เพื่อนๆครับเล่าเรื่องราว ตั้งแต่เริ่มเขียนนิยาย จนมาถึงปัจุจบันนี้ให้ฟัง เพื่อเป็นข้อมูลศึกษาหน่อยครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมเริ่มเขียนนิยาย เพราะเห็นน้องสาวชอบอ่านนิยายมากๆๆๆ จนเรียกได้ว่าบ้าคลัง(ผมอ่านมั่งไม่อ่านมั่ง)
1 ก้าวแรก..เขียนนิยายเรื่องแรก..อัพลงเน็ตใน"แจ่มใส"..
2 กำลังใจแรกคือเม้นแรกที่ได้รับ..จนต้องอ่านคอมเม้นนั้น"อ่านแล้วอ่านอีก"กับคำว่า"ลงต่อเร็วๆนะ
3 กำลังใจที่สอง..คือทางแจ่มใสติดตราให้ว่า"คือนิยายฮ๊อด(HOT)"ใครเคยอัพในแจ่มใสคงรู้ดีนะครับว่าคืออะไร(สมัยนั้น)
5 นิยายของเราสามารถสร้างรายได้..เมื่อปรับจากอ่านฟรีเป็นต้องเสียตังค์ ที่ธัญวลัย
6 เงินก้อนแรกจากนิยายของเราที่มีคนมาเสียเงินอ่าน 1เดือน(เดือนแรกของเรา) 538 บาท..ปัจจุบันนี้ผมยังไม่เบิกมาใช้ (เพราะยังคิดว่าเงินก้อนนี้มันทรงคุณค่าควรเก็บไว้)
7ธัญวลัย โทรไปแจ้งว่า จะพิมพ์นิยายเรา 1 เรื่องไปขายใน"งานหนังสือแห่งชาติ"ที่ศูนย์ศิริกิตย์..นอนไม่หลับเลย
8 หยุดเขียนนิยายไป2ปี(มุ่งทำงานอย่างเดียว)
9 ปัจจุบันเอานิยายที่เคยอัพที่อื่นแล้ว มาอัพลงที่"เด็กดี"(อ่านฟรี) ก็ยังมีความสุขกับยอดวิววันต่อวันเหมือนตอนเริ่มอัพนิยายลงเน็ตใหม่ๆ ถึงแม้ยอดวิวจะน้อยมากๆ
10 พบความสุข ในตลอด 4 เดือนที่ผมอัพนิยายในเด็กดี(อ่านฟรี)..ที่เรียกได้ว่า เข้ามาอัพให้รีดเดอร์ได้อ่านแทบจะทุกวันด้วยความสุข แม้จะมียอดวิวแต่ละวันเฉลี่ย 5-10วิวก็ตาม(วันนี้ผมยังอัพอยู่..ทุกวัน..ทุกวัน..ทุกวัน...)
..อยากบอกว่า..เขียนนิยายมีความสุขนะ...
20 ความคิดเห็น
มันนานมากแล้ว ถ้าให้เล่ามันก็ยาวครับ555
เล่ามา..เล่ามา ครับ
1. ผม จำเวลาไม่ได้ แต่จำได้ว่าแต่งแนวรักๆ ในห้องคอมโรงเรียนและกดอัพนิยาย
2. หลงระเริงด้วยความคึก คิดฝันไปไกล
3. โดนพี่มิรันกระซวกไส้จนได้สติ555
4. มาแต่งเรื่องใหม่ซึ่งก็ยังห่วย แต่ดีกว่าเรื่องแรก
5. แต่งจบ
6. ทำเรื่องที่เขียนในปัจจุบันครับ มันดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่งมาหลักปี ขลุกมานาน และจะต้องดีขึ้นไปอีกครับ
เข้ามาขำข้อ 3
ถ้าไม่มีพี่ งานผมคงไม่ดีขึ้น555 ขอบคุณครับ ดีใจที่ได้มาพบกับพี่ในบอร์ดแห่งนี้
ปีแรก...เขียน ปีสอง...เขียน ปีสาม...เขียนต่อไป
ตอนนี้สิบกว่าปี...ก็ยังเขียน (แม้อู้เป็นระยะๆ)
เล่าหน่อยนะครับ..ว่าปี1เริ่มยังไง..และปัจจุบันเป็นไง(ขอความรู้สึกด้วย) นะ..นะ..หน่า....
