ใครไม่เคยคิดจะยุ่งกับนิยายเลย วันนี้กลายเป็นคนเขียนซะเอง รู้สึกยังไงมั่งครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
เพราะนิยายเรื่องนี้ ถึงมานั่งเขียนนิยายในวันนี้ คุณไปไหนแล้วล่ะคนเขียน แง้ มาหลอกให้รักแล้วก็ไป #ผิดๆ555
14 ความคิดเห็น
พี่งงกะหัวข้อกระทู้น้องมากเลยอ่า
พี่อ่านนิยายอ่ะ ตอนแรกก็ไม่อยากยุ่งนั่นแหละ แต่หนังมันทำออกมาไม่จบนี่สิ งานเข้าเลย
ด้วยความอยากรู้เรื่องราวเลยต้องตามหานิยายแล้วเอามาอ่าน ติดเลยจ้า พอติดเลยเกิดความคิดอยากเขียนบ้าง เลยเขียนออกมาเลย กว่าจะคิดว่าต้องเขียนจริงจังก็เพิ่งปีที่แล้วเอง นอกนั้นก็หามาอ่านตลอดเลย
อย่าถามว่าจำชื่อนักเขียนได้ไหม ตอบเลยว่า ไม่เคยจำ ทุกอย่างอยู่ที่ชื่อเรื่องและเนื้อเรื่องเป็นหลัก เรื่องแรกที่อ่านก็เอรากอนมั้งนะ ที่จริงจังเลย จีนโบไม่เคยคิดจะอ่าน พออ่านดันติดซะงั้น
ประมาณนี้แหละ
แก้แป๊บนะครับ555
เฉย ๆ กับนิยายมากนะตอนแรก พอลองเขียนแฟนฟิกก็รู้สึกว่าเรานี่อัจฉริยะชัด ๆ
เรานี่ละจะเปิดมิติใหม่วงการนิยายไทย แต่พอได้เปิดกะลาก็พบว่า เรามันกระจอก
ถ้าพูดความรู้สึกที่ได้เขียนนิยาย ก็คงมีแต่ความเศร้าที่ตนไร้สามารถ
ท่าน สู้ๆ
ยอมรับว่าแต่ก่อนเราไม่ถูกจริตกับนิยายค่ะ เห็นเพื่อนอ่านแล้ว มีแต่ตัวหนังสือยั้วเยี้ยทั้งหน้า
ไอ่เราก็มานั้นงงว่าทนอ่านไปได้ยังไง พอมาอ่านเอง ความรู้สึกประมาณว่า โธ่!! ฉันน่าจะอ่านตั้งแต่แรก
จับมือครับ5555
(ก่อนเริ่มเขียน)
แม้จะเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเขียนเองเลย ขนาดเรียงความยังเขียนได้ป่วยจนครูกุมขมับ เรื่องเขียนนิยายนี่คงไม่ต้องพูดถึง
(หลังเริ่มเขียน)
ไม่น่าเลย...ไม่น่าหลวมตัวเข้ามาในวงจรนี้เลย อ่านอย่างเดียวก็ดีอยู่แล้วแท้ ๆ!
คงจะอดนอนมานาน นอนน้อยจนคิดมากขนาดนี้5555
ไม่นานเลย ตั้งแต่เริ่มเขียนนิยายมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะประมาณปีครึ่ง แต่เริ่มจะหลงลืมทางกลับห้องนอนตัวเองแล้วก็เท่านั้นเอง
มันมีพลังงานบางอย่างที่เราสัมผัสได้ มันดึงเราไว้กับคอมม์แล้วก็แป้นพิมพ์...
....อย่าออกไปไหนนะ..จงจม...จ่อมในนิยายต่อไป...
