Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ปรึกษาเรื่องการแต่งนิยายหลายเรื่องโดยมีการโยงกันเป็นจักรวาล

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
    สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นผมต้องขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นนักเขียนหน้าใหม่อยู่ ตอนนี้กำลังเขียนนิยายอยู่หนึ่งเรื่อง แต่งมาได้ 20 กว่าตอนแล้ว ลงสัปดาห์ละตอน

    ทีนี้เข้าประเด็นครับ ตามหัวข้อเลยครับ คือผมต้องเกริ่นก่อนนะครับว่าเรื่องที่ผมอยากจะเขียนนิยายโดยที่ให้มันเชื่อมโยงกันเป็นจักรวาลเดียวกันผมไม่ได้เพิ่งมาคิดนะครับ คือผมคิดมาก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนนิยายซะอีก ในตอนแรกผมแค่คิดเนื้อเรื่องไว้ในหัวเฉยๆ ไม่ได้คิดจะเอามาเขียนนิยายหรอก แต่อยู่ๆผมก็นึกสนุกอยากจะลองแต่งเล่นๆดู ไปๆมาๆกลายเป็นแต่งไปซะเป็นเรื่องเป็นราวซะแล้ว ทีนี้ในเมื่อดูเหมือนจะเขียนเรื่อยๆเป็นงานอดิเรกไปแล้ว ผมก็เลยคิดกลับไปถึงจุดแรกเริ่มที่ว่าอยากลองเขียนให้เป็นจักรวาล แต่สิ่งที่ผมคิดคือคนที่ตามอ่านเรื่องนึงอยู่เขาจะไปตามอ่านอีกเรื่องนึงมั้ย เพราะว่าปมปริศนาบางเรื่องมันจะถูกเปิดเผยในนิยายอีกเรื่อง(ก็มันอยู่จักรวาลเดียวกันนี่นะ) แถมฉากจบหรืออีเว้นต์ใหญ่ๆมันก็ต้องเอาตัวเอกของแต่ละเรื่องมาเจอกันด้วย 


    สิ่งที่ผมอยากปรึกษาเพื่อนๆก็คือ......

ผมควรจะแต่งนิยายเรื่องอื่นที่อยู่ในจักรวาลเดียวกันกับเรื่องที่ผมแต่งอยู่ในตอนนี้หรือเปล่าครับ หรือควรจับเอาเรื่องสำคัญที่จำเป็นในการดำเนินเรื่องจากเรื่องอื่นเอาไว้ แล้วเอามาเคลียประเด็นให้ได้ในเรื่องเดียว ประมาณว่าจบแค่เรื่องเดียวอ่ะครับ(ซึ่งค่อนข้างจะยากสำหรับผม เพราะต้องคิดหลายๆฉากใหม่)...........ประเด็นเลยคือนิยายที่ผมเขียนอยู่ตอนนี้ผมก็แอบใส่ปริศนาหรือพวก Easter Egg ที่บอกใบ้เกี่ยวกับนิยายเรื่องอื่นๆไปพอสมควรเลย คือถ้าไม่เอาเรื่องอื่นมาเขียนคนอ่านก็อาจจะงงได้ว่า....-นี่คืออะไร? จะใส่มาทำไม? อะไรประมาณนี้อ่ะครับ 


  ถามล่วงหน้าไว้ก่อนครับ ยังไงตอนนี้ผมก็ยังคงไม่แต่งเรื่องอื่นเร็วๆนี้แน่นอน ตอนนี้โฟกัสไปที่เรื่องที่แต่งอยู่ปัจจุบันเรื่องเดียว แค่อยากลองปรึกษาเอาไว้ก่อน........ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นล่วงหน้าครับ