นานมาก...ขอระลึกชาติก่อนนะคะ
เราเริ่มเขียนตอนอายุยี่สิบกว่าแล้ว เครียดจากการอ่านหนังสือ แล้วก็ความคิดและความสามารถตกผลึกพอแล้วด้วย เลยเขียนออกมาได้ค่ะ เป็นเรื่องสั้น ก็ตีพิมพ์ไป
ปีถัดๆ มา เขียนไปเรื่อย บางเรื่องก็ตีพิมพ์ บางเรื่องก็ลงไว้ในเน็ตขำๆ ไว้พูดคุยกับคนในเวบบอร์ดในตอนนั้น (ไม่ใช่เว็บนี้หรอกค่ะ นานมากแล้วล่ะ)
อยากเลิกเขียนมาตลอด ไม่ใช่เรื่องท้อหรือหมดกำลังใจแต่อย่างใด เราแค่ไม่ค่อยชอบอารมณ์ที่เหวียงไปมา สักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ยังเขียนมาจนบัดนี้ หนังสือเป็นถังเก็บความคิดที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ข้อมูลที่เยอะจนล้นอย่างเราค่ะ (เมมเลยเต็มบ่อย อย่าถามอะไรที่ต้องใช้ความจำนัก ลืมหมดค่ะ ^^")
มาตอนนี้เราเลิกส่งสนพ แล้ว ทำเป็นอีบุ๊คไปวันๆ สบายใจดี อีกอย่าง ระยะนี้เราเริ่มเว้นระยะเวลาในการเขียนได้มากขึ้น เรื่องล่าสุดที่จบไปก็กินไปปีกว่าแล้ว (ปกติเรามีงานเขียนประมาณปีละเรื่อง) ก็ได้แต่หวังว่าระยะเวลาจะทอดยาวออกไปได้มากขึ้นต่อเรื่อง แล้วท้ายที่สุด เราจะได้หยุดดังใจหวังสักที
แล้วก็ เราเขียนบทความเกี่ยวกับนิยายมานาน จนตอนนี้สิบกว่าเกือบยี่สิบปีได้แล้ว ตอนนี้ความรู้ในการเขียนนิยายมีแพร่หลายมากขึ้น นี่เป็นอีกเรื่องที่คิดจะวางมือสักที คนเขียนมีความรู้ให้หามากมายแล้ว เรานั่งอ่านกระทู้ในบอร์ด ดูความเป็นไปในวงการเขียนออนไลน์ไปวันๆ แบบมีความสุขดีกว่า
เขียนนิยายเรื่องแรก คือ การแต่งฟิคค่ะ
1. ดูอนิเมะ แล้วอยากเปลี่ยนแปลงพล็อต แบบตัวละครนี้ไม่น่าตายเลย ก็ เปลี่ยนด้วยพลังเทพแห่ง OP
2. อัพเล่น ๆ ไม่มีพล็อต ไม่วางโครงเรื่อง พอแอบส่อง เหนือความคาดหมายคนติดตามเยอะกว่าที่คิด
3. หายไปเพราะเปิดเทอม
4. จะแต่งอีกที มันไม่มีอารมณ์แต่งแล้วอ่ะ คงจะทรมาณเปล่า ๆ ก็ตัดสินใจลบเสีย
5. เนื่องจากได้บทเรียนมาแล้ว จึงตัดสินใจวางพล็อตก่อน แต่ช่วงนี้สมองไม่แล่นเลย สรุปคือสถานะดองนั่นเองค่าาา
ขอความรู้สึก..หน่อย..ได้ไหม?ครับ ตอนเริ่ม..และปัจจุบัน
1 ปีก่อน (สมมุติ) -โอ๊ะ ทำไมจบแบบนี้ล่ะเนี่ย ช่างเถอะ
2 ปีก่อน - ขอโทษนะ แต่พระเอก แกเป็นไบโพล่าเหรอห๊ะ!? โว้ย
3 ปีก่อน - โอ้ ช่วงนี้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเยอะจังเลย อยากระบาย
4 ปีก่อน - เริ่มเขียนนิยานดีกว่า... พล็อตไหนดีนะ
5 ปีก่อน - โอ้ นี่มันนิยายของสก๊อย ช่างมันเถอะ เขียนใหม่ก็ได้ ...
To be continued ... #คอมเมนต์ที่หาสาระไม่ได้
หาตัวเองพบยังครับ..เล่าหน่อยครับกะผม
ไม่ได้พิเศษหรือน่าสนใจหรอกค่ะ เริ่มจากไม่ชอบพล็อตนิยายต่างๆ นาๆ ที่เคยอ่านผ่านตาบางเรื่อง รู้สึกว่ามันสดใสแต่ทำไมต้องใส่ฉากรุนแรงขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้ พระเอกผีเข้าผีออกจนคนอ่านรำคาญ สุดท้ายเลยค่อยๆ เริ่มเขียน แต่ไปได้ไม่ค่อยดีนัก ช่วงนั้นหลงทางแล้วอ่านนิยายที่แตกต่างกันน้อยมาก สำนวนที่ซึมซับมามันเลยออกกระโต๊กกระต๊ากเหมือนไก่ขันไม่มีผิด
ปัจจุบันเริ่มเข้าใจ เรียนรู้อะไรมากขึ้นแต่เราบ้าความเพอร์เฟคต์ค่ะ เลยหยุดนิ่งกับที่ สักแต่จะเขียนให้มันเลิศเลออยู่เรื่อย เปรียบเทียบกับของคนอื่นบ้างล่ะกำลังพยายามทำใจ เปิดใจตัวเองอยู่ค่ะโดยส่วนตัวแล้วไม่ได้พบตัวเองแต่กำลังตามหาเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด พล็อตมีแล้ว เนื้อเรื่องมีแล้ว ที่เหลือคงต้องใช้ความพยายามกับประสบการณ์เพื่อดำเนินโลกที่เราเป็นพระเจ้าไปจนจบ ฮุ ฮุ... #เผ่นดีกว่า เผลอพล่ามยาวตลอด
เขียนนิยายเพราะคึก เป็นวัยรุ่น อยากปล่อยของ
พอดีเลยอ่านนิยายหลายเรื่องมาแล้วขัดใจ
เลยจะเขียนเนื้อหา ตัวละคร และตอนจบ
ในแบบของตัวเอง โดยตัวเอง เพื่อตนเอง
ก้าวแรก ป.6 เขียนลงสมุด น้องอ่าน ชอบ เพื่อนอ่าน ชอบ แม่อ่าน "เขียนอะไรมาไม่สนุกเลย เสียเวลาเรียนนะลูก ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์เถอะ"
คำพูดแม่ทำเราจำและเจ็บจนวันนี้
2. มัธยมปลาย จับปากกาอีกครั้งหลังจากเอาแต่อ่านมานาน แอบเขียนแล้วเอามาลงเด็กดีโดยไม่บอกพ่อแม่ มีแค่น้องที่รู้
3. นิยายมีคอมเมนท์และยอดวิวพอสมควร ดีใจมาก เหมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยง เป็นพลังเอาไว้ต้านกับคำพูดของแม่ที่กดทับอยู่ได้บ้าง เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือน้องบอกว่า "รอตอนต่อไปอยู่ รีบๆอัพสิ" และเราก็อยากรู้ตอนต่อไปเองด้วย...
