เป็นไหม ร่างพล็อตไว้สมบูรณ์ แต่เริ่มเขียนแล้วเบื่อ เพราะเรารู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ตั้งกระทู้ใหม่
เคยลองเขียนแบบไม่มีพล็อตนะ สนุกดี แต่เชื่อมต่อยาก สุดท้ายอาจพาไปเจอทางดัน
อยากรู้สึกตื่นเต้นเหมือนคนอ่าน
เอ๊ะ! หรือเราเป็นคนเดียว
24 ความคิดเห็น
เข้ามายกมือค่ะ! เป็นเหมือนกัน แต่งออกมาแล้วมันเอื่อยๆ เนือยๆ ยังไงไม่รู้ โฮ จะแต่งแบบด้นสดก็งงอีก
ดีใจที่มีคนเป็นเหมือนกัน รู้สึกเหมือนดูหนังรอบสอง ซึ่งจะไม่ตั้งใจดูเท่าไหร่ แต่ถ้าพยายามตั้งใจมันก็เบื่อขึ้นมา 55
มันคือเทคนิคเขียนนิยาย ที่ทำให้เลิกเขียนนิยายโดยสมบูรณ์แบบ
นั่นสินะคะ
เคยแต่เขียนจบแล้ว แต่ก็ต้องมารีไรต์ให้มันดีขึ้น
ก็ในระหว่างที่รีไรต์ไปได้นิดหน่อยนี่แหละ ที่ดันเบื่อไปก่อน (มันรีไรต์มาหลายสิบรอบแล้วด้วยแหละ)
ขั้นตอนรีไรท์นี่เอียนเลยค่ะ
อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ไขซ้ำแล้วซ้ำอีก
ยังดีไม่พอก็ปรับสำนวน ก็แก้กันใหม่ทั้งเรื่อง
เหตุการณ์นี้ไม่เข้าท่า ก็แก้ไขเป็นจุดๆ อย่างกะเขียนเรื่องใหม่
แล้วก็วนกลับมาดูสำนวนว่าเหมือนกันมั้ย เหตุการณ์ใหม่มีอะไรผิดเพี้ยนบ้าง นั่งตรวจคำผิดอีก โว๊ะ
การเขียนนิยายตามพล็อตมันดีตรงที่ เนื้อหาไม่ออกทะเลทำให้จบเรื่องได้ไว แต่เพราะมันเป็นการเขียนที่อยู่ในกรอบ เลยทำให้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นสำหรับคนเขียน
ส่วนการด้นสดหรือวางพล็อตไว้แบบคร่าวๆ มันทำให้นักเขียนสามารถใส่จิตนาการได้เต็มที่ โดยไม่มีกรอบมาขวางเอาไว้ แต่เสี่ยงที่จะออกทะเลแบบกรู่ไม่กลับ แถมถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็มีโอกาสเขียนไม่จบสูงมากกกกกกกกกกกกกก
โดยส่วนตัวแล้วเป็นนักเขียนประเภทที่สอง
แล้วออกทะเลไหมคะ ^^
นั่นสินะ เรื่องที่แต่งออกทะเลแบบไม่เห็นฝั่งเลย 555
ตอนนี้ยังครับ แต่อนาคตไม่รู้้้..
เป็นเหมือนกันเลยค่ะ วิธีสร้างความตื่นเต้นคือ...เบี่ยงพล็อตใหม่ สร้างพล็อตย่อย สร้างสถานการณ์คาดไม่ถึง เติมเข้าไปเรื่อยๆค่ะ
มีเติมเข้าไปทำแล้วทำพล็อตหลักเปลี่ยนไหมคะ
ก็เคยเป็นเหมือนกันนะ ถ้ารู้ตอนจบก่อนมันก็คงไม่สนุกเท่าไหร
แต่ถ้าการเขียนเปรียบเหมือนการเดินทาง ตอนจบคงไม่ต่างอะไรไปจากจุดหมาย
บ้างครั้งการเดินเล่นบ้างก่อนไปถึงก็เป็นเรื่องที่สนุกดีเหมือนกัน
ถึงเราจะรู้อยู่แล้วว่าตอนจบของเรื่องราวจะเป็นยังไง จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
แต่การเขียนมันขึ้นมาด้วยสองมือของเรา ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ดีและสอนอะไรเราหลายอย่างซึ่งตัวเรานักเขียนเองจะรู้ว่ามันมีค่ามากกว่าคำว่า "สนุก" มาก
อยากเข้าถึงจุดนั้นบ้างจัง
เราไม่เคยวางพล็อต ก็เลยไม่มีโมเม้นนี้ค่ะ
