Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สวรรค์และนรกของแต่ศาสนาเป็นอย่างไรค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอสอบถามทุกศาสนาค่ะ สวรรค์และนรกของแต่ละศาสนามีลักษณะแบบไหน ความดีตวามชั่วของแต่ละศาสนาคืออะไร ความเชื่อของแต่ละศาสนาทำอะไรอย่างไรถึงจะได้ไปสวรรค์และตกนรก อะไรที่เรียกว่าบุญอะไรที่ว่าบาปของแต่ละศาสนาค่ะ


แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

เจเคกิโลกลิ้ง 12 ก.ค. 62 เวลา 21:02 น. 1

ยากจัง การบ้านเหรอ

ต้องเอาหนังสือพระพุทธศาสนา มากางแล้วตอบล่ะมั้ง


เราเป็นคนพุทธ ยังไม่รู้เลยว่า นรกคืออะไร บางปคืออะไร

แต่ที่แน่ๆ มีคำสอบที่ชัดว่า กัมมุนาวัฏฏีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลตามนั้น ทำดีผลดีก็ตอบแทน ทำชั่วก็ได้รับชั่ว และก็ไม่สามารถทำดีเพื่อล้างชั่วได้ วันใดวันหนึ่งก็ต้องได้ผลชั่วที่ทำอยู่นั่นเอง มันเปนหลักเหตุและผล เราเชื่อตามนี้ หลักเหตุและผล มันเป็นวิทยาศาสตร์ ที่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำของตัวเอง

0
creat1st 13 ก.ค. 62 เวลา 11:06 น. 2

พี่ชอบเรื่องศาสนาแล้วสนใจคำว่าบาปและบุญ น้องนึกไหมครับ ปกติเราทำดีต้องเรียกความดี ทำเลวเรียกความเลว


ในภาษาบางคำจะมีคำที่ชาติหนึ่งมี แต่บางชาติไม่มี สิ่งที่น่าแปลกคือ บาปและบุญเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เช่นคำว่าต้นไม้เราไปไหนทุกประเทศ จะมีคำว่าต้นไม้ทุกภาษาเพราะเป็นสิ่งที่เรามองเห็น


พี่สงสัยคำว่าบุญและบาป ทำไมทุกศาสนาจึงประดิษฐ์คำนี้ออกมาได้เหมือนกันอย่างบังเอิญ ทั้งที่เรามองไม่เห็น (ไม่ใช่ความดีและความเลว)


ถ้าอย่างวิญญาณยังพอโอเค เพราะเราอาจจะเป็นภาพหลอนของคนที่ตายได้ ถูกไหมครับ


ศาสนาพุทธ พูดเรื่องกฏแห่งกรรม เราทำเลวเป็นบาป สิ่งเหล่านั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเรา

ศาสนาคริส พระเยซูพูดว่า "สักวันบาปจะตามหาเจ้าเจอ"


แปลกมากที่สองพระองค์พูดเหมือนกันในเรื่องกฏแห่งกรรม


0
White Frangipani 14 ก.ค. 62 เวลา 18:53 น. 3


สวรรค์และนรกของแต่ศาสนาเป็นอย่างไรค่ะ


สวัสดีค่ะ


เจ้าของเม้นต์นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งที่เชื่อเรื่องของบาปบุญ คุณ และ โทษค่ะ


เข้ามาแบ่งปันในสิ่งที่ตนเชื่อ และศรัทธา ด้วยอีกความเห็นนะคะ


ขอสอบถามทุกศาสนาค่ะ สวรรค์และนรกของแต่ละศาสนามีลักษณะแบบไหน ความดีตวามชั่วของแต่ละศาสนาคืออะไร ความเชื่อของแต่ละศาสนาทำอะไรอย่างไรถึงจะได้ไปสวรรค์และตกนรก


คุณได้ถามเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องของลอจิก หรือวิธีคิด หรือไอเดียในการเปรียบเปรย ความเชื่อ ความศรัทธาของหลายๆศาสนา หรือของในแต่ละศาสนา นั้นดูจะเป็นการที่ต้องตอบยาวๆ มากมายเลยด้วยค่ะ


เพราะในความเป็นจริงในทุกๆศาสนานั้นจริงแล้วมีจุดมุ่งหมายต้องการแนะนำ ต้องการชี้นำ หรือต้องการไกด์ ให้ผู้คนเกิดความศรัทธา จากลอจิก จากวิธีคิด วิธีทำ วิธีเชื่อ หรือเป็นไอเดีย หรือเป็นอุบาย ที่แตกต่างกันไป...นั้นก็เป็นความจริง


