Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ดูกันชัดๆ LANEIGE VS GRID ...Sleeping mask เด็ดและดี!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ฮัลโหลสวัสดีจ้าเพื่อนๆ ทุกคน มาพบกันอีกแล้วนะจ๊ะ วันนี้มาในหัวข้อของ “Sleeping mask” กันหน่อยดีกว่า ช่วงนี้อากาศแห้งๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว มลภาวะแวดล้อมมีฝุ่นควัน  แถมยังมีความเครียด นอนน้อยอีก.... ผิวก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกันนะ ยิ่งโดยเฉพาะเราเป็นคนผิวแห้งขาดน้ำ สิ่งที่เกิดตามมาคือผิวแห้ง ลอกเป็นขุยแต่งหน้าไม่ติด  เรียกได้ว่าหน้าแทบพังต้องพึ่งสกินแคร์ด่วนๆ!! 

และไอเทมที่เราใช้ประจำสำหรับกู้หน้าก็คือ Sleeping mask นี่แหละทุกคน เมื่อก่อนไม่ค่อยใส่ใจดูแลเท่าไหร่ คิดว่าแค่สกินแคร์บำรุงผิวอย่างเดียวก็น่าจะพอ แต่ความจริงแล้วการมาส์กหน้าหรือใช้สลิปปิ้งมาส์กนั้นสำคัญมากโดยเฉพาะคนผิวแห้งต้องใช้เลยนะ เพราะเมื่อเวลาผิวแห้งหรือขาดน้ำ จะทำให้ผิวเราเสียสมดุลการทำงานของผิวก็จะเสียส่งผลมากมายตามที่เราบอกไว้ข้างต้น สุดท้ายถ้าไม่รีบดูแลหน้าก็พัง! ในที่สุด
 
เราเองก็เลยต้องใช้ตัวช่วยอย่างสลิปปิ้งมาส์กนี่แหละเพราะมันเวิร์คสุดแล้ว….ใช้มาก็หลายแบรนด์แต่ก็มาถูกใจเอา 2 แบรนด์นี้ คือ LANEIGE กับ GRID ซึ่งแบรนด์ทั้งสองก็เป็นของเกาหลีทั้งคู่เลย จริงๆ เค้าใช้ดีทั้งคู่แหละ แต่ก็มีความต่างกันบ้างในบางส่วนเอาเป็นว่าเรามารีวิวเปรียบเทียบให้ดูละกันเนอะ...พร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า 
 
Grid
 
 
มาเริ่มที่  “Grid” กันก่อนเลยนะ หลายคนน่าจะคุ้นชื่อเค้าดีเพราะแป้งเค้าดังมากเลยล่ะ แต่ตัวสลิปปิ้งมาส์กเค้าก็ดีไม่แพ้กันนะยูว์เพิ่งออกใหม่สดๆ ร้อนๆ เลยนะ ในหลอดนี้เค้ามีส่วนผสมของดีมากมายที่ผิวของเราต้องการ โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำ(แบบเรา)เนี่ยรับรองเอาอยู่เลยล่ะ 
 
แพคเก็จเค้าทำมาดีเลยล่ะ มีฟรอยด์กันเอาไว้อีกชั้น ไม่ต้องกลัวผลิตภัณฑ์หกเลอะเทอะเลยนะ 

ไม่ว่าจะเป็น Hyaluronic3% ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นในผิว ทำให้น้ำในผิวสมดุล สารสกัดจากถั่วเหลืองช่วยในเรื่องของความนุ่มและยกกระชับผิว และกรดอะมิโนอาหารผิวมากถึง 16 ชนิดเพื่อพื้นฟูผิวให้แข็งแรง รวมไปถึง Lavender Oli ที่เข้ามาช่วยผ่อนคลายผิวด้วย นี่แค่บางส่วนที่เราหยิบยกมาบอกกันจริงๆ ยังมีอีกเยอะเลยล่ะ แต่บอกเลยว่าดีต่อผิวทั้งนั้น

อ้อ! เค้าไม่มีสารกันเสีย ไม่ผสมแอลกฮอล์ แถมยังอ่อนโยนต่อผิว ใครที่ผิวแพ้ง่ายใช้ได้สบาย และที่สำคัญเค้าไม่ผสมสารเร่งผลัดเซลล์ผิว ที่เป็น AHA, BHA, Retinol ด้วยนะ จึงทำให้เราสามารถใช้ได้ทุกเลยล่ะ
 
เนื้อผลิตภัณฑ์
 

เมื่อเกลี่ยลงผิวแล้วจะเป็นแบบนี้เลยจ้า

 
เนื้อผลิตภัณฑ์ : มาม่ะมาดูเนื้อของมาส์กเค้ากันนิดนึงนะ เนื้อเค้าจะเป็นลักษณะแบบนี้เลยนะ(เพื่อนๆ ดูตามภาพได้เลยจ้า) เป็นเจลสีขาวๆ มีความบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ สัมผัสได้ถึงความเข้มข้น 