"เสียงกระซิบจากตัวละครที่ยืนอยู่ข้างหลังคุณ"
ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบที่น้องถาม
คือตั้งแต่เด็กแล้ว พี่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ (ที่ไม่ใช่หนังสือเรียน) เดินเข้าห้างกับแม่ เด็กคนอื่นวิ่งเล่น พี่จำได้ว่าตัวเองตอนห้าถึงหกขวบเดินดุ่มๆไปที่แผงหนังสือ (พ่อแม่วิ่งตามจ้าละหวั่น) แล้วก็หยิบพวกนิทานขึ้นมาอ่าน
โตมาขึ้นประถม กินข้าวกลางวันเสร็จ ก็จะรีบไปห้องสมุด ไปอ่านนิทานพื้นบ้าน 4 ภาคบ้าง จักรกลร่างกายบ้าง ขึ้นชั้นประถมปลายมาเริ่มเก็บเงินซื้อหนังสือเอง
ที่มาเขียนนิยายนี่ก็ตั้งแต่ประถม วาดการ์ตูนให้เพื่อนอ่าน แต่วาดไม่เก่ง เลยเบนเข็มมาลองเขียนให้เพื่อนอ่านดู ประกอบกับตอนเรียนม.1 มีวิชาส่งเสริมการอ่าน ที่โปรเจ็กต์ใหญ่คือแต่งนิยายให้ครูอ่านพอดี แค่นั้น...
ผมก็ชอบอ่านครับ โตมาก็มาเขียนบ้าง
งั้นเราคงเป็นคนทะเยอทะยานมั้ง อ่านปุ๊บอยากเจียนปั๊บเมื่อพอรู้เรื่อง 55555
สมัยประถมผมเลวมาก อ่านหนังสือ โดดเรียนไปอ่าน งานยัดเข้าใต้โต๊ะ คือพอคนดีๆ มาพูดงี้แล้วผมอาย55555
นี่ก็ไม่ใช่เด็กเรียนอะไรขนาดนั้นนะ หนังสือนอกเวลาน่ะอ่านได้อ่านดี หนังาอเรียนอ่านแค่ตอนก่อนเข้าห้องสอบ ปีนรั้วโรงเรียนหนีอาจารย์ก็ทำมาแล้ว 55555
ปีนหนีต่อหน้าเลยอะเหรอครับ55555
ก็อาจารย์มาตาม 5555555555
เป็นคนอ่านจริงจังตอน10นิดๆแต่อ่านหนังสือเรียน เป็นคนเรียนจริงจังกับการเรียนมาก อ่านพวกบทความบทวิเคราะห์ ตอนป.ตรีรายงานแน่นมาก ข้อมูลไม่พร้อม ไม่มีฐานที่ดี อาจารย์ก็ไม่ปล่อยค่ะ
จนตอนต่อจีน ต้องเรียนภาษา๒ปีก่อนต่อโท คราวนี้แหละค่ะต้องอ่านนิยายเพื่อฝึกภาษา หลังจากนั้นอ่านนิยายจีนมาตลอดจนมีจับกลุ่มบ้าอ่านนิยายกับเพื่อนเรียนโทด้วยกัน
พอมาเป็นผู้เขียนก็งง ๆ
ง่าย ๆ คือ ปัญหาของคนหลายภาษาค่ะ ที่ไม่ได้เขียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก
จะว่าไปช่วงก่อนป.ตรีก็มีอ่านเพชรพระอุมานะคะ แต่ไม่จบ๔๘เล่ม ตอนนี้เลยมานั่งเก็บอ่านค่ะ
มุมานะจังเลยครับ ปรบมือ^^
สมัยเด็ก เคยแต่งการ์ตูนกับเพื่อนนักเขียนด้วยกัน คนหนึ่งร่างพลอต คนหนึ่งวาด เราก็เป็นทั้งฝ่ายออกแบบคาแรคเตอร์ให้ตัวละคร
นิยายหรือ...อ่านจนสนิทกับบรรณารักษ์ห้องสมุดทั้งโรงเรียนและมหาลัยฯ ตามเก็บนิยายวันศุกร์ขนกลับบ้านเป็นถุงๆ กลับไปนอนแอ้งแม้งสบายใจ
แบ่งนิยายอ่านกับคุณพ่อ บางวันตื่นมายังเห็นพ่อนอนอ่านนิยายอย่างเดิม
"ขอป๊าทำวิทยานิพนธ์เล่มนี้ให้จบก่อน" แล้วเราก็หัวเราะกันสองคนพ่อลูก
ในบ้านมีหนังสือเยอะมาก ตั้งแต่จักรวาลปืนของพ่อ นิยายแปลของสุวิทย์ ขาวปลอด ตะวันบางกอก จนกระทั่งนิยายเล่มๆของคุณย่าที่เก็บเรียงไว้เป็นแถวๆเต็มชั้นหนังสือในห้องนอนของแก
เรียกว่าโตมากับนิยายก็ว่าได้ แต่ก็ไม่เคยลองเขียนเองสักทีค่ะ
ปีนี้..มกราคมนี้เป็นปีแรกที่เริ่มต้นจับงานเขียนจริงๆ :)
หลงเข้ามาเส้นทางนี้แล้ว...มันไม่มีทางออกหรอกค่ะ นอกจากเราจะปิดตัวเองจากคอมม์
มันเจอสิ่งที่รักแล้ว...มันก็ไปไหนไม่รอดละน้า... :)
วงการนี้เข้าแล้วมันออกยากครับ555
คุณพ่อน่ารักอะ555
เข้ามาอ่านของท่านอื่น...