ส่วนใหญ่อาการที่เป็นบ่อยมากที่สุดเวลาเขียนนิยาย คือการหาคำมาใส่ไม่ได้ดั่งใจ พอยังไม่ถูกใจก็จะไม่ไปต่อ จะวนอยู่กับฉากนี้ อ่านไปแก้ไปจนกว่าจะรู้สึกโอเค แล้วก็เป็นโรคเขียนข้ามไปฉากอื่นก่อนไม่เป็นค่ะ
//สรุป...ตอบไม่ตรงคำถามอีกตามเคย ข้ามไปค่ะ อย่าสนใจคนไร้สาระ 55
ละเอียดอ่อนดีจังค่ะ เราก็เขียนฉากอื่นก่อนไม่ได้เหมือนกัน บางครั้งหยุดที่ฉากเดียวยาวเลย
เรื่องวางพล็อตนี่ ถ้าเป็นพล็อตที่รู้สึกว่าแต่งยากและท้าทาย เราจะรู้สึกอยากแต่งให้ไปถึงจุดนั้นเร็วๆ เลยค่ะ อยากรู้ว่าตัวเองจะมีวิธีแต่งยังไงกันแน่น่า สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะเป็นไปในทางไหน ที่รู้สึกแบบนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่ได้วางพล็อตไว้แบบเป๊ะๆ ก็ได้ แค่วางไว้กันหลงเฉยๆ ที่เหลือก็ด้นสด555
จะมาเบื่อนิยายตัวเองตอนที่เขียนไปแล้ว ตื่นขึ้นมาจะเขียนต่อแต่ไม่มีฟีลิ่ง ต้องกลับไปอ่านว่าก่อนนอนตัวเองเขียนอะไรไว้ แต่ก็คือเนื้อหาส่วนนั้นมันอ่านมาหลายรอบแล้วไง ยิ่งเป็นคนไม่ชอบอ่านอะไรซ้ำๆ ด้วย ดังนั้นมันก็เลยรู้สึกเบื่อหน่อยๆ
มีความรู้สึกอยากไปให้ถึงพ้อยสำคัญเร็วๆเหมือนกัน แต่พาเนื้อเรื่องเสีย ไม่สมูท ไม่เนียน เพื่อรักษาพล็อตแต่เนื้อเรื่องพังซะงั้น อ่านแล้วขัดๆ
ไม่เคยค่ะ เราไม่เคยวางพล็อตเป๊ะขนาดนั้น พล็อตเราหยาบๆเลยเติมอะไรลงไปได้ง่าย ออกทะเลก็ง่ายเช่นกัน//แถจนสีข้างถลอกเลือดออกซิบๆ
ปล.เอาไว้ปรับปรุงตอนรีไรท์ ถถถ
ฟังแล้วน่าสนุกดีนะคะ
ก่อนหน้านี้สักพักหนึ่งเราเคยติดใจเรื่องที่ว่าเขียนนิยายโดยเน้นตัวละครมันทำยังไง เลยไปหาบทความอ่านดู แล้วมีบทความภาษาต่างประเทศบทความหนึ่งที่เขียนเรื่องทำนองนี้เอาไว้ เขาบอกว่าการวางพล็อตวางโครงเรื่องอยู่บ้างหน้าสองหน้าอาจช่วยกำหนดแนวทางหรืออารมณ์ของเรื่องได้ แต่การวางพล็อตแบบละเอียดยิบหรือวางแผนมากเกินไปมันอาจทำให้นิยายแป้กได้เหมือนกัน
เราคิดว่าคนที่ชอบวางแพลนเนื้อเรื่องแล้วสนุกกับการเขียนแบบนั้นมันก็น่าจะมี แต่ถ้าทำแล้วรู้สึกว่าไม่สนุก ลองเปลี่ยนวิธีการเขียนดูจะดีกว่านะคะ นั่นอาจแปลว่าเรากำลังเขียนอะไรที่ไม่ใช่เราแล้ว จะลองเปลี่ยนจากเขียนแนวพล็อตเบสไปเป็นแนวคาแรกเตอร์เบสดูก็ได้ ด้านล่างคือลิงค์ของบทความสอนเขียนแนวคาแรกเตอร์เบสค่ะ หรือถ้าคิดว่าคาแรกเตอร์เบสเพียวๆ ยังไม่ใช่แนวก็ลองผสมทั้งสองแนวสร้างแนวการเขียนที่ใช่ดู ทำอะไรก็ได้นั่นแหละค่ะจนกว่าจะได้แบบที่ตัวเองสบายใจ
https://athenswritersassociation.wordpress.com/2015/09/09/let-your-characters-plot-your-novel/?fbclid=IwAR2MkQF2qLg4cppWKR5Qk3ivwLUq-RAvysakqEuRjMo4Hb-lzhmdMDhfc6A
ว้าว เจ๋งเลยค่ะ จะลองศึกษาและทดลองเขียนดูนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ^^
