Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

น้องเคยคิดไหมคะ? ว่าจะดีแค่ไหน ถ้ามีวิชาที่สอนการเป็นผู้ใหญ่!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขออย่าพึ่งเข้าใจผิดกับหัวข้อ! แต่เรื่องที่อยากจะเล่าและแลกเปลี่ยนความคิดกันว่า มันจะดีแค่ไหนถ้าโรงเรียนของเราไม่ได้สอนแค่บทเรียนอย่างเดียว แต่สอนการเป็นผู้ใหญ่ให้เราด้วย! เพื่อนฟังดูเราอาจจะเกาหัวเบาๆ แล้วเริ่มคิดว่าการที่จะเป็นผู้ใหญ่จริงๆมันจำเป็นต้องสอนกันด้วยหรอ?

นอกจากเรื่อง Sex การสืบพันธุ์และป้องกันโรคและการท้องไม่พร้อมของวัยรุ่น มันมีเรื่องอื่นไหม? ที่จะสอนเราให้เป็นผู้ใหญ่ ผู้เขียนไม่ได้จะสื่อว่าการที่จะเป็นผู้ใหญ่ นอกจากเรื่องเพศสัมพันธุ์แล้ว มันยังมีเรื่องอื่นอีกไหม ที่จะควรจะสอนเราในอนาคตด้วย...

          มีคนกล่าวว่าการที่เราจะเติบโตขึ้นได้ เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า ก็ต้องเผชิญกับปัญหาและเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านมันไป… มันจะสอนคนให้แข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้

        ผู้เขียนส่วนตัวก็ไม่ได้ขัดอะไรก็เห็นด้วยทุกอย่าง… แต่ลองคิดกลับดูว่าเมื่อมีคนเคยเจอเห็นการที่ผิดพลาดและเรียนรู้ คนรุ่นหลังจำเป็นที่ต้องเผชิญด้วยหรือ? จริงๆแล้วก็ไม่… เมื่อมีคนที่พลั้งพลาด มนุษย์ก็จะเรียนรู้และจดจำเป็นบทเรียน เลือกที่จะทำตามสิ่งที่เห็นว่าดีหรือไม่ทำตามในสิ่งที่ผิดอยู่แล้ว

          เราเองก็เป็นคนรุ่นใหม่เป็นวัยรุ่นที่ก้าวผ่านเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ (ผู้เขียนอายุ 20 ปี) จากนักเรียนมัธยมเข้าสู่มหาวิทยาลัย การดำเนินชีวิตและการเรียนย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้เขียนก็มีความกลัวอยู่ในใจ เพราะเรากำลังจะเปลี่ยนไปใช้ชีวิตในอีกสังคมหนึ่งที่เราไม่เคยรู้จัก… แต่นอกเหนือจากการที่เราต้องไปใช้ชีวิตในสังคมที่เปลี่ยนไป ผู้เขียนก็เพิ่งมารู้ว่ามีหลายสิ่งที่เรานั้น ยังไม่รู้อีกมากมาย โดยเฉพาะการเป็นผู้ใหญ่ที่มากขึ้น

        โดยส่วนตัวก็ไม่มีประสบการณ์ชีวิตที่มากมาย แถมยังเป็นพวกที่คลุกตัวอยู่กับบ้าน เพิ่งมารู้ว่าการที่เราต้องดูแลตัวเอง มันมีหลายเรื่องมาก นอกจากการเรียน สังคม เพื่อน มันยังมีเรื่องอื่นอีกด้วย เช่น การทำใบขับขี่ การทำธุรกิจทางด้านการเงินนั้น ก็ยังมีเรื่องที่ง่ายๆที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป ก็คือ โตแล้วต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้างเรื่องง่ายๆเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้ามไป... เพราะเราโตขึ้นก็ไม่มีใครที่จะมาบอกและดูแลเราแล้ว เรื่องๆง่ายๆที่ใกล้ตัวที่หลายคนมองข้ามไป อย่างเรื่องการฉีดวัคซีน...
         