ส่วนตัวไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลยแฮะ โตมาในบ้านที่มีแต่หนังสือ พอเริ่มอ่านออกก็ลุยอ่านมาเรื่อยๆ มารู้ตัวว่าเขียนได้ดีก็ตอนเขียนเรียงความแล้วครูชม จากนั้นก็ปล่อยพลังคอสโม่นี้(?)ให้เป็นไปอัตโนมัติ เริ่มจากงานเขียนกระจุ๋มกระจิ๋มที่แบ่งกันอ่านในหมู่เพื่อน แล้วก็ข้ามไปแข่งแต่งกลอนกับแข่งเรียงความได้สูสีกับเด็กสายศิลป์ทุกปี จนมาเขียนนิยายเลยรู้สึกว่าการเขียนไม่ได้ยากจนทรมานเพราะใจวนเวียนกับทางสายนี้มาตั้งนานแล้ว
//มาตอบแบบมงลงมาก ดิฉันจะถูกทุกคนในที่นี้ค้อนใส่ไหมคะ?
มงลง???
คำกลอนนี่แบบ จำได้ตอนเด็ก ๆ เกลียดมากค่ะ
เราจะโอเคกับเลข เลยผลัดกับเพื่อนค่ะ
เพื่อนที่เก่งกลอนแต่งให้ตอนมีงาน
ส่วนเราสอนเลข สอนวิทย์ ให้เพื่อนลอกการบ้านค่ะ
นิสัยแย่แต่เด็กมาก ๆ
แล้วตอนเรียนดีใจมากที่เลือกคณะที่เขียนแบบไม่ต้องบรรยายให้สวยงาม มาจนงานที่ทำ
แต่มาตายรังตอนนี้ค่ะ แต่งกลอนได้ง่อยมากค่ะ
ผมแต่งกลอนพอได้ครับ วิทย์ได้ สังคมได้ อังกฤษได้ คณิตกับพละนี่ไปไกลๆ555
อยากเรียนห้องเดียวกับคุณณริสาขึ้นมาเลย จะยินดีแต่งกลอนให้แลกกับการบ้านวิชาเลขทุกวันเลยค่ะ ฮ่าๆๆ ทางนี้เด็กวิทย์ เคมีพอเอาตัวรอดได้ ชีวะชอบมาก แต่เลขกับฟิสิกส์นั้นอื้อหื้ออย่าให้บรรยาย (แล้วแกเรียนสายวิทย์เพื่อ?)