ไงดีล่ะ เคยวางแต่ไม่เคยเขียนตามนั้น ช่วงหลังเลยจดแต่ชื่อตัวละครกับสถานที่เอาไว้ นอกนั้นก็กรุยทางเอง มันก็เชื่อมต่อกันดีนะ ไม่ยากอะไรเลย เพราะทุกอย่างมันจะถูกคิดซ้ำไปซ้ำมาจนไม่มีทางหลุดออกทะเล แม้เนื้อหาจะมีการเปลี่ยนแปลงแต่ก็ไม่ทำให้มันหลุดไปจากกรอบที่ตั้งไว้ เวลานักอ่านมาถาม คำตอบของเราคือ ไม่รูเหมือนกัน เพราะไม่ได้วางอะไรละเอียดเลย เวลาเขียนมันก็สนุกดี ยังไม่เคยตันนะ มันก็เขียนได้เรื่อย ๆ ค่ะ
ผมก็เป็นเหมือนกัน ตอนคิดเรื่องใหม่ๆก็สนุกอยู่หรอก พอทำได้สัก5-6ตอนก็เบื่อแล้ว เพราะรู้เนื้อเรื่องของมันทั้งหมดแล้วก็เลยขี้เกียจทำต่อ พอทำแบบด้นสดก็ออกทะเลไปไกลจนต้องเลิกทำต่อเลย
ตอนถ่ายทอดอารมณ์ลงงานมันระทึกใจ(?)ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน555 วางแค่พล็อตเบื้องต้น เช่น แฟนเก่ามาเจอกัน แล้วคิดต่อยอด นอกนั้นด้นสด555
ไม่เคยเบื่ออะครับ ถึงจะวางพล๊อตไว้หมดแล้ว ตั้งแต่บทแรกยันบทสุดท้าย แต่ตอนเขียนก็ยังต้องมาปวดหากับการบรรยาย การใส่ลูกเล่น มุกตลก จังหวะระเบิดอารมณ์คนดู เยอะแยะ
เขียนนิยายไม่ได้มีแค่คิดเนื้อเรื่องสักหน่อย เทคนิคการเล่าก็สำคัญ ยิ่งคิดวิธีเล่าแปลก ๆ ได้ก็ยิ่งสนุก แต่ถ้าสักแต่จะบรรยายให้จบ ๆ ไป แต่ละบท จะเบื่อผมก็ว่าไม่แปลกหรอก
เราก็เป็นค่ะ แต่ต้องเขียนไว้ เป็นไกด์ไลท์ ไม่ให้ออกทะเล แต่เมื่อเริ่มเขียนแล้วทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เราวางเป็นพล็อตไว้ มันดิ้นได้หมดค่ะ แค่รู้จุดสำคัญๆเอาไว้เชื่อมโยงกันไว้ก่อพอ
อันนี้คือ สำหรับเราอะนะ คนอื่นไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำกันแบบไหน?
อยู่ที่ตัวเรา เปลี่ยนความคิด ทำให้ตัวเองรู้สึกสนุก
พยายามคิดพล็อตไว้แค่ตอนแรกๆ พอเขียนได้สักพัก ค่อยคิดตอนต่อไป ไปเรื่อยๆ... อย่ารีบร้อน
ผมวางพล็อตไว้คร่าวๆว่าจะจบประมาณไหน โดยให้อิสระหลายทางเลือกกับเส้นทางที่เดินก่อนไปถึงตอนจบ ส่วนการแต่งแต่ละตอนก็จะกำหนดว่ามันจะถึงจุดไหน บางทีก็รู้สึกเดินเรื่องเร็วเพราะหาจุดขยายเนื้อเรื่องในตอนไม่ได้ บางทีก็ช้าเพราะเราได้ไอเดียละก็ใส่แม่มทุกอย่างลงในตอนเดียว ยืดเข้าไป 5555+
เป็น และยังเขียนเรื่องนั้นไม่จบ
ตอนนี้มีเรื่องอื่นมาแทรกก่อน อีกซักพักคงจบล่ะนะ
เราก็เป็นเหมือนกัน ตอนนี้ก็เลยนั่งถอนหายใจ "ฉันควรทำยังไงกับมันดี"
และตอนนี้จำนวนตอนของนิยายก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ก็นะ ถ้ารู้ตอนจบแล้วมันก็ไม่รู้จะเขียนยังไงให้ตัวเราไม่เบื่อ
เรื่องที่เขียนแบบมีพล๊อต แต่งจบในหัวก็คือไม่เขียนต่อเลยค่ะ ไม่รู้ทำไม5555
ส่วนเรื่องที่ไหลไปเรื่ิอย พอเริ่มตัน ก็แต่งนะคะ แต่ก็รู้สึกฝืนๆเลยพักยาวๆไปหน่อย ถถถ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?