Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สอบสัมภาษณ์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รอบที่ 2 โควตาภาคตะวันออก ปีการศึกษา 2561

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ปล.ค่อนข้างยาวนะคะ พยายามเก็บรายละเอียดจากประสบการณ์มาถ่ายทอดลงไปให้ได้มากที่สุดน่ะค่ะ ละก็การแบ่งสายกรรมการสัมภาษณ์เป็นการตั้งขึ้นจากความเห็นส่วนตัวค่ะ อาจจะใช้คำเกินจริงไปบ้าง เพื่อไม่ให้อ่านเเล้วเบื่อน่ะค่ะ>< ถ้ามีผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะะheart 





               คนมาสัมภาษณ์ 30 กว่าคน แต่รับเเค่ 16 คนค่ะ เรียกว่าตัดออกครึ่งๆเลยค่ะ แล้วก็ถูกแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ก็คือมีห้องสัมภาษณ์ 4 ห้อง ห้องหนึ่งมีกรรมการประมาณ 3-4 คน ในกรรมการ3-4คน จะมีทั้งหมอ อาจารย์ หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายสาธารณสุขที่มาจากหน่อยงานรัฐก็มี




ตัวเราได้อยู่กลุ่มที่ 1 ค่ะ เป็นคนที่ 2 ของกลุ่ม //บอกเลยว่าฟีลลิ่งตอนนั้น คือ ตื่นเต้นสุดๆเลยค่ะ




          เจ้าหน้าที่ที่คุมประจำกลุ่มเป็นคนคอยพาเข้าห้องค่ะ ช่วยลดปัญหาเรื่องการเคาะประตูขออนุญาตไปน่ะค่ะ55 เราก็ถามเค้าก่อนเข้าห้องค่ะว่า ให้เอา port เข้าไปไหมคะ เพราะว่าในระเบียบการสัมภาษณ์ไม่ได้บอกให้เตรียม port มาค่ะ แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็ถือติดมากันทั้งนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้นำเข้าไปได้ค่ะ เผื่อกรรมการขอดู




และแล้วคนที่ 1 ก็ออกมาจากห้องค่ะ ก็ดูสีหน้าปกติดีนะคะ555 //สบายใจขึ้นมาหน่อยค่ะ



เจ้าหน้าที่ก็ให้รอก่อนค่ะ เหมือนกรรมการด้านในยังปรึกษากันอยู่น่ะค่ะ



แล้วเจ้าหน้าที่ก็พาเราเข้าไปค่ะ ทันทีที่ประตูเปิด //ตื่นเต้นหนักกว่าเดิมค่ะ รู้สึกว่าแอร์ในห้องคือเย็นยะเยือกค่ะ555




มีโต๊ะ 2 ตัวค่ะ โต๊ะแรกเป็นของคณะกรรมการทั้งหมด 4 ท่านค่ะ อีกโต๊ะมีไมโครโฟนตั้งอยู่ ก็คือที่ให้เราไปนั่งค่ะ



แน่นอนว่าเราต้อง “ไหว้ย่อ” ก่อนนะคะ แล้วต้องให้กรรมการพูดอนุญาตให้นั่งก่อน แล้วจึงนั่งลงไปนะคะ
ห้าม!!! เดินเข้าไปแล้วนั่งแปะ! เลยทันทีเด็ดขาดค่ะ




นั่งเรียบร้อยแล้วก็สบตากันแป๊ปหนึ่งค่ะ555



คือ เราวิเคราะห์กรรมการแต่ละท่านคร่าวๆก่อนน่ะค่ะ เพราะ อย่างที่เรารู้ๆกันในคณะกรรมการชุดหนึ่งจะมีหลายๆแนวรวมอยู่ด้วยกันค่ะ สำหรับเรา เราแบ่งเป็น 3 สายค่ะ




สายแรก คือ “สายยิ้ม” ค่ะ ถามไปยิ้มไป ฟังเราแล้วก็ยิ้มรับ และก็จะถามนู่นถามนี่ไปเรื่อยค่ะ สายนี้รับมือง่ายที่สุด ขอแค่มีสติ ตั้งใจฟังคำถาม ก็จะตอบคำถามได้แน่นอนค่ะ



