Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จะเลิกความอยากเป็นหมอนี้ยังไงดี วอนนาบีมาจนอายุยี่สิบกว่าแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ไปสอบเข้าซะที

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมอยากเป็นหมอมาก คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) คือทุกอย่างของชีวิตผม แต่ตอนนี้ก็  20กลางๆแล้ว ก็ยังไม่ได้แม้แต่จะเตรียมตัวสอบจริงๆจังๆ ซะที เพื่อเข้า คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)

ตอนม.6 ผมมีเรื่องเข้ามากวนใจ ซึ่งผมก็ไม่โทษใครหรอกครับ โทษตัวเองในตอนนั้นที่ งี่เง่ามากๆ ตอนปี1 ก็ไม่ได้ซิ่ว แต่พอขึ้นปีสูงๆ ผมอยากลาออกมาก แม่ก๋ไม่ให้ลาออก แถมดูถูกผมนักหนา ว่าผมไม่มีทางสอบได้ 
ผมเลยกะว่า จะมาสอบหลังเรียนจบ คณะนั้นๆแล้ว ต่อมา แม่ก็ดันไตวาย หลอดเลือดสมองตีบ อาการบางทีก็เหมือนคนติดเตียง ต้องคอยหาข้าวหาน้ำให้กิน ผมก็เลยอดไปสอบเข้าแพทย์ 
ผมอยากไปสอบหมอมาก ทำอะไรก็ทำไม่ได้สุด เพราะมันติดที่ความคิดที่ว่า "ฉันอยากเข้าหมอ" ตลอด และก็ไปสอบไม่ได้ด้วย เพราะต้องอยุ่กับแม่ ในแต่ละวัน ผมไปไหนไกลยังไม่ได้เลย
ต้องอยู่กับแม่จนกว่าแม่จะตาย (ซึงก็ไม่รุ้เมื่อไหร่)แล้วเอามรดก(ที่ไม่รู้ว่าแม่จะใช้หมดไปก่อนมั้ย) ไปใช้ว่างั้นเถอะ ผมถึงจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง

จริงๆตอนนี้ผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เพราะนอกจากที่ผมไปสอบเข้าแพทย์ไม่ได้แล้ว แม่ผมไม่สนับสนุนให้ผมทำอะไรทั้งสิ้น หางานทำก็ไม่ได้(เคยหนีไปทำงาน แต่แม่ก็ไปตามตัว บังคับให้ลาออก)   ไปเล่นกีฬาที่รักก็ไม่ได้ เรียนนิติภาคบัณฑิต ก็ไม่ได้ (สองอันหลังนี่ ดูถูกเหมือนเรื่องเข้าหมอ ว่าผมต่อยมวยไม่ไหว นิติยาก ผมความจำไม่ดี)  อะไรๆก็ไม่ได้ ดังนั้น  วันๆก็ได้แต่อยู่กับความหลอนในความอยากเรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสบัณฑิต) 

ผมจะล้มเลิกความฝันนี้อย่างไรดี ผมจะได้เลิกบ้า อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องมีเป้าหมายอะไร อยู่ไปวันๆพอ ชีวิตตื่นมาซื้อข้าว พาแม่ไปฟอกไต พอ  พอเลิกอยากเป็นหมอ ผมก็คงจะไม่รู้จะทำอะไรเลย เพราะไม่เคยคิดอยากเป็นอะไรนอกจากหมอ มาตั้งแต่อายุ 15แล้ว 

หมายเหตุ ถึงคนที่รู้นะว่าผมคือใครอะไรยังไง ก็ขอบคุณที่รู้ และที่ผ่านๆมาเราก็เคยตั้งกระทู้ แต่ก็คงดูออกอยู่ดีใช่มะ เราโกหกไม่เก่ง ไม่เนียนหรอก 5555+ แต่เราไม่ได้มีเจตนาโกหกเพื่อมโนหรืออะไรหรอก แค่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเป็นเรา (แต่ยังไงๆก้รู้อยู่ดีใช่มะ) อย่าโกรธ เกลียดเราเลยนะ


