รีวิวทุนรัฐบาลไต้หวัน (MOE Taiwan Scholarship)
ตั้งกระทู้ใหม่
รีวิวทุนรัฐบาลไต้หวัน (MOE Taiwan Scholarship) ประเทศแห่งชานมไข่มุก ผู้คนเป็นมิตร ธรรมชาติสวยงาม และอาหารอร่อย (ประเทศนี้ใช้จีนกลางนะะะ)
สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาแบ่งปันความรู้วิธีสมัครขอทุนรัฐบาลไต้หวันให้กับเพื่อนๆ และน้องๆที่สนใจนะคะ เริ่มต้นเลยคือตอนที่เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับทุนรัฐบาลไต้หวันนี้ตั้งแต่เอกสาร การสมัคร มหาวิทยาลัย ตลอดจนหลักสูตรที่จะเรียน เราอ่านรีวิวที่เคยมีมาเกี่ยวกับทุนไต้หวันนี้จะเจอแต่ป.โทเขียน ไม่มีของป.ตรีเลยจ้า เราก็เลยบอกตัวเองไว้ว่าถ้าเราได้ทุนนี้ เราจะเขียนรีวิวเพื่อ ให้ข้อมูล และเป็นแนวทาง แก่ผู้สนใจในรุ่นต่อๆไป!
ตอนนี้เรามาเรียนที่ไต้หวันได้ 1 เทอมแล้วค่ะ กำลังจะขึ้น ปี 1 เทอม 2 แล้ว ถ้าใครมีคำถามเรื่องการใช้ชีวิตที่นั่นก็ถามมาได้เลยนะคะ เราเลือกเรียนที่ National Taiwan University of Science and Technology เพราะว่าเป็นมหาลัยเดียวในไทเปที่มีสอน วิศวะเครื่องกล ป.ตรี เป็นภาษาอังกฤษ และเป็นมหาลัยเดียวใน Top 5 ของไต้หวันที่ไม่เก็บค่าส่วนต่างค่าเทอม สำหรับนักเรียนที่ได้ทุน MOE
อย่างแรกเลยทุนรัฐบาลไต้หวันนี้เป็นทุนให้เปล่าที่ให้กับการศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอกที่ประเทศไต้หวันนะจ๊ะ ผู้ที่ได้รับทุนเมื่อเรียนจบแล้วไม่ต้องไปทำงานใช้ทุน รัฐบาลจะออกให้ทุกอย่างแล้วก็มีค่ากินค่าอยู่ให้เราทุกเดือน ค่าทำวีซ่านักเรียนฟรี อย่างเราสมัครเรียนป.ตรีไป รัฐบาลก็ออกค่าเทอมให้หมดตลอด 4 ปีเลย ปีนี้รัฐบาลแจกทุนให้กับนักเรียน ป.ตรี โท เอกทั้งหมด 15 คน รวมอยู่ในตะกร้าเดียวกัน
เพิ่มเติมนิดนึง สำหรับทุน Taiwan ICDF นักเรียนไทย ป. ตรี ไม่สามารถสมัครได้นะคะ สมัครได้แค่ ป.โท กับ ป.เอก เท่านั้น
ทุนนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครราวๆเดือนกุมภาพันธ์ สัมภาษณ์ราวๆปลายเดือนเมษายน และผลออกต้นเดือนพฤษภาคม (ปีนี้ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.เลย) ตอนที่สมัครทุนนี้ เราต้องสมัครทุนรัฐบาลกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ประเทศไต้หวันแยกกัน โดยเราจะสมัครที่มหาลัยไหนหลักสูตรไหนก็ได้เลย ส่วนมหาวิทยาลัยที่เราสมัครเป็นหลักสูตรอินเตอร์ ดังนั้นเราต้องใช้ IELTS ยื่นให้กับทางรัฐบาลไป แต่ถ้าหลักสูตรที่สมัครไปเป็นภาษาจีนก็ยื่น TOCFL ให้กับรัฐบาลแทน