แสดงความคิดเห็น

>

12 ความคิดเห็น

peiNing Zheng 11 มี.ค. 62 เวลา 17:16 น. 2

ใช้จักรวาลเดียวกันก็ได้ค่ะถ้าแฮปปี้


ทีนี้วางแผนแบบไหนมากกว่า 


แบบมีปมขัดแย้งใหญ่สุดแล้วแบ่งเป็นภาคเอา แบบนี้หรือเปล่า คือ มีบอสใหญ่ในจักรวาล แล้วแบ่งเป็นภาคแรก เจอลูกกะจ๊อกระดับเมือง ภาคสองเจอลูกกะจ๊อกระดับมณฑล ภาคสามระดับประเทศ ภาคสี่ระดับโลก แล้วค่อยไปตบตีกับบอสใหญ่ตัวสุดท้าย


หรือว่าไม่มีบอสใหญ่ใดๆ แค่เรื่องหนึ่ง จบในเรื่อง เรื่องสองใช้ฉากเดียวกันเฉยๆ แบบเกี่ยวข้องแค่ เรื่องแรกกับเรื่องสองเป็นคนรู้จักกัน แต่อ่านแยกได้โดยไม่ต้องอ่านเรื่องแรกก่อน


ไม่ว่าจะแบบไหน ก็อยากให้ตัดสินใจแบบนั้น ไม่อย่างนั้นมันจะไปสับสนเพราะมันคือสิ่งที่ควรวางแผนไว้แต่แรก แล้วเป็นตัวคนเขียนนั่นแหละที่จะงงเอง แล้วอาจพาเรื่องออกอ่าวเอา 


ถ้าตอนแรกเขียนแบบมีบอสใหญ่แล้วไพล่ไปเป็นแบบไม่เกี่ยวข้องกัน หรือแบบไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ไพล่ไปเป็นแบบมีบอสใหญ่ อาจทำให้จักรวาลที่อุตส่าห์สร้างล่มเอาได้ค่ะ



3
AkavajiSatoru 11 มี.ค. 62 เวลา 18:40 น. 2-1

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ของผมจะเป็นแนวแต่ละเรื่องก็มีเนื้อเรื่องแยกเป็นตัวของตัวเองเลย แต่สุดท้ายทั้งปริศนาแล้วเนื้อเรื่องของแต่ละเรื่องมันจะนำพาตัวหลักของแต่ละเรื่องมาเจอกัน ง่ายๆเลยการเจอกันมันก็คือเนื้อเรื่องหลักของแต่ละเรื่องอ่ะครับ แต่ที่กลัวคือคนอ่านจะงง ว่า-พวกนี้มันเป็นใครฟ่ะประมาณนี้อ่ะครับ5555

0
peiNing Zheng 11 มี.ค. 62 เวลา 23:01 น. 2-2

งั้นแปลว่าเข้ากับแบบแรก คือ มีบอสใหญ่รออยู่ เรื่องเล็กๆ แต่ละเรื่องมาปะติดปะต่อกันเพื่อไปเจอบอสใหญ่ในภายหลัง


เอาเป็นว่า ถ้าจะลุยแบบนั้นก็เอาเลยค่ะ อยากจะวางอะไรเพื่อภาคถัดไปก็ตามสะดวก วางแผนให้รอบคอบ ในจักรวาลที่ตัวเองสร้างขึ้นมา


แต่อยากจะบอกว่า เห็นมาหลายรายแล้วค่ะ เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ จินตนาการดี แต่กลับประเมิน Resource (เวลา เงิน ความสามารถ ฯลฯ) ของตัวเองว่ามีพอโดยที่ความเป็นจริงไม่ใช่เลย แล้วผลสุดท้าย ได้เล็กๆ มาส่วนหนึ่ง แต่ไปไม่ถึงบอสใหญ่เพราะ Resource หมดไปเสียก่อน เลยกลายเป็นเล่มเล็กๆ ที่ด้วนๆ เหลือทิ้งไว้ให้คนอ่านงงๆ ว่าคนเขียนต้องการอะไร