เรื่องความวันนาบี

ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่ การได้เข้าเรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) จะเข้ามาเป็นเงื่อนไขในการใช้ชีวิตทุกอย่างๆของผม รู้ตัวอีกทีก็ ก็โงหัวไม่ขึ้นแล้ว
ตอนปี1 ที่คณะๆนึงๆ มหาวิทยาลัยนึงๆ มีห้องเชียร์ ผมก็ก็ไม่เคยเข้าเลย ไม่ใช่ว่าแอนตี้Sotusอะไรหรอก แต่ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะรอไปเข้าห้องเชียร์ที่ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เท่านั้น ตอนนั้นผมมุ่งแต่จะซิ่วหมอ

ตอนปี1 รับน้อง ผมก็ไม่ค่อยสนุกกับกิจกรรมอะไร ไม่ค่อยอยากรู้จักใคร เพราะคิดแต่ว่า สังคมของผมอยู่ที่ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เท่านั้น ผมอยากเรียนหมอ

พอขึ้นปีสูงๆที่คณะนั้นๆ ผมก็ลงเรียนแต่วิชาที่ใกล้เคียงกับเนื้อหาของ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เท่านั้น
ตลอดระยะเวาที่เรียนคณะนั้นๆ ในหัวผมมีแต่คำว่า การสอบเข้าหมอ เข้าแพทย์ กสพท. วิชาสามัญ ความถนัดแพทย์ เรียนหมอ เรียนแพทย์ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) ผมไม่ค่อยได้สนใจสิ่งที่เรียนเท่าไหร่นัก ซึ่งก็ตามมาด้วยผลการเรียน เกรด ที่ไม่ดีเลย ไม่ตั้งใจทำโปรเจคใดๆทั้งสิ้น โดนอาจารย์ทที่ปรึกษาโปรเจคประชดใส่เรื่องคณะแพทย์ ก็โดนมาแล้ว 

ผมมีความสุขมาก กับเนื้อหาวิชาที่ มีเนื้อหาแบบคณะแพทย์ เช่น biochem physilogy anatomy micro patology ผมซื้อหนังสือเหล่านี้เก็บไว้อ่านด้วยเมื่อได้เรียนหมอ

ตอนเรียนในคณะนั้นๆ ผมไม่เคยนั่งใต้ตึกคณะตัวเอง ผมชอบไปนั่งที่ตึกคณะแพทย์มากกว่า รู้สึกลมเย็น รู้สึกสถานที่แห่งนี้คือที่ของเราต่างหาก(อ้อ ไม่ต้องคิดว่าผมน่ากลัว เข้าไปนั่งเรียนกับ นักเรียนแพทย์หรอก ผมนั่งโซนที่คนทั่วๆไปก็นั่งได้ ไม่ได้คะยั้นคะยอเข้าไปในห้องเรียนห้องแลปขนาดนั้น)

ในช่วงเวลาหลายปี ผมซื้อหนังสือม.ปลาย เตรียมสอบเข้าแพทย์เก็บไว้เยอะมาก (เกิน100เล่ม)  ผมอยากเรียนแต่หมอ ผมวาดฝันไว้อย่างดีว่าเรียนจบเมื่อไหร่ผมจะตะลุยหนังสือ โจทย์ให้หมด เพื่อคณะแพทยศาสตร์  

ชีวิตส่วนตัว ผมไม่เคยคิดอยากมีแฟนเลย ผมจะมีแฟนก็ต่อเมื่อได้เข้าเรียน คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) แล้วเท่านั้น ไม้เช่นนั้นผมก็ไม่มีความมั่นใจไปจีบอะไรใครทั้งสิ้น ถ้าชีวิตนี้ผมไม่ได้เรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) ผมก็ยอมโสดไปจนตาย

