Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรากำลังคิดจะลาออกจากงานประจำเพื่อเป็นนักเขียน Fulltime

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนว่าเราเขียนนิยายตีพิมพ์ตั้งแต่ ม.2 ก่อนหน้านี้เราแต่งส่ง สนพ. แต่ปัจจุบันออกมาทำมือ+ลง ebook เองค่ะ รายได้เฉลี่ยหลังจากทำมือเอง 2 ปีมานี้ตกเดือนละประมาณ 20,000 บาท (จริงๆ จะได้เป็นก้อนเยอะตอนลงใหม่ๆ ค่ะ อันนี้เราเฉลี่ยให้) ส่วนปีนี้รายรับจากอีบุ๊คเราประมาณ 300,000-400,000 บาทค่ะ

เราเพิ่งเรียนจบพยาบาล เริ่มทำงานได้ 3 เดือน เป็นตำแหน่งลูกจ้างรายวัน เงินเดือน 16,000 บาทค่ะ ไม่มีสวัสดิการใดๆ แม้แต่ประกันสังคม ไม่มีวันลา (หากลาหักเงินรายวัน) ต้องขึ้นเวร ช บ ด แบบไม่มีค่าเวร ไม่มีค่าใบประกอบเพิ่ม และด้วยภาระงานที่หนัก เรารู้สึกว่าเราไม่ชอบ เราไม่มีความสุขกับงานที่ทำ บางทีเวลาขึ้นเวรดึกงี้ยังมานั่งคิดเล่นๆ เลยว่า ทำไมต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้ด้วยวะ ต้องเข้านอนตอนสองทุ่มแม้จะไม่หลับเพื่อเข้าเวรตอนเที่ยงคืน บ บ บ ด ด งี้ เหมือนเป็นวิญญาณเลยค่ะ เห้อออ(จริงๆ ก็รู้ตัวตั้งแต่เรียนแล้วนะคะ แต่ตอนนั้นคือยังไหว แบบยังมีอาจารย์ไรงี้ 555)

เรากลับมาร้องไห้เกือบทุกวัน จนเริ่มคุยกับที่บ้าน ส่วนทางบ้านตอนแรกก็กล่อมให้เราทำไปก่อน แต่เราไม่แฮปปี้จริงๆ จนในที่สุดเขาก็บอกให้เราเลือกเองค่ะส่วนตัวใจเราคืออยากออกมากกกก แต่เราก็ยังห่วงว่าตอนนี้งานยังขายได้ แต่ถ้าต่อไปขายไม่ได้ล่ะ 555 เราสับสนชีวิตตัวเองว่าจะเอายังไงต่อไปดี 

เอาล่ะ...ขอเข้าคำถามสักที มีใครยึดอาชีพนักเขียนเป็นงานหลักแล้วรอดบ้างมั้ยคะ มาขอความคิดเห็นเผื่อว่าจะมีแง่คิดดีๆ ก่อนจะยื่นใบลาออกอีกสองวันค่ะ

ปล. เราอยู่ ตจว. ไม่มี รพ. เอกชนค่ะ ตอนนี้ทำ รพ.รัฐใกล้บ้านค่า ^^ ที่ไม่เลือกไปทำงาน ตจว. เพราะห่วงแม่ค่ะ พ่อเสียแล้วตั้งแต่เราเกิด ไม่มีโรงงานให้ทำพาร์ททามด้วย

ปล2.การเว้นวรรคอาจจะผิดไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยค่ะ เราพิมพ์ในโทรศัพท์จ้า

แสดงความคิดเห็น

>

35 ความคิดเห็น

25 พ.ย. 62 เวลา 23:44 น. 1

เรามีฐานแฟนอยู่แล้ว รายได้ต่อปีก็เยอะกว่าเงินเดือน ถ้าไม่ได้เดือนร้อนอะไรก็ทำไปเถอะค่ะ (หมายถึงทำเป็นนักเขียนอย่างเดียว) จะได้ไม่เสียสุขภาพจิตด้วยค่ะ


ส่วนเรื่องงานขายไม่ได้ เราว่านั่นยังเป็นเรื่องอีกไกลนะคะ ถ้าไม่มั่นใจก็เก็บเงินจากรายได้ อีกส่วนแล้วค่อยคิดหาอะไรทำต่อก็ไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ


แต่ว่าไปแล้วเงินรายปีเฉลี่ยขนาดนี้ ประสบการณ์งานเขียนขนาดนี้ ไม่น่าจะไม่มีคนอ่านหรืองานขายไม่ได้นะคะ นอกเสียจากคนเขียนหมดใจไม่อยากเขียนมากกว่าค่ะ