เราก็โตมากับหนังสือค่ะ...หนังสือการ์ตูนและเกมของพ่อ 55555 #นี่อาจเป็นสาเหตุที่แม่ไม่สนับสนุน #กลัวลูกงานอดิเรกเยอะจนการเรียนเสียแน่นอน
@คนหล่อ สงสัยอะไรคะลูก มงกุฎลงหัวสิคะ ตอบได้ดีเหมือน born to be มา คุณค่าที่คุณคู่ควร ;)
ไม่อยากจะพูดเลยว่านั่นคือสมัยประถมด้วยค่ะ
แววนักเขียนไม่มีมาแต่เด็กค่ะ
@คุณหอยทาก ท่าจะจริงนะคะ พอจับหนังสือแล้วสติเราหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยแถมเกมก็เป็นตัวดูดเวลาชั้นดี ที่บ้านเราพ่อแม่ไม่ห้าม เขาคงคิดว่าปล่อยให้เล่นจนเบื่อพอโตมาจะได้สนใจเรื่องนี้น้อยลง แต่คุณคิดผิดค่ะ! ฮ่าาาา ทุกวันนี้ลูกบ้านนี้ยังขนเกมขนหนังสือเข้าบ้านไม่หยุด
ตอนแรกเฉยๆค่ะ มีอ่านก็อ่าน ไม่มีอ่านก็ไม่อ่านค่ะ พอได้อ่านนิยายแนวแฟนซีฝรั่ง และของที่อื่นแล้ว ก็อยากเขียนขึ้นมาบ้าง ถามว่ารู้สึกอย่างไร คงตอบว่า ตื่นเต้นดีค่ะ แต่ก็ต้องเสียเวลามาคิดชื่อเรื่อง คิดพล็อตเรื่องอีก ไหนจะเขียนโครงเรื่องอีก โอ้ยยย ปวดหัวๆ เข้าใจความรู้สึกของคนเขียนเลยค่ะ แต่ก็ต้องทำนะ เพราะตัวเฮาเองก็อยากเขียนขึ้นมาบ้างน่ะ
มันก็สนุกอยู่นะครับ555
มันเริ่มจากการเกลียดเลยครับ ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นไม่ชอบอ่านหนังสือ เห็นมีช่วงหนึ่งนิยายวัยใสๆ กำลังเป็นที่นิยมในมวลเด็กประถมปลาย เราเองก็เห็นเพื่อนอ่านแบบติดมากๆ ในหัวตอนนั้นคิดว่า
"สนุกเหรอ?" "วันๆ ไม่ทำไรรึไง?" "ยิ้มอะไรขนาดนั้น?" "โลกสวยไปมั้ง?" ฯลฯ
ผมน่ะเคยอยู่สายดูมาก่อน สายละคร สายหนังผี จนมาเห็นว่าละครที่ดูมาจากนิยายนะ ก็โดนเพื่อนป้ายยาตั้งแต่ตอนนั้นครับ (ฮา) พออ่านเข้ามากๆ ก็เริ่มเบื่อเซ็งกับพล็อตเดิมๆ ซ้ำซาก เดาทางออกตลอด เลยเริ่มเขียนเองหลังจากนั้นครับ ประมาณว่าได้แรงบันดาลใจอยากเขียนด้วย ฟีลลิ่งบอกตัวเอง I won't be silenced ฉันจะไม่อยู่เฉยๆ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง!! มาถึงขั้นนั้นก็เริ่มเขียนครับ 55555
พอมองย้อนกลับไปก็เชื่อครับว่า "เกลียดอะไร ได้อย่างนั้น" ทำนองนี้ครับ
หลังๆ ก็รู้สึกว่าจริงจังมากขึ้น ได้ย้อนอ่านสำนวนตัวเองตอนนั้นก็อดขำไม่ได้จริงๆ เขียนไปได้ยังไงวะ? อะไรเทือกนั้นน่ะครับ
ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง ลั่น555
ในสมัยก่อนราวๆ 2-3 ปีที่แล้ว อยากมีเพื่อนเยอะๆ จึงพยายามศึกษาพวกสื่อบันเทิงหลายๆ แบบเพื่อที่จะคุยกับคนได้หลายประเภทถึงเรื่องที่พวกเขากำลังสนใจ เริ่มดูซีรีย์ หนัง ละคร การ์ตูน ดูทุกแบบทุกแนว จนมาหยุดอยู่หมวดนิยาย ซึื่งไม่กล้าอ่าน เพราะมีแต่ตัวหนังสือเต็มไปหมด เราก็ไปคิดว่าจะไปสนุกได้อย่างไร.. แต่สุดท้ายเพราะอยากพูดคุยกับคนได้ทุกแบบ เราจึงเริ่มอ่าน
หลังจากเริ่มอ่านนิยายอยู่สักพัก ก็เริ่มเข้าใจว่า อ่อ... นิยายมันสนุกอย่างนี้นี่เอง และเริ่มติด อ่านไปหลายเรื่องมากตอนนั้น เริ่มผันตัวจากนักอ่านเงา กลายเป็นนักอ่านที่คอมเม้นท์ให้กำลังใจหรือติชม..
และจากผันตัวในครั้งนั้น ทำให้เรากลายเป็นนักเขียน...