****แต่ต้องระวังนะคะ ต้องคอยมองสายอื่นด้วย เพราะไม่งั้นสายนี้จะทำให้คุณรู้สึกว่าตอบง่ายๆ เพลิน ไม่ต้องคิดอะไร แล้วอยู่ดีๆก็จะโดนคำถามแรงๆจากสายอื่นแทรกขึ้นมา จนตั้งตัวไม่ทัน ตอบไม่ถูกละแย่เลยล่ะค่ะ




สายที่ 2 คือ “สายหาเรื่อง” ค่ะ555 หรือ “สายตั้งประเด็น” ค่ะ ชื่อสายก็ชัดเจนอยู่นะคะ สายนี้จะไม่ค่อยยิ้มค่ะ จะฟังเงียบๆแล้วก็แอบเก็บข้อมูลที่คุณตอบออกไป ไปสร้างเป็นเรื่องราวปัญหา แล้วถามว่าคุณจะแก้ไขมันยังไงค่ะ ดังนั้นเวลาที่คุณตอบออกไป ต้องมีสติรู้ตัวตลอดค่ะ ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ตรงไหนที่ตอบไปไม่ชัดเจนมีโอกาสจะถูกนำมาถามต่อสูงค่ะ การตอบคำถามของสายนี้ต้องวิเคราะห์คำถามให้ดีก่อนค่ะ ว่าจริงๆแล้วประเด็นหลักของคำถามคืออะไร และเค้าต้องการให้เราตอบอะไรน่ะค่ะ เริ่มจะต้องใช้ความคิดมากขึ้นแล้วค่ะ




สายที่ 3 สายสุดท้าย คือ สายที่น่ากลัวที่สุดค่ะ เพราะ กรรมการแนวนี้ คือ “สายฆ่า” ค่ะ สายนี้ซ่อนอยู่ในเงามืดค่ะ จะไม่พูดอะไรเลย ฟังและคอยเก็บข้อมูลอย่างเดียว เค้าจะเงียบจนคุณอาจจะลืมเค้าไปแล้วก็ได้



           สายยิ้มถามไปเรื่อยๆจนสายหาเรื่องสร้างปัญหาให้คุณแก้ขึ้นมา และเมื่อคุณตอบการแก้ไขปัญหาของคุณไปแล้ว คุณจะเจอกับสายฆ่า เค้าจะจับผิดหรือหาช่องโหว่ ในการแก้ไขปัญหาของคุณ แล้วนำมาถามซ้ำ! จี้ซ้ำ! แล้วก็ขยี้ซ้ำ! โอกาสรอดต่ำมากค่ะ555 การรับมือกับสายฆ่า ต้องใช้ “ปฏิภาณไหวพริบ(ขั้นสูง)” ในการเอาตัวรอดค่ะ หรือภาษาชาวบ้านก็ “การแถอย่างมีหลักการ” ค่ะ555 คุณต้องตอบคำถามให้ได้เร็วที่สุด ต้องตอบให้ตรงกับประเด็นที่เค้าถาม อย่าเผลอหลุดประเด็นเด็ดขาดไม่งั้นก็จะยิ่งโดนซ้ำจนหาซากไม่เจอเลยค่ะ




เกริ่นนำเรื่องการแบ่งสายกรรมการของเราไปแล้วนะคะ(แอบยาว> <) ก็กลับมาที่ห้องสัมภาษณ์ของเราค่ะ




เรามีกรรมการ 4 คนค่ะ ผู้ชาย 3 ผู้หญิง 1 จากการคาดการณ์ของเราตรงกลาง2คนเป็นผู้ชายกับผู้หญิงเป็น “สายยิ้ม” ค่ะ ส่วน2คนริมซ้ายกับขวาหน้านิ่งทั้งคู่เลยค่ะ //แค่สบตาด้วยก็แอบสั่นแล้วค่ะ ยังตัดสินไม่ได้ว่าคนไหน “สายหาเรื่อง” คนไหน “สายฆ่า” ค่ะ