อย่างไรก็สู้ๆนะคะ

0
libbyScorpion 25 พ.ย. 62 เวลา 23:46 น. 2

มีเงินเก็บเผื่อไว้ก่อนซักก้อนนะก่อนออก สมมติช่วงไหนนิยายแป้กๆไปเนอะ จะได้อยู่ได้ ...คือถ้าถึงขนาดนั่งร้องไห้นี่ออกเถอะค่ะ วงวาร เสียสุขภาพจิตจริงๆ อันนี้เข้าใจเลย

0
runna 25 พ.ย. 62 เวลา 23:47 น. 3

เราหยุดแต่งนิยายไปเกือบสิบปี ออกจากงานประจำมาพร้อมกับรายได้ที่สามารถอยู่ได้อย่างประหยัดแค่สองเดือน แต่ก็ออกมาตายเอาดาบหน้าเพราะเวลาแต่งนิยายจะเข้เกียจทำทุกสิ่ง ตอนนี้ออกงานมาได้หนึ่งเดือนแล้วก็ยังคิดว่าทำถูกแล้วที่มาจับนิยาย แม้หน่วยเงินจะไม่แน่นอนแต่ทำแล้วมีความสุขก็เลยทำค่ะ ฉะนั้นอยากทำอะไรทำค่ะ ถ้าไม่ไหวจะกลับไปจับงานประจำใหม่ก็ได้ อายุยังน้อยมีเลือกเยอะแยะ สู้ๆ ค่ะ

0
varunyanee 25 พ.ย. 62 เวลา 23:51 น. 4

เราเสียดายวิชาชีพนะ อดทนหน่อย พอครบ 1 ปี ก็อาจได้้บรรจุแล้ว ใจเย็นๆ

เดี๋ยวนี้บรรจุเร็วกว่าที่ผ่านมา

งานแบบนี้ อาจเหนื่อยช่วงแรก พอสัก 10 ปี 15 ปีก็ลอยเช้าได้แล้ว

เงินเดือนมันโอเคนะ แรกๆก็น้อยล่ะ

ตอนนี้เราเขียนนิยายเป็นงานอดิเรก งานประจำเราเงินเดือนดีกว่าอยู่แล้ว //คิดนานๆ

ขึ้นเวร ไม่มีรายงาน ยังลงมาเขียนนิยายได้ ได้พล๊อตเรื่องอีก //ตัดสินใจดีๆ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

玉兰 (อวี้หลัน) 26 พ.ย. 62 เวลา 00:05 น. 6

ถ้ามั่นใจว่าสามารถเก็บเงินได้จะลองดูก็ได้ค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นต้องคิดให้ดี ๆ ก่อนนะคะ ออกมาแล้วจะมานึกเสียใจภายหลังงานก็ไม่ได้หาง่าย ๆ เหมือนเดิมแล้ว


ส่วนเรื่องยึดการเขียนนิยายเป็นอาชีพหลักนั้น โดยส่วนตัวเราคงไม่ทำ ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน ด้วยรายได้ที่ไม่แน่นอนของอาชีพนักเขียน เราคงอยู่ไม่ได้แน่ ๆ ค่ะ

0
BackHand 26 พ.ย. 62 เวลา 00:14 น. 7

ดูจากฐานรายได้ที่ได้จากการเขียนนิยายแล้ว คิดว่าไม่น่ามีปัญหาครับ


ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่จบสายวิทย์สุขภาพมาเหมือนกัน แต่ไม่ยอมไปทำงานโรงพยาบาล หันไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสาขาวิชาที่เรียนจบมาแทน


ทุกวันนี้มองย้อนกลับไปถามว่าเสียดายไหมที่ทิ้งวิชาชีพตัวเอง บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยครับว่า ไม่!

0
peiNing 26 พ.ย. 62 เวลา 00:18 น. 8

หยิบที่เคยตอบไว้มาแปะใหม่นะคะ


ส่วนตัวเราไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำงานเป็นอาชีพ เพราะตัวคนเขียนอาจขาดวัตถุดิบในการเขียนนิยายได้ (ตอนเอ๊าะๆ น่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่พออายุมากขึ้น ทรัพยากรในตัวถูกขุดใช้ไปเยอะ ตอนนั้นแหละ...ได้เรื่อง หลายคนไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ก็นะ พูดจากใจคนกำลังเผชิญความเสื่อมของร่างกาย ได้แค่เตือน แต่เข้าใจแหละว่าแต่ละท่านมีเงื่อนไขในชีวิตต่างกัน)


ทีนี้ถ้าอยากเป็นอาชีพจริงๆ เราคงแนะนำว่าให้ทำงานประจำไปด้วยเขียนไปด้วย สร้างพอร์ตนิยายของตัวเองขึ้นมาให้ได้ส่วนหนึ่ง จนกระทั่งมันกลายเป็น Passive income จะทำให้ภาระเราลดลงได้ คอยส่องดูว่าเงินจากนิยายของตัวเองสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายขั้นพื้นฐานที่สุดหรือยัง

.