4. ติด "ไฮไลท์นิยายน่าอ่าน" ที่หน้าเว็บเด็กดี 2 ครั้ง
5. แฟนคลับส่งแฟนอาร์ตที่วาดมาให้ ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ส่งมา เป็นสิบคน จนตอนนี้เราก็ยังเก็บไว้และเข้าไปดูไปชื่นชมตลอด
6. ลงประกวดแต่งนิยาย...ไม่ผ่านแม้แต่รอบแรก
7. เริ่มเขียนบทความพร้อมกับเขียนนิยาย แต่บทความกลับทะลึ่งชนะได้รางวัลขวัญใจกรรมการมาในการประกวด
8.สมัครและผ่านการทดสอบ ได้เข้าร่วมค่ายนักเขียนร่วมกับคนที่ชอบเขียน ได้เจอและพูดคุยกับนักเขียนชื่อดังระดับตำนานของประเทศ ประสบการณ์นั้นจำไม่ลืม
9.ลงประกวดแข่งนิยาย อันเดิมกับที่ไม่ผ่านคราวที่แล้วนั่นแหละ...ชนะ...ในเทอมสุดท้ายก่อนเรียนจบมหาลัย
เพราะชนะ เลยได้รางวัล
เพราะชนะ เลยได้ตีพิมพ์
และเพราะชนะ พ่อแม่ถึงรู้ว่าลูกคนนี้
ยังทำสิ่งที่พวกเขามองว่าไม่มีประโยชน์อยู่
พวกเขายอมรับความชอบนี้ของเรา
เพราะเราทำมันได้โดยที่ไม่เสียการเรียน
เส้นทางสายนักเขียน สนุกจริงๆ
และเราก็รักมันจริงๆเช่นกัน :)
ป.ล. ขอเล่าถึงแค่นี้นะคะ เพราะจากนี้จะเป็นเส้นทางสายงานวิจารณ์และบทความแล้ว เล่าต่อเดี๋ยวยาวเกิน อยากอ่านของท่านอื่นบ้าง
โอ้..เป็นเส้นทางที่เดินไปอย่างมีรูปแบบ..ของความเป็นจริงของชีวิตนักเขียนโดยแท้เลยครับ...และขอบคุณนะครับกับคำที่ว่า
.....เส้นทางสายนักเขียน สนุกจริงๆและเราก็รักมันจริงๆเช่นกัน..
เพราะ มันยืนยัน และดีต่อใจผู้ที่กำลังต้องการเป็นจะนักเขียน
เล่าต่อ..หน่อยนะครับ
เขิน แค่นี้ก็เล่าเยอะแล้ว เหอๆ
จับดินสอจำไม่ได้ว่าอายุเท่าไร เริ่มจับปากกาป.3
อยากรู้จักเราก็มีแต่ต้องอ่านนิยายเราล่ะค่ะ เราเล่าเอาไว้ในนั้นแล้ว
// ขายตรง!!! เสร็จแล้วหมุนฟูลเทิร์ลแบบนางงามฟิลิปปินส์ออกจากกระทู้
ไปอ่านแน่ๆ ครับ..คุณMiran / Licht เพราะเนื้อหาและสำนวนในนั้น..คงบอกผมได้ถึงไรทเตอร์ที่ชื่อMiran/Licht ว่า...
ข้อมูลศึกษาอะไร? มีคนหลงเข้าไปอ่านนิยายคุณ แล้วกดปิดกันแทบไม่ทันกี่วิวอย่างนั้นหรอ?
สุดยอดคอมเม้น..เลยครับ แตกต่างและหายาก
ใช่เลยครับ อันไหนขยะ เราก็พูดกันตรงๆ
นิยายเรื่องแรกก็แฟนฟิคเกาหลีนี่แหละค่ะ
เริ่มจับดินสอเขียนพล็อตตั้งแต่ม.2
จากนั้นก็เขียนมาเรื่อยๆ เราจะมีสมุดโน้ตสำหรับเขียนพล็อตไว้แยกค่ะ ตอนนี้ใช้หมดไปแล้ว2เล่ม555
ความคิดเรามันมาได้ตลอดก็เลยพกติดตัวไว้เขียนค่ะ
บางครั้งลืมเอาขึ้นไปบนห้องก็เขียนใส่กำแพงไว้ก่อน ;-; กันลืม
เล่าต่อหน่อยครับ..เอายาวๆก็ได้(คล้ายกระจกเงาของผมเลยที่เล่ามา)..
