Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[How-to]จัดตารางอ่านหนังสือซิ่วหมอจากคะแนน58.24เป็น70.15

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

EP2 =>[How-to]เรียนไปซิ่วไปให้ติดหมอ + ตอบคำถามการซิ่ว
https://www.dek-d.com/board/view/3924673/


สวัสดีจ้าเราชื่อbellนะเป็นเด็กซิ่วจากdek61มาเป็นdek62 ปีที่แล้วเราได้คะแนนรวม 58.24 ซิ่วแบบอยู่บ้านจนปีนี้ได้ 70.15 ตอนนี้กำลังรอลุ้นว่าจะได้ที่ไหนอยู่แต่อยากทำกระทู้นี้ออกมาก่อนเพราะว่าคะแนนรวมของแต่ละคนออกมาแล้ว หลายคนคงกำลังสับสนว่าจะซิ่วดีไหม ถ้าซิ่วจะวางแผนอ่านหนังสือยังไง ปีที่แล้วเราก็เริ่มอ่านหนังสือซิ่วตั้งแต่วันคะแนนออกแต่กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาสักพักเลย เลยอยากทำมาเป็นแนวทางให้ทุกคนนำไปปรับใช้
 

สิ่งที่ต้องเจอระหว่างซิ่วและต้องเตรียมใจรับมือ

1. อารมณ์จะขึ้นๆลงๆ เช่นเดือนนี้อารมณ์ดีอยากสอบไวๆ อีกเดือนจะคิดแบบว่าจะทำได้ไหม   กลัวและหมดไฟ ต้องเติมไฟอยู่เสมออาจจะดู vlog นศพ, อ่านstudygramของรุ่นพี่ที่ติด (มีอธิบายข้างล่างเกี่ยวกับstudygram)

2. คนแถวบ้านหรือป้าร้านอาหารจะถามบ่อยมาก ได้คะแนนเท่าไร , เรียนอะไร , ไม่มีเรียนเหรอ บลาๆ ช่วงเดือนแรกๆที่ซิ่วจะกดดันกับคำถามไม่อยากเจอหน้าใครเลย แต่ถ้าผ่านไปหลายๆเดือนจะค่อยๆดีขึ้นเอง

เริ่มตัดสินใจซิ่ว 

1) สำรวจคะแนนตนเอง จุดผิดพลาดในปีที่แล้ว วิธีแก้ไข 

สำรวจดูตัวเองว่าปีที่แล้วพลาดอะไร เช่นของเราจะพลาดคณิตศาสตร์เพราะเป็นวิชาที่ไม่ชอบและพยายามเลี่ยงอยู่ตลอด เราคิดว่าสามารถแก้ไขมันได้แต่ต้องใช้เวลาคะแนนของเราก็ไม่ห่างไกลเป้าหมายมากเกินไปคิดว่าถ้าพยายามน่าจะพอไหวก็เลยตัดสินใจซิ่ว

2) ซิ่วอยู่บ้าน หรือ เรียนไปซิ่วไป

ซิ่วอยู่บ้าน

ข้อดี  : มีเวลาเต็มที่ 

ข้อเสีย : แรงกดดันมากจากการต้องเจอและตอบคำถามคนแถวบ้าน ไม่มีหลักประกันว่าซิ่วแล้วจะมีที่เรียนหากใจไม่แข็งพอจะไม่สามารถบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซิ่วไปเรียนไป 

ข้อดี    : ซิ่วแล้วไม่ติดยังสามารถกลับมาเรียนคณะเดิมได้ มีสังคมไม่โดดเดี่ยว
ข้อเสีย : กิจกรรมเยอะมากและเรียนหนัก เวลาอ่านหนังสือน้อยกว่าซิ่วอยู่บ้าน ถ้าบริหารเวลาไม่ดีอาจจะพังทั้งสองทาง

คุยกับผู้ปกครอง 

เรื่องนี้เราว่าแล้วแต่แต่ละครอบครัวเลย เพราะผู้ปกครองแต่ละคนก็คิดเห็นไม่เหมือนกัน แต่ในความคิดเรากรณีซิ่วอยู่บ้านเราว่าต้องคุยอย่างมีเหตุผล บอกท่านว่าเราอยากซิ่วเพราะเราอยากเข้าคณะนั้นจริงๆ และเรามีแผนการอ่านหนังสือ การเตรียมตัวในหนึ่งปีนี้อย่างไร เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามุ่งมั่นจริงๆ แต่สุดท้ายก็ต้องเคารพการตัดสินใจของท่านนะ ถ้าอยู่บ้านไม่ได้เราก็ต้องพยายามเรียนไปซิ่วไปแทน