แต่ละคนมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่เหมือนกัน พวกค่าเช่าบ้าน (ผ่อนบ้าน) หนี้สินขั้นต่ำที่จะต้องจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอมลูก หรือจะรวมค่ากินขั้นต่ำไปด้วยก็ได้ค่ะ ถ้ามันครอบคลุมได้ ค่อยมาพิจารณาเรื่องการทำเป็นงานประจำลำดับต่อไป


ถ้าทำเลยโดยที่ได้รายได้แค่แสนหรือสองแสนต่อปีโดยไม่มีหนี้สิน (กรณีที่อยู่กรุงเทพฯ) เราว่าอาจอยู่ได้ แต่ไม่ใช่คุณภาพชีวิตที่ดีพอค่ะ อย่าลืมว่าจะต้องมีเงินเก็บกรณีเจ็บป่วย ยังไม่รวมเงินฉุกเฉินอื่นๆ พ่อแม่แก่ตัวลงใช้ค่ารักษาเยอะมาก แต่งงานมีลูก เด็กเล็กป่วยบ่อย ไหนจะค่าเทอม ไม่น้อยเลยแหละ


สรุป ทำได้ แต่ต้องวางแผนการเงินและการงานให้ดีเพื่อลดความเสี่ยงค่ะ ไม่งั้นตัวคุณเองนั่นแหละที่จะเจ็บปวดกับสิ่งที่คุณรักเพียงเพราะอยากใช้สิ่งนี้เป็นงานหาเลี้ยงชีพตน”


งานคุณจขกท นี่ โหดจริงค่ะ สายงานด้านการแพทย์พยาบาลหนักมากๆ เรื่องนี้เราคงแนะนำไม่ได้ ไม่ใช่สายอาชีพที่เราคุ้นเคย แต่โดยปกติ เริ่มต้นไม่ว่าอาชีพไหนก็แย่ค่ะ แต่มันจะมีเส้นทางของสายอาชีพนั้นๆ อยู่ สิ่งที่พึงจะทำได้คือ อดทนและเรียนรู้ จากนั้นพวกเงินและผลประโยชน์มันจะมาตามความอดทน ความรู้ และประสบการณ์นั้นมาเอง


แต่ถ้าสงสัยว่าตัวเองยึดอาชีพนักเขียนได้ไหม เราว่าถ้าคุณจขกท ไม่ได้มีภาระทางการเงิน ไม่ได้เป็นหนี้ มีเงินเก็บพอที่จะออกมาใช้ชีวิตโดยลองให้ระยะเวลาตัวเองดู เช่น สามเดือน ครึ่งปี (ขึ้นอยู่กับคุณจขกท ผลิตงานได้เร็วแค่ไหน) แล้วลองดูว่าไหวไม่ไหว (หันไปดูลิสต์ค่าใช้จ่ายของตัวเองด้วย รวมถึงค่าใช้จ่ายในอนาคต)


เราเดาว่าอาชีพประจำของคุณจขกท ค่อนข้างขาดแคลน ถ้าคุณจขกท มองว่ามันไม่ไหว ก็น่าจะมีงานรองรับอยู่นะคะ (มั้ง)


1
จขกท. 24 ธ.ค. 63 เวลา 23:34 น. 8-1

จขกท. เพิ่งได้มีโอกาสมานั่งไล่คอมเม้นอ่าน

บ้านอยู่ ตจว. ค่ะ เดือนๆ นึงใช้ไม่ถึงหมื่น ให้แม่ด้วยเดือนละ 4000-5000 ค่ะ

ของขวัญวาระพิเศษไม่นับ

ส่วนบ้านไม่ต้องเช่า ไม่มีหนี้สิน (เคยมีหนี้ แต่สมัยเรียนเราเอาเงินจากนิยายมาปลดหนี้แม่หมดแล้วค่ะ)

อันนี้อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ จขกท. ไม่ติดภาระในส่วนนี้ด้วย

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ มีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจค่ะ ^^

(ส่วน จขกท. ตอนนี้คงสายไปแล้ว แฮ่)

0
26 พ.ย. 62 เวลา 01:04 น. 9-1

ถ้าไม่คิดอะไรมาก ลองหางานที่มีเงินเดือนน้อย แต่ก็สบายใจขึ้นตั้งเยอะ แถมยังมีเวลาได้พักและยังมีเวลาแต่งนิยายอีกด้วยค่ะ

0
Invisible dream 26 พ.ย. 62 เวลา 00:59 น. 10

ถ้าเศรษฐกิจมันดีกว่านี้ เราจะเชียร์จขกทให้ออกเลยนะคะ เพราะการทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง แล้วมันเป็นงานที่หนักมาก ๆ ก็เป็นปัญหาที่ดูใหญ่มากจริง ๆ