โอเคค่ะเล่าต่อ5555
-มีช่วงนึงที่เรามีความคิดจะกระจายนิยายไปทั่วๆเว็บ ตอนนั้นว่าจะลงประมาณ4เว็บ แต่พอมาทีหลังมันเกินกำลังเราเกินไป เราไม่ได้มีเวลาว่างแล้วมันค่อนข้างจะล้าด้วยก็เลย ยกเลิกไป
-เราเคยมีความคิดจะตีพิมพ์แต่ก็ต้องยกเลิก เพราะอะไรหลายๆอย่าง นิยายเราก็ยังไม่ได้ดีพอ แต่เรื่องล่าสุดอาจจะลองเปิดพรีดูสักครั้ง55555 นี่ก็กลัวๆอยู่เหมือนกัน
- เคยมีความคิดจะเลิกเขียนเพราะกระแสตอบรับไม่ค่อยดี พยายามบอกตัวเองเสมอว่ามันแค่เริ่มต้น แต่เราไม่มีไฟในการทำงานเลย แต่จู่ๆนักอ่านก็ทยอยเม้นกันมาเรื่อยๆทำให้เรามีไฟกลับมาเขียนอีกครั้ง
-ถึงแม้ตอนนี้คนอ่านจะมีน้อยแต่เราก็จะอัพ จะเล่นกับคนอ่านไปเรื่อยๆ บางครั้งก็มีจัดกิจกรรมให้นักอ่านคิดพล็อตสั้นๆที่อยากอ่านมา ส่วนเรามีหน้าที่สานต่อพล็อตที่เขาอยากจะอ่าน
-ส่วนตัวเราคิดว่าตอนนี้เราก็มีความสุขนะกับการแต่งนิยาย เรื่องคอมเม้นและสกรีมแท็กอะไรนั่นก็ยังมีน้อยใจอยู่นิดๆ เขาไม่ค่อยเล่นกัน555
แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็มีความสุขในการแต่งนิยาย เราก็คิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราไปแล้วล่ะค่ะ
:)
เส้นทางสายนี้ของเรามันช่างยาวนาน ใครขี้เกียจอ่านกดข้ามได้เลยนะคะ อยากเล่า555
มันเริ่มมาจากสมัยละอ่อนเราติดนิตยสารวัยรุ่นฉบับนึงมากๆ ชอบอ่านนิยาย ดูแฟชั่นเด็กญี่ปุ่น ทายใจอะไรไปตามเรื่องตามราว
มาวันนึงนิตยสารเล่มนี้ก็ประกาศให้นักเขียนมือสมัครเล่นส่งเรื่องสั้นเข้าไป
ตอนนั้นไฟลุกมาก อ่านมาก็เยอะ ลองแต่งบ้างสิ(วะ) จะเป็นไรไป
เรื่องแรกผ่านการพิจารณา มาพร้อมกับคำชมของพี่บก.ว่าลายมือสวยมาก (ตอนนั้นเรายังไม่มีคอม ก็เลยเขียนเอา ใช่ค่ะ เขียนเป็นสิบๆหน้า)
ตอนนั้นภูมิใจมากนะ ถึงแม้เงินที่ได้มามันจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ทำให้พ่อแม่เห็นอ่ะ ว่าเราหาเงินจากงานอดิเรกได้
จากนั้นก็มีเรื่องที่สอง และเรื่องที่สามตามมา
และเรื่องที่สามเนี่ยก็ได้ไปรวมเล่มตีพิมพ์กับนักเขียนคนอื่นๆอีกรอบ เรายังเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้อยู่เลย (แต่ไม่ให้ใครอ่านนะ อาย555)
ตอนนั้นบก.เมลมาชวนเราแต่งเรื่องยาว อารมณ์แบบจะปั้นนักเขียนรุ่นใหม่ แต่ตอนนั้นเราเรียนหนัก จึงตัดสินใจปฏิเสธเค้าไป
จากนั้น ความฝันการเป็นนักเขียนก็ดูเหมือนว่าจะล่องลอยหายไปกับสายลม
ผ่านมาสิบปี เราเพิ่งกลับมาเขียนนิยายจริงๆจังๆได้ไม่กี่เดือนนี้เอง แต่เพิ่งจะกล้าเอานิยายลงเว็บก็ปลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลบางประการ
กลายเป็นว่าผลตอบรับจากนักอ่าน ทำให้เรากลับมามีไฟและมีแรงในการเขียนอีกครั้ง
และเราก็ตั้งใจว่าจะเขียนมันไปเรื่อยๆจนแก่เลย :)
ยาวมากเลยเนอะ ใครอ่านจบมาเอารางวัลไปได้เลย 55555
Lucky for you, that's what "I Like"
ถูกต้องนะค้า
จุดประกายหลายคนเลยค่ะนิตยสารเล่มนี้ หลายเรื่องเราอ่านแล้วว่าน่ารักมากเลย
คิดถึงเนอะ แล้วก็เสียดายด้วย
ใช่ค่ะ ตอนนี้เรายังเก็บมันไว้อยู่เลย แต่หาเล่มที่ได้ตีพิมพ์ไม่เจอแล้วเพราะย้ายบ้านบ่อย
ไม่ขอรางวัลอะไร แต่อยากอ่านอีก รู้สึกยังยาวไม่พอ ประสบการณ์ดีๆ น่ารักมาก
พยายามเข้านะ^^
ขอบคุณนะคะ
ผมรู้สึกว่า..ในสายเลือดของ คุณนับดาวจอมเพ้อ..ไหลเวียนด้วยเลือดของนักเขียนโดยแท้
....อย่าหยุดนะครับ...
