Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ชีวิตการโดนบูลลี่ในมัธยม จนมีภาวะซึมเศร้า

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนอื่นขอบอกว่า การบูลลี่คนอื่น ไม่ว่าจะเป็น social  cyber physical verbal มันแย่มากนะคะ คุณอาจจะฆ่าคนได้เลยนะ ถ้าเขาผ่านมันไปไม่ได้ แต่การที่เขาไม่ตายก็ไม่ได้แปลว่าจะบูลลี่ต่อไปได้นะคะ พูดแค่นี้คนที่มีความคิดแต่จิตสำนึกจะเข้าใจนะ 

เราขอไม่บอกชื่อเราและชื่อโรงเรียนนะคะ 
เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนม.4ค่ะ อันนี้คือช่วงที่เรารับรู้เรื่องนี้นะคะ ไม่รู้ว่าเขาทำมาก่อนหน้านี้แต่เราไม่รู้ตัวรึเปล่า ตอนนี้ขึ้นม.5 เรากล้าพูดว่าตอนนั้นเราโลกสวยจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าไม่พูดหยาบอะไรแบบนี้นะคะ แต่เราเฟรนลี่กับทุกคนมากๆ สมมติเขามาถามเรา เราก็จะตอบและแนะนำขำด้วย พยายามพูดด้วย และคิดว่าเขาจะไม่คิดอะไร 
ถ้าหน้าตา บุคลิก ท่าทาง เราดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่555
การโพสต์ เราก็มีแชร์เพลงโพสต์ฮาๆบ้าง แต่ช่วงนั้นเราชอบโพสต์เกี่ยวกับการเรียนมากๆ ว่าเราเหนื่อย ซึ่งเราเหนื่อยจริงๆนะ เราเล่าให้ใครฟังไม่ได้เราก็จะโพสต์ลงเฟส  แต่ส่วนมากที่ระบายก็เรื่องเรียนนี่แหละค่ะ ทุกอย่างที่ว่ามานั่นแหละค่ะเราว่าน่าจะคือสิ่งที่ทำคนหลายๆคนไม่ชอบ ทำไมเราถึงมั่นใจ เพราะว่าคนเหล่านี้เราแทบจะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเลย ไม่เคยใช้ชีวิตทำกิจกรรมด้วยกันเลย อย่างมากแค่พูดด้วย ตอนแรกที่เรารู้ว่ามีคนไม่ชอบเรา แต่คิดมันปกติ ธรรมดาของคน แต่พอหลังๆเรารู้ว่ามันเยอะมาก ทำเรารู้สึกโคตรแย่ มันแย่ตรงที่หลายๆคนที่เรารู้สึกรักรู้สึกชื่นชอบในตัวเขา เช่นคนนี้สวยดี  คนนี้ดูเก่งดีนะ แล้วพวกเขาก็ไม่ชอบเรา แม้กระทั่งแบบรุ่นพี่อะเขาก็มาบอกให้คนรู้จักเราฟังว่าเขาไม่ชอบเรา ตอนนั้นรู้สึกหนักๆอะค่ะ เหมือนวางอะไรหนักๆไว้บนหัวอะ ในหัวมีแต่คำว่าทำไม ทำไมเขาเกลียดเราวะ ทำไมเป็นงี้วะ การบูลลี่ที่เราโดนคือเราจะทำอะไรต้องมีสายตามองแรงๆ มีเสียงแซะตามหลัง โพสต์แขวะเรา