แล้วพอเรามาคลุกคลีอยู่กับวงการนี้ ต้องยอมรับว่ารายได้มันมากจริง ๆ เราเองยังตกใจกับผลตอบแทนที่ได้รับเหมือนกัน แต่ยังคงไว้เป็นงานอดิเรกเช่นเคย


ถ้าให้แนะนำตอนนี้ สภาพเศรษฐกิจแย่มาก เราเป็นผู้ประกอบการ รับรู้ทุกอย่างโดยตรง ปลดพนักงานแล้วด้วย เลยอยากให้จขกทลองทบทวนดูดีๆอีกครั้งค่ะ


'นิยาย' เราว่าถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ก็น่าจะเป็นค่าใช้จ่ายแรกๆที่ทุกคนสามารถตัดทิ้งได้เมื่อเจอวิกฤตทางการเงินนะคะ ทั้งหยุดซื้อ หรือลดจำนวนการซื้อลง คัดเลือกเฉพาะเรื่องที่อยากได้จริง ๆ เราจึงมองว่า 2ปีต่อจากนี้ มันค่อนข้างเสี่ยงมาก กับทุกกิจการที่เป็นปัจจัยฟุ่มเฟือย อาจจะมีแค่ธุรกิจบางประเภทที่เติบโตได้ในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นหนังสือ


ขอให้จขกทโชคดี กับทุกทางที่ตัดสินใจเลือกค่ะ

2

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

จขกท. 24 ธ.ค. 63 เวลา 23:29 น. 10-2

สวัสดีค่ะ จขกท. เพิ่งได้มีโอกาสกลับมาอ่าน

ตอนนั้น จขกท. ตัดสินใจลาออกค่ะ ลาออกปุ๊ปโควิดเข้าไทย

ยังแอบคิดเหมือนกันว่าซวยมากๆ เศรษฐกิจแบบนี้ใครจะมาซื้อนิยายอ่าน 555

สรุปว่าปีนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ

รายรับรวม 1 ปี ได้มาเจ็ดหลัก มากกว่าที่คาดเอาไว้เยอะ

พร้อมกับเจ้านายข้างถนนที่รับมาเลี้ยงอีกหนึ่งตัว https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-03.png

ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือเปล่าด้วยนะคะ ยังไงก็ต้องรอลุ้นปีต่อๆ ไปค่ะ

อันที่จริงเราปรึกษาพี่วงการนักเขียนที่รู้จักอยู่หลายคน

ส่วนใหญ่ก็ลาออกจากงานมาแต่งนิยาย only สอบถามการเป็นอยู่ก็โอเค (อันนี้ไม่สนับสนุนให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างในการตัดสินใจนะคะ แฮ่)

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นมากๆ ค่ะ

0
ตอน อวสาน 26 พ.ย. 62 เวลา 01:25 น. 12

ขอให้คุณโชคดีในสิ่งที่คุณเลือกนะ และหวังว่าไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนก็ขอให้คุณประสบ​ความ​สำเร็จนะ สู้ๆ


เพราะผมในตอนนี้ไม่สามารถ​แนะนำอะไรคุณได้จริงๆ

0
lujiulong 26 พ.ย. 62 เวลา 03:03 น. 13

เศรษฐกิจแบบนี้ กอดงานประจำไปก่อนค่ะ รายได้จากอีบุ๊ก+งานเขียน ถือเป็นรายได้เสริมไปก่อน ตอนนี้ก็ตั้งเป้าไว้ก่อน เช่นหากมีงานเขียนครบ 80 เรื่อง สามารถออกงานได้เดือนละ 1 เรื่อง รายได้อยู่ประมาณ 4-5 หมื่นบาทค่อยตัดสินใจออกจากงานประจำอีกที ตอนนี้มีรายได้จากงานเขียนเดือนละ 20000 บวกกับรายได้จากงานประจำ 16000 เท่ากับว่ามีรายได้เดือนละ 36000 บาทเท่านั้น ถ้าคุณต้องการออกจากงาน อย่างน้อยรายได้จากงานเขียนของคุณก็ต้องมากกว่า 36000 บาท เพื่อทดแทนในส่วนของรายได้ที่หายไป เราเข้าใจว่าคุณอาจจะรู้สึกกดดันจากการทำงาน พยายามอดทนและปล่อยเบลอให้มากที่สุดนะคะ เศรษฐกิจแบบนี้อย่าเพิ่งออกจากงานประจำดีที่สุด สู้ๆ จ้า

0
ชาชา 26 พ.ย. 62 เวลา 03:26 น. 14

ดูจากระยะเวลา ประสบการณ์ กับรายได้จากการเป็นนักเขียนแล้วค่อนข้างมีฐานแฟนคลับพอสมควรนะคะ เราเชื่อว่าจินตนาการไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าร่างกาย จิตใจ กับสมองเราไหวก็สามารถสร้างสรรค์นิยายเรื่องใหม่ได้เรื่อยๆ (จะขายดีไหมขึ้นอยู่กับฝีมือแล้ว)​