คำถามแรกที่โดนก็ยอดฮิตค่ะ




“แนะนำตัวหน่อยค่ะ”  จากกรรมการหญิงตรงกลาง




“ชื่อXXX  XXXXX จบการศึกษาจากโรงเรียนXXXXXXXค่ะ” เราก็แนะนำตัวสั้นๆไปค่ะ




“เล่าประวัติเราหรือครอบครัวอะไรก็ได้ให้เราฟังหน่อยค่ะ” จากกรรมการหญิงตรงกลาง




“หนูภูมิลำเนาเดิมเป็นคนชลบุรีค่ะ บ้านอยู่ตรงXXXเองค่ะ คุณพ่อทำงานXXX คุณแม่ทำงานXXX มีพี่น้อง X คน เป็นพี่ชายค่ะ เรียนจบ บลาๆๆ” การตอบตรงนี้คือกรรมการยังไม่รู้จะถามอะไรเราค่ะ เค้าเลยให้เราเป็นฝ่ายเล่าออกมาก่อน แล้วเค้าค่อยถามจากสิ่งที่เราพูดค่ะ



            ขยายความที่เราตอบนะคะ ก็ที่เราตอบเรื่องภูมิลำเนา เพราะว่ารอบนี้ที่เข้ามาเป็นโควตาจังหวัดพิเศษที่เค้ารับค่ะ ที่บอกเรื่องที่อยู่บ้าน ก็เพราะว่าบ้านเราอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยบูรพาค่ะ จะสื่อว่าเราเดินทางมาที่นี่ได้สะดวกไม่มีปัญหาค่ะ และการที่เราได้เป็นฝ่ายเล่าเราควรทำให้บรรยากาศในห้องมันผ่อนคลายลงค่ะ โดยสร้างมุกหรือการโฆษณาเล็กๆ เรียกเสียงขำจากคณะกรรมการ อย่างของเรา แม่เราเปิดร้านซักอบรีดที่บ้านค่ะ เราก็เลยแอบโฆษณาไปว่า “คณะกรรมการท่านใดสนใจเชิญไปใช้บริการได้นะคะ” ก็ได้รอยยิ้มกับเสียงขำเล็กๆจากกรรมการทั้ง 4 คนเลยค่ะ ซึ่งลดความกดดันของเราไปมากเลยค่ะ ทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ก็ลองหาจุดนี้ของตัวเองดูนะคะ!




“ทำไมอยากมาเรียนหมอคะ” จากกรรมการหญิงตรงกลางอีกแล้ว555




“เป็นความฝันตั้งแต่เด็กค่ะ เพราะ ชอบวิทยาศาสตร์ค่ะ จนโตมาก็ได้มีโอกาสเข้าไปที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ทำให้ได้เห็นว่า อาชีพหมอ สำคัญขนาดไหน การรักษาผู้ป่วยคนหนึ่งของหมอ ไม่ใช่การช่วยแค่ผู้ป่วยคนนั้นคนเดียว แต่-ังได้ช่วยสร้างความสุขให้กับญาติของผู้ป่วย และยังได้แนะนำความรู้ด้านสุขภาพให้กับญาติๆของผู้ป่วยด้วยค่ะ ดังนั้นหนูอยากร่วมเป็นคนสำคัญแบบนั้นด้วยค่ะ” นี่คือคำตอบของเราที่ตอบออกไปตอนนั้นค่ะ ยอมรับเลยว่ามีการเตรียมตัวร่างบทคร่าวๆไปค่ะ เพราะคำถามนี้ถ้าสอบยังไงก็โดนแน่ๆค่ะ ต้องตอบให้ดูเป็นตัวของตัวเองมากที่สุดค่ะ โลกสวยเกินหรือความจริงเกินไปก็ไม่ได้ค่ะ555




“ชีวิตที่โรงเรียนเป็นยังไง เล่าการใช้ชีวิตในโรงเรียนให้ฟังหน่อย” กรรมการผู้ชายตรงกลาง(สายยิ้มค่ะ)




