เปลี่ยนจากเด็กอ่อนคณิตเป็นเด็กที่สอบคณิตได้คะแนนสูงอันดับต้นๆของห้อง
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนประถมจ๋าเรียนโรงเรียนวัดค่ะ ไม่เคยไปเรียนพิเศษที่ไหนเลยเพราะทางบ้านไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็โชคดีที่ได้รับทุนการศึกษาทุกปี
พอจบ ป.6 พี่มาสอบเข้าที่โรงเรียนในร้อยเอ็ด ไม่ได้ไปติวเลย พี่ติวด้วยการซื้อหนังสือคู่มือเตรียมสอบเข้า ม.1 มาเล่มหนึ่ง(เล่มละ 200 บาท)ที่เป็นรวม 5 วิชา คณิต วิทย์ อังกฤษ ไทย สังคม
พี่ก็ทำโจทย์ค่ะ(โดยเฉพาะวิชาคณิต เต็ม 100
พี่ได้อยู่ 55 นี่ล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า) จากนั้นเวลาดูเฉลยเราก็จะมีสมุดอีกเล่มไว้จดข้อมูลข้อที่เราผิดและไม่รู้ค่ะ listไว้เป็นรายการๆเลย เช่น
สังคมศึกษา
-นายกรัฐมนตรีคนแรก คือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา
-บิดาแห่งกฎหมายไทย คือ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
(ตอนนั้นที่โรงเรียนเก่าพี่ด้วยความที่เป็นโรงเรียนรัฐ การแข่งขันไม่สูงพี่ก็ไม่รู้จักเทคนิคการจดอะไรมาก ใช้การลิสต์อย่างเดียว)
พอถึงเวลาซัก 1 - 2 วันก่อนสอบเราก็เอาเเต่ลิสต์มาอ่านค่ะ
เชื่อไหมคนสอบ 360 กว่าคน โรงเรียนรับ 195 พี่สอบได้ที่ 8 ตอนนั้นคือภูมิใจมากว่า เราพยายามมาได้ขนาดนี้ ได้อยู่ห้องคิง เจอเพื่อนใหม่ๆ ตอนนั้น happy มาก
เพิ่งมารู้ตัวตอนเรียน เพื่อนเขาเก่งกันมาก!! แบบแต่ละคนก็ไปกวดวิชากัน ทุกวันเสาร์บ้าง บางคนก็วันอาทิตย์ด้วย (ตอนนั้นเหมือนยืนงงในดงดอกท้อ อะไรมันจะไปเรียนมากขนาดนั้น!!!) พี่ไม่ได้เรียนพิเศษค่ะ และที่สำคัญพี่ไม่เก่งคณิตด้วย!!!
บวกกับการจดเลคเชอร์ในห้องเรียนพี่ไม่เคยจด ดังนั้นก็ไปแทบไม่เป็นสิคะ ล้มลุกคลุกคลานไป 1 ปีเต็ม!
พอมา ม.2 ทีนี้พี่จับจุดได้เเล้ว
>>>ทีนี้ก็มาดูเทคนิคกันเล้ย! <<<
1)ตอนปิดเทอมจะขึ้น ม.2 พี่ศึกษาคลิปจาก YouTube ที่เขาสอนคณิตศาสตร์แล้วก็ยกตัวอย่างโจทย์ค่ะ (ที่ดูบ่อยที่สุดน่าจะคลิปของ Nestlé คือพี่คนสอนเขาก็อาจจะพูดเร็วไปบ้างเราก็ปรับความเร็วเอาเป็น 0.75 ตอนนั้นเห็นคอมเมนต์ใต้วิดีโอชอบว่าว่าคนสอนพูดเร็ว อาจจะตรงนี้ด้วยที่สงสารคนสอนก็เลยขยันดูมาเรื่อยๆเกือบ 2 สัปดาห์ แหะๆ)
2)พี่ใช้เว็บที่เขายกตัวอย่างโจทย์เอาโจทย์มาลองทำดูแล้วก็เอาสมุดอีกเล่มหนึ่งมาตีตารางคอยเขียนคะแนนว่าแต่ละครั้งได้เท่าไร ใช้เวลาไปกี่วิ กี่นาที
3)เล่มเกมคำนวณบ่อยๆ มีเว็บหนึ่งที่เปิดเข้าไปมันจะมี list รายการให้เลือกเข้าชมไซต์แต่ละหน้าของเว็บ (ไม่แน่ใจว่าเป็น mathmethod, mathpaper หรือ funmath) มันจะเป็นเกมวางบ้านบอลลูน เกมหอยทาก เกมแมวกินปลา เล่นแล้วสนุกมากกก
4)ทำอะไรให้เกินโจทย์ที่คุณครูสั่ง ครูสั่งทำข้อคี่ พี่ก็ทำข้อคู่ด้วย ครูสั่งข้อ 1 กับ 2 ใหญ่ พี่ก็ทำไปยันข้อ 3 ใหญ่ รับรองได้ความรู้แน่นปึ้ก!