ตั้งฉายาแย่ๆให้เราเรียกกันสนุกปาก ที่เรารู้เพราะมีน้องที่รู้จักทั้งเราและอีกฝั่งนึงคอยมาเล่าให้ฟัง และมีเฮทเตอร์มาใหม่ๆเรื่อยๆตลอดเวลาจนถึงตอนนี้ แจ็คพอทคือคนที่เขาไม่ชอบเรากลุ่มแรกเลยสังคมเขากว้างขวางดีจัง ทุกคนที่เป็นเฮทเตอร์ เราไม่รู้จักจริงๆ อย่างมากก็รู้ชื่อ หรือคุยด้วย2-3คำ บางคนหนักเลยคือไม่เคยพูดด้วยซักคำด้วยซ้ำ เรากลับมาร้องไห้ที่บ้านในห้องคนเดียวทุกวัน ข้าวไม่กิน เกรดเราแย่ อยากนอนเยอะๆ ไม่อยากไปโรงเรียน อยู่กะเพื่อนก็หัวเราะได้นะคะปกติ แต่อยู่คนเดียวไม่ได้เลย ช่วงนั้นเราโทษตัวเองว่าเราเองที่ผิดรึเปล่า เราทำอะไรน่าหมั่นไส้รึเปล่า แต่เราก็แอบคิดว่าแล้วเราผิดถึงขนาดนั้นเลยหรอ ขนาดที่เขาต้องมาทำลายชีวิตเราด้วยคำพูด สายตา ตัวอักษร บางทีก็ทำเหมือนไม่แคร์แล้วนะ แล้วก็กลับมาคิดอีก ผ่านไปไม่ได้ เรามีเพื่อนๆพี่ๆน้องที่ดีกะเราเยอะนะคะ แต่คำพูดบางคำที่พยายามให้กำลังใจเราก็ขอบคุณในความหวังดีจริงๆ แต่ว่ามันช่วยเราไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนึกถึงคนที่แย่กว่าสิ อะไรแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกผิด รู้สึกว่าเรื่องของเรามัน"เรื่องแค่นี้"ทำไมเราอ่อนแอจังวะและเราก็จะ down กว่าเดิม เพราะเราก็รู้ว่าจิตใจคนเรามันมีความเปราะบางต่างกัน
ตอนนี้เราดีขึ้นค่ะ ไม่เก็บมาร้องไห้เหมือนแต่ก่อน แต่มีอาการใจสั่น กังวล สมาธิไม่ดี เวลาที่เราต้องมารู้ว่าคนพวกนี้ว่าอะไรเราบ้าง เราในตอนนี้ กลายเป็นคนขี้ระแวง ไม่ไว้ใจคนอื่น ขี้น้อยใจมาก ร้องไห้ง่ายมาก หงุดหงิดง่าย เริ่มเข้าสังคมน้อยลง อยากอยู่คนเดียวมากขึ้น ทั้งที่แต่ก่อนเราสดใสกว่านี้เยอะเลย เราตอบโต้ไป1ครั้งโดยการโพสต์ให้เห็นโดยทั่วกันว่า ทำไมการที่เราไม่ชอบคนๆนึง ต้องไปตามดูชีวิตเขา ดูแล้วก็ไม่ชอบ แต่ก็ตามดู ทำไปเพื่ออะไรมันไม่ดูเป็นคนผิดปกติไปหน่อยหรอ ก็ไม่รู้ว่าเขารับรู้มั้ย ผ่านไปไม่นาน เราก็ทำการอันเฟรนด์ทุกคนที่เรารู้ออกให้หมด เราไม่อยากรับรู้อะไรอีก ก็ยังมีมาตามดูสตอรี่เราบ้าง เราก็ปิดเป็น Private นี่แหละค่ะ ประสบการณ์ที่เราเจอ ยาวหน่อยนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