****เพื่อนๆก็ลองอ่านคำตอบของเราไว้ไปเป็นแนวทางได้นะคะ




“ในโรงเรียน หนูมีบทบาทเป็นหัวหน้าห้องค่ะ การเป็นหัวหน้าห้องทำให้หนูได้ดูแลเพื่อนๆ คอยเก็บงานส่ง และตามงานเพื่อนๆให้เพื่อนๆไม่มีปัญหาเรื่องคะแนนไม่ดี แล้วก็ทำให้คุณครูตรวจให้คะแนนได้รวดเร็ว ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยค่ะ”




 “ทำไมเพื่อนถึงเลือกเราเป็นหัวหน้าห้อง” กรรมการผู้ชายตรงกลางอีกแล้ว55




“คือ เดิมหนูได้เลือกจากครูให้เป็นเหรัญญิกก่อนค่ะ แล้วหนูทำผลงานในฐานะเหรัญญิกออกมาได้ดีค่ะ เทอมต่อมาก็เลยได้เลื่อนตำแหน่งค่ะ555”




“หัวหน้าห้องเป็นตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบมาก เคยอยากเลิกเป็นไหม” กรรมการผู้ชายตรงกลาง(สายยิ้มเริ่มจี้แล้ว555 แปลว่าฝ่ายหาเรื่องใกล้มาแล้วค่ะ)




“ไม่ค่ะ หนูมองว่าการที่หนูได้เป็นหัวหน้าห้องทำให้หนูได้ฝึกความรับผิดชอบ การเสียสละ และการรู้จักประนีประนอม รับฟังความคิดเห็นผู้อื่น”




“นี่ขอถามหน่อย”




เอาแล้วค่ะ งานเข้าแล้วค่ะ555 กรรมการผู้ชายด้านซ้ายที่เงียบฟังมาตลอด เริ่มเข้าโหมดทำงานแล้วค่ะ




“ในฐานะที่คุณเป็นหัวหน้าห้อง ถ้าเกิดว่า มีเงินห้องหายไป20% คุณจะแก้ไขปัญหายังไง”




นี่คือลักษณะคำถามของ “สายหาเรื่อง” ค่ะ เป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาให้คุณแก้ค่ะ




“สำหรับการจัดการของห้องหนู ฝ่ายเหรัญญิกจะมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายตลอดค่ะ ดังนั้นถ้ามีปัญหาเงินขาดเงินเกิน ก็จะสามารถเช็คได้ที่สมุดจดบัญชีค่ะ แต่ถ้าเงินส่วนนั้นหายไปจริงๆแบบที่เช็คแล้วก็หาไม่เจอค่ะ ก็จะแก้ปัญหาโดยรับผิดชอบร่วมกันทั้งห้องค่ะ ในกรณีที่หาคนผิดจริงๆไม่ได้นะคะ”




และเมื่อมี “สายหาเรื่อง” แสดงตนออกมาแล้ว “สายฆ่า” ก็โจมตีทันทีค่ะ แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกรรมการผู้ชายด้านขวาค่ะ!!!




“ถ้าคุณรู้ล่ะ! ว่าใครเป็นคนเอาเงิน20%นั้นไป รู้ด้วยว่าเอาไปใช้เรื่องส่วนตัว คุณจะทำยังไง”




........



........



สตั้น....




บอกเลยว่าจังหวะนั้นคือสตั้นไปแป๊ปหนึ่งเลยค่ะ คือ เรานึกว่ามันน่าจะจบเรื่องนั้นไปได้แล้ว เราคิดว่าเราตอบเคลียร์แล้ว แต่ก็เหลือช่องโหว่ให้โดนถามจนได้ค่ะ555




“ถ้าเป็นแบบนั้น หนูคิดว่าจะแจ้งเรื่องนี้กับครูที่ปรึกษาค่ะ การที่ให้ครูเป็นคนเข้าไปตักเตือนเพื่อนคนนั้นน่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าค่ะ” ยอมรับว่าเป็นการตอบที่ค่อนข้างแถสีข้างถลอกค่ะ55 ซึ่งดูจากสีหน้ากรรมการแล้วก็เหมือนจะไม่ค่อยพอใจในคำตอบเท่าไหร่ค่ะ //แหะๆ