เราไม่แน่ใจว่าปีที่ผ่านๆมาขั้นตอนเป็นยังไง แต่ปีนี้ผู้สมัครที่ผ่านรอบแรก และถูกรัฐบาลเรียกไปสัมภาษณ์มีทั้งหมด 29 คน จากนั้นจะคัดเหลือ 15 คนเป็นที่ได้รับทุน และ มีผู้ที่ได้รับสิทธิ์สำรองบ้าง พี่เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักมาก ประสานงานให้ข้อมูล และความช่วยเหลือทุกคนเป็นอย่างดี ตอนที่รอสัมภาษณ์ พี่เจ้าหน้าที่ที่น่ารักก็บอกเราว่าให้ทำใจนิดนึง รัฐบาลจะพิจารณาป.โท-เอก เป็น priority มากกว่าเพราะว่า น.ศ. ป.โท-เอก ทำ Research ได้มากกว่า แล้วก็มีวุฒิภาวะที่ดีกว่า ที่ผ่านมาไม่มีนักศึกษาป.ตรีได้รับทุนมาหลายปีแล้ว และทั้ง 29 คนที่ได้ไปสัมภาษณ์อ่ะ มีแค่เรากับอีกคนเองที่สมัครป.ตรีไป นอกนั้นป.โท-เอกหมดเลย ตอนนั้นใจแฟบหมดเลย และก็ถึงบางอ้อว่า ทำไมเราถึงหารีวิวทุนรัฐบาลไต้หวันสำหรับป.ตรี ไม่เจอเลย ในห้องสัมภาษณ์ โต๊ะสัมภาษณ์จะเป็น U shape กรรมการจะมีทั้งหมด 3 ท่าน ทุกท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก อย่างแรกก็เหมือนกับสอบสัมภาษณ์ทุกที่ คือให้แนะนำตัวเอง ส่วนรายละเอียดคำถามต่อไป จะขึ้นอยู่กับเรื่องที่เราแนะนำตัว ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุย ดูทัศนคติ ความคิด หรือเรื่องที่เราเขียนใน SOP ในรายละเอียดแตกต่างกันไป แล้วแต่แต่ละบุคคล
กลับมาเรื่องเอกสาร อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้าง ของปีเราก็ไม่เหมือนของปีที่แล้ว เช่น ไม่ต้องลงตรารับรองเอกสารจากกงสุลแล้ว เพราะฉะนั้นเราว่าต้องคอยเช็คดูในปีที่จะยื่นขอทุนของปีนั้นๆ แต่หลักๆก็คือต้องมี Recommendation letters, Transcript, IELTS/TOEFL/TOCFL, Statement of Purpose (SOP), และ Enrollment ซึ่งคะแนนทุกอย่างยิ่งสูง ยิ่งดีค่ะ ^_^
เพิ่มเติมอีกนิดนึง ปีนี้มหาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวันหรือ NTU น่ะ ของป.ตรีมีแค่ที่เรียน English Literature อะไรสักอย่างที่เป็น Program taught in English นะคะ นอกนั้นสอนเป็นภาษาจีน 555 หวังว่าปีต่อๆไปจะเปิดโปรแกรมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นนะ