สุกิต 15 มี.ค. 62 เวลา 11:11 น. 1

เออ หนูใช้ชีวิตติดโซเชียลไปหน่อยนะ


นั่นอะปัญหา คือ ถ้าเราปรึกษากับ "ส่วนรวม" (พูดลอย ๆ ในโซเชียลอะ)

เราจะได้ทั้งก้อนอิฐ และ ดอกไม้ แต่ส่วนใหญ่จะก้อนอิฐ


เพราะเวลาเรามีปัญหาสภาพจิตใจ สิ่งที่เราโพสต์

จะเป็นด้านลบ คนที่มาอ่าน ก็จะรู้สึกตงิด ๆ แล้วก็ไม่สบอารมณ์

ยกเว้นคนที่จิตใจดี หรือ กำลังอารมณ์ดี อันนั้นจะไม่ส่งผลอยู่แล้ว


น้าแนะนำว่า อยู่ห่างโซเชียลหน่อยเหอะ

มันลำบากที่จะต้อง ไปคอยเหลือบ ๆ ว่าใครจะแซะเราอีกไหม

แล้วมันก็จะพาลมาลงที่ชีวิตจริงด้วย


อีกอย่างคือ ในเวลาพบปะผู้คนจริง ๆ

มันจะมีคนไม่ชอบหน้า เหน็บแนมบ้าง

ต้องมีอยู่แล้ว เพราะถ้าเรากำลังอารมณ์ขุ่นมัว

สีหน้าเราจะออกเลย ว่าเรากำลังหงุดหงิด

ซึ่งก็อีกอะ จะทำให้คนเห็นไม่พอใจ


ธรรมดามาก น้าเจอประจำล่ะ เพราะน้า

เป็นประเภทคนไม่เอาสังคม น้าก็รับสภาพ

เหมือนกัน คนหัวเราะคิก ๆ เวลาเดินผ่าน

หรือเหน็บแนม มันก็ไม่น่าอภิรมย์นักหรอก

แต่มันก็ต้องเป็นแบบนั้น ไม่เป็นคงแปลกกว่า


แต่น้าทำใจได้นะ เพราะน้าก็บอกอยู่แล้ว

ว่าตัวเองไม่เอาสังคม ก็เลยไม่แคร์

แต่หนูแคร์ แสดงว่ายังเอาสังคมอยู่

ซึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก หนูไม่ผิดปกติหรอก

น้าสิผิดปกติ


เวลามีเรื่องเครียด สิ่งที่ดีที่สุด คือปลีกตัว

จากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เครียด และความคาดหวัง

ว่าจะไม่เจอกับมันอีก คือการหลอกตัวเอง

อย่าไปคาดหวัง แต่ให้ทำใจให้สบาย

เพราะเวลาเราใจสบาย หน้าตาเราจะดู

สดใส คนเห็นก็ไม่เหม็นหน้า หรืออีกที

ก็อย่าใส่ใจอะไรให้มากเลย


คนเกลียด มันมีกันทุกคนล่ะ พระอรหันต์ยังมีเลย

ประสาอะไรกับคนธรรมดา รับให้ได้แค่นั้น

คนจิตใจแข็งแกร่ง อยู่กับความทุกข์ได้เสมอล่ะ

คนที่ไม่ทุกข์เลย มันไม่มีในโลกซะด้วย

1
malaysia1001 15 มี.ค. 62 เวลา 21:41 น. 1-1

ขอบคุณมากนะคะ หนูยอมรับเลยว่าตอนนั้นเป็นอย่างที่ว่าจริงๆแหละค่ะ ตอนนี้หนูก็ยอมรับว่าก็ยังติดโซเชียลอยู่บ้าง555 แต่ว่า เริ่มโพสต์ แชร์อะไรหลายๆอย่างแบบมีสติมากขึ้นแล้วค่ะ ก็มีแค่พวกโพสต์ขำๆ ตลกๆทั่วไป ถ้าเหนื่อย ท้อ ผิดหวัง หนูก็ไม่ลงโซเชียลแล้ว พูดจากใจเลยว่าไม่ใช่หนูกลัวจะมีคนเกลียดหนูอีกนะ แต่หนูรู้สึกว่าโพสต์ไป มีคนเห็น แต่ทุกคนก็แค่เห็น มันไม่ได้ช่วยเยียวยาเราได้จริง อย่างมากก็แค่โล่งขึ้น หนูก็พยายามหาทางไปจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

7878978787 15 มี.ค. 62 เวลา 16:05 น. 2-1

ไม่ได้จะไรนะแต่แบบ ยอมรับอย่างหน้าซื่อตาใสว่าบูลลี่คนอื่น...มันใช่เหรอ? ยอมรับนะว่าโลกสวย แต่เคยรู้บ้างมั้ยว่าการกระทำของพวกคุณ ๆ ที่บูลลี่คนอื่นน่ะ มันบั่นทอนคน ๆ นึงไปเท่าไหร่แล้ว

0
A.R.M.Y.ผู้น่ารัก 18 มี.ค. 62 เวลา 13:37 น. 2-2

เราบูลลี่คนที่เพราะว่า คนๆนั้นมาทำตัวแย่ๆใส่เราก่อนค่ะ ถ้าจะให้เราอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร คนๆนั้นเค้าก้ไม่อยู่เฉยๆหรอกค่ะ ทุกวันนี้แทบจะโดนดึงเพื่อนไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าสมมุติว่าเราไม่ออกมาบอกว่าเราบูลลี่เค้า เค้าก้จะมาดูดเพื่อนไปค่ะ เรารุ้ค่ะว่าการบูลลี่มันไม่ดี แต่สำหรับเราเราต้องบูลลี่คนนี้จริงๆค่ะ เราไม่ชอบการกระทำของเค้า เราก้ไม่ยอมเป้นฝ่ายถูกกระทำหรอกค่ะ


