ใครมีประสบการณ์แม่ไม่ได้ไปในงานวันแม่บ้างคะ?
ตั้งกระทู้ใหม่
ถ้าแม่ไม่มา เราจะมาโรงเรียนปกติ ไม่มาเรียนหรือไปแอบร้องไห้ในห้องน้ำดีT-T การ์ดวันแม่ที่ตัองส่งครูก็ไม่รู้จะเขียนอะไร...
10 ความคิดเห็น
ปกติก็ไปไหว้ครูแทนนะคะ ไม่มีอะไรหรอก ชินๆไป คนไม่มีมาเยอะแยะ บางคนเอาพ่อมาแทนก็มี แต่ที่ไม่มีก็มี คนเราติดธุระได้ แม่ไม่อยู่ก็ได้ โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์ ไม่ต้องไปแอบร้องไห้นะ หรือไม่ก็เล็งแม่เพื่อนสนิทไว้ แล้วบอกว่า ขอหนูไหว้ด้วยจ้าาาาา ได้อยู่แล้ว อินดี้ๆ เป็นการรับมือแบบเท่ๆ อิอิอิ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
แม่พี่เป็นซิงเกิ้ลมัมต้องทำงานตลอดนะ(สมัยนั้น) แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ ผ่านมันมาได้ ไม่มีปัญหาอะไร เราแค่พูดความจริงก็พอ
ส่วนวิธีแก้ปัญหา จริง ๆ ก็บอกครูไปเลยก็ได้นะครับว่าที่บ้านมีปัญหาอะไร หรือไม่ก็หาเพื่อนสนิทที่(ไม่คิดหักหลังเรา)พูดคุยเปิดอกกันดู น่าจะช่วยได้เยอะขึ้นครับ
อยากทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่มันยากมากเลยที่จะพูดความจริง โดยไม่ร้องไห้ มันเป็นปมไปแล้วง่ะสังคมไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจการเป็นโรคจิตเภทเท่าไร แต่หนูจะลองคิดดู ขอบคุณมากๆเลยค่ะะ
ลองนึกภาพคนที่อยู่คนเดียว หรือคนที่คนไม่คนใจ คนรอบข้างยังไม่ได้แคร์อะไรเลย บางเรื่องคุณอาจคิดมากไปก็ได้ มีวิธีจัดการหลายแบบ ลองหาที่ใช่สำหรับตัวเองครับ
แค่แม่ไม่มางานวันแม่ ถึงต้องเล่าเรื่องส่วนตัวเลยเหรอคะ บางเรื่องก็ไม่อยากเล่าป่าว (อันนี้ถามในมุมมองเรานะ ไม่ใช่กรณี จขกท) เอาจริง ถ้ามันไม่จำเป็น เราจะไม่พูดเรื่องส่วนตัว (ถ้าเรื่องส่วนตัวในที่นี่คือแง่แม่ต้องรักษาตัวแบบนี้นะ) ให้ครูหรือเพื่อนฟัง เพราะครูที่ไม่ค่อยระวังปากของท่านมีเยอะแยะ อาจนำไปพูดหรือมองเราอย่างมีอคติไม่ดีก็ได้ เราไม่รู้ว่าใครเปิดใจเรื่องนี้แค่ไหน แต่พูดในเรื่องว่างานวันแม่นะ ถ้ามีเห็นต้องเล่าด้วยสถานการณ์อื่นๆ ก็อาจเล่าไปค่ะ แต่ถ้าแค่เรื่องวันแม่ เราไม่เล่า ไม่จำเป็น งานนี้ไม่สำคัญพอที่เราต้องมากังวลใจ ทั้งโรงเรียน จะมีเราไม่มีแม่คนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ
แต่ไม่อยากให้ จขกท มองว่าจิตเภทเป็นเรื่องปัญหาใหญ่ปัญหาสังคมนะคะ แค่ให้มองว่าบางคนใจแคบไม่ยอมรับประเด็นนี้ค่ะ (แค่บางคนนะ เขาอาจใจแคบเรื่อง แต่เรื่องไม่ก็ได้ ความเข้าใจของเราไม่เท่ากัน) แต่เราเห็นด้วยกับ จขคห นี้ที่ว่า จขกท ต้องเปลี่ยน mindset ดูค่ะ ไม่จำเป็นต้องแคร์ บอกเลย แม่เราไม่สบาย ไปงานวันแม่ไม่ได้ เรื่องปกติค่ะ
ถ้าในกรณีที่เพื่อนหรือครูไว้ใจได้จริง ๆ สามารถบอกได้ครับ แต่เอาเข้าจริงเปลี่ยน mindset แล้วโนสนโนแคร์โอเคสุด เพราะถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
ตอนประถมเราจำได้ว่าแม่เราไม่ค่อยมีเวลาว่างค่ะ เป็นแม่ค้าต้องขายของ เราเข้าใจคุณแม่ค่ะ พอถึงวันแม่ พ่อแม่คนอื่นมางาน ครั้งแรกก็มีเขินๆบ้างที่แม่เราไม่มา แต่เราไม่ได้เสียใจค่ะ แล้วก็พวงมาลัยไปไหว้ครูแทน เพราะนับถือว่าครูเป็นพ่อแม่คนที่ 2 ที่คอยดูแลสั่งสอนเราตอนอยู่โรงเรียน แล้วหลังจากนั้นจนจบ ป.6 เราก็ไหว้ครูตลอดเลยค่ะ ไม่เขินเลย 5555555555 ส่วนช่วงมัธยมไม่มีงานที่ต้องเชิญพ่อแม่มางานวันพ่อวันแม่แล้วเพราะโตๆกันแล้ว ก็ยิ่งสบายใหญ่เลย อย่าคิดมากค่ะ ขอให้แม่รู้ว่าเรารักท่านก็พอเนอะ
ขอบคุณนะคะ ปกติเค้าให้มีตัวแทนไป
ไม่เข้าใจเลยทำไมปีนี้ถึงต้องไปทุกคน...