ที่เราเลือกไปประเทศไต้หวันเพราะอยากจะออกไปเปิดทัศนคติกับโลกข้างนอกดูบ้าง ไปเห็นหลายๆอย่างที่บ้านเรายังไม่มี และไหนๆโอกาสก็มาแล้ว รวมถึงประเทศไต้หวันก็เป็นประเทศที่ ปลอดภัย มีธรรมชาติที่งดงาม อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตร และส่วนใหญ่พูดอังกฤษได้ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันก็พอๆกับไทยไม่ต้องคิดค่าเงินให้ยุ่งยาก อีกทั้งไต้หวันอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเลย นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเรียนรู้ซึมซับภาษาจีนไปด้วย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณกรรมการทุกท่าน ขอบคุณคุณนพรัตน์ อัศวเมตต์ที่คอยดูแลเรื่องทุนนี้ตลอดกระบวนการ ขอบคุณทุกๆโอกาส ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอบคุณทุกๆความรัก และความกรุณาที่มีให้ ขอบคุณทุกๆปัญหาที่มีมาให้ลับคมมีดเสมอ ขอบคุณทุกๆแรงกดดันที่ทำให้แข็งแกร่ง และท้ายสุดขอบคุณคุณแม่ที่รักและเคารพที่ยืนเคียงข้างและสนับสนุนด้วยความรักเสมอมา ขอบคุณทุกคนในครอบครัว ตลอดจนอาจารย์ทุกท่านที่ไม่สามารถกล่าวถึงได้หมด รวมถึงผู้ใหญ่ใจดีที่รักเมตตาปราณีหนูด้วยดีเสมอมา และเพื่อนๆที่รักทุกคนของเรานะจ๊ะ
สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาแบ่งปันความรู้วิธีสมัครขอทุนรัฐบาลไต้หวันให้กับเพื่อนๆ และน้องๆที่สนใจนะคะ เริ่มต้นเลยคือตอนที่เราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับทุนรัฐบาลไต้หวันนี้ตั้งแต่เอกสาร การสมัคร มหาวิทยาลัย ตลอดจนหลักสูตรที่จะเรียน เราอ่านรีวิวที่เคยมีมาเกี่ยวกับทุนไต้หวันนี้จะเจอแต่ป.โทเขียน ไม่มีของป.ตรีเลยจ้า เราก็เลยบอกตัวเองไว้ว่าถ้าเราได้ทุนนี้ เราจะเขียนรีวิวเพื่อ ให้ข้อมูล และเป็นแนวทาง แก่ผู้สนใจในรุ่นต่อๆไป!
ตอนนี้เรามาเรียนที่ไต้หวันได้ 1 เทอมแล้วค่ะ กำลังจะขึ้น ปี 1 เทอม 2 แล้ว ถ้าใครมีคำถามเรื่องการใช้ชีวิตที่นั่นก็ถามมาได้เลยนะคะ เราเลือกเรียนที่ National Taiwan University of Science and Technology เพราะว่าเป็นมหาลัยเดียวในไทเปที่มีสอน วิศวะเครื่องกล ป.ตรี เป็นภาษาอังกฤษ และเป็นมหาลัยเดียวใน Top 5 ของไต้หวันที่ไม่เก็บค่าส่วนต่างค่าเทอม สำหรับนักเรียนที่ได้ทุน MOE
อย่างแรกเลยทุนรัฐบาลไต้หวันนี้เป็นทุนให้เปล่าที่ให้กับการศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอกที่ประเทศไต้หวันนะจ๊ะ ผู้ที่ได้รับทุนเมื่อเรียนจบแล้วไม่ต้องไปทำงานใช้ทุน รัฐบาลจะออกให้ทุกอย่างแล้วก็มีค่ากินค่าอยู่ให้เราทุกเดือน ค่าทำวีซ่านักเรียนฟรี อย่างเราสมัครเรียนป.ตรีไป รัฐบาลก็ออกค่าเทอมให้หมดตลอด 4 ปีเลย ปีนี้รัฐบาลแจกทุนให้กับนักเรียน ป.ตรี โท เอกทั้งหมด 15 คน รวมอยู่ในตะกร้าเดียวกัน