0
A.R.M.Y.ผู้น่ารัก 18 มี.ค. 62 เวลา 13:38 น. 2-3

ถ้าการกระทำของเราบั่นทอนคนที่โดนกระทำ ตอนนี้เราคงโดนกระทำจนตายไปแล้วล่ะค่ะ เพราะคนที่เราบูลลี่ก้ทำกับเราไว้เยอะเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเราไม่ได้โลกสวยนะคะ


0
Behind_mist 15 มี.ค. 62 เวลา 21:55 น. 3

เราว่าเราก็คล้ายๆ จขกท.นะออกจะเป็นคนโลกสวยแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นโดนบูลลี่ แต่ไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ เพื่อนที่สนิทๆจริงๆที่เราไว้ใจได้ไม่มีเลย แล้วก็จะได้ยินมาเป็นครั้งคราวว่าคนนั้นคนนี้ว่าเราอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็มานั่งทบทวนว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทกันจริงๆเลย เราก็มองไม่เห็นว่าเราไปทำตัวไม่ดีหรืออะไรยังไง แล้วก็พยายามปลีกตัวออกจากสังคม แรกๆเราก็นั่งเครียดเหมือน จขกท. เลย เฮ้ยเราทำไรผิดหรอเราคิดว่าเราอาจจะน่าเบื่อเกินไป ไม่ได้ชอบอะไรแบบที่เพื่อนชอบ หรืออาจเป็นเพราะสังคมนี้ไม่เหมาะกับเรา แต่เราก็คิดได้ว่าเราเองต้องปรับตัวเข้ากับสิ่งรอบตัว แต่สิ่งรอบตัวเนี่ยก็จะต้องมีความเหมาะกับเราด้วย ตอนนี้ปิดเทอมก็กะว่าเปิดแล้วจะไปลองปรับตัวใหม่ดู สู้ๆค่ะ จขกท. สู้ไปด้วยกันนะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.pnghttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

0
Amitybalck 18 มี.ค. 62 เวลา 13:29 น. 4

จขกท.โดนเหใือนเราเลยคะ

โดนเพื่อนๆแอนตี้เพราะแชร์สตอรี่IG กับ ลงเกี่ยวกับนิยาย

ทุกวันนี้ก็ไม่มีเพื่อนในห้อง จะมีก็มีสนิทคนเดียว เพราะคนที่คบมา13ปียังแอนตี้เรา เพราะเราโดนย้ายมาด้วยมั้งคะเลยเป็นแบบนี้

ปล.สามารถคุยกับเราได้นะคะถ้าต้องการก็บอกนะคะ เราก็เหงา อยู่คนเดียวแล้วเหมือนจะมโนไปเรื่อย 555

0
dudu 1 พ.ค. 62 เวลา 15:20 น. 5

เคยโดนบูลลี่เหมือนกัน เราสอบเข้าห้องคิงได้ เพื่อนๆในห้องมีแต่เครียดๆเรียนพิเศษหนักๆกันทั้งนั้น แต่เราเป็นคนสบายๆ ไม่ได้ใส่ใจมาก แต่ดันเกรดโอเคเลย ก็เลยถูกบูลลี่แบบงงๆ แถมแต่ละเรื่องที่เอามาบูลลี่มีแต่เรื่องไม่จริงทั้งนั้น บางเรื่องก็… เอามาบูลลี่กันได้ด้วยหรอวะ? เช่นกินแตงโมไม่เอาเมล็ดออก(?) เราตัดแว่นเพราะเราสายตาสั้น ก็ว่าเราตัดแว่นเพราะอยากแอ๊บแบ้ว(?)ตอนมอต้นไม่เห็นใส่แว่นมาใส่ตอนมอปลายได้ไง บลาๆ ว้อททท!! สายตามันจะเพิ่มไม่ได้เลยรึไงเนี่ย?  