จัดตารางอ่านหนังสือระหว่างซิ่ว

วิธีจัดที่ง่ายที่สุดคือเอาหนังสือที่เราจะใช้มากางแล้วประมาณดูว่าประมาณ3-4ชั่วโมงเราจะทำได้ประมาณกี่หน้าหรือกี่ข้อ ถ้ายังประเมินไม่ได้ให้อ่านหรือทำโจทย์ก่อนเลยวันนึงจะพอประมาณได้ว่าสปีดตัวเองอยู่ระดับไหน สำหรับเราจะเป็นวิชาอ่าน50หน้า ถ้าเป็นวิชาทำโจทย์จะเป็น 50ข้อ สมมติถ้าหนังสือฟิสิกส์รวมทุกบทมี 1000ข้อ เราก็จะตั้งชื่อเป็น ฟิสิกส์1(ข้อ1-50) ฟิสิกส์2(ข้อ51-100).....ฟิสิกส์20(ข้อ951-1000) จากนั้นใส่วันที่ในExcel(ในMacbookใช้Number) แล้วใส่เรียงวันไปเรื่อยๆ แนะนำเผื่อไว้ด้วยเพราะมีหลายครั้งที่เราทำตามแพลนไม่ได้เป๊ะๆเช่นบางวันโจทย์ยาก อ่านไม่เข้าใจ หรือมีธุระ พอวันไหนเสร็จแล้วทำได้ตามเป้าเราก็จะใส่สีทองในตาราง ถ้าวิชาไหนทำไม่เสร็จยกยอดไปอีกวันก็จะทำสีแดงไว้

-> ช่วงทวนเนื้อหา+โจทย์แยกบท (พฤษภาคม-ตุลาคม

แต่ละวันแนะนำให้จัดเป็นสามวิชา โดยวันนึงจะแบ่งเป็นสี่ช่วงโดยจะยกตัวอย่างของเรานะอาจจะปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัดของแต่ละคน

08.00-11.00 สำหรับเราช่วงนี้ยังงัวเงียและใช้เวลาน้อยที่สุดเราจะชอบทำวิชาที่ไม่ต้องคำนวณเยอะอย่าง อังกฤษ ชีววิทยา

12.30-16.00      เพิ่งกินข้าวเสร็จจะมีแรงขึ้นมาหน่อยเราจะชอบทำ เคมี ฟิสิกส์

18.00-22.00 เริ่มเข้าช่วงเย็นอากาศจะไม่ร้อนเหมือนตอนเช้าแล้วก็เป็นช่วงที่เวลาเยอะที่สุด เราจะทำวิชาที่เราไม่ถนัดที่สุดอย่างคณิตศาสตร์

23.00-… ช่วงก่อนนอนเราจะพยายามฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มเป็นพวกดูยูทูบภาษาอังกฤษ อ่านข่าวอะไรอย่างงี้มันช่วยได้นะ ศัพท์คำไหนไม่เคยเจอแล้วโผล่มาบ่อยๆก็แปลไปเรื่อยๆเลย นานๆไปมันจะจำได้เอง 

ต่อในcommentนะ 

แสดงความคิดเห็น

>

14 ความคิดเห็น

JIBELL03 4 เม.ย. 62 เวลา 19:31 น. 1

-> ช่วงทำโจทย์ (พฤศจิกายน-มกราคม)

ช่วงนี้จะทำโจทย์แบบรวมบทจากหนังสือต่างๆ จะเน้นโจทย์แนววิชาสามัญเป็นหลักนะ โดยจะทำวันละ4วิชา จับเวลาเหมือนสอบจริง แนะนำให้ทวนเฉลย แบบตั้งใจนะอะไรไม่ข้าใจก็เสิร์ชเน็ตหาข้อมูลเพิ่มเติมเลย ตารางเวลาของเราจะเป็น

08.00-11.00 ทำข้อสอบ+เฉลย 1วิชา / 12.30-16.00 ทำข้อสอบ 2 วิชา

18.00-19.30 ทำข้อสอบ 1 วิชา / 19.30-… เฉลยทั้ง 3 วิชาที่ทำ

-> ช่วงทำข้อสอบเก่า (กุมภาพันธ์)