@คุณบีติพร อ่านแล้วรู้สึกเขินจังค่ะ
ใช่ ผมก็เกือบจะเขินตาม ถ้ามันออกมาจากความจริงใจสักหน่อยและไม่ได้ออกมาจากปากของพวกชอบม่อเด็ก
-ดูหนัง
-อยากมีหนัง แต่ทำหนังไม่เป็น
-ลองเขียนนิยายขึ้นมาดูก่อน
-เขียนจนจบ แก้ไขไปหลายล้านรอบ
-เอานิยายไปให้คนทำหนังอ่าน เขาไม่เอา
-เอานิยายมาปรับให้เป็นบทหนัง แต่วิเคราะห์เอาเอง และเหมือนจะไม่เวิร์ก
-เขียนบทหนังที่เป็นบทหนังภาคต่อ (ภาคแรกไม่ผ่าน มืงจะเขียนภาคสองทำไม)
-เอาบทหนังภาคต่อมาปรับให้เป็นนิยาย ปรับเนื้อหาจนเกิดเป็นเรื่องใหม่ ไม่ใช่ภาคต่อแล้ว
-เขียนนิยายเรื่องใหม่ถูกอัพลงพันทิปได้8ตอน แล้วเลิกเขียน (ลืมเหตุผลไปแล้ว)
-ปรับบทหนังเรื่องเก่าให้เป็นนิยายอีกครั้ง แต่แก้ไขให้ดีกว่าเดิม
-รู้จักเว็บเด็กดี ลองอัพเดตลงตอนแรก ตื่นเช้ามาโน๊ตบุ๊กพัง
-รอซื้อโน๊ตบุ๊กเครื่องใหม่ เล่นบอร์ดเด็กดีรอไปยาวๆ
-อัพเดตนิยายผ่านทางมือถือไปพลาง4ตอน มองเห็นว่าการบรรยายของตัวเองห่วยมาก
-ลองเอาคำแนะนำของคนอื่นมาใช้ในการแก้ไขนิยายเท่าที่จะทำได้
-ลองโฆษณานิยายของตัวเองอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก แต่เจือกตั้งเป็นกระทู้คลิกเบท โดนด่าเละ
-อัพเดตนิยายตอนต่อไปได้8ตอน
-ช่วงนี้งานหนักมาก เอ่อ หนักมากๆ วางนิยายเอาไว้ก่อน แต่ไม่ยอมวางบอร์ดเด็กดี
-วันนี้ว่าจะเขียนนิยายต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำห่าเหวอะไร
...
นิยายจบแล้วนะ เพียงแต่รอรีไรต์แล้วอัพลงเว็บ
ผมเห็น คุณปล่อยอึง ในบอร์ด..ตั้งแต่เข้าเด็กดี เพิ่งจะรู้จักปล่อยอึงจริงๆก็วันนี้..
ผม..กำลังหาอ่านนิยาลึกลับ 4 ตอน+4ตอน อยู่ แต่ไรทเตอร์บอกว่า"ยังไม่ทำห่าเหวอะไร"ต่อแล้ว ก็ยิ่งจะพยายามเข้าไปอ่าน..
นิยายรีไรท์เสร็จยังครับ..รออ่านอยู่นะ
เล่นจนบ้าคลั่ง.....
ก็ยังอยู่ในช่วงแก้ไขอยู่ครับ แต่จะเร่งมากๆ ไม่ได้ เพราะยังเหนื่อยและเครียดกับงานหลักอยู่
ผมเพิ่งเข้ามาใหม่ครับ เลยยังเห่อๆ การเล่นบอร์ดอยู่ นานๆ ไปอาจจะเบื่อไปเองก็ได้
ผมใช้เวลาเป็นปีกว่าจะเบื่อเฟซบุ๊ค
อ่อจ้าาา
คุณคงโดนผมกวนไปอีกนานอะ
ก็อ่านมังงะ ดูอนิเมะ มามาก
มันมีความคิดแปลกๆว่า
นักเขียนการ์ตูน(ที่ทำเองหลายๆอย่าง)
คือบุคคลผู้มีความสามารถ
รอบด้านมาก ทั้งๆที่อยู่แต่บ้าน
ทั้งด้านจิตกรรม สถาปัตย์
วรรณกรรม ประวัติศาสตร์
วิทย์ คณิต จิตวิทย์
เท่อ่ะ55555555555555555
ก็เริ่มเขียนเล่นๆในเวิร์ด
หลายเรื่องทิ้งบ้าง ดองบ้าง
จบมั่ง ไม่จบมั่ง
ก็สนุกดี ลูบหัวตัวเอง
แล้วถาม มุงคิดได้ไงวะ
5555555555555555555
ล่าสุดพึ่งลงเรื่องที่แต่งจบ
จริงๆลงเด็กดี
จบจ้า ไม่มีความฝัน
และความฝักใฝ่ใดๆ
เป็นไทม์ไลน์ที่น่าเบื่อจริงๆ
ชีวิตเรา เรื่องแต่งสนุกกว่าเยอะ
5555555555555555555
สรุป..แล้วคือเขียนจบแล้ว 1 เรื่อง..
...ยินดีด้วยครับไรทเตอร์...
ขออนุญาติเข้าไปอ่านนะครับ..
ได้กลิ่นความเวทนา
ขอบคุณค่ะ55555555
อดีต:มุ้งมั้น
ปัจจุบัน:ดอง
อนาคต:โดนไหดองถล่ม
BAD END
ไหดองถล่ม..แล้วจะจบเลยไม่ได้นะครับ ต้องหักมุน
ว่า..ความมุ้งมั้นกลับมาเพราะ...