เราไม่ค่อยพูดกับเพื่อนเพราะเห็นเพื่อนคุยแต่เรื่องติว เราไม่ชอบติวเลยเล่นเกมเงียบๆ คบเพื่อนต่างห้องที่ไม่ได้เครียดมาก เราสบายใจกว่า ก็กลายเป็นว่าเราเงียบ ไม่คุยกับเพื่อนเพราะเรียกร้องความสนใจ เออแปลกดีหว่ะ- -* เวลาเดินผ่านก็จะมีคนมาแขวะพูดใส่เรื่องพวกนี้ให้ได้ยิน แต่เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเขาหรอก เพราะเราก็ดันไปเข้าใจเขา ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิดมันไม่สำคัญ หากไม่ถูกใจคนส่วนมากเราก็กลายเป็นคนผิดได้ ในหมู่คนที่บูลลี่เราแต่ละคน เราไปรู้มาว่าครอบครัวเขาไม่ได้สมบูรณ์พร้อม เราจึงไม่สนใจ เพราะนั่นคงเป็นความสุขเดียวที่เขามี มันตลกดีเวลาเห็นคนไม่ชอบเราวิ่งเต้นหาเรื่องมาเกลียดเรา คนที่โดนกระทำอย่างเราควรจะไม่มีความสุขสิ เท่าที่เห็นคนที่บูลลี่เราไม่มีความสุขแทนซะอย่างนั้น หากเราปล่อยวางได้ เราก็จะมีความสุขค่ะ ไม่มีใครทำให้เราตกต่ำได้เท่าตัวเราเอง สุ้ๆค่ะ 6/16 #104

0
ต้นไม้ 23 เม.ย. 63 เวลา 19:11 น. 6

สวัสดีครับ ผมกำลังทำงานเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหานี้อยู่ ถ้าไม่เป็นการรบกวน อยากจะสอบถามข้อมูลเล็กน้อยได้รึเปล่าครับ สามารถติดต่อกลับผมได้ทาง Email : krittaphat.cupk@gmail.com หรือเพียงตอบกลับช่องทางนี้ก็ได้ครับผม

0
Zucth 22 ม.ค. 64 เวลา 23:56 น. 7

มันเรื่องปกติ มีหลายคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจากการโดนบูลลี่ อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เป็น จากประสบการณ์เเนะนำให้อยู่ให้ห่างจากคำว่าสังคม ถ้าเราไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับผลพวงของปัญหาก็ให้ตัดเเล้วเดินสายโซโล่ไปเลย

ไม่รู้คนอื่นเป็นอย่างไรนะ เเต่ส่วนตัวมองว่าการมีเพื่อนเป็นการโกหกตัวเอง สังคมเป็นเพียงการใส่หน้ากากโกหกใส่กันเเล้วหาผลประโยชน์จากมัน เเน่นอนมันก็มีบ้างเวลาที่เราต้องเข้าถ้าไม่อยากให้ผลเป็นลบก็สร้างให้ตัวเราเป็นบวกที่สุดในวงสนทนานั้น วันหลังจึงจะได้หลีกเลี่ยงปัญหาให้ได้มากๆ ฟังจากผมเเล้วอาจจะยิ่งดาวน์ก็ได้ เเต่ชีวิตของผมมันเป็นเเบบนั้นจริง ๆ 5555

ผมเคยเป็นคนที่ไม่คิดมาก ตรงไปตรงมา อารมณ์ดี เเล้วก็โง่ ใช่ครับโง่ โดนมาสิบสองปีกว่าๆ ตอนนี้คนที่รู้เเล้วว่าเราเป็นยังไงเเล้วยังยอมมาคุยด้วย เหลือนับนิ้วได้เลย เย็นชาหน้านิ่ง ลบเเบบลบสุด ๆ ตรงไปตรงมาเหมือนเดิม การเเสดงอารมณ์ได้เหลือน้อยมาก ๆ เเปลว่าอะไร เเปลว่าเรายิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ได้เเล้วก็ร้องไม่ได้เวลาเจ็บ ตัวผมโดนบูลลี่เรื่องบุคลิกเเละการเเสดงออก การมีตัวตนอยู่รวมถึงผลงานด้วย

