แน่นอนว่าหลายคนที่เลือกเส้นทางเป็นนักเล่าเรื่องหรือนักเขียน คงหลีกหนีไม่ได้กับจุดเริ่มต้นในการสร้างเรื่อง ซึ่งหลายคนอาจจะกำลังคิดว่า อะไรสำคัญกว่าระหว่างการเขียนเรื่องราวจาก พล็อต ที่เราสร้างขึ้น กับ สร้างเรื่องราวจากคาแรกเตอร์ ความแตกต่าง ความสำคัญของทั้งสองสิ่งนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นผิดไหม คำตอบคือ ไม่ผิด ถ้าเราอยากจะเก็บไว้ทั้งสองอย่างเลย
“เขียนงานขึ้นจากพล็อต แตกต่างกับ เขียนขึ้นจากคาแรกเตอร์ยังไง”
เขียนงานจากพล็อต
พล็อต (Plot) - คือ โครงเรื่องที่พูดถึงแก่นของตัวเรื่องทั้งหมด โดยมี ใคร (ตัวละคร) ทำ
อะไร ที่ไหน ยังไง กับใคร ซึ่งเราสามารถเล่าเรื่องพล็อตให้จบรู้เรื่องภายใน สามถึงสี่บรรทัด
เลยก็ว่าได้ เรียกได้ว่าเป็นบทสรุปที่พอจะกำหนดถึงสโคปของเรื่องราวได้อย่างชัดเจน
พล็อตจะแบ่งออกเป็น สอง ประเภทด้วยกัน ซึ่งเราขออนุญาตเรียกว่าเป็นการแตกพล็อตออกมาว่า พล็อตหลัก และพล็อตรอง ( Primary and Secondary Plot) มาถึงตรงนี้ คาดว่าหลายคนน่าจะพอทราบกันดีสำหรับคนที่เป็นนักเขียนอยู่แล้ว เพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น
พล็อตหลัก : จะเป็นพล็อตหรือโครงสร้างหลักที่จะเดินเรื่องราวเพื่อนำไปสู่ความขัดแย้งหลักที่ใหญ่ที่สุด (Climax) หรือหัวใจของการแตกหักทางความรู้สึก ความสัมพันธ์ กำลังและศรัทธาความเชื่อ หรือความสูญเสียอะไรบางอย่างของปมหลักเรื่องราวทั้งหมดแล้วจบโดยสมบูรณ์แบบหรือจบแบบทิ้งให้ติดตาม
พล็อตรอง : เราขอเรียกว่าปมซ้อนลูกเล่นของความขัดแย้งที่แตกออกเหมือนพลุ ซึ่งพล็อตรองจะมีปมความขัดแย้งเล็กๆเพื่อมาเสริมเพิ่มเติมขยายในส่วนของพล็อตหลัก ซึ่งปมความขัดแย้งอาจจะมีมากกว่าสองถึงสามปมหรือมากกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทของเรื่องที่เราปูเรื่องมา
เขียนงานจากการสร้างตัวละคร
มนุษย์ทุกคนมีเรื่องราวของแต่ละคนที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับตัวละคร ย่อมมีเบื้องลึกประวัติศาสตร์ เบื้องหลังที่ผู้อ่านอาจจะไม่รู้ (แต่คนเขียนต้องรู้) และการสร้างตัวละครเหล่านี้เรามักจะหยิบเรื่องราว นิสัย บางอย่างที่ดึงมาจากคนรอบข้าง หรือคนใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อ หรือจากละครทีวีโทรทัศน์ จากคนที่เราชื่นชอบหรือเกลียดชัง เพื่อน พ่อแม่ และตัวเอง รวมไปถึงเหตุการณ์สถานที่ที่อยู่รอบตัว นำมาผูกเรื่องราวให้กลายเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ซึ่งเบื้องหลังของตัวละครนั้น เราก็จะนำมาสร้างปูมหลังของตัวละคร
เมื่อเราสร้างปูมหลังของตัวละครทุกตัวของเราแล้ว เราก็จะนำตัวละครที่เราสร้างขึ้นไปเริ่มสร้างเรื่องจากเรื่องราวที่เราปูปูมหลังของตัวละครไว้แล้ว เพราะการผ่านกระบวนการคิดของปูมเรื่องมาแล้ว เราจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงตัวละครเหล่านี้ทุกตัว ตั้งแต่งานอดิเรก ความรู้สึก นึกคิดสิ่งแวดล้อมและเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของพวกเขา ทำให้การเชื่อมต่อเรื่องราวไปสู่พล็อตหลักนั้นเรียบเนียนไร้รอยต่อ บางครั้งการเล่าเรื่องของเราอาจจะเปลี่ยนระหว่างทางเพราะความเป็นจริงและบริบทที่ตัวละครเจอกับสถานการณ์บางอย่าง การตัดสินใจอาจจะไม่ตรงตามพล็อตหลักของเรื่องราวที่เราสร้างไว้ก็ได้
แล้วเราควรจะเลือกอะไรระหว่าง เขียนงานขึ้นจากพล็อต หรือเขียนงานขึ้นจากคาแรกเตอร์
เราสามารถเขียนงานทั้งสองอย่างได้ ขึ้นอยู่กับความถนัดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของนักเล่าเรื่อง
แล้วเพื่อนๆล่ะ ถนัดเขียนอย่างไหนระหว่าง ขึ้นจากพล็อต กับ ขึ้นจากคาแรกเตอร์...