ซึ่งเนื้อหามากจากเพจ Facebook : HonestDocs ออเนสด็อคส์ คุณหมอมือถือ ขอขอบคุณด้วยนะคะ ซึ่งตัวผู้เขียนก็เพิ่งไปฉีดวัคซีนกักบาดทะยักมาหยกๆ ก็สงสัยขึ้นมาว่า… “เอ๋?.... แล้วเราต้องฉีดวัคซีนอะไรด้วยหรอ แล้วมันต้องฉีดอะไรบ้างล่ะเนี่ย?” แล้วบังเอิญเพื่อนของผู้เขียนก็ได้แชร์เพจนี้มาบนไทม์ไลน์ ทำให้รู้ว่าเราต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง โดยสรุปก็มีวัคซีนดังนี้

        วัคซีนป้องกัน เชื้อ HPV โดยการฉีดวัคซีนนี้ก็เพื่อ ป้องกันเชื้อ HPV ที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก หูดหงอนไก่

        วัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะผู้มีความเสี่ยงที่ควรฉีดนั้น คือ กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่ม ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป สตรีตั้งครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป ผู้ป่วยโรคธารัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

        วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ผู้ที่มีความเสี่ยงความฉีด คือ ผู้ใหญ่ควรที่จะได้รับวัคซีนกระตุ้นทุก 10 ปี เด็กและวัยรุ่นที่ยังไม่รับวัคซีนตอนชั้น ป.1 คนที่มีบาดแผลหรือแผลไหม้ และสตรีมีครรภ์ อายุ 27-36 สัปดาห์
       
นอกจากนั้นก็มีวัคซีนงูสวัดและวัคซีนปอดอักเสบ ส่วนรายละเอียดไปดูเพิ่มเติมที่เพจ honestdocs ออเนสด็อคส์ คุณหมอมือถือ

เพื่อนๆ เริ่มจะเห็นได้แล้วใช่ไหม… ว่าแค่เรื่องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว อย่างการฉีดวัคซีนบาดทะยัก ส่วนใหญ่ทุกคนก็มักจะฉีดกันแล้วตอนที่อายุประมาณ 12 ปี อย่างที่อ่านไปทุกๆสิบปีต้องฉีดกระตุ้น ไม่อย่างนั้นวัคซีนที่เราไม่ได้ฉีดก็จะไม่สามารถที่จะปกป้องเราได้อีก!
ซึ่งเราต้องเริ่มฉีดใหม่อีกจาก 1 เข็ม กลายเป็น 3 เข็ม (ไม่ทราบว่าข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมาล่วงหน้านะคะ) และแน่นอนเราคงไม่อยากจะกลับไปเริ่มฉีดใหม่กันอย่างแน่นอน วิธีจำที่ง่ายคือทุกๆสิบปีของเรานั้นต้องมาฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักนี้
       


เมื่อทุกคนที่ยังมีชีวิตรอดจากเนื้อหาที่ยาวเหยียดนั้นมาได้… ขอเข้าสู่การแลกเปลี่ยนความคิดกันบ้าง ว่าถ้ามีวิชาที่สอนเราเป็นผู้ใหญ่ได้นั้น… เราควรจะได้เรียนอะไรกัน?!
        แน่นอนผู้เขียนก็ไม่ได้หวังว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทำงานกระทรวงการศึกษาจะได้มาอ่านบทความนี้ แล้วกลับไปคิดต่อยอดและนำมาพิจารณามาเป็นหลักสูตรในกระทรวงการศึกษาอย่างแน่นอน…  แต่ผู้เขียนก็แอบมีความหวังว่าสักวันหนึ่งถ้าเกิดการเรียนจากสอนไม่ได้เน้นแต่วิชาการ แต่อนาคตถ้าเราสอนการเป็นผู้ใหญ่ สอนที่จะให้เยาวชนของชาติในอนาคตเติบโตขึ้นไปได้อย่างคุณภาพ ทั้งด้านการดำรงชีวิตและคุณธรรมด้วยคงดีไม่น้อยเลย…

พอหันกลับมามองปัจจุบันนั้น ถ้าถามถึงตัวของผู้เขียนว่าถ้าเกิดขึ้นจริงขึ้นมา นอกจากเหนือจากวิชาการ อยากให้โรงเรียนได้สอนอะไรบ้าง จากการศึกษาหาข้อมูลและประสบการณ์ในชึวิตจริงและจากการท่องเที่ยวโลกอินเทอร์เน็ตนั้น… ก็ทำให้ได้ทราบว่าทำไมกระทรวงการศึกษา ถึงไม่มีหลักสูตรการวางแผนทางด้านการเงินให้กับนักเรียน