“เพื่อนที่โรงเรียนเราเป็นยังไง” เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรดทำลายบรรยากาศความตึงเครียด จากกรรมการผู้ชายตรงกลางสายยิ้มค่ะ><




“เพื่อนในกลุ่มของหนูจะไม่ได้เก่งทุกด้านทุกคนค่ะ แต่ว่าเราจะเก่งกันคนละอย่างค่ะ ตอนติวอ่านหนังสือสอบก็จะได้ผลัดกันสอน เป็นการช่วยกันเรียนน่ะค่ะ”




“กลุ่มเรามีกี่คน แล้วเพื่อนๆอยากเข้าคณะไหนกันบ้าง” กรรมการผู้ชายตรงกลางค่ะ




“5คนค่ะ อยากเข้าคณะศึกษา เอกภาษาอังกฤษคนหนึ่งค่ะ วิศวะ ลาดกระบังคนหนึ่ง และก็บัญชี เกษตรอีก2คนค่ะ” เราก็ตอบไปตามจริงค่ะ ***อย่าโกหกเชียวนะคะ เพราะบางครั้งในกรรมการจะมีจิตแพทย์ด้วยค่ะ




“พ่อแม่เราเจอกันได้ยังไง” คำถามแปลกๆนี้มากจาก “สายฆ่า” ทางขวาคนเดิมค่ะ คำถามไม่รุนแรงแต่ก็เล่นเอางงๆไปเหมือนกันค่ะ ว่าจะถามทำไม555 ซึ่งตรงนี้แหละค่ะที่เค้าจะดู “สีหน้าของเราที่แสดงออกมา” พยายามรักษาสีหน้าให้ยิ้มๆไว้เสมอค่ะ อย่าเผลอชักสีหน้า ค้อนใส่เด็ดขาดนะคะ!




“ท่านเรียนที่คณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันค่ะ”




“ใครเป็นคนเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟัง พ่อ หรือ แม่” สายฆ่าถามต่อค่า




“ส่วนใหญ่ก็เล่าด้วยกันน่ะค่ะ แบบพอนึกถึงความหลังแล้วก็จะเล่าๆกันออกมาน่ะค่ะ” เราก็ตอบไปกลางๆ




“นั้นแหละ พ่อ หรือ แม่ ที่เป็นคนเริ่ม” สายฆ่ายังจี้ต่อค่ะ เราก็ไม่อาจรู้ได้ค่ะว่าต้องการอะไรจากเรา555 รักษาสีหน้าให้ปกติ แล้วก็ตอบไปเรื่อยๆค่ะ




“ส่วนมาก จะเป็นคุณพ่อค่ะ”




“แล้วสนิทกับพ่อไหม” สายฆ่าต่อค่ะ55




“ก็สนิทค่ะ”




“พ่อกับแม่สนิทกับใครมากกว่า” สายฆ่า




“สนิทกับแม่มากกว่าค่ะ คือ พ่อจะเป็นแบบตามใจหน่อยค่ะ ถ้าแม่จะเป็นแบบเข้มงวดค่ะ”




“อ้าว ก็ยังสนิทกว่าแม่มากกว่าเหรอ” กรรมการผู้ชายตรงกลาง




“ค่ะ เพราะ ยิ่งเข้มงวดยิ่งได้พูดคุยทำความเข้าใจกันบ่อยค่ะ”




ขณะที่กำลังตอบคำถามนี้ค่ะ กรรมการ “สายฆ่า” ด้านขวา ก็ลุกขึ้นมาเดินมาหยิบportจากโต๊ะเราไปดูค่ะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แล้วก็เอากลับมาคืน จริงๆน่าจะเป็นเพราะ port เราไม่มีอะไรให้สนใจอะนะคะ //ขำแห้ง




“หมดเวลาแล้วล่ะ มีอะไรจะถามไหม” จากสายหาเรื่องด้านซ้ายค่ะ




มีอะไรจะถามไหม? คือคำถามที่คุณต้องหาคำตอบค่ะ ห้าม!!! ตอบว่า “ไม่มี” เด็ดขาดค่ะ




“หนูขอถามค่ะว่า เรียนหมอใช้ฟิสิกส์เยอะไหมคะ” 555อันนี้คือโดยส่วนตัวเราเคยไม่เก่งฟิสิกส์ค่ะ แต่มันทำให้เกรดตก เลยไปทุ่มเรียนแทบตายจนเอาเกรด4มาได้ ก็เลยอยากรู้ว่าจะได้ใช้ต่อไหมค่ะ