บทความที่มีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจ
ติดตามบทความอื่นๆได้ที่
FB : CKLEE1985
Medium : CKLEE1985
IG : CKLEE1985
Dekdee : kellylee384
2 ความคิดเห็น
ขอบคุณค่ะ
น่าจะอยู่ที่ความถนัดของแต่ละคนเนอะ ของพี่สร้างตัวละครและเรื่องราวของพวกเขาแยกเป็นแต่ละตัวก่อน แล้วค่อยมาสร้างพล็อตเรื่องที่จะทำให้ตัวละครเข้ามาเกี่ยวพันกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ตัวละครอาจจะเจอกันเรื่องนี้เป็นตัวประกอบ แต่เรื่องหน้าอาจจะเป็นตัวแสดงหลักก็ได้ พล็อตปรับเปลี่ยนได้ ค่อยๆเติมรายละเอียดเข้าไปได้ ไม่ยึดตายตัวมาก แต่ตัวละครนิสัยแบบไหนจะพยายามคงไว้ค่ะ
เราสามารถทำไซต์สตอร์รี่แยกจากเรื่องหลักได้จากการทำปูมเรื่องแยกนะคะ (ทำเงินได้สองต่อ)
ใช่แล้วค่ะ แตกกิ่งก้านสาขาไปเรื่อยๆ เหมือนต้นไม้ที่เติบโต ^_^
ออกตัวก่อนว่าไม่ได้จะอะไรคุณจขกท นะคะ เรามองว่าการให้ความรู้อะไรแก่คนอื่นเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น แต่ในความเป็นหลักการ จะดียิ่งขึ้นเมื่อใส่ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเพื่อยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น
สิ่งที่เขียนไม่ใช่เรื่องใหม่ มันมีอยู่เต็มแล้วในอินเตอร์เน็ต แค่ search หาก็ถมเถ แต่สิ่งที่ทำให้คุณค่าของบทความเพิ่มขึ้น คือ ตัวอย่างและประสบการณ์ ค่ะ
ตัวอย่างเช่น บทความนี้น่ะค่ะ สิ่งที่น่าจะเพิ่มเติมได้ คือ ตัวอย่างของพล็อตหลัก และรองว่ามันมองยังไงในนิยายเรื่องหนึ่ง และถ้าเป็นตัวละครเป็นเบส ยกตัวอย่างการสร้างตัวละครขึ้นมา แล้วเอาไปโยงกับการสร้างปมขัดแย้งได้อย่างไร
แต่สิ่งที่ ‘ขาด’ ไปสำหรับบทความนี้ก็คือ แบ่งแล้วได้อะไร?
มันเหมือนอ่านจบแล้ว สิ่งแรกที่คิดก็คือ ‘แล้วไงต่ออ่า?’ น่ะค่ะ
การแบ่งนี้ มันดูจะเหมาะกับคนอ่านเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์เนื้อหาและเนื้อเรื่อง แต่คนเขียนจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่จะต้องรู้เรื่องนี้?
วันหนึ่งคนเขียนจะคิดเรื่อง ก็นึกขึ้นมาว่า “อยากเล่านิยายแบบใช้พล็อตเป็นเบสจัง” แบบนี้ เราว่ามันผิดธรรมชาติอย่างยิ่งค่ะ คนเขียนมีเรื่องราวที่อยากบอก เขาก็คิดไปอย่างต่อเนื่องกันเลย ไม่มานั่งมองว่า ฉันจะเขียนเรื่อง plot หรือ character base อะไรเทือกๆ นั้น
ในเมื่อบทความดูจะเพื่อคนเขียน ก็ต้องบอกให้คนเขียนทราบค่ะว่า สิ่งนี้รู้แล้วนำไปใช้ได้อย่างไร ไม่งั้นมันจะล่องลอย คนอ่านก็เออๆ มีการแบ่งแบบนี้ แล้วก็จากไป นำไปใช้ไม่ได้เพราะไม่รู้จะใช้มันยังไง
ด้วยความเคารพค่ะ เราดีใจที่เห็นมีคนเขียนบทความมอบสิ่งดีๆ ให้นักเขียน และอยากให้้มันสามารถนำไปใช้ได้จริง เพราะบทความนี้เกือบจะสมบูรณ์แล้ว ขาดบางส่วนที่มันน่าจะดีขึ้นได้อีกค่ะ
ขอบคุณมากค่ะสำหรับความคิดเห็น จริงๆอยากยกตัวอย่างงานเขียนขึ้นมาเทียบเคียงเหมือนกันค่ะ เพราะคาดว่าหลายคนเองก็อยากทราบไกด์ไลน์ที่ลึกกับตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ซึ่งมีบทความที่กำลังเขียนอยู่และพยายามเรียบเรียงไปกับตัวอย่างที่จะใช้ประกอบ ขอบคุณมากค่ะที่แนะนำส่วนที่ขาดหายไปค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?