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนอ่านคือเข้มแข็งนะ
ส่วนสิ่งที่จำเป็นต้องถามคือ เสียใจที่แม่มาไม่ได้ในวันแม่ หรือ เสียใจที่แม่มาไม่ได้ในวันแม่ เพราะ แม่ต้องอยู่แอ๊ดมิดแผนกจิตเวช
ถ้าเป็น
1. เราคงต้องบอกตามตรงว่า แม่อยู่กับเราไม่ได้ตลอดชีวิตนะ แม้สายใยจะไม่มีวันขาดแต่แม่ก็อยู่กับเราไม่ได้ตลอดชีวิต แม่คลอดเรามาเพื่อให้เราหัดที่จะยืนและอยู่ได้เพื่อตัวเอง แล้วมีอนาคต
แต่ถ้าเป็น
2. ต้องถามก่อนว่าใจเราพร้อมรับแค่ไหน แม่เป็นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว สามารถเข้าไปเยี่ยมแม่ในวันแม่ได้ไหม เพราะอยู่ที่นั่น หมายความว่าผู้ป่วยกำลังอยู่ในขั้นตอนปรับยาเพื่อให้เหมาะสมกับอาการ ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ ดังนั้นพวกอาการทางจิตเวชทั้งหลายของแม่จะต้องหายไปก่อนอ่ะ มันต้องอยู่ที่ความคิดความเชื่อผู้ป่วยด้วยถ้าไม่เปลี่ยน หมอก็ปล่อยยาก
ที่เหลือลองทักเรามาก็ได้เผื่ออยากจะเล่าอะไรที่คิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจ
***** แต่ที่สำคัญที่สุด(อยากแนะนำจริงๆ มากกว่าข้างบนยืดยาวนั่นซะอีก) คือ "ตัวเธอเอง" อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นโรคซึมเศร้านะ เพราะถ้าวันไหนที่แม่หายแต่ลูกป่วย แม่คงเสียใจหนักกว่าเดิม
ขอบคุณมากนะคะ แม่คงเป็นมาทั้งชีวิต และคงต้องกินยาไปตลอด แม่สร้างปมในจิตใจให้เรามากมาย แต่ตอนนี้เราไม่เครียดละค่ะ ทุกอย่างยังมาไม่ถึงเราคงกังวลไปเองจริงๆ วันนั้นอาจจะไม่แย่ก็ได้ :)
เราคิดว่าเราเข้าใจนะ เรารู้ว่าแม่เธอต้องกินไปตลอดชีวิต แต่มันจะมีสักวันที่เขากลับมาเป็็นปกติได้เพราะยาและปัจจัยอื่นๆ คนรู้จักเราคนนึงก็เคยแอ๊ดมิด มันมีไม่กี่โรคหรอกที่จำเป็นต้องอยู่รพ. แต่เขากลับออกมาใช้ชีวิตปกติ พูดคุยปกติ ทำงานปกติได้ เพราะมีการปรับความคิดให้สามารถอยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น
จริงๆแพทย์ไม่แนะนำให้ทำ psycho therapy นะ แต่ถ้าไปเยี่ยมแม่ บอกรักเขาบ่อยๆ แล้วถ้าแม่ไม่มีท่าทีต่อต้านเรา ก็ฟังเขาเยอะๆ ฟังเขาระบาย สักถาม แล้วลองค่อยๆดึงเขากลับสู่ความเป็นจริงด้วยการใช้เหตุผล เช่น
ถ้าเขาบอกว่า "มีเทวดาจะสาปเขาเป็นนั่นเป็นนี่" ก็ลองบอกว่า "จะสาปได้ยังไง อย่างงี้นรกสวรรค์ก็ไม่มีความหมายสิ" ตะล่อมเอา
หรือถ้าเขาเป็นแค่ delusion ยิ่งคุยง่าย แค่พยายามให้เขาเปิดใจกับเรา มันเหนื่อยนะ เรายอมรับ แต่เธอต้องรู้ว่าตัวเองจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจได้เร็วยิ่งกว่าใครเพราะเหตุการณ์เหล่านี้ มันไม่สำคัญว่าแม่จะหายหรือไม่ แต่เธอเก่งมากจริงๆที่กัดฟันอยู่กับมันมาได้จนถึงวันนี้ ภูมิใจแทนเธอนะ เราจะเป็นกำลังใจให้เสมอ