ปัญหาหลักคืองานประจำมันเหนื่อย มันท้อ เราเข้าใจนะ แม่เราก็เป็นพยาบาล อาชีพในรพ.มันไม่เคยมีเวลาตายตัวให้เราได้พักผ่อน เราเหนื่อยแทนแม่ตลอดที่อยากเลิกก็เลิกไม่ได้เพราะมีภาระ(เราเอง)​


รายได้ประมาณนี้ ถ้าไม่มีภาระที่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย เช่น ส่งน้องเรียน จ่ายค่านู่นนี่ ถือว่าอยู่ได้สบายๆนะ แต่ทางที่ดีลองหางานประจำอื่นๆไปพลางๆด้วยดีกว่ากันเหนียว เช่น ธุรกิจส่วนตัว ขายของอะไรแบบนี้ ไม่ได้มั่นคงเหมือนงานอื่นๆแต่อย่างน้อยก็เป็นนายตัวเอง เศรษฐกิจแบบนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆอ่ะน้อ


คหสต.นะเราก็ไม่ได้มีประสบการณ์ขนาดนั้น เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
สมเหมียว ดุจพยัคฆ์ 26 พ.ย. 62 เวลา 07:48 น. 15

เราควรมีรายได้มากกว่าหนึ่งทาง

จะไม่เป็นพยาบาล ก็ได้แต่ควรมีอาชีพอื่นอีกนอกจากเขียนนิยาย

ซึ่งต้องดูการใช้ชีวิตขอบเราเองด้วย


ถ้าเป็นคนชอบเที่ยว อยากเรียนต่อต่างประเทศ ชอบสินค้าเทคโนโลยี เปลี่ยนโทรศัพท์ทุกปี

บ้านก็ยังต้องเช่า เลี้ยงดูบุพการี ส่งน้องเรียน รายได้จากการเขียนอย่างเดียวคงไม่ตอบโจทย์


แต่ถ้าพ่อแม่เตรียมตัวเกษียณแล้วเรียบร้อยไม่เป็นภาระลูกหลาน ไม่โดนญาติพี่น้องโกง ไม่มีหนี้นอกระบบในระบบ มีปัจจัยสี่ไม่ขาดเหลือ อันนี้บอกเลยชิล อยากทำไรทำเลย

4
玉兰 (อวี้หลัน) 26 พ.ย. 62 เวลา 08:03 น. 15-1

เห็นด้วยค่ะ ยิ่งสายเปย์ทุกสรรพสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างเราด้วยแล้ว 20,000 นี่เต็มที่อยู่ได้แค่ครึ่งเดือน

0
จขกท. 24 ธ.ค. 63 เวลา 23:34 น. 15-4

สวัสดีค่ะ จขกท. เพิ่งได้มีโอกาสกลับมาอ่าน

ตอนนั้น จขกท. ตัดสินใจลาออกค่ะ ลาออกปุ๊ปโควิดเข้าไทย

ยังแอบคิดเหมือนกันว่าซวยมากๆ เศรษฐกิจแบบนี้ใครจะมาซื้อนิยายอ่าน 555

สรุปว่าปีนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ

รายรับรวม 1 ปี ได้มาเจ็ดหลัก มากกว่าที่คาดเอาไว้เยอะ

พร้อมกับเจ้านายข้างถนนที่รับมาเลี้ยงอีกหนึ่งตัว

ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือเปล่าด้วยนะคะ ยังไงก็ต้องรอลุ้นปีต่อๆ ไปค่ะ

อันที่จริงเราปรึกษาพี่วงการนักเขียนที่รู้จักอยู่หลายคน

ส่วนใหญ่ก็ลาออกจากงานมาแต่งนิยาย only สอบถามการเป็นอยู่ก็โอเค (อันนี้ไม่สนับสนุนให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างในการตัดสินใจนะคะ แฮ่)

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นมากๆ ค่ะ

0
ซ่างซิง 26 พ.ย. 62 เวลา 07:53 น. 16

ถ้ารายได้จากการเขียนดีขนาดนี้(มากกว่านักเขียนอาชีพบางคนด้วย) และเป็นงานที่มีความสุข ออกมาเลยค่ะ ชีิวตคนไม่ยืนยาว ชีวิตเป็นของเรา อาชีพนักเขียนเป็นหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่เลือกได้ ทำแล้วมีความสุข เห็นด้วยค่ะ

0
โมจิย่างร้อนๆ 26 พ.ย. 62 เวลา 09:20 น. 17

ถ้ามีฐานแฟนคลับก็วางใจได้ในระดับนึง แต่มันยังคงมีความเสี่ยงอยู่นะคะ อาชีพนี้ไม่แน่นอน รายได้ก็ขึ้น-ลงต่างกันไป ลองหางานที่มีเวลาว่าง กับเวลาพักแทนดีไหมคะ