ในfacebook ผมไม่เคยเอาขึ้นว่าเรียนที่ไหน ทั้งสิ้น ผมจะรอเอาขึ้นแต่ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) มหาวิทยาลัยซักที่หนึ่ง
ผมไม่ค่อยกล้ามีความมั่นใจที่จะโพสต์ คอมเม้น แสดงความคิดเห็นอะไรบนโลกโซเชี่ยเท่าไหร่ เพราะผมยังไม่ได้เรียนคณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)

เวลาผมออกกำลังกาย จะเวท จะคาร์ดิโอทั้งหลาย ผมก็คิดแค่ว่า ผมต้องดูแลสุขภาพ เพราะอีกหน่อยจะเป็นหมอ จะดูแลคนอื่น เราต้องดูแลตัวองให้ดี ผมไม่ได้รักสุขภาพอะไรจริงๆ แต่เพราะ คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต) เข้ามาเป็นเงื่อนไข

เวลาผมเดินที่ไหนๆก็ตาม ผมจะเดินหลังตรง อกผาย ตลอด เพราะคิดว่า บุคลิกผมต้องดี (แม้หน้าตาจะแย่) เพราะผมจะเป็น "คุณหมอ" คณะแพทย์(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)

เพลงประจำวันผม ก็ไม่ใช่เพลงอื่น แต่เป็นเพลงคณะแพทย์ ทั้ง20กว่าสถาบัน ฟังวนๆไปแต่ละที่ มันไพเราะมาก กับบทเพลงของคณะแพทยศาสตร์ ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมฟังเพลงอื่นๆที่ชาวบ้านเค้าฟังกันเมื่อไหร่

ผมทานข้าว ผมก็จะกินอย่างคุณหมอ ผมทานแต่ของมีประโยชน์ ผมเป็นหมอ

มาเรียนนิติศาสตร์ ก็อยากลงวิชาเลือกกฎหมาย นิติเวชศาสตร์ กฎหมายการแพทย์ เพราะผมอยากเป็นหมอในอนาคต 



 

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

namthip5391 14 ก.ค. 62 เวลา 00:23 น. 1

ดักคำตอบ กรุณาไปสอบมาให้ติดก่อนนะ แล้วค่อยมาตั้งกระทู้ สอบเข้าหมอไม่ใช่ง่ายๆ


ตอบ ผมไม่สอบแล้ว และกำลังจะหาวิธีเลิกล้มความฝันนี้ เลิกวิธีคิดแบบที่เอาคณะแพทย์เป็นเงื่อนไขในการทำทุกอย่างเสียที

เรื่องสอบเข้ายาก ง่าย ถ้าผมได้เรียมตัวสอบอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพาแม่ไปฟอกไต ไม่ต้องมานังอยู่บ้านหาข้าวหาน้ำให้แม่กิน ถ้าผมได้เตรียมตัวสอบจริงๆจังๆ ผมแค่ 2-3ปีเท่านั้น ถ้ายังไม่ติดผมก็จะเลิกนะ


ดักซ้อนดักคำตอบ : ระหว่างแม่คุณฟอกไต หรือวันที่แม่คุณไม่ได้ไปฟอก คุณก็อ่านได้นิ


ตอบ : สอบติด ต้องไปอยุ๋หอ ไปเรียนไกลๆ ไม่มีใครซื่อข้าวน้ำ พาแม่ขึ้นรถแท็กซี่ครับ บางทีแม่ฟอกไตเสร็จ แม่ลงแท็กซี่เองไม่ได้ ลุกไม่ไหวบ้างอะไรบ้าง บางทีเข้าห้องฉุกเฉินบ้าง จะไม่มีใครอยูกับแม่