บอกก่อนนิดนึง ผมคิดว่าทุกคนคงจะโดนมาเหมือน ๆ กันเเหละนะ เราเสียเปรียบพวกมันเพราะหนึ่งเราไม่ใช่คนที่รู้จักใครเยอะ เรื่องเเย่ ๆ ของเราที่บอกเล่านี่คือรู้ทุกห้องทั้งโรงเรียนอ่ะ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่เเค่พูดไปก็เชื่อกันหมดเเล้ว ดีจริง ๆ เวลาไปไหนก็บอกไอนี่มาอีกเเล้ว มันยังไม่ไปตายอีกเหรอ ทุเรศเหมือนหมาขี้เรื้อน เวลามีปัญหาอะไรพวกมันก็จะโทษเรา เเล้วก็ทำร้ายเราบอกว่าเป็นความผิดที่เรายังมีชีวิตอยู่ทำให้พวกมันซวย ผลสรุปกูคือตัวซวย ที่ไม่ควรเกิดมาต้องถูกขจัดทำนองนั้น เวลาเราไปได้ดีที่ไหนพวกมันก็จะตามมาหลอกหลอน นิยายเรื่องเเรกที่เราเขียนเเล้วกำลังไปได้ดีก็โดนพวกมันนี่เเหละตามมาเจอในเว็ปเเล้วบอกว่าจะบอกพ่อเเม่ ครอบครัวสถาณการณ์ก็ไม่ค่อยจะดี พ่อเเม่ไม่ชอบเราปฏิเสธที่เรามีความชอบเเบบนี้อยากทำเเบบนี้ เลยต้องยอมเลิกเขียนไปก่อน หลายครั้งนะที่จะฆ่าตัวตายกับฆ่าคนอื่น เคยโดนเเทงด้วยโชคดีตอนนั้นใช้มือรับได้ไม่งั้นผมว่าท้องผมเป็นรูไปเเล้ว ความรู้สึกที่เเบบนอนอยู่บนพื้นไม้เเล้วโดนรุมต่อยฟาดหรือฟันเป็นอะไรที่เเบบเป็นสิ่งเดียวในวัยเด็กเลยที่จำได้ เเต่กี่ทีก็ไม่ชินสักทีกับการที่ถูกทำร้ายอ่ะนะ อ่าใช่ตามกฏหมายการฟันไม่ผิดนะครับสามารถอ้างเป็นการป้องกันตัวได้ เวลาผมฟ้องตอนผมโดนทำร้ายก็ไม่มีใครฟัง ลูกรักครูกันทั้งนั้น ครูที่ไหนจะเชื่อเด็กคนเดียวถ้าทุกคน-พูดเหมือนกันหมดจริงไหม สุดท้ายเลยได้นามว่าเด็กมีปัญหา ชื่อน่ารักดีใช่ไหมล่ะ

ภายหลังเวลาเรามีปัญหาอะไรเราจะโดนว่าด่าก่อนเสมอครูจะไม่ฟังเราเลย เคยเกือบเเทงคนไปเเต่ว่าด้วยความที่เรามีเเผลตลอดเวลาเเล้วเป็นคนที่ร่างกายอ่อนเเอทำให้โดนต่อยอัดกำเเพงน็อคไปไม่งั้นก็คงนอนตาราง อ้ออีกอย่างการที่เราทำร้ายตัวเองบ่อย ๆ ไม่ได้ทำให้เราฟื้นฟูได้ไวขึ้นนะอย่าหาทำ!!! โดนพักการเรียนไปในที่สุด นี่กูอ่านชีวิตหรือนิยายวะอาจจะเริ่มถามกันเเล้ว ใช่นี่เเหละชีวิตข้อยเอง ไปมีดีที่ไหนก็จะโดนตามไปทำลายที่นั่น จำได้ว่าตอนนั้นกำลังอยู่กับผู้หญิงที่เคยเเอบรักมั้งโดนพวกนั้นทั้งโขยงตามมากรอกหูคนที่ชอบ จากวันนั้นเธอก็ทำหน้าตาน่ารังเกียจใส่เราไม่มองหน้าอีกเลย ก็ล้มพับไปเเผนบอกรัก เลวชิบหายไอสลัด! สุดท้ายก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกเพราะต้องเรียกว่าสุดท้ายก็ไม่เหลือความรู้สึกที่เราสามารถรู้สึกหรือรับรู้ได้อีกต่อไป ทุกวันนี้ก็คืออากาศธาตุในวงสนทนานี่เเหละ มีการคงอยู่เเต่ไม่มีตัวตน อาจจะมีคนเห็นค่ามากขึ้นนิดหนึ่ง ยิ่งตอนมีปัญหาอะไรที่ต้องการตัวเเทนนะ เสียงเดียวกันเลยน่ารักสุด ๆ นี่เเหละครับความสามัคคี!!! กฏในการอยู่รอดมันมีเสมอไม่ว่าจะด้วยความยินยอมหรือไม่ ห้ามพูด ห้ามมองตา ห้ามหัวเราะ ใครจะว่าอะไรเรา ๆ ก็ต้องเลียตีนเยินยอพวกมัน