เริ่มสนใจการเขียนตอน ม.4 ตอนนั้นผมติดซีรี่ย์เรื่อง game of thrones มากๆ เลยนั่งแต่งใน word แต่งแนวเดียวกัน ยัดความเป็นแฟนตาซีฉบับอัสวินลงไป แต่พอโตขึ้นมันกลับ ไม่กล้าแต่ง บวกกับวิธีการแต่ง เริ่มไปในทางนิทานเด็กด้วย เลยหยุด แต่พอผมขึ้น ม.6 ก็เริ่มแต่งอีกครั้งในเว็บ dek-d แต่งครั้งแรก ยอมรับเลยว่าแรกคึกมากๆ แต่พอมาอ่านผลงานที่สอง เป็นแนวแฟนตาซี สงครามเทพเจ้า กลับรู้สึกผมแต่งไปได้ไงเนี่ย และหลังจากนั้นก็ลบ เพราะคนอ่านน้อย ไม่ขยับขึ้นด้วย และหลังจากนั้นลองเสี่ยงกับผลงานที่สามก็ลองเปลี่ยนแนวเป็นไปต่างโลก กลับมีคนชอบมากขึ้นเรื่อยๆ และลงผลงานที่สี่ เป็นแนวแฟนฟิคการ์ตูน เริ่มมีคนชอบมากขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันนี้เรียนจบ ม.6 จนผ่านมาปี 2019 นี้ ยังนั้งเขียนอยู่ครับ
อื่ม..ค้นพบ บางอย่างแล้วนะครับผมว่า
เขียนต่อไปนะครับ รีดเดอร์ 1 วิวก็ผลักดันเราไปข้างหน้าได้
ความหวังหายไปได้แต่อย่าให้มันหมดไป..ครับ
ขอบคุณครับ
ชอบซีรีย์นี้เหมือนกันฮะ อยากแต่ง เซตติ้ง ให้ได้ดูเรียลแบบนี้บ้างไรบ้าง555
เริ่มเขียนตอนสมัยม.ต้น เพราะนิยายที่อ่านไม่เป็นดังใจ แต่เริ่มเขียนจริง ๆ คือ ฟิคนี่แหละ ต่อมาเขียนไปแล้วมัปัญหา เจอด่าจนเสียความรู้สึก ร้องไห้ไปสามชั่วโมง แบบจนรู้สึกว่าตัวเองหมดความเสียใจ แล้วคิดว่าก็เขียนใหม่สิวะ จากนั้นไปเข้าค่าย หาข้อมูลฝึกเขียนไปเรื่อย ๆ จนขึ้นมหาลัย ได้ส่งต้นฉบับแนวรักใส ๆ ไป แล้วได้ตีพิมพ์ มันห่างจากเหตุการณ์แรกราว ๆ ปีหรือสองปีนี่แหละ ต่อมาลองเขียนแฟนตาซี แล้วส่งประกวดได้รางวัลมาประมาณปี 52 (ช่วงไล่ ๆ ก็การออกหนังสือเล่มแรกในชีวิต) หลังจากนั้นก็โดนสนพ. แช่ยาวเลย เหมือนเปลี่ยนทีมจนไปต่อไม่ไหว ท้อบ้าง เครียดบ้าง ก็ทำมาเรื่อย ๆ แค่หวังว่าสักวันจะล้างความรู้สึกเหมือนกำแพงที่ก้าวไม่ได้ในใจสักที จนตอนนี้ทำได้และ (ห่างจากเล่มแรก 11 ปี) คือ ผ่านการพิจารณากับสนพ. หนึ่ง รอคิวตีพิมพ์ค่ะ เรียกได้ว่า ตลอดเส้นทางเนี่ย ก็ตรงตามเป้าหมายที่คิดไว้นะ แค่ช้ากว่าชาวบ้าน...มาก
Echo9..ประสบความสำเร็จแล้วครับ..
แค่..สนพ.เลือกนิยายเราตีพิมพ์นั้นมันก็การันตรีแล้วว่า..เราคือไรท์เตอร์ตัวจริง
ผมอิจฉาเสมอเมื่อรู้ว่า มีคนได้ตีพิมพ์หนังสือนิยายเล่มแรก..
ของคนอื่นอาจจะได้ตีพิมพ์ไวกว่า อย่างเราตั้งเป้าหมายว่า ตีพิมพ์กับได้รางวัลเล็ก ๆ ที่ไหนก็ได้ หากนับแค่ตรงนี้ จุดยืนในเป้าหมายเราก็ว่ามันสำเร็จแล้ว แล้ว-เวลา 11 ปีกับการได้ตีพิมพ์อีกครั้ง อย่างที่บอกไปแหละค่ะว่าอยากทำลายกำแพงที่รู้สึกว่าข้ามไม่ได้ ประมาณว่าเราอยากเห็นอีกฟากของกำแพงความรู้สึก ที่เราเคยไปยืนอีกครั้งก็เท่านั้นอะค่ะ
กว่าจะมาถึงตรงนี้ หนทางเราไม่สวยหรูเลย ยังคิดเลยว่า คนเราก็ทำไปได้เนาะ นับถือใจตัวเองจริง ๆ
เราไม่เล่านะ นานละ เข้ามาร่วมฟังไปพร้อมกับก่อกวนปั่นป่วนในกระทู้คุณด้วย//เพราะคุณเคยบอก เราว่าคุณมาป่วนกระทู้เราประจำ
ใช่ๆเราจำได้ที่เจ้าคนนั้นหยายคายใส่คนอื่นไปทั่วจนเธอต้องลบกระทู้ทิ้ง
ผม..เหรอครับ?? ถ้าบอกว่าใช่... จำผิดครับ
ขอโทษครับผมไม่ใช่ผู้ที่เคยมาป่วนกระทู้ของ...คุณบุปผาหิมะโปรย..นะครับ
แน่ใจเหรอคะ เอ...เราจำได้ว่า คุณเคยบอกว่า แอบมาส่องทุกทู้ตลอดนี่นา และก็เคยมาคอมเม้นตอบคำถามเราด้วย
เคยคอมเม้นตอบคำถามคุณบุปผาหิมะโปรย ผมจำได้..แต่ผมเจตนาป่วนยังไง และมันเลวร้ายขนาดไหน?ผมขออนุญาติให้คุณบุปผาหิมะ..นำสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ใช่การกระทำของผมมาเผยแพร่..ด้วยได้ไหม?ครับ
โอ๋ๆๆๆ อย่าเครียดนะคะ เราไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณเครียด5555 มันนานแล้ว
หนูน้อยหมวกแดงร้องไห้ซะแล้ว //โอ๋ๆๆ
(ชวนคุยค่ะ)ทุกคนคิดว่าจะทำอะไรในวันที่อากาศดีเช่นนี้บ้างคะ ?