ดักคำตอบ ไปพบจิตแพทย์หน่อยมั้ยคะ คุณน่าจะหนักนะ

ตอบ ผมไม่หนักครับ อย่างที่บอก ผมดูแลสุขภาพอย่างดี หวาน มัน ทอด ผมไม่กิน ออกกำลังกายทุกวัน เพราะผมกำลังจะเป็นหมอในอนาคต (ผลเลือดผมดีทุกตัว HDL สูง LDLต่ำ ไตรกลีเซอรืได์น้อย)

ไปพบจิตแพทย์ผมคงไปไม่ได้หรอกครับ แม้บัตรทองจะครอบคลุม แต่มันก็ต้องมีค่ารถ ถ้าผมนั่งรถไป ผมต้องอดข้าวครับ

ยังไงก็ลองให้ความเห็นเบื้องต้นดูก่อนก็ได้ครับ


ดักคำตอบ

ใช่คนที่ แม่ต้องฟอกไต แล้วอยากเรียนหมอมั้ย? ตั้งบ่อยมาก

ตอบ ครับ ผมเอง กระทู้นี้คือกระทู้สุดท้ายครับ ผมจะเลิกอยากเป็นหมอ ผมจะกลายเป็นคนล่องลอยไม่เป้าหมายชีวิตอะไรดูครับ เผื่อจะมีความสุขขึ้น เพราะถ้าเลิกอยากเป็นหมอ ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ไม่ต้องขวนขวาย นั่งคิดว่าเมื่อไหร่จะได้ไปสอบครับ


ดักคำตอบ เพราะอะไรคะ ที่ทำให้คุณต้องอยากจะเป็นหมอให้จงได้ มีอะไรกับอาชีพนี้นักหรือ?

ตอบ ผมไม่ขอตอบข้อนี้นะครับ เพราะ ไม่ว่าผมจะตอบว่าอยากเป็นหมอเพราะอะไร ก็จะต้องมีคนมาตอบว่า อาชีพอื่นก็ทำได้ ไม่ต้องเป็นหมอก็ทำได้ ซึ่งมันไม่เกิดประโยชน์อะไรนอกจาก คนตอบจะรู้สึกชนะผม

เช่น 1. อยากเป็นหมอเพราะได้ช่วยเหลือคน >> อาชีพอะไรก็ช่วยเหลือคนได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ

2.อยากให้มีคนนับถือยกย่อง >> เรียนนิติสิ สอบผู้พิพากษาเลย เขาเรียกท่านๆ นะ ไม่ต้องเรียนหมอก็ได้

3.อยากมีรายได้ที่มั่นคง รวย เงินเยอะ >> สอบราชการสิ จบป.ตรีมาแล้ว ก็เข้าราชการ สอบภาค ก ข คเลย มั่นคงแน่ๆ เรื่องรวย ทำธุรกิจสิ รวยกว่าหมออีก (แล้วก็ยกตัวอย่าง เจ้าสัวติดอันดับของไทยมาพูดยาวววว)

4.อยากทำวิจัยในด้านการแพทย์ >> ต่อโท เอก ที่เปิดในคณะแพทย์ก็ได้นะ ไม่ต้องเป็นหมอเลย

5.อยากช่วยเหลือคนในด้านการแพทย์ ด้านการรักษา >> เรียนผู้ช่วยแพทย์ ผู้ช่วยพยาบาล พยาบาล เทคนิคการแพทย์ สหเวชศาสตร์ กายภาพบำบัด เภสัชศาสตร์ ก็ได้นะ ไม่เห็นต้องเป็นหมอเลย

ฯลฯ

ซึ่งผมเห็นด้วยทุกข้อครับ แต่แล้วยังไงละ ก็อยากทำงานหมอนี่นา เฮ้อออ

4
พิณชา 14 ก.ค. 62 เวลา 12:16 น. 1-1

สวัสดีค่ะจขกท.เราเองก็อยากเข้าหมอแต่เราอายุจะ20ภายในปีนี้ เราถูกกดดันให้ทำงานหารายได้เพราะเราใช้น้ำใช้ไฟของแม่อยู่ เราขอให้จขกทพยายามต่อไปนะคะ เราอยากให้จขกทลองพยายามดูอีก แต่ครั้งนี้จขกทต้องท่องในใจว่าต้องไม่ผิดหวังอีกจะทำให้ดีที่สุดให้ติดให้ได้นะคะ เราอายุ20เรารู้สึกเราไม่มีค่าแต่เราก็อยากลองทำดูสักครั้งค่ะ