เพราะว่า มีคอมเม้นท์หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจากผู้เขียน หรือแฟนคลับของเขา บอกเราว่า... " ถ้าไม่พอใจ ไม่ชอบ ก็ไปเขียนนิยายเองสิ "
และนั้นเอง ทำให้เรากลายมาเป็นนักเขียน เพราะเราไม่ชอบการโดนท้าทาย น่ะวัยในตอนนั้น และเริ่มเขียนตั้งแต่นั้นมา..
ซึ่งพอ เขียนไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มชอบ สนุกไปกับสิ่งที่เขียน พอได้ติดอันดับก็ดีใจ แล้วก็กลายเป็นหลงระเริงไปกับมัน เหมือนเย้ยหยันให้กับพวกที่ไล่เรามาแต่ง
สุดท้ายก็มาถึงจุดหนึ่งที่นักเขียนต้องเป็น และเริ่มรู้ว่าการเป็นนักเขียนมันไม่ง่าย ต้องจัดการชีวิตจริง และเมื่อไม่ลงตัวก็ติดขัด ขาดตอน และ เข้าสู่อาการตัน แล้วเริ่มวัฎจักรของนักเขียนผู้หน้าเศร้า ตัน ดอง เปิดเรื่องใหม่ เป็นเช่นนั้นมาตลอดหลายปี พยายามแล้ว พยายามเล่า ก็ไม่สามารถเขียนให้จบได้ จนแต่งไป30เรื่องแล้วหรือมากกว่านั้นที่ลบไป
จนต้องเปลี่ยนนามปาก เป็น ตอน อวสาน เพื่อผลักดันให้ตัวเองเขียนจบและมี ตอน อวสาน กับเขาบ้าง..
ถ้าไม่มีคอมเม้นท์ไล่ให้ไปแต่งเองตอนนั้น เราคงไม่ได้เริ่มเขียน และหลงรักมันจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะยังเขียนไม่จบสักเรื่องก็เถอะ ^^ แต่สักวันมันต้องจบแน่นอน
สวัสดี
ล้ำลึกเหลือเกิน สวัสดีครับผม
ไม่น่าเลย ไม่น่างอแงขอให้แม่ซื้อนิยายมาให้อ่านเลย TT
อ่านอย่างเดียวไม่พอ เกิดคึกอยากลองเขียนแบบเขาบ้าง แล้วแม่ก็สนับสนุนให้เขียนด้วยค่ะ สมัยนั้นก็เขียนแบบไฟลุกโชนเลย //ตัดภาพมาที่ตอนนี้ซึ่งไม่มีไฟลุกโชนแบบนั้นแล้ว...
พอจะเลิกเขียนก็ทำไมได้ วงการนี้เข้าแล้วออกยากจริงๆ ค่ะ5555
แต่ก็นะ ใจมันรักไปแล้ว ฮิ้วว
ใช่ครับ ใจมันรักไปละ555
เริ่มต้นอ่านนิยายสมัย ป.4 ได้มั้ง ตอนนั้นโดนเพื่อนผู้หญิงในห้องยัดนิยาย 7's ก่อนหน้านี้ไม่อยากอ่านเลย มันดูเยอะ ๆ แต่แล้วก็กลับรู้สึกว่าน่ารักดี เลยหยิบนิยายมาอ่านมากขึ้น จากโรแมนซ์แจ่มใสก็เป็นแฟนตาซีสถาพรอย่าง หัวขโมยแห่งบารามอส เซวีน่า ฯลฯ ก็ค้นพบตัวเองว่าชอบแฟนตาซี แต่สุดท้ายก็จบลงตรงตรวจงานนิยายวายให้แฟน 555
เริ่มอ่านนิยายเร็วจัง555
เพื่อนผู้หญิงยัดมาอะครับ ปนกับตอนนั้นชอบอ่านการ์ตูนช่องด้วย เห็นเธอชอบก็รู้สึกอยากอ่าน
ผมก็โดนเพื่อนเหมือนกัน เปิดอ่านสนุกดี555
บอกเลยคับ
ไม่ชอบอ่านนิยาย แต่ชอบอ่านการ์ตูน
ผมก็เคยแต่งการ์ตูนนะ แต่การวาดมันใช้ Effort ที่เยอะเกินคับ
ก็เลยหันมาแต่งนิยายแทน และต้องจำใจอ่านนิยายอื่นๆเพื่อหาเท็คนิคคับ TwT
ยินดีที่ได้พบครับ^^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?