ไม่ได้พูดเพื่อให้หมดไฟนะคะ แต่เราจะบอกว่า หากเป็นไปได้ (เน้น ถ้าเป็นไปได้) เริ่มต้นเรื่อง ขอให้เป็นแบบเรื่องเดียวจบก่อน คือ จะใช้จักรวาลนี้ก็ได้แหละ แต่ยังไม่ต้องใส่อะไรเพื่อจะเป็น Clue ในเรื่องถัดไป เป็นเรื่องแบบเดี่ยวๆ โดดๆ ไปเลย


อย่างน้อยที่สุด ใช้เรื่องนี้ลองมือก่อนค่ะ ดูว่าเราทำอะไรได้บ้าง เราจะสามารถพัฒนาตัวเองในเรื่องอะไรได้บ้าง เราบอกได้เลยว่า บอสลูกกระจ๊อกที่สุดที่เป็นหน้าด่านในการเตะตัดขาคนเขียนมือใหม่มานักต่อนักก็คือ "การเขียนให้จบ"


หากไม่อาจข้ามผ่านด่านนี้ จะโลกหรือจักรวาลใดๆ ก็ไม่อาจไปถึงค่ะ


เพิ่งเริ่มต้น จินตนาการดีแต่มือในการประคองเนื้อเรื่องอาจจยังไม่เข้าขั้น จักรวาลอันยิ่งใหญ่ที่รักยิ่งจะถล่มลงมาเสียก่อน ซึ่งแบบนั้นมันน่าเสียดาย หากรักโปรเจ็กต์นี้ เรามองว่าฝึกกำลังภายในให้กล้าแข็งก่อนที่จะไปลุยกับโปรเจ็กต์ยักษ์นี้ค่ะ


แต่สุดท้ายแล้ว ก็คงแล้วแต่คนเขียนเองว่าจะยังไง เราแค่แนะนำในสิ่งที่เราเคยเห็นมา ตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่เลยค่ะ

0
ELVHA 11 มี.ค. 62 เวลา 23:23 น. 2-3

ก็อย่างที่ผมเคยบอกไปในหลาย ๆ กระทู้น่ะนะ


ว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนลงมือเขียน


ให้เวลากับการวางแผนและออกแบบให้มากพอเสียก่อน


จนทุกอย่างในจักรวาลแน่ใจแล้วว่าลงตัวแล้วจริง ๆ


นั่นแหละ ถึงค่อยลงมือเขียน


คนที่เอะอะก็จะเขียนท่าเดียว ก็แค่ความอดทนต่ำ


ไม่ให้ความอดทนกับเวลามากพอ แล้วเรื่องมันจะออกมาดีไปได้อย่างไร



0
11 มี.ค. 62 เวลา 17:19 น. 3
https://writer.dek-d.com/i-o-no-mo-lo-vo-/writer/view.php?id=1915273



เอาของเราไปลองดูก็ได้ ของเราก็คล้าย ๆ แบบนี้ เป็นการเอาตัวประกอบอีกเรื่องนึงมาเป็นนางเอกดำเนินเรื่องนี้ ที่เป็นการย้ายมาโลกใหม่เลยล่ะ คือถ้าอ่านอีกเรื่องของเราจะรู้ได้ทันที ว่านางเอกเรื่องนี้นางเป็นใครมาก่อน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านเรื่องนั้นก็ไม่ใช้ปัญหาที่จะเรียนรู้จักนางเอกของเราใหม่ตั้งแต่ต้น


เราว่าไม่ควรโยงปมข้ามจักรวาลนะ แต่ถ้าเป็นการเผยปมของอีกเรื่องเลยคนอ่านจะเข้าใจง่ายกว่าหรือไม่ติดใจอะไรด้วย ในเรื่องนี้เราจะกล่าวถึงตัวละคร หรือสปอยเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นของอีกเรื่องมากว่า


คือเราก็หน้าใหม่เหมือนกัน และก็ไม่ได้เด่นดังอะไรที่จะมีคนติดตามเยอะขนาดที่จะไล่อ่านงานเขียนของเราทุกอย่าง เราก็เลยไม่เลยเขียนแบบไม่โยงปมไปโลกเก่าของนางเอกอะนะ และให้คนอ่านสนใจกับจักรวาลปัจจุบันมากกว่า -,,-