เพิ่มเติมนิดนึง สำหรับทุน Taiwan ICDF นักเรียนไทย ป. ตรี ไม่สามารถสมัครได้นะคะ สมัครได้แค่ ป.โท กับ ป.เอก เท่านั้น
ทุนนี้จะเริ่มเปิดรับสมัครราวๆเดือนกุมภาพันธ์ สัมภาษณ์ราวๆปลายเดือนเมษายน และผลออกต้นเดือนพฤษภาคม (ปีนี้ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.เลย) ตอนที่สมัครทุนนี้ เราต้องสมัครทุนรัฐบาลกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ประเทศไต้หวันแยกกัน โดยเราจะสมัครที่มหาลัยไหนหลักสูตรไหนก็ได้เลย ส่วนมหาวิทยาลัยที่เราสมัครเป็นหลักสูตรอินเตอร์ ดังนั้นเราต้องใช้ IELTS ยื่นให้กับทางรัฐบาลไป แต่ถ้าหลักสูตรที่สมัครไปเป็นภาษาจีนก็ยื่น TOCFL ให้กับรัฐบาลแทน
เราไม่แน่ใจว่าปีที่ผ่านๆมาขั้นตอนเป็นยังไง แต่ปีนี้ผู้สมัครที่ผ่านรอบแรก และถูกรัฐบาลเรียกไปสัมภาษณ์มีทั้งหมด 29 คน จากนั้นจะคัดเหลือ 15 คนเป็นที่ได้รับทุน และ มีผู้ที่ได้รับสิทธิ์สำรองบ้าง พี่เจ้าหน้าที่ที่นี่น่ารักมาก ประสานงานให้ข้อมูล และความช่วยเหลือทุกคนเป็นอย่างดี ตอนที่รอสัมภาษณ์ พี่เจ้าหน้าที่ที่น่ารักก็บอกเราว่าให้ทำใจนิดนึง รัฐบาลจะพิจารณาป.โท-เอก เป็น priority มากกว่าเพราะว่า น.ศ. ป.โท-เอก ทำ Research ได้มากกว่า แล้วก็มีวุฒิภาวะที่ดีกว่า ที่ผ่านมาไม่มีนักศึกษาป.ตรีได้รับทุนมาหลายปีแล้ว และทั้ง 29 คนที่ได้ไปสัมภาษณ์อ่ะ มีแค่เรากับอีกคนเองที่สมัครป.ตรีไป นอกนั้นป.โท-เอกหมดเลย ตอนนั้นใจแฟบหมดเลย และก็ถึงบางอ้อว่า ทำไมเราถึงหารีวิวทุนรัฐบาลไต้หวันสำหรับป.ตรี ไม่เจอเลย ในห้องสัมภาษณ์ โต๊ะสัมภาษณ์จะเป็น U shape กรรมการจะมีทั้งหมด 3 ท่าน ทุกท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก อย่างแรกก็เหมือนกับสอบสัมภาษณ์ทุกที่ คือให้แนะนำตัวเอง ส่วนรายละเอียดคำถามต่อไป จะขึ้นอยู่กับเรื่องที่เราแนะนำตัว ส่วนใหญ่เป็นการพูดคุย ดูทัศนคติ ความคิด หรือเรื่องที่เราเขียนใน SOP ในรายละเอียดแตกต่างกันไป แล้วแต่แต่ละบุคคล
กลับมาเรื่องเอกสาร อาจจะมีเปลี่ยนแปลงบ้าง ของปีเราก็ไม่เหมือนของปีที่แล้ว เช่น ไม่ต้องลงตรารับรองเอกสารจากกงสุลแล้ว เพราะฉะนั้นเราว่าต้องคอยเช็คดูในปีที่จะยื่นขอทุนของปีนั้นๆ แต่หลักๆก็คือต้องมี Recommendation letters, Transcript, IELTS/TOEFL/TOCFL, Statement of Purpose (SOP), และ Enrollment ซึ่งคะแนนทุกอย่างยิ่งสูง ยิ่งดีค่ะ ^_^
เพิ่มเติมอีกนิดนึง ปีนี้มหาลัยอันดับหนึ่งของไต้หวันหรือ NTU น่ะ ของป.ตรีมีแค่ที่เรียน English Literature อะไรสักอย่างที่เป็น Program taught in English นะคะ นอกนั้นสอนเป็นภาษาจีน 555 หวังว่าปีต่อๆไปจะเปิดโปรแกรมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นนะ