ข้อสอบเก่าที่มีตอนเราคือ7ปี 55-61 ปีนี้น่าจะมีของ62ออกมาต้องมาคอยลุ้นกันว่าจะเมื่อไร เราจะแบ่งทำปีละสามวันนะ จะใช้เวลา 3*7=21วัน โดยทำแบบจับเวลาจริง ทำเสร็จแล้วเฉลยอย่างละเอียดเขียนเลยว่าข้อไหนผิด เพราะอะไร ช้อยส์ทุกช้อยส์ต้องอ่านทำความเข้าใจแม้จะถูกก็ตาม ต้องจัดความยากง่ายกับจำนวนข้อแต่ละวันให้สมดุล เพราะถ้าเฉลยยากก็จะใช้เวลาเฉลยนานมากในกรณีที่ต้องเฉลยละเอียด

วันที่1 : ไทย สังคม และ ชีววิทยา / วันที่2 : ฟิสิกส์ และ เคมี / วันที่3 : อังกฤษ และ คณิตศาสตร์

-> ช่วงทวนเนื้อหาก่อนสอบ+สอบ

หลังสอบแกทแพทจะเหลือเวลาเราจะทวนวิชาละ1-2วัน รวมถึงทวนสรุปตัวเองด้วย แต่ละวันก็จะทวนความถนัดแพทย์ในช่วงเช้า พอสอบความถนัดแพทย์เสร็จเหลือเวลาอีกอาทิตย์นึงก่อนสอบวิชาสามัญเราก็จะเอาข้อสอบเก่ามาอ่านข้อที่ทำผิด ก่อนสอบหนึ่งวันเราจะอ่านแค่สรุปตัวเองวิชาละรอบเท่านั้นแล้วก็นั่งชิลเลย บางคนอาจจะชอบอ่านเยอะๆก็ได้นะแล้วแต่คน


สถานที่อ่านสำหรับเราเลือกอ่านอยู่ในห้องนะ บางคนก็อาจจะชอบอ่านที่ร้านกาแฟ เราเคยออกไปอ่านร้านกาแฟก็คือประสิทธิภาพจะมากกว่าเพราะอยู่ห้องเราชอบดูนู้นดูนี่แต่ข้อเสียคือออกบ้านแล้วต้องเสียเงินเยอะ55 บวกกับร้านแถวบ้านเราที่มีโต๊ะดีๆ บรรยากาศดีๆจะหายากหน่อย

เวลาอ่านอาจจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมและการใช้ชีวิตของแต่ละคนนะ ตารางที่จัดก็อย่าแน่นเกินไปหรือหลวมเกินไป อย่าลืมแบ่งเวลามาrelaxถ้าเครียดเกินไปจะทำได้ไม่นานเด้อ การพักของเราจะไม่เน้นพักเต็มวัน จะมีแค่2-3วันในแต่ละเดือนที่ไม่อ่านเลย แต่เราจะพักในแต่ละวันมีเวลาว่างวันละนิดมากกว่า มาดูบอล ดูยูทูบ อะไรงี้

เราซิ่วอยู่บ้านไม่ได้เรียนพิเศษเลยในปีนี้ แต่หนังสือที่เราใช้ทวนหลายเล่มเป็นของกวดวิชาที่เราเคยเรียน สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนเดี๋ยวเราจะแนะนำหนังสือเนื้อหาที่ใกล้เคียงเสริมไว้ให้นะ สุดท้ายแล้วตัดสินใจซิ่วแล้วก็ทำให้เต็มที่ไม่ไร้สาระเยอะเพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะได้ซิ่วอีกปีเนาะ <3

จดสรุป

สำหรับสรุปเราทำแค่ 3 วิชาคือ ฟิสิกส์ เคมี และ คณิตศาสตร์ ส่วนวิชา ชีววิทยา ไทย สังคม เราจะเน้นอ่านซ้ำทั้งหมดเอา อังกฤษเราก็ใช้วิธีทำโจทย์เยอะๆแทน สรุปจะมีประโยชน์มากเวลาที่เราลืมสูตรหรือเนื้อหาบางอย่างคือเราหยิบขึ้นมาแล้วสามารถเข้าใจได้เลยอ่ะสรุปไว้มันดีจริงๆ โดยหลักการทำสรุปของเรามีอยู่ว่า

1. ทำหลังจากทำโจทย์แยกบทเสร็จ เพราะต้องเขียนข้อผิดพลาดของแต่ละบทลงไปด้วย

2. พยายามสรุปสั้นๆ ไม่เกิน2-3หน้าต่อเรื่อง เน้นสรุปเรื่องที่เราจำไม่ได้เป็นหลัก

3. อะไรที่จำยากมากให้แปลงเป็นคำที่เราจำง่ายๆ เช่น ธาตุtransition เราก็อ่านทับไปเลย สติฟ-ครมฟี่-โคนิคุส =>Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn

4. ใช้ภาษาที่ตัวเองเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเขียนยาวๆ บางอย่างวาดรูปจะเข้าใจได้ง่าย

5. ตรวจสอบความถูกต้องด้วยเพราะถ้าเราเขียนสรุปผิด จำผิดๆไปทำข้อสอบก็จะแย่เอา

https://image.dek-d.com/27/0801/5131/128570557


pre-test

สอบ Pre-test ตอนนี้มีหลายสนามนะทั้งของ dek-d , mytcas , admissionpremium แต่สำหรับเราปีนี้เราสอบแค่ของ dek-d เพราะเราไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายเยอะ ของdek-d จะดีตรงที่กรรมการสนามสอบประกาศเวลาตามสอบจริง กระดาษคำตอบก็เสมือนจริง ของmytcasเราไม่รู้เหมือนกันไหมนะ ส่วนของadmissionpremiumแบบฟรีก็สอบได้แต่จะไม่ได้เฉลย ข้อดีของการสอบpre-testคือ

1. ได้ประเมินตัวเองหลังจากอ่านหนังสือมาหลายเดือน ของdek-dจะจัดประมาณต้นตุลาคม สอบเสร็จก็จะมีเวลาแก้ไขอยู่2-3เดือนในเรื่องที่เราไม่แม่น หรือข้อไหนที่ผิดก็จำไว้จะได้ไม่ผิดซ้ำวันสอบจริง

2. ได้ปรับตัวกับบรรยากาศห้องสอบ คืออยู่บ้านมาทั้งปีจะก็จะโหวงๆหน่อยถ้าได้ไปpre-testก่อนก็จะช่วยเรียกความคุ้นชินกลับมาได้

3. ได้รู้จักกับสนามสอบนั้นๆ เช่นเราสอบที่มงฟอร์ตแล้ววันจริงความถนัดแพทย์เขาก็จัดสอบที่มงฟอร์ตทำให้เราสบายรู้หมดห้องสอบอยู่ตรงไหน ห้องน้ำอยู่ตรงไหน มีร้านข้าวอะไรบ้าง เส้นทางไหนรถติดไม่ติด คือสำหรับเรามันดีมากๆ แต่ข้อนี้มันก็แล้วแต่จังหวัดอะเนาะอาจใช้ไม่ได้ทุกคน

https://image.dek-d.com/27/0801/5131/128570541


studygram

studygram คือ account instagram ที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่เตรียมสอบหรืออ่านหนังสืออะไรประมาณนั้น ตอนแรกเราก็สร้างมาเพื่อโพสต์ว่าแต่ละวันว่าทำอะไรบ้างเฉยๆ แต่พอได้มาทำจริงๆแล้วคือมันมีประโยชน์มากๆเลย ข้อดีของ studygram คือ

1) ช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนมีคนกำลังเตรียมสอบไปด้วยกับเรา และช่วยให้กำลังใจกันอยู่เสมอ

2) ช่วยจุดไฟในการอ่านหนังสือ เพราะเวลาเราเห็นคนอื่นอ่านเราก็จะบอกกับตัวเองว่าจะเล่นไม่ได้นะต้องจริงจัง

3) คอยแจ้งข่าวสารต่างๆให้กันอยู่เสมอ บางครั้งข่าวจากstudygramก็คือเร็วที่สุด55

4) studygramของคนที่สอบติดไปแล้วก็จะมีรีวิวหนังสือ วิธีเรียน หรือแม้กระทั่งชีวิตในมหาวิทยาลัยแต่ละคณะ

เป็นแนวทางให้กับเราได้

5) คอยเป็นที่ปรึกษาของกัน เช่น สงสัยบทเรียน เลือกที่เรียนพิเศษ แชร์ข้อสอบและเฉลย

 

https://image.dek-d.com/27/0801/5131/128855905https://www.instagram.com/jibell.medsi130/

studygram ของเราชื่อ jibell.medsi130 นะ เข้าไปfollowกันได้ ถ้าจะหาstudygram followเพิ่มก็กดเข้าไปคนที่ฟอลเรากับคนที่เราฟอลทำแบบนี้ไปเรื่อยๆก็จะได้สังคมstudygramประมาณนึงแล้ว