0
666''' 11 มี.ค. 62 เวลา 17:41 น. 4

ผมก็เขียนแบบหลายเรื่องในจักรวาลเดียวกันครับ


คำตอบสำหรับคำถาม '...ผมควรจะแต่งนิยายเรื่องอื่นที่อยู่ในจักรวาลเดียวกันกับเรื่องที่ผมแต่งอยู่ในตอนนี้หรือเปล่าครับ'

: ควรครับ...ตัวอย่าง แฮรี่ พอตเตอร์ ได้แรงบันดาลใจมาจาก The Worst Witch (แต่ได้แรงบันดาลใจมาระดับไหนไปหาดูเอานะครับ) ที่ยกตัวอย่างนี่คือจะบอกว่า ถ้าเราอุตส่าห์ลงทุนสร้างโลกขึ้นมาเอง ก็ควรจะใช้ให้คุ้ม เพราะถ้ามีคน 'ยืม' เอาโลกที่คุณสร้างไปใช้บางส่วน(บางกรณีก็ทั้งดุ้น) 'โดยไม่บอกว่าเขายืมของคุณไป...หรือมโนว่าเขาสร้างเอง' และปรับปรุงดัดแปลงนิดหน่อยมันอาจจะทำให้คุณรู้สึก 'หัวร้อนได้' ยิ่งถ้า 'ฉบับก๊อปปี้' ดันปังกว่า 'ต้นฉบับ'


'...ควรจับเอาเรื่องสำคัญที่จำเป็นในการดำเนินเรื่องจากเรื่องอื่นเอาไว้ แล้วเอามาเคลียประเด็นให้ได้ในเรื่องเดียว ประมาณว่าจบแค่เรื่องเดียวอ่ะครับ'

ตอบ : คุณต้องเข้าใจเรื่องสำคัญประการหนึ่งก่อน 'คำว่า...ประเด็นหลัก' กับ 'คำว่า...ประเด็นแยก' ประเด็นหลักสมควรจะมีเพียง 'หนึ่ง' และคุณต้องเคลียร์ประเด็นที่ว่านั้นให้จบในเรื่องเดียว(แต่จะจบในกี่เล่มกี่ภาคก็ค่อยว่ากันไป) ส่วนประเด็นแยก(ถ้ามันน่าสนใจมากพอ) คุณสามารถเอามาสร้างเป็นประเด็นหลัก 'ในเรื่องใหม่' ได้ โดยสรุป...ประเด็นสำคัญหลักหนึ่งประเด็น ต่อเรื่องหนึ่งเรื่อง ถ้าอยากทำภาคแยกก็ค่อยแยกออกไป แต่อย่าโยนประเด็นสำคัญหลัก(ของเรื่องนั้น ๆ)ไปเฉลยเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที


'...ผมก็แอบใส่ปริศนาหรือพวก Easter Egg ที่บอกใบ้เกี่ยวกับนิยายเรื่องอื่นๆไปพอสมควรเลย'

ตอบ : Easter Egg คือการ 'ซ่อน' ไม่ใช่การ 'แสดงจุดเชื่อมให้เห็นเด่นชัด' ถ้าคุณเข้าใจความหมายของคำว่า 'ซ่อน' มันก็จะไม่เป็นปัญหาอะไรเลยครับ



1
AkavajiSatoru 11 มี.ค. 62 เวลา 18:50 น. 4-1

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ได้รู้อะไรเพิ่มเยอะเลย เรื่องประเด็นหลักที่ผมบอกคืออารมณ์เหมือนประมาณแบบว่า ในท้ายที่สุดทุกๆเรื่องจะมาเจอกันแล้วการเจอกันครั้งนั้นก็จะเเต่งเป็นอีกเรื่องนึงเหมือนกับเป็นบทสรุปของทุกเรื่องอ่ะครับ ส่วนเรื่อง Esater Egg ที่ผมบอก ผมใส่ประมาณแบบเป็นแค่คำพูดธรรมดาๆของตัวละครเลยครับ คือถ้าไม่ได้คิดอะไรมันก็แค่คำพูดธรรมดาๆเฉยๆ แบบนี้มันจะเรียกว่าซ่อนหรือเปล่าเนี่ย 55555

