข้างจนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง จะหยิบจับอะไรก็กลัวทำให้พวกเขาไม่พอใจไปซะหมด พอโตมามันก็เลยมีนิสัยนี้พ่วงมาด้วยและนานวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


กรณี B คำชมที่ผมได้รับบ่อยที่สุดคือคำว่า 'เก่ง' และยึดมันไว้เป็นคุณค่าของตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยวัยวุฒิที่เรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ เราก็เลยกลัวว่าจะสูญเสียคุณค่าของตัวเองไป ทำอะไรก็ต้องให้สมบูรณ์แบบ ผิดนิดเบี้ยวหน่อยก็รับไม่ได้ ของง่ายๆฉันไม่ทำ ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อรักษาความเก่งตามความเชื่อของตัวเองเอาไว้ เพราะผมดันเชื่อว่าเป็นข้อดีอย่างเดียวของตัวเอง (คือกลัวว่าจะไม่เก่งนั่นแหละ) พอความกลัวนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันก็พาลให้เราไม่กล้าเริ่มต้นทำอะไรสักที หรือไม่ก็ย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ ซึ่งนายก็คงต้องหาเอาเองนะว่าตัวเองยึดคุณค่ารูปแบบไหนเอาไว้ (ระวังการยึดว่า "ฉันเป็นกรณีพิเศษรักษาง่ายๆไม่ได้" เอาไว้ด้วย)


กรณี C เข้าใจโลกน้อยเกินไป ยึดติดมากเกินไป การเรียนรู้ของประเทศเราถือว่าการลอกเป็นสิ่งที่ผิด การทำอะไรนอกคอกเป็นสิ่งที่ผิด ต้องพยายามหนักๆจนสายตัวแทบขาดเท่านั้นถึงจะถูกต้อง จนกระทั่งเราไม่กล้าทำอะไรเลยเพราะกลัวว่าจะทำผิดตามที่ถูกปลูกฝังมา ซึ่งไม่ได้เข้าใจเลยว่าโลกนี้มันมีวิชา 'กลยุทธ์' ซึ่งหลายคนแยกคำนี้กับคำว่า 'โกง' ไม่ออก (แนะนำคลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=_twSKHElDHE)


- พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วยอมรับมัน

อันนี้ผมได้วิธีแก้มาจากอาจารย์หลายๆท่านอย่าง โค้ชสอนการแสดง นักจิตวิทยา อาจารย์ทางธรรม ทุกท่านบอกวิธีแก้เหมือนกันหมดก็คือให้พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นให้ถึงแก่นของมันเพื่อมองให้เห็นความจริง ขอยกตัวอย่างที่เคยสรุปกับตัวเอง


ถาม : ฉันเป็นคนอวดเก่งจริงๆอย่างที่คนทั่วไปพูดหรือเปล่า?

ตอบ : ใช่...บางครั้งผมก็อวดเก่งเพราะมันรู้สึกดีเวลามีคนชม และมุมถ่อมตนของผมเองก็มีไม่แพ้กัน

(จากนี้ไปผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวถ้าจะโดนใครหาว่าอวดเก่ง เพราะผมยอมรับตัวเองไปแล้ว)


ถาม : นอกจากข้อเสียของการอวดเก่งแล้ว มันมีข้อดีอะไรบ้าง?

ตอบ : มันทำให้ผมเป็นจดจำของเหล่าอาจารย์ ถือเป็นกลยุทธ์ส่วนตัวของผมที่ทำให้ได้ใกล้ชิดพวกท่านเร็วขึ้นกว่าใครๆ เพราะพวกอาจารย์ระดับสูงจริงๆท่านจะไม่ตัดสินตัวตนของผม และมันเป็นการคัดพวกเหลาะแหละ ขี้อิจฉา คิดเล็กคิดน้อยออกจากชีวิตด้วยไปในตัว

(ทุกนิสัยมีข้อดี-ข้อเสียของมันเอง อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันทุกด้านหรือเปล่า)


ถาม : ฉันได้เรียนรู้อะไรจากการแก้ปัญหาครั้งนี้?

ตอบ : ผมไม่จำเป็นต้องสนว่าใครจะมองว่าอวดเก่งอีกต่อไป แล้วจะได้เป็นตัวของตัวเองสักที

(ถ้าเราเปลี่ยนความรู้สึกแย่ๆให้กลายเป็นบทเรียนได้ เราอาจหลุดพ้นจากความกลัวนั้นไปเลย)


การปล่อยวางไม่ใช่การ 'ลืมๆไปซะ' แต่เป็นการพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นกลาง ยอมรับความจริง เปลี่ยนประสบการณ์นั้นให้เป็นบทเรียน และเราจะไม่กังวลเมื่อนึกถึงมันอีกเลย (ปลอยวางของแท้)


- ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดา เรากำลังเรียนรู้ที่จะเติบโต

ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ อย่างวิธีที่ผมบอกไปมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคน ของบางอย่างมันก็ต้องใช้ให้ถูกที่ถูกเวลาและพิจารณาเป็นรายๆไป ทุกคนต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง นายก็ลองไปปรับใช้ในแบบของตัวเองดู เพราะสุดท้ายผมก็เป็นแค่คนนอก ไม่มีส่วนได้เสียอะไรกับนาย ความรู้ก็แค่ระดับลูกศิษย์ดาดๆ ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะเหมือนกัน


แถม การที่ผมออกมาตอบอะไรยาวๆแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาตัวเอง (ใครจะมองว่าอวดก็ช่างหัวมัน) ผมมีปัญหาด้านความจำและผลวิจัยบอกว่าการทบทวนที่ดีที่สุดคือนำมันไปใช้และแชร์ให้คนอื่น นายก็ได้เจอแนวทางใหม่ๆ ผมก็ได้เยี่ยวยาตัวเอง สุดท้ายแล้วมีแต่คนได้กับได้ เรื่องดีทั้งนั้น แล้วแต่ว่าจะมองเห็นข้อดีของมันหรือเปล่า

2
Kittt 10 ม.ค. 62 เวลา 19:49 น. 6-1

ชอบความเห็นนี้มากๆค่ะ เรากำลังเป็นแบบนั้นเลย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ

0
Alexandar 8 ม.ค. 62 เวลา 09:02 น. 7

สำหรับคุณทางที่ดีที่สุดคือ ให้ครอบครัวพาไปหาจิตแพทย์ค่ะ การปรึกษาจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นบ้า แค่จิตใจของเรากำลังป่วย มันก็ไม่ได้ต่างจากที่ร่างกายเราป่วยแล้วต้องไปหาหมอต้องกินยาถึงจะหาย จิตใจก็ไม่ต่างกัน

0
Gypse 9 ม.ค. 62 เวลา 18:42 น. 8

ลองพบจิตแพทย์ไหมคะ บางทีอาจจะเป็นเพราะสารเคมีในสมองคล้ายๆ กับโรคซึมเศร้า คนในครอบครัวเราเคยเป็นค่ะ แพทย์จะสั่งยาให้มาทานและให้พักผ่อนมาก ๆ จขกทไม่ต้องกลัวนะคะ ลองพบแพทย์ดูก็ได้ค่ะ

0
saramiyong 9 ม.ค. 62 เวลา 18:49 น. 9

ลองทำลิสต์ความกล้าดูมั้ยคะ แบบวันนี้ลองทำอะไรไปบ้างก็เขียนลิสต์ไว้ เราว่าพอเราพยายามเข้าสังคมหรือกล้าทำอะไรมากขึ้นมันก็น่าจะทำให้เราหายกลัวหรือลดความกลัวนั้นลงไปบ้างนะคะ

0
Film 9 ม.ค. 62 เวลา 19:05 น. 10

เราเคยเป็นนะ แต่พอนึกถึงวันที่เราต้องใช้ชีวิตในที่ที่เราไม่เคยอยู่ถ้าเรายังเป็นแบบนี้เราจะใช้ชีวิตยังไง แบบนี้แหล่ะ มันเลยทำให้เรากล้า

0
Naruechai Dew Sangla 9 ม.ค. 62 เวลา 19:34 น. 11

ไม่รู้สิครับ ผมก็เคยเป็นเหมือนกันแต่ผมแก้ด้วยการไม่สนใจมันไปซะ จนตอนนี้จะผ่านปี1ละก็ยังไม่มีเพื่อน แต่ผมก็ไม่เป็นไร

0
นานา 9 ม.ค. 62 เวลา 20:30 น. 12

ออาจลองปรึกษาจิตเเพทย์ดู อาการคล้าน anxiety disorder เลย หรืออาจจะGAD ลองเสิชดู เราเป็นน้อยกว่าเธอ สิ่งที่ช่วยก็คือหากิจกรรมทำ หรือลองทำพาททามดู มันช่วยให้เราชินกันคนเเปลกหน้า เเละเป็นการผลักดันตัวเอง ให้ออกจากความกลัวด้วย หรือไม่งั้นเวลาออกไปทำธุระอะไร เริ่มฝึกทักทายคำสั้นๆ ก็ได้ วันละคำ จดความก้าวหน้าของตัวเองไปเรื่อยๆ เเต่ทางที่ดีควรพบจิตเเพทย์ดีกว่า อาจจะไม่ต้องไปหา มันน่าจะมีเบอร์ให้โทรปรึกษาไรงี้นะ ลองหาดูๆ เอาใจช่วย

1
นานา 9 ม.ค. 62 เวลา 20:34 น. 12-1

เเพิ่มเติม : การปรึกษาพ่อเเม่เป็นเรื่องที่ดีเเต่บางครั้งการบอกพ่อ เเม่ ก็ทำให้เเย่กว่าเดิมถ้าท่านไม่เข้าใจเรา พ่อเเม่บางคนไม่เหมือนกัน บางคนหัวโบราณคิดอย่างเดียวว่าเราหาจิตเเพทย์เพราะเป็นบ้า หรือเราคิดไปเอง เราควรพูดเกิ่นเเล้วดูการตอบโต้ของพวกท่านก่อนนะ (จากประสบการณ์ส่วนตัว5555)

0
Lord Art 9 ม.ค. 62 เวลา 21:27 น. 13

มีอาการคล้ายๆกัน แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะครับ

แนะนำให้ไปหาจิตแพทย์ ช่วยได้เยอะเลยครับ


สู้ๆนะครับ ค่อยๆรักษา เดี๋ยวก็ดีขึ้น

0
Mamei 11 ม.ค. 62 เวลา 11:03 น. 14

เป็นเหมือนกันเลย แต่ตอนนี้เราเริ่มดีขึ้นละ เหมือนเราอยู่ในเซฟโซนของเราตลอด พอไปทำอะไรที่ไม่เคยทำมันจะกลัวทุกอย่างเลย กลัวนู่น กลัวนี่ กลัวอยู่นั่นแหละ บางทีก็รำคาญตัวเองนะ555

0