0
แพนด้าน้อย 26 พ.ย. 62 เวลา 10:09 น. 19

ขอถอดชื่อตอบนะคะ เพราะมีเรื่องรายได้เข้ามาเกี่ยวด้วย ขอแทนตัวว่าพี่นะคะ (จริงๆ อาจจะเป็นน้าได้) พี่ทำงานประจำมาก่อนและลาออกเพราะไม่มีคนดูแลสมาชิกในครอบครัว การทิ้งเงินเดือนห้าหมื่นมันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลยแต่ก็ต้องทำ เมื่อมองย้อนกลับไปในวันนั้น สิ่งที่ทำให้พี่ลาออกได้อย่างไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง และคิดว่ามันพอจะมีประโยชน์ในการชั่งใจของน้อง คือ 1. เงินสำรองที่จะใช้จ่ายได้แบบเงินเย็นไปเป็นเวลา 6-12 เดือน หรือมากกว่านั้น ถามน้อง ตอนนี้น้องมีเงินสำรองใช้จ่ายไปได้กี่เดือนคะ 2. ที่อยู่อาศัยที่เป็นของเรา ข้อนี้หากน้องอยู่กับคุณแม่ก็ไม่ใช่ประเด็น แต่ในอนาคตหากน้องคิดจะกู้ธนาคารเพื่อไปซื้อบ้าน ถ้าเราไม่ทำงานประจำมันยากนะคะ 3. รถ เรื่องรถบางคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ถ้าเรามีผู้สูงวัยหรือเด็กเล็กในความดูแล เวลาป่วยไข้ขึ้นมา เราไม่สามารถพึ่งพิงคนอื่นได้ตลอดไปนะคะ อันนี้ลองคิดดู เน้นไปที่ข้อ 1. อย่างเดียวก่อนก็ได้ค่ะ ประเด็นเรื่องงาน แยกเป็นสองหัวข้อนะคะ 1. งานเขียนนิยาย บังเอิญตัวเลขรายได้เราพอๆ กันเลย ปีนี้รายได้อีบุ๊กพี่ก็อยู่ราวๆ สี่แสนนิดๆ แต่เงินได้มาก็หมดไปถูกไหมคะ ดังนั้น ถ้าเราจะทำงานเขียนให้มีความสุข วิธีของพี่คือ ไม่ได้เขียนงานวันนี้เพื่อเป็นค่ากินอยู่ของเดือนหรือสองเดือนข้างหน้า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะเครียดมาก เราจะเขียนงานแบบกดดัน ดังนั้นก็ย้อนไปที่เงินสำรองอีกนั่นแหละ ถ้าเราทำงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของอีกหกเดือนข้างหน้า มันจะชิลไปอีกแบบเลยนะที่รัก 2. ลาออกจากงานประจำแล้วจะทำอะไรดี น้องยังอายุน้อย มองหางานอื่นเสริมไว้จะดีมากเลยค่ะ เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เก่ง มองอะไรก็เป็นธุรกิจไปหมด แต่เศรษฐกิจแบบนี้บอกด้วยความรักว่าถ้าเราทุนไม่หนาพออย่าลงทุนเยอะนะคะ ทำอะไรเท่าที่เราทำได้ เน้นแบบ work at home ดีที่สุด และหากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว อย่าละเลยเรื่องเงินออม และการลงทุนนะคะ เริ่มที่อายุน้อยดีที่สุด ไม่ว่าน้องจะตัดสินใจอย่างไร พี่ขอส่งกำลังใจให้นะคะ งานเป็นที่มาของรายได้ก็จริง แต่ถ้างานบั่นทอนชีวิตเรามากเกินไป เราก็ไม่ไหวเหมือนกันเนอะ มองกว้างๆ และอย่าลืมสู้ให้สุดๆ ก่อน มีคนที่ลำบากกว่าเราอีกเยอะในโลกใบนี้ ขอให้น้องโชคดีนะคะ