0
white cane 11 มี.ค. 62 เวลา 17:48 น. 6

เอาตามตรงเลยนะครับ นิยายที่มีแยกเป็นเรื่องอื่นด้วย อันนี้มันควรทำให้ปมของเรื่องจบในเรื่องของมัน ไม่ใช่ทำ "แยกไปจบอีกเรื่องหนึ่ง" เพราะมันจะไม่ต่างจากอ่านไม่จบ อย่าไปทำเหมือนกับการ์ตูนทางทีวีบางเรื่อง ตอนเป็นตอนๆ ไม่จบ แต่บังคับให้ไปดูที่ภาพยนตร์แทน มันจะให้อารมณ์อย่างนั้น


ส่วนเรื่องการโยงใยตัวละคร ถ้าหากตัวละครจากเรื่องอื่นโผล่มา ควรอธิบายความเป็นไปของตัวละครนี้เล็กน้อยให้ผู้อ่านทราบ เหมือนการเกริ่นล่วงหน้า แต่ถ้าต้องการเจาะรายละเอียดลึกกว่านี้ก็เชิญไปอ่านต่ออีกเรื่องแทน เป็นต้น ซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ แต่ส่วนใหญ่ผมจะเขียนไว้ที่ส่วนข้อมูลของเรื่อง บอกกับนักอ่านว่า นิยายเรื่องนี้มีเรื่องแยกอื่นด้วย เชิญไปติดตามอ่านต่อได้เลย ทำคล้ายๆ หนังของค่ายมาเว็ว ที่ตอนท้ายของเรื่องมักจะมีฉากหนึ่งเอาเรื่องอื่นมาโฆษณาด้วย มันเป็นการทำการตลาดได้อย่างดีครับ

0
玉兰 (Alis) 11 มี.ค. 62 เวลา 17:53 น. 7

นิยายลักษณะแบบนี้ ก็ไม่ต่างจากนิยายที่เขียนเป็นซีรี่ย์ จำเป็นต้องมีจุดบรรจบและเชื่อมโยงถึงกัน แบบเรื่องต่อเรื่อง และต้องมีปมที่ดึงดูดมากพอที่จะทำให้คนอ่านเรื่องแรกหันไปสนใจเรื่องถัดไปด้วย อีกอย่างที่จะขาดไม่ได้ก็คือความแม่นยำของเวลา ถ้ามั่นใจว่าทำได้ก็ลงมือเลยค่ะ

0
yurinohanakotoba 11 มี.ค. 62 เวลา 18:28 น. 8

ทำเรื่องที่เขียนอยู่ในดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจว่ามันไปเชื่อมกับเรื่องอื่นอย่างไร ทำเส้นเรื่องให้ชัดเจนที่สุดไม่ต้องสนใจการเชื่อมโยงกับเรื่องอื่น ถ้าไทมไลน์คุณแม่นยำ เส้นเรื่องคุณชัดเจน มันก็เชื่อมโยงกันเองโดยไม่ต้องไปบอกคนอ่าน จะบอกให้ว่า มันน่าขนลุกมากเวลาคนเขียนพยายามเขียนบอกว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้เชื่อมกัน

คือมันขนลุกแบบน่าขยะแขยงนะ


บอกไว้เพราะคนเขียนมักจะคิดว่ามันโคตรเท่ห์

1
ว้าว 11 มี.ค. 62 เวลา 21:05 น. 8-1

เห็นด้วยที่บอกว่าควรสนใจเขียนเส้นเรื่องให้ดีก่อน แต่ผมว่าการโยงจักรวาลไม่ใช่อะไรที่ดูน่าเกลียดน่าขนลุกอะไรขนาดนั้น...................ถ้า...เขียนได้ดีพอแล้วไม่ wanna be จนเนื้อเรื่องเสีย(-แบบนั้นแหละจะน่าขนลุกอย่างที่บอกจริงๆ)