ที่เราเลือกไปประเทศไต้หวันเพราะอยากจะออกไปเปิดทัศนคติกับโลกข้างนอกดูบ้าง ไปเห็นหลายๆอย่างที่บ้านเรายังไม่มี และไหนๆโอกาสก็มาแล้ว รวมถึงประเทศไต้หวันก็เป็นประเทศที่ ปลอดภัย มีธรรมชาติที่งดงาม อาหารอร่อย ผู้คนเป็นมิตร และส่วนใหญ่พูดอังกฤษได้ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันก็พอๆกับไทยไม่ต้องคิดค่าเงินให้ยุ่งยาก อีกทั้งไต้หวันอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยเลย นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเรียนรู้ซึมซับภาษาจีนไปด้วย
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณกรรมการทุกท่าน ขอบคุณคุณนพรัตน์ อัศวเมตต์ที่คอยดูแลเรื่องทุนนี้ตลอดกระบวนการ ขอบคุณทุกๆโอกาส ขอบคุณทุกๆกำลังใจ ขอบคุณทุกๆความรัก และความกรุณาที่มีให้ ขอบคุณทุกๆปัญหาที่มีมาให้ลับคมมีดเสมอ ขอบคุณทุกๆแรงกดดันที่ทำให้แข็งแกร่ง และท้ายสุดขอบคุณคุณแม่ที่รักและเคารพที่ยืนเคียงข้างและสนับสนุนด้วยความรักเสมอมา ขอบคุณทุกคนในครอบครัว ตลอดจนอาจารย์ทุกท่านที่ไม่สามารถกล่าวถึงได้หมด รวมถึงผู้ใหญ่ใจดีที่รักเมตตาปราณีหนูด้วยดีเสมอมา และเพื่อนๆที่รักทุกคนของเรานะจ๊ะ
8 ความคิดเห็น
ได้คะแนนielts ประมาณเท่าไหร่คะ
ยื่นไป 6.5 ค่ะ แต่ทุนเขาพิจารณาอย่างอื่นด้วยนะ ไม่ได้ดูแค่ IELTS อย่างเดียว
อยากสอบถามว่าอันนี้ตอนนสมัครต้องส่งเอกสารไปให้มหาลัยด้วยไหมคะ หรือส่งไปที่สถานฑูตอย่างเดียว
ตอนที่สมัครทุนนี้ เราต้องสมัครทุนรัฐบาลกับสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ประเทศไต้หวันแยกกันค่ะ
ขอcontacts พี่หน่อยได้ไหมคะอยากถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนอะค่ะ
ส่งข้อความไปได้ที่ https://www.facebook.com/NTUSTThai/ ได้เลยค่ะ พี่เป็นแอดมินอยู่
แสดงว่าทุน ป.ตรี มีโอกาสน้อยมากสิคะ
แล้วใช้เกรดเฉลี่ย เท่าไหร่คะที่ใช้ยื่น
ส่วนตัวยื่นไป 3.99 ค่ะ
จำเป็นต้องยื่นถึงสองมหาวิทยาลัยเลยไหมค่ะ พอดีตอนนี้มีหลักสูตรกับหมาวิทยาลัยที่สนใจในใจที่เดียวน่ะค่ะ
ยื่นของป.ไหนไปครับ
สวัสดีค่ะพี่ หนูขอสอบถามเพิ่มเติมนะคะ ถ้าเราติดทุนแล้ว คือตอนเราเลือกคณะน่ะค่ะ จะเลือกคณะไหนมหาลัยอะไรก็ได้เลยหรอคะ
อยากสอบถามค่ะว่าเมื่อเราได้ทุนแล้วเราต้องรักษาเกรดให้ไม่ต่ำกว่า80%ด้วยใช่มั้ยคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?