          เปิดฉากมาก็พูดเรื่องเงินเลย (ฮ่าๆ) แน่นอนเรื่องเงินๆทองๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกวันนี้เด็กอายุ 3 ขวบ ก็เริ่มใช้จ่ายเงินได้ด้วยตัวเอง ถึงนักเรียนบ้างจะได้ทำงานหาเงินด้วยตัวเอง แต่นักเรียนส่วนใหญ่ก็ต้องได้รับเงินจากผู้ปกครอง มาใช้จ่ายในการเรียนและชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ถึงจะมีการปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการออมเงิน แต่ก็ไม่มีการสอนการวางแผนใช้จ่ายในอนาคตเลย? ทั้งๆที่ในอนาคตนอกจากการทำงานหาเงิน ใช้จ่ายและออมสิน ก็ไม่ได้สอนว่าอนาคตช่วงอายุนี้คุณต้องวางแผนใช้จ่ายอะไรบ้างและที่สำคัญเลย ทำอย่างไรเงินออมของเรานั้นจะงอกเงยออกดอกออกผลให้กับเราได้…

          หรือถ้าจะพูดก็คือ นอกจากทำงานงานหาเงิน ออมเงิน การวางแผนการลงทุนล่ะ? ทำไมถึงไม่สอน? ฟังดูอาจจะใหญ่เกินตัวในช่วงวัยนี้จะเข้าใจและตระหนักถึง แต่การที่เราพูดและสอนอย่างน้อยก็ทำให้พวกเขารู้ว่า ต่อไปคุณควรจะวางแผนทางด้านการเงินอย่างไร…
ถ้าจะให้นักเรียนมานั่งฟังว่า คุณต้องออมเงินไว้ทั้งไว้ลงทุนและเพื่อมีกรณีฉุกเฉิน การลงทุนในกองทุน ธนบัตร หรือหุ้น ก็คงจะยากเกิดไปในวัยของเขาที่จะเข้าใจได้ แต่ถ้าสอนในภาพรวมล่ะ อธิบายเหตุการณ์ที่ทุกคนต้องเผชิญและทำให้ตระหนักว่าการวางแผนทางด้านการเงินมันสำคัญแค่ไหน….

ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆขึ้นอีกนิด ก็คือตอนคุณทำงานในช่วงวัยผู้ใหญ่ คุณได้วางแผนว่าตัวเองเมื่อตอนเกษียณแล้วหรือยัง? คุณจะมีเงินดูแลตัวเองและครอบครัวหรือไม่? หรือคุณจะทำงานไปจนแก่จนตาย?! พอลองกลับหันมามองผู้สูงอายุในสังคม ทุกวันนี้ก็ต้องทำงานหาเงิน สถานะภาพทางการเงินที่ขัดสน ต้องเลี้ยงดูครอบครัวและลูกหลานของตัวเองอยู่ทุกวัน ทั้งๆที่ตัวเองก็แก่มากขึ้นและโรคภัยก็ถามหาไม่ขาด… แต่ทำไมชีวิตของฉันต้องมาทำงานหนัก ทั้งๆตอนทำงานเงินเดือนของฉันก็มากมาย ไม่ได้น้อยนิดก็ตาม… ทำงานหนักจนร่างกายทรุดโทรม เงินที่หามาได้ก็ต้องเอาไปรักษาตัวอีก…

ซึ่งนั้นเป็นเหตุการณ์จริงในสังคม พอคิดได้อย่างนั้นมันอาจจะหมายถึงการวางแผนอนาคตของเรามันมีปัญหาหรือไม่? โดยเฉพาะทางด้านการเงินตั้งแต่เริ่มต้นนั้นมีปัญหาตั้งแต่เรา ทำงานหาเงิน อดออมก็จริง แต่ทำไมก็ยังมีปัญหาอยู่ เงินอดก็หดหาย ดอกเบี้ยที่หวังจะใช้ในตอนแก่ก็น้อยนิด แทบจะไม่พอ!

          ซึ่งหากเราสอนการวางแผนทางด้านการเงินตั้งแต่ยังเด็ก อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้ตระหนักว่าเขาควรจะวางแผนทางด้านการเงินอย่างไร ถ้าอยากจะไม่ต้องทำงานหนักตอนอายุมาก อยากเกษียณในช่วงเวลาอันสั้น ฐานะทางการเงินไม่ขัดสน สามารถดูแลตัวเองได้ แล้วเอาเวลาที่เหลือไปช่วยเหลือสังคม มันจะดีมากแค่ไหนกัน?
          หากคนอ่านได้อ่านมาถึงจุดนี้แล้วคิดตามนั้น ก็ลองนึกภาพดูว่าตัวคุณและสังคม มีการวางแผนทางด้านการเงินที่ดีมาตั้งแรก ชีวิตของคุณและสังคมจะเป็นอย่างไร

แล้วเพื่อนๆทุกคนล่ะ คิดอย่างไร ถ้าหากมีวิชาที่สอนเป็นผู้ใหญ่ อยากให้มีวิชานั้นสอนอะไรบ้าง? แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้นะ ไม่มีถูกหรือผิด

แสดงความคิดเห็น

>