0
ELVHA 11 มี.ค. 62 เวลา 19:04 น. 9

ผมมีโปรเจ็คต์นิยายอยู่ 30-40 เรื่อง


และเกือบทั้งหมดนี้เชื่อมโยงอยู่ในจักรวาลเดียวกัน


โดยที่ส่วนมากจะเชื่อมโยงกันอยู่บน "Timeline"


เพียงแต่


จะมีนิยายเรื่องหนึ่งที่เหมือนกับเป็น "เวทียำใหญ่"


ที่เรื่องราว ปม พล๊อต ตัวละคร จากเรื่องอื่น ๆ เหมือนถูกปั่นลงมารวมกันเพื่อเดินเรื่องราวไปสู่บั้นปลาย จุดหมาย ปลายทาง


และเรื่องที่ว่านี้ ลองกะดูแล้ว ต้องทำเป็นไตรภาคใหญ่ ๆ ที่มีจำนวนเล่มหลายสิบเล่มมาก




เอาแต่พูดเรืองตัวเองอย่างเดียวเลยแฮะ


เอาเป็นว่า


ถ้ามีอะไรสงสัยอยากปรึกษาหรือสอบถาม


ในฐานะคนที่สร้างจักรวาลขนาดใหญ่ของตัวเอง


ก็มาสอบถามผมได้ครับ


เพียงแต่ ผมมักจะอยู่ในเฟสเป็นหลักน่ะนะ

1
AkavajiSatoru 11 มี.ค. 62 เวลา 19:50 น. 9-1

ของผมที่คิดไว้ก็คล้ายๆแนวของคุณแหละครับ มีเรื่องนึงที่จะยำทุกๆเรื่อง แต่ของผมคงมีแค่ 3-4 เรื่อง แล้วเรื่องรวมอีก 1 เรื่อง เท่าที่คิดเอาไว้นะครับ

0
np2l_studiononma 12 มี.ค. 62 เวลา 00:21 น. 10

ผมก็เขียนแนวๆนี้ครับ แต่ไม่ได้มีจักรวาลเดียว มีจักรวาลหลักจักรวาลคู่ขนานด้วย

คือ-ระบบนี้ผมก็หยิบมาจากคอมิกมาร์เวลหรือดีซีนั่นล่ะครับ ที่มีหลายจักรวาลเนื้อหา แต่ละจักรวาลก็จะมีลำดับเหตุการณ์กำกับรวมไว้เลย เหมือนไดอารี่ ในนั้นจะมีงอกเป็นนิยายกี่เรื่อง แต่ละเรื่องมีกี่ภาคก็จัดไปเลย ส่วนจะเขียนเมื่อไหร่ก็ตามสะดวก แต่ที่ลงไว้ในเด็กดี ผมเขียนแบบเล่มเดียวจบมากกว่า มีเรื่องเดียวที่ผมแบ่งภาคเพราะเนื้อเรื่องมันยาวมากจริงๆ เลยต้องได้แบ่งภาค