คือกระทู้ของคุณลิน(ถ้าผมจำชื่อเล่นของคุณบุปผาหิมะโปรยไม่ผิด)..ที่ผมเข้าไปคอมเม้นครั้งสุดท้ายว่า"คิดถึงเมียคนแรกครับ"
และเจตนานั้นก็เพื่อให้อ่านแล้ว..รู้สึกตลก ที่ออกแนว เถื่อนนิดๆ อ่านแล้วอารมณ์จะเขินๆ(ถ้าคนโลกสวย)ฯล อีกทั้งอยากร่วมตอบกระทู้ของ จขกท.ที่มีคอมเม้นวิวสูงระดับTOPของเด็กดี ที่ผมชื่นชม และผมยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไรนอกจากสิ่งที่กล่าวมา
และถ้าคุณลินเห็นว่าผมลวงเกิน และป่วนกระทู้(ในทุกๆกระทู้ของคุณลิน) ผมขอโทษด้วยครับ
โอ้ย ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วววว
คอมเม้นนั้นรู้สึกเฉยๆอ่ะ ไม่เขินเลยสักนิด
แบบรู้สึกว่า มาแปลกกว่าคนอื่น
ของเราก็เริ่มมีไฟเขียนจบจริงๆจังๆก็ตอนม.3 ค่ะ ขึ้นม.ปลายก็เริ่มศึกษานิยายแนวอื่นๆ (ปกติเราติดจากแจ่มใส เรื่องรักวัยรุ่นธรรมดาๆ) ก็ได้รู้จักพวกรักเพศเดียวกัน แฟนตาซีบ้าง สยองขวัญบ้าง เพราะเริ่มอ่านนิยายสำนักอื่นๆ+นิยายในเด็กดีด้วย
ปีสอง ตัดสินใจเขียนคู่แรร์(ปกติคนไม่ชง)ลงเด็กดี หน้าด้านลงเพราะอยากสนองนีท+แต่งหน้าบทความอ่ะค่ะ 5555 ล่าสุดเกือบๆ 2000 กว่าวิวได้แล้ว กำลังมีแพลนต่อ ss2 แต่เรายังไม่ได้ต่อเลย
ปีเดียวกันนั่นแหละช่วงหยุดซัมเมอร์ เพิ่มฟิครักใสๆลาฟลอร่าค่ะ มีคนตามไวและยอดวิวขึ้นเยอะ ดีใจมาก แถมมีเม้นต์กำลังใจจากรีดเดอร์ตลอด เราเลยมีไฟเขียนต่อไป แต่ก็หยุดเพราะเรียนต่ออีก ฮืออ
ปัจจุบันเราปีสามค่ะ ยังหาโอกาสไปต่อฟิคยาวไม่ได้ ทำแค่ได้ลงฟิคสั้นๆในทวิตบ้าง เรื่องสั้นเด็กดีบ้างสลับกันไป นอกเหนือจากนั้นก็เสพงานคนอื่นรัวๆค่ะ 5555
ยินดีกับอีก 1 คนที่กำลัง เดินทางสายนี้ด้วยความสุข...ประสบความสำเร็จนะครับ
เริ่มเกม ตอนนั้น ปวช.2 ยุคนิยายแฟนฟิคตามบอร์ดกำลังเฟื่องฟู เลยพยายามหยิบเรื่องที่เคยเล่นในเกมมายำเป็นแฟนฟิค แต่มัันดันกลายเป็นว่า สิ่งที่คาดหวังไม่ใช่สิ่งที่คิด คอมเม้นแรก "งงมาก ปะติดปะต่อเรื่องไม่ถูก" บลาๆๆๆสารพัด
ต่อมา เล่นแนวเน้นสคริปต์เชิงบทสนทนาโรลเพลย์ กลายเป็นเละเหมือนเดิม เพราะไม่สามารถทำบรรยากาศออกมาได้
พยายามครั้งที่สาม ลองเขียนใส่เวิด แล้วส่งให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยสกรีนให้ สุดท้ายโดนสับเละ จนสุดท้ายขยำทิ้งลงถังขยะ
ท้อแท้มาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็ยังพยายามเขียนอยู่เรื่อยๆ แต่แค่ไม่กล้าเอาลงสาธารณะอีก เอาเด็กติดเกมที่เล่นแต่เกม rpg มาเขียนนิยายก็มีแต่เละกับเละ แม้กระทั่งปัจจุบันที่ทำออกมาแบบ พยายามสนุกกับสิ่งที่ทำมาตลอดแต่กลับดูเหมือนฝืนเพื่อรองรับความกดดันจากคนที่ทำผลงานออกมาได้เหนือกว่า
ไม่คาดหวังอะไรมาก ไม่หวังรายได้จากงานที่ทำ แต่ก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาทิ้งลงถังขยะอีกครั้งนึงเหมือนกัน
แค่คิดว่าอยากจะเขียนนิยาย..ก็ถือได้ว่า คุณมนุษรมันฝร้่งได้นับ 1 แล้ว สำหรับผู้ที่ขึ้นชื่อว่านักแต่งนิยาย
และได้นับ 2 เมื่อลงมือเขียน แถมได้นับ3 ที่มีคนวิจารย์ โดยนับที่4คือสุดยอดของคนในโลกถ้ามีมัน..คือคุณบอกว่ายังพยายามเขียนอยู่
.......พระเจ้าผู้สร้างมนุษร์ได้ใส่ความพยายามให้มนุษร์ทุกคนมาเท่ากัน..แต่ มนุษร์แต่ละคนนำความพยายามออกมาใช้ไม่เท่ากันเท่านั้นเอง..