0
พิณชา 14 ก.ค. 62 เวลา 12:18 น. 1-2

เราอ่านแล้วรู้สึกว่าจขกทเหมือนเราทุกอย่าง เราอยู่ในบ้าน ช่วยแม่ทุกอย่างแม้จะเหนื่อยก็ทำให้ทุกอย่างแต่ไม่มีค่าอะไรกับแม่เลยเพราะแม่คิดว่าเราไร้ค่า อาศัยน้ำไฟ ใช้เงินยังชีพด้วยเงินของแม่ แต่เราก็อยากพยายามให้ติดจะได้เรียนแล้วจบมามีงานการทำจะได้มีเงินจ่ายให้แม่แทนค่ะ

0
งงครับ 16 ก.ย. 62 เวลา 17:25 น. 1-3

ผมไม่หนักครับ อย่างที่บอก ผมดูแลสุขภาพอย่างดี หวาน มัน ทอด ผมไม่กิน ออกกำลังกายทุกวัน เพราะผมกำลังจะเป็นหมอในอนาคต (ผลเลือดผมดีทุกตัว HDL สูง LDLต่ำ ไตรกลีเซอรืได์น้อย)

ไปพบจิตแพทย์ผมคงไปไม่ได้หรอกครับ แม้บัตรทองจะครอบคลุม แต่มันก็ต้องมีค่ารถ ถ้าผมนั่งรถไป ผมต้องอดข้าวครับ

[สรุปว่าคุณจะเลิกสอบหมอแล้ว แต่คุณจะเป็นหมอในอนาคตมันยังไงกันแน่ครับ ส่วนเรื่องจิตแพทย์นะครับผมว่าคุณลองปรึกษาดูนะครับด้วยความเป็นห่วง เพราะการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังเป็นเรื่องที่เครียดอยู่แล้ว และเรื่องอดข้าวก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการไปหาคุณหมอนะครับ

ปล.ดูคุณง่วนกับคำว่า คณะแพทย์มากเลยนะครับถึงกับต้องตามด้วย(หลักสูตรปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต)ทุกอัน]

0
จขกทเอง 21 ก.ย. 62 เวลา 23:01 น. 1-4

เรื่องผลสุขภาพที่บอกแบบนั้น เพราะเป็นแรงกระตู้นว่า ผมนี่จะเป็นหมอ ผมจะดูแลคนอื่นผมต้องดูแตัวเองดีๆก่อน อะไรทำนองนี้ไงครับ


เรื่องหาหมอที่ต้องอดข้าว เพราะตอนนี้ผมจน จะไปหาหมอ ค่ารถนั้นก็คือต้องหักค่าข้าวไปครับ ผมก็เลยต้องอดข้าว


เรื่องหลักสูตรนั้น เพราะในคณะแพทย์หลายๆที่จะมีเปิดสอนหลายๆหลักสูตรอีก เช่นแพทย์แผนไทย เมทเทค เวชกิจฉุกเฉิน เป็นต้น ผมเลยต้องเน้นย้ำถึงชื่อหลักสูตร นอกจากหลักสูตรป.ตรี ก็ยังมีหลักสูตรโท เอก อีก ผมก็ยิ่งต้องเน้นย้ำชื่อหลักสูตรครับ

0
possitive thinking 14 ก.ค. 62 เวลา 23:33 น. 2

ไม่เป็นไรนะคะ เราเข้าใจ ยังไงตอนนี้ อยากให้จขกท.ลองใจเย็นๆ อย่าเพิ่งประชดชีวิตตัวเอง อดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเคยเกิดอะไรขึ้น จะมีปัญหาที่เกิดจากตัวเองเป็นต้นเหตุหรืออะไรก็ตามแต่ ขออย่าได้เก็บเอามาคิดบั่นทอนจิตใจตัวเอง

มาลองเริ่มต้นดูใหม่อีกครั้ง วางแผนชีวิตใหม่ดูไหมคะ?