แล้วก็เขียนพวกผังความสัมพันธ์ของตัวละครไว้ด้วย

อย่างนิยายที่ผมลงไว้ในเด็กดี ผมก็จะระบุไว้ให้ทราบในหน้าข้อมูลเรื่องแล้วว่าเป็นเนื้อเรื่องในจักวาลไหน เช่นจักรวาลหลัก มีอยู่ 3 เรื่องแล้ว แต่ละเรื่องก็มีแนวเรื่องต่างกัน (แอ็กชั่นแฟนตาซี, รักวัยมหาลัย, รักวัยมัธยม) เกิดขึ้นคนละเวลา พล็อตเรื่องตีมเรื่องก็คนละอัน แค่ตัวละครในแต่ละเรื่องรู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน เป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้อง แล้วจะอ่านเรื่องไหนก่อนก็ได้ หรือจะอ่านแบบตามลำดับเวลาเหตุการณ์ก็ได้ ซึ่งถ้าอ่านทุกเรื่องก็จะเห็นภาพรวมของจักรวาลนี้ครับ ว่าเริ่มต้นมายังไงและจะจบยังไง ซึ่งที่คิดไว้มันก็มีหลายเรื่องเหมือนกันที่รอเขียนอยู่

และมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ลงไว้ที่เป็นเรื่องในจักรวาลคู่ขนาน ในเรื่องก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวละครจากจักรวาลอื่นๆ มาพบกันและร่วมผจญภัยไปด้วยกัน

มันทำให้ผมแตกเส้นเรื่องของจักรวาลคู่ขนานเพิ่มได้อีกตามตัวละครใหม่ๆที่มาจากจักรวาลคู่ขนานต่างๆ

เช่น ตอนนี้ผมกำลังเขียนเรื่องใหม่ที่เป็นเนื้อเรื่องในจักรวาลคู่ขนานแห่งใหม่อยู่ครับ ก็จะมีตัวละครจากจักรวาลหลักโผล่มาแจมบ้าง หรือถูกพูดถึงในเรื่องบ้าง รวมทั้งตัวละครในจักรวาลอื่นๆ ด้วย ตามผลกระทบที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องของนิยายจากจักรวาลคู่ขนานเรื่องก่อน และถ้าเขียนจบผมก็จะหยิบพล็อตนิยายในจักรวาลหลักมาเขียนเป็นเรื่องต่อไปครับ เขียนเรื่องนี้ให้จบนะครับ เพื่อที่มันจะได้เป็นหลักเป็นธงหรือจุดเริ่มต้นของจักรวาลงานเขียนของเราต่อไป

เป็นกำลังใจให้นะครับ (ยิ้ม)

0
ชนุ่น 12 มี.ค. 62 เวลา 08:18 น. 11

อันนี้ถ้าเทคนิคที่ง่ายสุด ๆ ก็คือใช้ตัวละครเอกเป็นตัวร่วมในแต่ละจักรวาลครับ แต่ให้โครงเรื่องแต่ละตอนต่างกันไปบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ คล้ายเป็นนิทานผจญภัยคือเปลี่ยนฉากแต่ไม่เปลี่ยนตัวละคร


หรือถ้าให้เป็นอีสเตอร์เอ้ก อาจจะเอาตัวละครจากเรื่องก่อน ๆ มาใส่เนียน ๆ หรืออาจจะองค์ประกอบบางอย่างในนิยายเรื่องก่อนแล้วเอามาใส่ในเรื่องปัจจุบันก็ได้ครับ เช่นว่าร้านอาหารเอย โรงเรียนเอย อันนี้จะเหาะกับเวลาเราเบื่อ ๆ หรืออยากให้คนอ่านตามอ่านเรื่องอื่น ๆ ของเราบ้าง ใส่อีสเตอร์เอ้กแบบนี้ในช่วงหลัก ๆ ก็จะทำให้น่าสนใจขึ้นมากครับ เหมือนอ่านหนังสือปรัชญาแล้วต้องอ่านชีวประวัติของนักปราชญ์นั่นแหละ (ใช่เหรอ 555)


อีกอันหนึ่งที่เขาชอบทำกันมากเวลาเขียนภาคต่อคือเขียนอีกเรื่องโดยใช้ตัวละครคนละชุด แต่มีช่วงเวลาเดียวกันกับเรื่องก่อนหน้าครับ สมมุติในช่วงสงครามเราก็อาจจะเขียนเล่าทั้งฝั่งของทหารและผู้อพยพ และอาจจะให้มาประจบกันหรือไม่ก็ได้ครับ

0