0
เกียรติ์ 26 พ.ย. 62 เวลา 11:10 น. 20

เราเรียนคณะอักษร แถมยังเรียนเอกที่จบมาคงทำอาชีพด้านหนังสือโดยตรงเราก็คิดเหมือนกับคุณนะ อยากจะยึดอาชีพเป็นนักเขียนไปเลย ไม่อยากทำงานบริษัท ไม่อยากสอบราชการ ฯลฯ แล้วยังมีแพลนจะหาเงินเรียนต่อโทด้านทฤษฎีศิลป์ที่คณะจิตรกรรม แต่พอคิดไปคิดมาเราคงเฉาแย่แน่ถ้าอยู่กับบ้าน เขียนนิยายไปเรื่อย ๆ ตอนเรียนชีวิตเราก็จืดอยู่แล้ว (เช้าไปเรียน เย็นไปยืมหนังสือหอสมุดมาอ่าน) บวกกับเราเป็นคนขี้เบื่อ ชอบทำอะไรท้าทายตลอดเวลา มันเลยทำให้เราคิดว่าถ้าอยากเขียนนิยายก็ต้องทำงานประจำไปด้วย จขกท.อาจจะไม่ชอบอาชีพพยาบาล แต่ยังมีอีกหลายอาชีพที่ทำได้ เช่นการเปิดธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเอง รับจ้างสอนพิเศษ เห็นด้วยกับคอมเมนต์บน ๆ ว่าต้องมีรายได้หลายช่องทางนะคะ เป็นนักเขียนมันเหมือนกับอาชีพที่เสริมเข้ามามากกว่า เป็นเหมือนเราเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกแล้วเอาไปขายได้ เราเคยเห็นรุ่นพี่ลาออกจากบริษัทมาเป็นนักเขียนฟุลไทม์ ต้องหมุนเงิน บางทีก็เครียดกับยอดจองไม่ถึงเป้า (ดีที่พี่เขามีสามีคอยดูแล) จขกท.ออกจากงานพยาบาลได้ค่ะถ้าไม่ชอบ แต่เราว่าไม่ควรยึดอาชีพนักเขียนเป็นงานฟุลไทม์ค่ะ

0
TunKoB 26 พ.ย. 62 เวลา 11:58 น. 21

จริงๆผมก็ไม่รู้นะครับว่าจะอยู่ในฐานะที่จะแนะนำเจ้าของกระทู้ได้ไหม

รายได้ขาย Ebook ปีนี้ทำได้ 3-4 แสน เก่งมากๆเลยครับ ผมเข้าใจเลยว่าทำไมถึงอยากจะออกจากงานประจำมาทำงานเขียนอย่าง Full time

ตอนนี้ผมก็เขียนนิยายแบบ Full time มา 2 ปีแล้ว รายได้ก็พอเลี้ยงตัวเองได้และมีเก็บบ้าง ตอนนี้ก็กำลังมองหาช่องทางอื่นเพื่อเอาเงินเก็บที่มีไปต่อยอดลงทุน


คนเราควรต้องมีรายได้ 2 ทาง ผมเห็นด้วยกับข้อนี้มากๆแต่ผมไม่เห็นด้วยกับการยิดติดกับงานประจำ

งานประจำบางงาน ทำงานโครตเหนื่อยยังกับเป็นแรงงานทาส เงินเดือน 15,000 แต่ข้อดีของงานประจำมันก็มีอยู่.. ยกตัวอย่างเช่นกู้ง่าย ทำบัตรเครดิตง่าน

ส่วนตัวคิดว่าถ้าเจ้าของกระทู้ไม่มีภาระเรื่องที่อยู่หรือต้องส่งเสียใครและสามารถอยู่แบบนั้นไปได้อีก 2-3 ปี ผมสนับสนุนให้ออกมาครับ ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีเงินเก็บให้พอเหลือใช้ได้สัก 6 เดือนเป็นอย่างน้อยนะครับ


อีกข้อที่ผมเห็นว่าสำคัญมากๆคือ..เมื่อออกจากงานประจำมาแล้วก็จะมีเวลามากขึ้น..เมื่อมีเวลามากขึ้นแล้วมั่นใจขนาดไหนที่จะนำเวลานั้นไปทุ่มให้กับการเขียนแล้วสร้างรายได้ให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้? ถ้าคิดว่าทำได้ก็เอาเลยครับ


สุดท้ายขอให้คิดไว้เสมอว่า งานเขียน มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนเท่าไหร่ บางทีขายได้รับทรัพย์ บางทีก็อาจจะขายไม่ดี สู้ๆนะครับ ถนนสายนักเขียนมันไม่ใช่อะไรที่อยู่รอดได้ง่าย

0
รสดา 26 พ.ย. 62 เวลา 17:50 น. 22

ขอแสดงความเห็นอีกสักคนนะคะ อยากบอกเล่าในอีกมุมหนึ่งที่ต่างจากท่านอื่นๆ ที่ตอบมาแล้ว

จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ไม่เป็นไร


น้องเพิ่งทำงานได้แค่ 3 เดือน น่าจะได้ลองทำมันต่อไปสักหลายเดือนหน่อย หรือสัก 1 ปีก่อนดีไหมคะ ตอนนี้ก็พยายามทำมันให้ดีที่สุดทั้ง 2 อย่างไปให้รู้แน่ชัดว่าอะไรมันเหมาะหรือเราสามารถบาลานซ์มันได้ในระดับหนึ่ง ก็จะมีรายได้ถึง 2 ทาง