แต่ที่สำคัญยิ่ง หรือจุดประสงค์ของทุกๆศาสนานะคะ เจ้าของเม้นต์นี้เชื่อ และสัมผัสได้ว่า การก่อตั้ง...ศาสนานั้นๆ ซึ่งแตกต่างกันไปนั้น แท้จริงแล้วศาสนาทุกๆศาสนาต้องการไกด์ให้ผู้คนทั้งหลายพบกับความสุข และความดี ความสงบ สันติได้ในชีวิตหนึ่งบนโลกนี้ คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของทุกๆศาสนาค่ะ


เจ้าของเม้นต์นี้เป็นพุทธนะคะ และขณะเดียวกันก็ยึดมั่นศรัทธา เข้าโบสถ์เพื่อพิธีกรรมของคริสต์เป็นประจำด้วยเช่นกัน คือจริงแล้วเป็นทั้งคริสต์ และพุทธค่ะ


และ ในขณะเดียวกันก็ให้เกียรติ์ ยํ่าเกรง เคารพในทุกๆศาสนาด้วยเช่นกันค่ะ


มีเพื่อนๆมากมายซึ่งเขาทั้งหลายก็นับถือในแตกต่างศาสนากันไป เราแลกเปลี่ยน รับฟัง แบ่งปันซึ่งกันและกัน ในหลักคำสั่งของศาสดาของเราอยู่บ่อยๆ ด้วยความสุขเสมอๆค่ะ


เพราะจริงแล้วทุกๆศาสดา มีจุดมุ่งหมาย มีจุดประสงค์เพื่อชี้แนะ แนวทางให้ผู้คนพบวิธีทางในการดำรงไปในชีวิตเพื่อความสุข และความดีนั้นเองค่ะ



อะไรที่เรียกว่าบุญอะไรที่ว่าบาปของแต่ละศาสนาค่ะ

 

ในความจริงแล้ว ความรู้สึกผิด บาป บุญ คุณ โทษ นั้นเป็นอะไรที่เราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่านะคะ เจ้าของกระทู้


หากแต่เราสามารถสัมผัสมันได้ด้วยจิตใจ ด้วยจิตสำนึกหรือด้วยจิตวิญญาณของเราค่ะ


ดังที่ศาสนาพุทธได้กล่าวไว้ว่า สวรรค์ในอก นรกในใจ นั้นเป็นความจริงอย่างยิ่งค่ะ


แต่ แม้การที่ศาสดามีลอจิก หรือมีวิธี มีไอเดีย มีอุบาย หรือเปรียบเปรยไว้ ดังคำดังกล่าวนั้น คือสวรรค์ในอก นรกในใจ นั้นหรือ หากผู้ที่เขาไม่ศรัทธา ไม่เชื่อ ไม่นับถือ เขาก็ไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกดังกล่าวได้นั้น ก็เป็นความจริงอย่างยิ่งยวด ด้วยเช่นกัน


ในที่นี้ เจ้าของเม้นต์ขอนุญาตยกตัวอย่าง...ซึ่งเป็นเหตุที่มาจากความที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาในเรื่องของบาป บุญ คุณโทษของผู้คน มาให้ดู ซึ่งตัวอย่างนี้หรือ ก็เป็นเพียงความเชื่อ เป็นไอเดียของเจ้าของเม้นต์เองนะคะ


ยกตัวอย่างเช่น เพื่อน บางคนเกิดอาการติดยาเสพติดจนไม่สามารถเลิกได้ในวันนี้ เขามีอาการติดงอมแงม เขาสูญสิ้นทุกๆอย่าง สูญสิ้นสุขภาพร่างกายที่ดี และเป็นปรกติไป เขาสูญสิ้นอนาคต เขาสูญสิ้นครอบครัว เขาสูญสิ้นญาติๆ มาวัันนี้เขานั่งขอเงินอยู่ข้างถนน เพื่อได้มาในการซื้อยาเสพไปวันๆ

 

สาเหตุที่เขาติดยาเสพติดจนมาถึงวันนี้ มีเกิดขึ้น เริ่มขึ้นจากความที่เขาไม่เชื่อในผลของการกระทำ ของเขาเองในครั้งหนึ่ง