กลิ่น : หอมละมุน ไม่ฉุนเลย เราชอบนะกลิ่นประมาณนี้เวลาทาไปได้กลิ่นไปแล้วผ่อนคลายดี

ผลลัพธ์ : เราใช้มาส์กก่อนนอนอาทิตย์ละ 3 วัน หลังใช้เรารู้สึกว่าหน้าดูอิ่มน้ำ มีความนุ่มชุ่มชื่นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น เวลาเอามือลูบที่หน้าก็มีความลื่นละมุนไม่แห้งกร้าน ความมันตรงจมูกลดลง ริ้วรอยเล็กๆ ที่เรามีก็ดูจางลงเล็กน้อย(แต่ต้องใช้อย่างต่อเนื่องนะจ๊ะ)

อ้อ! ข้อดีของสลิปปิ้งมาส์กของ Grid อีกอย่างก็คือ เค้าสามารถใช้เป็นครีมบำรุงได้ หรือจะใช้เป็นสลิปปิ้งมาส์กในตอนกลางคืนได้ดีงามแบบ 2in1 เลยทีเดียว

ราคา : 450 บาท ปริมาณ 50 ml
 
Laneige Water Sleeping Mask
 

อีกตัวที่เราก็ใช้เหมือนกันคือ "Laneige" นะ สลิปปิ้งมาส์กตัวดังที่หลายคนต้องเคยใช้กันแน่ๆ  ในกระปุกนี้มีส่วนผสมของ Hunza Apricot Extract และ Evening Primrose Root Extract ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งและสดใสในตอนเช้า ภายหลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ตลอดคืน คืนความชุ่มชื่นให้กับผิวเรา ทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ แถมยังช่วยให้เมคอัพติดทนอีกด้วยจ้า 
 
เนื้อผลิตภัณฑ์

 
เมื่อเกลี่ยลงผิวแล้วจะเป็นแบบนี้เลยจ้า 

เนื้อผลิตภัณฑ์ : จะเป็นลักษณะเป็นเจลสีฟ้าใสๆ เกลี่ยง่าย ไม่หนักผิว ซึมลงผิวได้ดี

กลิ่น : กลิ่นหอมอ่อนๆ ละมุนดีนะ ไม่ฉุนจ้า

ผลลัพธ์ : หลังใช้แล้วสิ่งที่ได้คือความอิ่มฟูของผิว ที่มันดูโทรมๆ แห้งกร้านตัวนี้เอาอยู่นะเห็นผลชัดเจน คือได้ความชุ่มชื้นจริง หน้าดูเฟรชมากขึ้น ผิวนุ่มไม่แห้งไม่ลอกเหมือนเมื่อก่อน เวลาแต่งหน้ารู้สึกว่าติดทนมากขึ้นโดยเฉพาะเวลาทารองพื้นจะไม่ค่อยเป็นคราบแบบเมื่อก่อนแล้วดีงาม

ราคา : 1,100 บาท ปริมาณ 100 ml (ของเราเป็นขนาดทดลอง  129 บาท ขนาด 15 ml)  
 

สรุป : เราจะมาสรุปให้ฟังคร่าวๆ นะ ระหว่าง LANEIGE และ GRID  ทั้งสองแบรนด์เค้าเป็น Sleeping mask ที่ช่วยเรื่องผิวแห้ง ผิวขาดน้ำได้ดี เติมเต็มความชุ่มชื่นในผิวได้ดีเห็นผลลัพธ์ในส่วนนี้ชัดเจน โดยเฉพาะ LANEIGE ได้ความชุ่มชื่นแบบเห็นได้ชัดเลยล่ะ ส่วน GRID  จะได้ทั้งความชุ่มชื่นและเรื่องของรูขุมขนที่กระชับขึ้นริ้วรอยดูจางลงด้วย (ส่วนตัวเราชอบกลิ่นของอันนี้หอมละมุนดี) 

และที่สำคัญอีกอย่างคือเรื่องราคา ทั้งสองแบรนด์ค่อนข้างต่างกันในเรื่องของราคา แต่ส่วนตัวเราคิดว่าผลลัพธ์ใกล้เคียงกันพอสมควรเลยล่ะ เอาเป็นว่าเป็นที่ความพึงพอใจของแต่ละคนว่าจะเลือกอันไหนละกันเนอะ เราเองก็ใช้สลับๆ ไปตามงบประมาณแต่ละช่วง อิอิ
 
 
….ก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะ ใครที่มีปัญหาผิวเหมือนกันจะชอบ วันนี้ขอตัวลาไปก่อนคราวหน้ามีอะไรดีๆ มาฝากกันอีกอย่างลืมติดตามกันนะจ๊ะ บ้าย บายจ้า 

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น