ถ้าจขกท.ยังอยากเรียนหมอ อันที่จริงก็ไม่ได้สายเกินไปเลย แค่อาจจะต้องใช้ความพยายาม ความอดทนให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะคงต้องเจอคำดูถูกอีกไม่ใช่น้อย ไหนจะต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าจขกท.มีจิตใจที่เข้มแข็ง เราเชื่อว่าถ้าคุณตั้งใจจริงๆ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างเป็นไปได้แน่นอนค่ะ


แต่ถ้าตัดสินใจจะไม่สอบหมออีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ก็คงคิดว่าจขกท.คงตัดสินใจดีแล้ว เราขอให้พบเส้นทางใหม่ที่ดีกว่าเดิม และเหมาะสมกับจขกท.จริงๆนะคะ


ปล.บางทีในอดีตอาจจะเดินผิดมาบ้าง พลาดมาบ้าง มีปัญหาเข้ามาบ้าง แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุผลของมันเสมอ ขอให้จขกท.เข้มแข็งไว้ อย่ากลัวอะไรทั้งนั้น และที่สำคัญความดีก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ การที่จขกท.ดูแลคุณแม่ สำหรับเราถือว่าทำถูกต้องแล้ว เราเข้าใจว่าอาจจะเหนื่อย แต่อย่าได้ท้อ พยายามคิดบวกให้มากๆนะคะ รอบๆตัวเราอาจจะไม่ได้ดีมาก แต่ความคิดของเราต้องดีไว้ก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้มีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :-)

0
เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 15 ก.ค. 62 เวลา 00:16 น. 3

อ่านแล้วคุ้นๆ ทั้งถ้อยคำและสำนวนและเรื่องราว... เรานึกได้ว่ามีผู้หญิงคนนึงก็เคยตั้งกระทู้ไปแล้วนี่น่า...หรือจขกท.จะเป็นผู้หญิงคนนั้น?? ง่าาาา ตกลงคุณ จขกท.เป็นหญิงหรือชายอ่า อย่างตัวเราเอง เรายอมรับนะว่าตัวละครของเราในเว็บเด็กดีนี้ เราสร้างตัวเองให้เป็นเกย์ที่พูดจาออกสาวๆ คือเราคิดว่าถ้าใครอยากจะป็นตัวละครหญิงก็หญิงไปให้ตลอด ใครอยากเป็นชายก็ชายให้ตลอดดีกว่าเน้อออ คือสลับเพศไปมานี่คนอ่านรับม่าาายด้าาาย


เอาเป็นว่าเราจะพยายามเชื่อเรื่องราวในส่วนที่คุณแม่คุณฟอกไตและการที่คุณเรียนนิติฯและช่วงอายุของคุณละกัน

เรายังไม่มองว่าคุณป่วยโรคจิตนะ ถ้าจะเห็นเป็นงั้นก็คือตอนที่คุณเล่นสลับร่างสลับเพศไปมานี่แหละ มันทำให้ดูไม่จริงใจอะ