ปล. อันนี้ขำๆ นอกเรื่อง พวกหมอจะไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ถ้าบอกว่าตัวเองโดนของมา หรือเป็นร่างทรง ฯลฯ ไม่มีทางได้ออกจากรพ.อ่ะ ร่างทรง กุมารทองที่เขาไหว้ๆกันอ่ะ ถ้าบ้านเราเอาจริงเรื่องสายอาชีพจิตวิทยา พวกนี้คงโดนโกยเข้าหวอดจิตเวชหมด เพราะหลักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจน
พี่ก็เคยมีเรื่องแบบ วันแม่เค้าให้เชิญแม่ของแต่ละคนมา แต่แม่ไม่ว่าง พี่เลย บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไร ดูพวกเขาไหว้กันก็พอ แล้วส่วนเราน่ะเหรอ แค่ไหว้ก้มกราบครูคนไหนสักคน ที่เรานับถือเหมือนแม่คนที่สองก็พอ อย่าไปคิดเะไรมากนะน้อง เพราะแม่ของเพื่อนก็ไม่มาเหมือนกัน เค้ายังไม่คิดไรมากเลย แถมเพื่อนคนที่แม่ไม่มา เปลี่ยนที่นั่ง มานั่งข้างพี่เลย55 แบบแอบอ้อมมาหาอ่ะ แค่นี้ก็รู้สึกอุ่นใจแระ อย่าคิดไรมากเลยเนาะ เอาเป็นว่า หาครูคนที่เรานับถือ ไหว้แทนละกัน
กิจกรรมกราบแม่กราบพ่อที่โรงเรียนยกเลิกไปได้แล้วค่ะ
คนที่พ่อแม่มาไม่ได้และเด็กกำพร้าต้องกราบเก้าอี้เปล่าๆกับครูแทนเนี่ยนะ
ส่วนพวกที่พ่อแม่มาได้ต้องกราบอวดคนทั้งโรงเรียน
เหมือนกิจกรรมสตรอเบอร์แหลสร้างภาพ
อวดว่ารักแม่รักพ่อที่บ้านเถอะค่ะ
การที่เราให้แม่ไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักแม่นะครับ ส่วนการที่น้องจะหยุดเรียนหรือไปร่วมกิจกรรม นั่นก็เป็นสิทธิ์ของน้องเช่นกัน สิ่งที่น้องทำได้และพี่คิดว่าน้องควรทำ ก็คือ เข้มแข็ง ทำดีต่อท่านให้มากๆ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งในฐานะนักเรียน และฐานะลูกที่ดี คำว่า "Mom is the best uncondition love in my world" ก็น่าจะเหมาะนะครับที่น้องจะนำไปเขียนการ์ดวันแม่ส่งครู
ถ้าจขกท.ไม่อยากตอยคำถามก็ตอบไปแค่แม่ไม่สบายหนัก มาไม่ได้ (ซึ่งก็ไม่ได้โกหก เพราะจิตเภทก็คือไม่สบายเหมือนกัน)
คิดว่าคงจะไม่มีอะไรนะคะ
เพื่อนเราหลายคนพ่อแม่ไม่ได้มากิจกรรมแบบนี้เลย รวมถึงแม่เราที่ครอบครัวก็โอเคดีบางทีก็ไม่ค่อยได้มาเพราะงานยุ่งค่ะ
พ่อแม่ไม่มางานแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดานะคะ ไม่ต้องคิดมากนะ
สู้ๆนะคะ แม่เราก็เคยป่วยเกี่ยวกับระบบประสาท ตั้งแต่ป.5 ตั้งแต่ตอนนั้นแม่เราก็มางานวันแม่ให้เราไม่ได้อีก แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะไหว้ครูที่เรารักมากๆสักคนก็ได้ กลับบ้านไปค่อยไปกราบแม่อีกทีนะคะ สู้ๆค่ะเป็นกำลังใจให้
แม่พี่แทบไม่เคยไปงานวันแม่เลย ติดธุระ ขี้เกียจก็มี
ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดไรมาก ไหว้ครู ไหว้โต๊ะ ก็มีคนทำเหมือนๆกัน เอาดอกมะลิกลับมาบ้านค่อยให้ก็ได้ พิธีให้แม่ไปรร.มีทำไมไม่รู้ ถ้าประชุมผู้ปกครองว่าไปอย่าง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?