“ บลาๆๆๆๆๆๆๆ ” กรรมการก็ตอบมายาวมากเลยค่ะ เราก็รับฟังไปค่ะ ก็ได้ใช้ต่อแน่ๆตอนปี1ค่ะ555




เราก็ลุกสวัสดีกรรมการค่ะ แล้วก็เดินออกจากห้องไป




จบการสัมภาษณ์ไปค่ะ




สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องมีคือ “สติ” ค่ะ มีสติฟังคำถามเข้าใจ ก็ตอบได้แน่นอนค่ะ

ข้อควรระวัง!!! ของคนสัมภาษณ์หมอ
การใช้คำค่ะ



หมอ หรือ แพทย์ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ ในการตอบครั้งหนึ่งควรใช้คำใดคำหนึ่งค่ะ



คนไข้ หรือ ผู้ป่วย อันนี้ก็เช่นกันค่ะ หรือไม่ก็ฟังจากที่กรรมการถามค่ะ กรรมการใช้คำไหนเราก็ใช้คำนั้นค่ะ



 
ขอให้ทุกคนสู้ๆนะคะyes



ฝากติดตามรีวิวต่างๆเพิ่มเติม ได้ที่เพจ cattor นะคะ><
https://www.facebook.com/dekpi62

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

เชื่อเราเถอะสบายใจ 9 พ.ค. 62 เวลา 20:37 น. 2

การสัมภาษณ์รอบ 3 ส่วนใหญ่ ถ้าไม่เป็นคนพิเศษจริง ๆ ก็ซื้อชุด นักศึกษาได้เลย

การสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ เป็นไปปกติ ตามระเบียบ ดูทั่ว ๆ ไป เป็นเกณฑ์

ถ้าพูดไม่ชัด อาจจะถามเชื้อชาติ สัญชาติ เป็นต้น ถ้าพูดจาสุภาพ เรียบร้อย

แต่งกายเรียบร้อย มี ครับ ค่ะ พูดเสียงชัดเจน ไม่เบา ไม่ดัง มากเกินไป

ไม่กวนอารมณ์ ไม่เว่อร์ ประมาณนี้ก็เพียงพอแล้ว

ไม่มีสายฆ่า อะไรอย่างที่บอกหรอก เพียงแต่บางคณะที่เป็น inter อาจจะมีการสัมภาษณ์

ภาษาอังกฤษ เป็นพิเศษ ไม่ต้องกังวลน่ะครับ (ถ้าไม่ได้สักลายเต็มตัว)

0
ไม่บอกอย่าหลอกถาม 16 พ.ค. 62 เวลา 19:24 น. 3

ไม่ได้เป๊ะขนาดนี้น้ะสัมภาษ ชิวๆนะจิงๆน่ะ แค่มีความเรียบร้อย พูดจาเข้าใจรู้เรื่อง ไม่ต้องตอบดีตามแพทเทินของความถนัดแพทย์ก้ได้น้ะ ไม่ต้องกังวลน้ะสัมภาษเข้ามาส่วนใหญ่ได้100%

0
nitchamon_krieng 19 พ.ค. 62 เวลา 09:20 น. 4-1

รอบ2 ใช้คะแนนpat2 50% pat1 20% gat 30% ค่ะ

และก็ต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดด้วยค่ะ คือ มีทะเบียนบ้านเเละเรียนจบในจังหวัดที่กำหนดค่ะ


ส่วนport ก็ควรมีประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ผลการเรียนรวมม.ต้น ม.ปลาย รางวัลที่ได้รับ กิจกรรมที่ได้ร่วมค่ะ

ปล.รางวัลที่ได้รับ กับกิจกรรมที่ได้ร่วม ต้องอยู่ในช่วง

ม.4-6นะคะ


0