ยังไงๆ เราก็ขอให้กำลังใจละกัน เราจินตนาการพอออกอยู่ว่าคนที่อยากเป็นหมอจริงๆแล้วยังไม่สมหวังนี่ คงต้องใช้การพูดคุยระบายกันยาวๆ เป็นพักๆ เลยล่ะ โดยต้องเริ่มจากจุดอ้างอิงที่ก็คืิอความปรารถนาอยากเป็นหมอ ที่ควรจะมีคนมาร่วมแบ่งปันความรู้สึกนี้กันเยอะๆ พูดคุยกันเกี่ยวกับความรู้สึกแบบนี้กันมากๆ ต้องปราศจากความพยายามที่จะเปลี่ยนทัศนคติ จขกท.โดยฉับพลันหรือไม่ต้องเปลี่ยนอะไรใดๆ ทำอย่างนี้ก็คงจะช่วยให้ จขกท.และอีกหลายๆคนรู้สึกดีขึ้นได้

0
ppkkint4 17 ก.ค. 62 เวลา 17:56 น. 4

เราเป็นหมอนะคะ

เจอคนไข้โรคไตเรื้อรังมาเยอะ

กำลังใจของคนไข้หลักๆเลยมาจากญาติค่ะ. ถ้าญาติใสใจ. ดูแลดีคนไข้ก็จะไม่ซึมเศร้า


เราแนะนำให้คุณดูแลแม่ให้ดีๆค่ะ. ผลบุญจะทำให้เกิดสิ่งดีๆกับชีวิต

และเราเข้าใจความหนักของคนที่ดูแลคนไข้นะคะ

หมั่นหาคนมาเปลี่ยนบ้างก็ดีค่ะ

คุณจะได้ไม่กลายเป็นโรคเครียดไปด้วยอีกคน

0
dek62 18 ก.ค. 62 เวลา 21:10 น. 5

สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะคะ ตอนนี้พี่ยังจะสอบหมออยู่รึเปล่าคะ ถ้ายังอยาก หนูว่าพี่ควรเตรียมตัวสอบแบบจริงจังเลยค่ะ เพราะเห็นตั้งแต่บรรทัดแรกๆว่าไม่แม้แต่จะเตรียมตัวสอบจริงจัง;-; ถ้าหาทางตัดใจลองเจียดเวลาว่างๆศึกษาธรรมะพวกการปล่อยวางมั้ยคะ น่าจะช่วยให้ดีขึ้น และการไปพบจิตแพทย์ไม่ได้หมายความว่าจขกท.สุขภาพกายดีแล้วจะไม่ไปนะคะ จิตแพทย์ปรึกษาสุขภาพจิตค่ะ หนูอยากให้พี่ไปหาจิตแพทย์จริงๆนะคะ ดูท่าจะหนัก(ไม่ได้มีเจตนาเสียดสีนะคะแต่อยากให้ไปจิตแพทย์รับฟังเรื่องของเราและช่วยบำบัดให้ดีขึ้นได้ค่ะ) ยังไงก็ตามหนูเคารพในการตัดสินใจของพี่นะคะ ขอให้พี่มีความสุขกับการใช้ชีวิตค่ะ :))

0
12345 20 ก.ค. 62 เวลา 12:46 น. 6

จขกท พอหาเวลาทำโจทย์ตอนที่คุณแม่นอนหลับได้มั้ยคะ เน้นโจทย์จริงไปเลยเพื่อจะได้ ผลลัพธ์ ดีๆ เหมือนอ่านน้อย แต่ได้ผลลัพธ์มาก ข้อสอบ เลขมี 30 ข้อ จขกท แบ่งทำ วันละ 10 ก็ได้. แล้วถ้าทำไม่ได้ สมมติข้อนี่ตรีโกณ เราก็ไปหาโจทย์เสริมนิดหน่อยมาทำพอให้รู้คอนเซป.