ใครมีข้อสงสัยก็commentในกระทู้นี้หรือส่งข้อความไปทางstudygramได้เลยน้า

//สำหรับตารางอ่านฉบับเต็มกับรีวิวหนังสือเดี๋ยวจะลงให้ในstudygramเด้อ

0
Juliebear 4 เม.ย. 62 เวลา 20:16 น. 3

เราเป็นหนึ่งใน follower นะ ได้มาอ่านบทความแล้วรู้สึกว่าโคตรมีประโยชน์ เขียนดีมากๆๆๆๆชื่นชมเลย อ่านง่าย เป็นระบบดีมาก ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์นะ อย่างน้อยก็มีเราคนนึงนี่แหละที่จะเอาไปปรับใช้ แล้วก็ยินดีด้วยนะ ได้คะแนนเยอะมากๆเลย เราอยากจะทำให้ได้แบบนี้บ้างจัง

1
JIBELL03 4 เม.ย. 62 เวลา 20:45 น. 3-1

ขอบคุณมากๆเลยนะ ได้อ่านแบบนี้แล้วชื่นใจมากๆเลย มีอะไรก็สอบถามเข้ามาได้เสมอเด้อ <3 <3

0
CKNY S. 4 เม.ย. 62 เวลา 21:09 น. 4

เก่งมากๆเลย เราติดตามในig ตั้งแต่ปีที่แล้ว และคอยลุ้นมาตลอดว่าเบลต้องทำได้ แล้วก็ทำได้ เก่งมากๆ นับถือความพยายามมากจริงๆ

1
kinserboy 9 เม.ย. 62 เวลา 18:37 น. 11

ขอบคุณสำหรับแนวทางครับพี่สาว ผมพลาดไปปีนี้ เลยต้องซิ่ว แต่ครอบครัวกลัวจะไม่ติดจึงให้ซิ่วไปเรียนไป

กลัวทำได้ยากขึ้น จะเอาหมอพระมงกุฎครับ แต่คะแนนไม่ถึงอ่อนด๋อยมาก55 พอมีวิธีอะไรให้คนไม่ค่อยเก่ง

ทำภารกิจนี้สำเร็จทีครับ

4
JIBELL03 9 เม.ย. 62 เวลา 18:49 น. 11-1

เราผชนะ55 ลองดูเนาะว่าเราพลาดตรงไหนไป ให้กลับไปแก้ตรงนั้นตั้งแต่พื้นฐานเลย พยายามให้เต็มที่ทำได้สำเร็จแน่นอนสู้ๆ (^.^)V

0
kinserboy 9 เม.ย. 62 เวลา 20:51 น. 11-3

พอจะมีวิธีดีๆ สำหรับคนที่ไม่ได้เรียนพิเศษกับไม่ได้เรียนคอสออนไลน์ อ่านจากหนังสือ กะดูวิดีโอฟรี อย่าง แล้วทำให้มีโอกาสติดมั้ยครับ

0
pachunpeum 12 เม.ย. 62 เวลา 17:47 น. 12

โห ขยันมากกกก ดีใจด้วยนะคะที่ทำสำเร็จ คะแนนแบบนี้ติดแน่นอนนนน ยินดีล่วงหน้าเลยบ ขอบคุณที่มาแบ่งปันความรู้ดีๆนะคะ เป็นเด็กซิ่ว61เหมือนกันเลยยยhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-08.png

1
JIBELL03 12 เม.ย. 62 เวลา 22:06 น. 12-1

ขอบคุณมากๆเลยนะแก เราก็ติดตามแกอยู่ตลอด ขอให้ประสบความสำเร็จน้าา <3

0
Stich 18 เม.ย. 62 เวลา 22:55 น. 14

ถ้าต้องเรียนพิเศษไปด้วยอะครับ ควรจัดตารางยังไงดีครับ เพราะต้องมีทวน มีการบ้านด้วย :( ผมจัดไปหลายรอบมาก แต่หาที่ลงตัวไม่ได้สักที ขอบคุณครับ

2
JIBELL03 19 เม.ย. 62 เวลา 09:10 น. 14-1

ต้องดูนะว่าเรียนวันละกี่ชั่วโมง จะใช้เวลาทวนประมาณกี่ชั่วโมง แล้วสุดท้ายเหลือเวลามาอ่านวิชาอื่นวันละกี่ชั่วโมง เช่นเหลือ4ชั่วโมงอาจจะอ่านได้วิชานึงก็เอาหนังสือที่มีมาดูว่าใช้เวลากี่วันจัดไปเรื่อยๆน่ะ ช่วงตุลาก็เริ่มทำโจทย์แยกบท มกราทำข้อสอบเก่า

0