นานมาแล้ว เพื่อนบอกอยากลองเล่นยา อยากเมา น่าสนุก


เรา(เจ้าของกระทู้) ก็บอกว่าต้องไม่ลองนะ เพราะนั้นจะเกิดอาการติด เพราะยาเสพเป็นสารเคมี หากเสพเข้าไป ร่างกายจะเกิดการติด จะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเลิกได้นะ เป็นอันตราย ต้องไม่อยากลองนะ


หากอยากมีความสุข อยากสนุก สนาน หรืออยากตื่นเต้น ก็เล่นกีฬาสิ หรือหาสิ่งที่รัก ที่ชอบทำ และเมื่อทำสำเร็จ ก็จะเกิดความภาคภูมิ จะเกิดเป็นความสนุก ตื่นเต้น ร้าวใจได้ผลดีกว่า พ่อแม่ได้เป็นสุขด้วย ไม่จำเป็นต้องเสพยานะ


เพื่อนก็บอกว่าอยากลองเมาดู เมาแล้วได้เห็นสวรรค์ หลายๆคนเคยบอกไว้ เขาบอกแบบนั้น

บอกแบบล้อเล่น บอกแบบล้อเลียน คือเขาไม่มีความนอบน้อม ไม่หยํ่าเกรงต่อชีวิตของเขาเอง และผู้คนรอบด้าน หรือแม้ผู้ที่หวังดีต่อเขา เขาก็ไม่นอบน้อม ไม่เชื่อฟังด้วย


ซึ่งผู้ที่ไม่มีความเชื่อ ความศรัทธา ในความดีหหรือเกรงกลัวต่อความชั่ว เขาก็จะเกิดมีอาการดิบ กระด้าง โหดร้ายทารุณ แม้กับตัวเขาเอง กล้ากระทำในสิ่งที่จักนำความทุกข์ทรมานมาสู่ตน และผู้คนรอบด้านค่ะ


ซึ่งทั้งนี้หรือ ก็เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นได้กับเขาเหล่านี้



คือ

ที่เขาบอกแบบนั้นเพราะความที่เขาดิบ ไม่มีความเกรงกลัวต่อสิ่งใดๆ ไม่สามารถที่จะระลึกรู้ได้ถึงความทุกข์ทรมานที่ตนจะได้รับผลจากการกระทำของเขาเอง


เพราะเขาไม่มีความเชื่อ ไม่มีความศรัทธาในผลของการกระทำ ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นจะนำสิ่งใดมา


แน่นอนเมื่อเขาไม่ศรัทธา แม้ตัวเขาเอง เขาก็ไม่เกรง ไม่กลัว ไม่สังวรณ์ แม้ชีวิตของเขาเองเขาก็ไม่มีความระมัดระวังอันตราย คือเขามีความประมาท นั้นเอง


อันคนเรานี้ เมื่อไม่เกรง ไม่กลัว ไม่สังสังวรณ์ เราเรียกว่าประมาทนะคะ เจ้าของกระทู้


ซึ่งในศาสนาพุทธสอนว่าคนเรานะ หากต้องการความสุข ความดี คนเราต้องมีสติรู้ ต้องรู้จักหยํ่าเกรง ต้องมีการยับยั้งชั่งใจ ต้องศรัทธาในความดี และรู้จักใช้สติในการหลบหลีก หรือหลบเลี่ยงสิ่งที่จักนำความชั่ว ซึ่งจะเกิดเป็นผล คือความทุกข์ทรมานมาสู่ตน และคนรอบตัวเรา


และหากเราเป็นได้แบบนี้ คือเรามีความศรัทธา ในความดีค่ะ


เมื่อเราศรัทธาในความดี ยึดมั่นเสมอในความดี ต่างๆ เช่นพูดดี ทำดี คิดดี เราก็จะพบแต่ความดี


ความดีในที่นี้ เราเรียกอีกชื่อ คือความในส่วนบุคคลสุขนะคะ


คือความดี เป็นผลให้ก่อเกิดเป็นความความสุขนั้นเองค่ะ


และการกระทำในสิ่งที่ประมาท ด้วยการขาดสติ หรือขาดไปซึ่งความเชื่อ ความศรัทธาในผลของมันที่จะตามมานั้น เราเรียกว่าการกระทำความชั่วค่ะ


และในที่นี้ การที่คนเราทำชั่วได้นั้น ก็มีสาเหตุมากมายเป็นเบื้องต้น เช่น เขาหลงผิด เขาไม่เคยถูกสั่งสอน เรียนรู้ หรือไม่เคยมีโอกาสถูกอบรมปลูกฝังในเรื่องของความดี ความชั่ว