5)สงสัย ถาม! หลายๆคนจะกลัวข้อนี้มากๆ เพราะไม่กล้าถามครู งั้นก็ไปถามเพื่อนสิคะ!
คนไหนที่เก่งคณิต น้องไปถามเลยค่ะไม่ต้องอายแบบว่า กลัวว่ามันจะหาว่าเราโง่ กลัวเสียศักดิ์ศรีประมาณว่าคาบที่แล้วสอบภาษาไทยได้คะแนนสูงสุดในห้อง เพราะคำว่าศักดิ์ศรีที่ไม่เป็นศักดิ์ศรี หรือทิฏฐ ิ เหล่านี้ล่ะที่ทำให้พี่อ่อนคณิต
ฉะนั้น ถามไปเลยค่ะ ถ้าเพื่อนไม่รู้จริงน้องค่อยถามครู ถ้าถามครูไม่ได้ก็ลุยทำเองไปเลยย ยังไงครูเขาก็พาเฉลยอยู่แล้ว
6) สิ่งสำคัญที่น้องๆต้องมีคือ ความอดทน ขยันและที่สำคัญ น้องๆต้องเปิดใจค่ะ
ทุกวิชามีความสำคัญ และไม่มีวิชาไหนยากเกินกว่าเราจะเรียนรู้และทำมัน
พี่เคยเห็นตารางคะแนนการสอบ O-Net นะคะ มีปีหนึ่ง มีคนสอบได้ O-Net คณิตศาสตร์เต็มร้อย เป็น 10 กว่าคนเลยค่ะ
พี่เกิดคำถามว่า 'คณิตศาสตร์มันยากจริงหรือเปล่า?'
ทำไมคนถึงสอบคณิตได้เต็มร้อยมากกว่าวิชาอื่น?
ถ้าเกิดมันไม่ยากล่ะ?
เราเองก็ทำได้!
เมื่อน้องๆเปิดใจ อะไรๆมันก็พร้อมที่จะให้น้องๆเรียนรู้ การทำให้ตัวเองเปิดใจนี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากเหมือนกัน
หลายคนพยายามแต่ก็ทำไม่ได้
พี่มีวิธีที่เปิดใจยอมรับกับคณิตศาสตร์ในแบบฉบับของพี่ ดังนั้นน้องๆก็ต้องลองค้นหาดูว่าจะต้องใช้แบบไหน
วิธีการในการแต่งตัวของคนเราไม่เหมือนกัน การเปิดใจก็เช่นกัน
ในแบบฉบับของจ๋า จ๋ามี Inspiration ว่าสักวันฉันจะเรียนแพทย์ สักวันฉันจะเป็นหมอ สักวันฉันจะคืนประโยชน์ที่ได้รับกลับสู่โลกใบนี้ แล้วพี่ก็ยิ่งมาตระหนักว่า แพทย์ต้องเก่งคณิต วิทย์นะ
วิทย์น่ะเราพอได้แต่เหลือคณิต เราอยากเป็นหมอ เราก็ต้องเก่งคณิต! ดังนั้นมันก็เลยเป็นแรงผลักดันให้พี่พยายามหาความรู้มากขึ้น จนคะแนนพี่มันดีขึ้น
พี่ได้คะแนน คณิตพื้นฐาน 5 เต็ม 5 19 เต็ม 20
คณิตเพิ่ม 9 เต็ม 10
(อันนี้พี่เอามาจากสถิติที่คุณครูสอบเก็บคะแนนย่อยในแต่ละคาบ)
และสิ่งสุดท้ายก็คือ ต้องรักษาสุขภาพด้วย กินเยอะๆ ออกกำลังกายบ้างซัก 1ครั้ง/สัปดาห์ก็ยังดี
เพราะการที่สุขภาพเราดีเราจะทำอะไรได้หลายๆอย่างเลย ไม่เหนื่อย ไม่เพลียด้วย แถมการออกกำลังกายยังทำให้ความจำเราดีอีกด้วยนะ
สู้ๆนะคะ!
แสดงความคิดเห็น