คิดพล็อตไว้ มีไอเดียเยอะเหลือเกินไม่ไหวแล้ว อยากเขียนเลยต้องมาเขียน
พอเขียนจริง ๆ ก็ต้องใช้ข้อมูลเยอะมากเลยฮะ เพราะ เราอยากได้ไทม์ไลน์แน่น ๆ ถึงจะเขียน
งานเขียนเลยยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่ คาดว่าอีกยาวนานกว่าจะจบ ยังไงก็ ยาว ๆ ไปฮะ ต้องสู้ไหว555
พยายามเข้านะครับ
ขอบพระคูลฮับบบบ >< สู้เหมือนกันนะฮะ มาพยายามด้วยกัน
ผมจะรออ่านนิยายเรื่องนี้แบบใจจดใจจ่อนะครับ...
ฮืออ ได้กำลังใจแบบนี้ ไฟโหมเลย รีบแต่งต่อเลยล่ะฮะ
เขียนนิยายมา 4 ปี
แต่แต่งนิยายจบและวางขายได้แค่เรื่องเดียว เนื่องจากผลงานแรก... มันแย่มาก เลยต้องไล่แก้ไขไปทีละเรื่อง เสียเวลาสุดๆ
มาเล่าความเป็นไปบ้างดีกว่า กวนเขามาเยอะแระ//หลบตรีนแทบไม่ทัน ว้ายยย! 55555
เราเริ่มจากนับ0 และ1ขึ้นมาเรื่อยๆค่ะ ตอนแรกที่เราอยากเขียน แทบไม่มีประสบการณ์มาก่อนเลย เราเคยเรียนเขียนเรียงความมาก่อน และเคยเขียนเล่าเรื่องบ้าง เราจึงต้องอาศัยการดู และอ่านอย่างเดียวเลย จนกระทั่งเราอยากเขียนเรื่องราวของขึ้นมาบ้าง ก็เขียนลงในสมุดที่ด้านหลัง เราชอบเขียนแบบนั้นประจำ บางทีเราหยิบยืม ไม่ใช่สิเรียกว่าเอาสมุดของแม่ มาเขียนเล่นๆ แม่เรามาเห็นเข้า เรารีบเก็บแทบไม่ทัน แล้วยิ้มหน้าเจือนๆ แต่แม่เราไม่ว่าอะไรนะ แถมยังยกให้อีกต่างหาก เพราะแม่เขามีสมุดเยอะมาก เราก็นึกว่าแม่จะดุจะตีเราซะอีก เราดีใจที่แม่ให้มา แล้วเราก็เขียนมาเรื่อยๆ แล้วก็หยุดเขียน หาหนังสือการ์ตูนและหนังสือนิยายมานั่งอ่าน นั่นคือยุคที่เราคลั่งไคล้ในการอ่านเป็นอย่างมาก หยิบยืมคนอื่นคนนู้นคนนี้มาอ่าน จนกระทั่งเราก็หยุดอ่านไปอีก เพราะมันเริ่มไม่มีให้เราอ่านแล้ว และตอนนั้นโทรศัพท์เริ่มเข้ามามีบทบาทกับเรา จนกระทั่งเราไปเจอเว็บเด็กดีมีนิยายให้อ่าน เราก็ทำการสมัครสมาชิกทันที และก็กดเข้าไปอ่าน นิยายที่เราอ่านคือแนวคอมเมดี้ ตลกฮา เราชอบอ่านเป็นอย่างมาก แนวดราม่าเราไม่ค่อยได้แตะค่ะ เพราะถ้าอ่านแล้ว อาจทำให้เราเศร้าไปได้หลายวันเลยล่ะ
เราขอบอกก่อนเลยว่า เราสมัครสมาชิกเว็บเด็กดีมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วก็ลบไป เพราะว่าฝีมือเรายังไม่ถึง เราเคยแต่งเรื่องหนึ่ง แต่ก็ลบทิ้งไป ทั้งไอดีและนิยาย
และเราก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ตอนม.ปลาย กลับมาสมัครสมาชิกเว็บเด็กดีอีกครั้ง คราวนี้เราตั้งใจว่า จะเขียนนิยายต่อไป โดยไม่ลบทิ้งเด็ดขาด และเราก็ใช้ไอดีนี้เรื่อยมาค่ะ จนมาถึงปัจจุบัน เราขอบอกเลยว่า เราแต่งเพราะความชอบของเราค่ะ และอยากแต่งมากมาย เราไม่เคยสนใจชาวโลกเขา ว่าพวกเขาจะชอบกันไหม? แต่เรารู้ว่าตัวเองชอบ เราก็จะเขียนค่ะ จนกระทั่ง มีคอมเม้นมาแบบว่า 'สนุกมากเลยค่ะ ชอบมากๆ มาต่อเร็วๆนะ' ตอนแรกที่อ่านคอมเม้น เรารู้สึกว่า 'เฮ้ย! มีคนชอบแบบเราด้วยเหรอ! ไม่อยากจะเชื่อเลย'555 ก็แบบนั้นแหละค่ะ ที่เรารู้สึกกับคอมเม้นเป็นครั้งแรก เราตอบกลับไปค่ะ ว่าขอบคุณ และนี่แหละคือเรื่องราวของเราค่ะ
เราอยู่กับเด็กดีมาสามปีแล้ว นับรวมการเป็นนัก(อยาก)เขียนของเราด้วย
เชียร์ให้อ่านแนวดราม่าอีกสักเรื่องครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?