เขาไม่รู้จักคำสั่งสอนของศาสดา จากศาสนาต่างๆ คือเขาไม่มีศาสนานั้นเองค่ะ


หรืออีกชื่อ คือ อาการตกตํ่า มืดมน หรือเป็นกรรมของเขาที่เกิดมาโชคร้าย จึงไม่สามารถรู้ได้ถึงวิธี หรือหนทางพบความดี หรือความสุข ได้นั้นเองค่ะ



เหตุเช่นนี้หรือ เราชาวพุทธเชื่อว่าเป็นกรรม หรือเป็นเหตุที่อาจจะติดตัวเขามาตั้งแต่ชาติไหนๆ ซึ่งเราไม่รู้ได้


คือชาวพุทธที่แท้จริง เราเชื่อ และศรัทธาในวัฎจักรแห่งการเวียนว่าย ตาย และเกิด และการตาย และเกิดในภพต่างๆ ชาวพุทธก็เชื่อว่า เป็นผลของกรรม หรืแผลของการกระทำ นั้นเองค่ะ


หากแต่...การทำความชั่ว ในที่นี้จะเกิดเป็นทุกข์ทรมาน เป็นผลแก่ผู้ที่เป็นเจ้าชีวิต

แม้เขาจะไม่ตั้งใจทำชั่ว แต่ผลของการกระทำความชั่วด้วยความประมาท ไม่มีวันปรานีผู้ใด นั้นก็เป็นความจริงอีกด้วย


(คือเมื่อชั่วได้ ก็ต้องได้รับผลของมันคือ เจ็บจริง ทุกข์ทรมานจริง ขมขื่นจริง หรือมีชีวิตที่ทุกข์ทรมนดั่งตกอยู่ในนรกบนดินได้ เป็นธรรมดา เพราะชีวิตนะ ไม่ใช่การแสดงหนัง หรือละครนะ)


และแย่กว่านั้น คือ คนเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นปัจจัยที่จักนำความวุ่นวายมาสู่สังคมมนุษยชาติอีกด้วยค่ะ


สรุป ความเชื่อ ความศรัทธา ความดี หรือแม้ความที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา คือ ทั้งหมดนี้ มีเกิดขึ้นได้ในผู้คน มากมาย แตกต่างพฤติกรรม แตกต่างการกระทำ


เช่น ชาวพุทธเชื่อว่า คนเรามีกรรมที่แตกต่างเป็นแดนเกิด


บางคนเกิดมา พบเจอแบบนั้น เชื่อแบบนั้น


บางคนเกิดมา พบเจอแบบนี้ เชื่อแบบนี้


และเป็นด้วยเหตุใด วัฎจักรของคน จึงเป็นเช่นนี้ มาวันนี้เราๆก็ยังไม่มีคำตอบ ซึ่งเป็นหลักฐานพยาน ให้เห็น เป็นวิทยาศาตร์ได้ว่าเพราะเหตุใด


หากแต่ที่รู้ๆ ทั้งหมดนี้ เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ เป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้ ในคนค่ะ


ทั้งหมดนี้เราชาวพุทธเรียกว่า...วัฎจักร หรือสังสารวัฏ


สงสารวัฏ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ของสัตว์โลกด้วยอำนาจกิเลส กรรม วิบาก หมุนวนอยู่เช่นนั้นตราบเท่าที่ยังตัดกิเลส กรรม วิบากไม่ได้ [1] [2]

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8F

 


เรื่องของผลของการกระทำ...หรือที่เราๆเรียกอีกชื่อ คือกรรมนั้น แท้จริงมีหลักฐานว่าสามารถเกิดขึ้นได้จริง หากผู้ที่เขาศรัทธา...ที่จะเห็น หรือจะเชื่อ ผ่านจิตใจ จิตสำนึกของเขาได้นั้น ก็เป็นเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้นะคะ เจ้าของกระทู้


และก็แน่นอนหล่ะว่า...ผู้ที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา เขาก็จะไม่สามารถเห็นได้ สัมผัสได้เป็นธรรมดา


ทั้งหมดนี้ เป็นธรรมชาติของคนค่ะ



เม้นต์นี้ยาวๆ หวังว่าคุณจะอ่านได้จบนะคะ


ขออภัยในความยืดยาวนี้ เจ้าของเม้นต์ชอบพิมพ์ค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png



0