ผมชอบความเงียบที่สุดนะเพราะมันไม่เคยทำร้ายใคร ไม่ว่าเราจะพูดมากขนาดไหนมันก็ไม่เคยว่าด่าเรา มันรับฟังเราเสมอ ในสังคมอ่ะมีเเค่ตัวเราที่พึ่งพาได้ในทุกวันเราจึงต้องพยายามที่จะยืนด้วยตัวเองให้ได้ หลักการกฏหมายหรือศีลธรรมอะไรก็ช่วยเราไม่ได้ สิ่งที่ผมรู้อยู่อย่างเดียวคือต้องรอด ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงวันนี้เราจะต้องรอด จะให้เล่าอีกก็คงจะยาวเกินไป อย่ามองหาความช่วยเหลือ หากว่าได้รับความช่วยเหลือให้มองว่านั่นคือกำไร เเน่นอนผ่านไปหกปีหรือเจ็ดปีเเล้วจากวันที่ผมได้เห็นฝนพายุกระหน่ำ จบมาก็ใช่ว่าจะปกติอะไรเท่าไรหรอก เพราะว่าตอนเด็กเราเป็นคนที่ไม่พูดไม่คุยตามกฏที่พวกมันตั้งนั่นเเหละ ก็เลยไม่ได้มีประสบการณ์พูดคุยกับใครเลย เวลาเจอคนชวนคุยอะไรในภายหลังจะเป็นอะไรที่ลุกลี้ลุกลนมาก พยายามที่จะเป็นคนปกติอยู่เเต่ไม่รู้คนปกติต้องเป็นยังไง ต้องเเอคยังไง ดูเข้าข่ายคนโรคจิตสินะ ก็คงใช่

ใครที่อ่านความคิดเห็นนี้เเล้วจะไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องหยาบคายนะครับ เราทุกคนเเตกต่างกันเชื่อมั่นในสิ่งที่เเตกต่าง คนโรคจิตในความคิดของผมคือคนที่คิดต่างมีเเนวคิดเเละความเชื่อมั่นที่ต่างออกไปจากคนทั่วไปหรือคนส่วนมาก เป็นศัพษ์ที่เอาไว้ใช้เรียกคนที่พวกเขามองว่าประหลาดเเละเเตกต่างจากตน เป็นคำที่นิยมใช้เพื่อสื่อสารให้คนปกติอีกคนเข้าใจได้ง่าย ส่วนตัวมีความเห็นว่ามนุษย์มีความสามารถในการสังเกตุที่ดี ชอบเเบ่งเเยก มนุษย์ไม่ชอบสิ่งที่ตนไม่สามารถเข้าใจได้ พวกเขามักกลัวในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ. เมื่อก่อนก็คงเป็นการล่าเเม่มด ในปัจจุบันอาจจะไม่มีเเล้วเเต่ถ้ามองด้วยเหตุของความเเตกต่างที่ไม่มีที่มาเเละเหตุผล เเนวคิดเรื่องการเเบ่งเเยกก็ยังคงมีให้เห็นได้อยู่ทุกที่ไป... เหยื่อก็คงเป็นพวกเราที่ไม่เข้าใจว่ากูทำผิดเห้อะไร?

กรอบของคำว่าปกติ ใครเป็นคนตัดสิน? เเน่นอนพวกเราก็จะตอบว่ามันไม่มี มันทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่กูจะต้องมาใส่ใจกับเรื่องพรรคนี้ เเต่ถ้าผมตอบต่างออกไปล่ะ? คำตอบของผมก็คือถูกผิด ถูกตัดสินด้วยคนหมู่มากหรือคนส่วนใหญ่ ความเท่าเทียมก็เช่นกันมันถูกใช้อยู่ภายใต้ความเท่าเทียมของคนหมู่มาก การอยู่รอดของคนที่ถูกบูลลี่หรือการที่โดนคนหมู่มากกดลงจึงเป็นไปได้อย่างชัดเจน

1.อยู่รอดด้วยตนเอง 2.อยู่รอดด้วยการอาศัยผลประโยชน์จากสังคมผลักความสนใจไปให้ผู้อื่น เเละ 3.การอยู่รอดภายใต้กฏที่คนหมู่มากเป็นคนตั้งหรือความเท่าเทียมที่ถูกวัดด้วยมาตราวัดของคนหมู่มากนั่นเอง ต่อจากนี้คงบอกได้เเค่หาทางของตัวเองซะ

0