ส่วนภาษาอังกฤษ อ่านแอฟ bangkok post เลยค่ะ ให้ชินตา. หาศัพท์ ในนั้น อ่านวันละ 2-3 passages แล้วเอา ข้อสอบจริงมาทำ


(วิชาอื่นๆก็ปรับตามความเหมาะสม)


จขกท สามารถใช้เวลาที่น้อยสุดให้มีประโยชน์สูงสุดได้นะคะ

ส่วนคุณแม่ จขกท. ก็ต้องดูแลอย่างเต็มที่น้า ความกตัญญูจะตอบแทน จขกท ในอนาคตเอง

เมื่อก่อนคุณตาเราป่วย เราก็เคยเอาโจทย์เอนท์ เลขไปนั่งทำหน้าห้อง ccu เหมือนกัน ระหว่างรอเยี่ยมคุณตา


-จากใจคนเรียนวิทย์สุขภาพ-

0
ไม่พร้อมจะบอกว่าชื่ออะไร 22 ก.ค. 62 เวลา 10:57 น. 7

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กับเจ้าของกระทู้นะ ไม่ว่าจะสอบหรือจะไม่สอบแล้วก็ตาม แต่ก็น่าเสียดายนะ อุตส่าห์ทุ่มเททำเพื่อสิ่งที่ต้องการเพื่อสิ่งที่ตัวเองฝันอยากจะเป็นมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ก็คงจะเครียดมากและมีอุปสรรคหลายอย่างต้องเผชิญ ยังไงผ่านเรื่องยุ่งยากนี้ไปให้ได้เร็วๆนะ

0
ทานตะวัน:) 24 ก.ค. 62 เวลา 21:22 น. 8

งั้นเอางี้

เราก็เป็นคนติวเด็กเข้าหมอเองดูแทนไง

ถึงเราจะไม่ได้เป็นเอง แต่เราก็ส่งต่อความฝันให้อีกหลายๆคนที่อยากจะเป็นหมอนะ

2
ทานตะวัน:) 24 ก.ค. 62 เวลา 21:33 น. 8-1

เราได้แนวคิดนี้มาจากครูสอนพิเศษของเราเอง ครูเค้าเป็นคนเก่ง แต่ดวงเรื่องหมอนี่ไม่มีซักที ตอนจะเข้ามหาลัย อยู่ๆก็ไม่สบายวันสอบอ่านข้อสอบไม่รู้เรื่อง ทำวิชานึงพลาดไป อีกไม่กี่คะแนนจะเข้าได้แล้ว ครูเลยยอมเอาทุนคณะวิทยาฯแทน ตอนอยู่ในมหาลัย บ้านของครูก็ค่อนข้างไม่ดี จะซิ่วก็ยากเพราะแม่ครูที่ไม่สบายบอกขอเห็นลูกใส่ชุดปริญญาให้เร็วที่สุดเผื่อจะอยู่ไม่ทัน ครูก็เลยเรียนวิชาที่สามารถเอาไปเรียนหมอให้มากที่สุดแทน จบปอตรีครูก็หาตังอยู่อีกปีสองปีเพราะแม่ครูป่วยหนักอีก แต่ครูอ่านหนังสืออย่างหนัก ทำทุกอย่างจนพร้อมแต่ก็มีปัญหาเงื่อนไขสมัครสอบไม่ได้อีก(ครูบอกว่าเงื่อนไขงี่เง่ายังไง แต่เราไม่ค่อยเข้าใจหรอก) ครูบอกกับเราว่า งั้นถ้าเมื่อไหร่ครูอยู่ในกระทรวงการศึกษาครูจะเปลี่ยนระบบพวกนี้ให้หมดเลย

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

พลอย ไพลิน 24 ก.ค. 62 เวลา 22:03 น. 9-1

เรากลัวมาก กลัวสอบไม่ติด กลัวว่าที่ผ่านมาจะไม่มีความหมาย กลัวมากเลย;-;

0
purse 28 ก.ค. 62 เวลา 19:30 น. 10

ถ้าจขกท.ไม่ได้ปรึกษาใคร หรืออยากระบาย คุยกับเราได้นะคะ เรายินดีรับฟัง เผื่อจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง และถ้าเราพอจะช่วยอะไรได้ เรายินดีช่วยนะคะ ถือซะว่าเป็นเพื่อนใหม่คนนึง เพราะเราก็เจอปัญหาคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน

0