พี่ไม่ใช่นักเขียน แต่เคยทิ้งงานประจำมาทำงานส่วนตัวอยู่บ้านช่วงหนึ่งคือสอนพิเศษ

รายได้ดีมีเงินเข้าบ้านทุกชั่วโมงที่สอน (สอนได้เท่าไหร่ก็ยกให้แม่ไปแทบหมด เพราะกินอยู่กับเขาอยู่แล้ว) ขนาดมีรายได้ดีมากโดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย(ได้เงินมากกว่างานประจำที่ลาออกมาอีก) มีเด็กมาเรียนที่บ้านเรา เราเสียแค่ค่าไฟ แต่ผู้ใหญ่ที่บ้านยังบ่นทุกวันให้ไปหางานประจำทำ


ความกดดันเรื่องการทำงานมาจากผู้คนรอบตัวเราที่จะทำให้เราต้องท้อใจ

พวกผู้ใหญ่ พ่อแม่ เขาก็ยังอยากที่จะคุยกับญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องของเขาว่าลูกเขาทำงานดีๆ หรือทำงานอะไรที่เขาสามารถไปคุยกับคนอื่นๆ ได้ ที่มันไม่ใช่งานนอกระบบที่ผู้ใหญ่เขารู้สึกว่ามันไม่มีหลักแหล่งหรือความมั่นคง ซึ่งคนที่บ้านพี่ก็ออกจะเป็นคนหัวเก่าอยู่มาก


พอทำงานอยู่บ้านก็ต้องโดนว่าทุกวันว่าไม่ยอมออกไปหางานประจำดีๆ ทำ โดนกรอกหูทุกวันจนเครียดเลยค่ะ ทนฟังเสียงตำหนิได้ปีนึงในที่สุดก็ต้องยอมไปสอบเข้าทำงานเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ ทีี่เขาเป็นอาจารย์กัน ตอนนี้ก็มาเบื่อที่ทำงานแต่อย่างน้อยก็ได้ทำงานที่ตนเองชอบและถนัด แทนที่จะต้องทนฟังเสียงบ่นของผู้ใหญ่ที่บ้านที่ทำให้ท้อแท้มากๆๆๆๆๆๆ

0
Estra Flower 26 พ.ย. 62 เวลา 18:13 น. 23

ถ้ามันได้เยอะมาก ๆ แล้วและมีฐานแฟนเยอะก็ออกจากงานเก่าดีกว่าค่ะเพราะดูท่าทางคุณก็รู้สึกอึดอัดกับมันมากแล้ว ถ้ารู้สึกไม่มั่นคงหางานใหม่ในสาขานี้ได้ค่ะ การเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จก็เป็นพอร์ตชั้นดีเราว่าสำนักพิมพ์เอย ไรเอย ต้องการตัวคุณค่ะ


ถ้ารู้สึกไม่มั่นคงอีก เราบอกเรื่องว่าทำการตลาดให้ดีขึ้นกว่าเดิมและวางแผนทางการเงินให้พร้อมค่ะ สำหรับทุก ๆ สถานการณ์ เอาจนคุณรู้สึกมั่นคงน่ะค่ะ เราเองก็แนะนำได้เท่านี้หวังว่าจะมีประโยชน์ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ

0
ปล่อยอึ่ง 26 พ.ย. 62 เวลา 20:20 น. 24

เรื่องต่อไปอาจขายได้ไม่ดีเท่าเรื่องก่อนๆ แต่มันก็คงไม่ถึงกับได้กำไรน้อยหรือขาดทุนหรอกมั้งครับ

0
จขกท 29 พ.ย. 62 เวลา 15:51 น. 25-1

ยากค่ะ เท่าที่มองย้อนไป+คุยกับผ่ายบุคคล

ตำแหน่งไม่มีมาเลยค่ะ อย่างมากมาแค่ปีละไม่เกิน 10 คน

ซึ่งจะรันเอาจากอายุการทำงาน (ยังไม่นับเส้นสาย เพราะที่นี่ไม่มีข้อสอบเขียนค่ะ สัมภาษณ์อย่างเดียว งงใจ)

0
หย่งช่าง-永畅 28 พ.ย. 62 เวลา 00:49 น. 26

เราลาออกจากงานประจำมาเขียนนิยายอย่างเดียวค่ะ ใช้เวลาตัดสินใจเป็นปีเหมือนกัน ก่อนตัดสินใจตอนนั้นเราเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านหนังสือแห่งหนึ่ง เงินเดือนน่าจะพอๆ กับเจ้าของกระทู้ เราเองก็มีความกลัวว่าถ้าเขียนอย่างเดียวรายได้จะไม่มั่นคง กลัวว่าต่อไปงานจะขายได้หรือเปล่า เราเลยทำทั้งงานประจำและงานเขียน ต่อมาก็มีความเครียดเรื่องยอดขายที่ร้านรุมเร้าบ้าง นอนไม่พอเพราะปั่นนิยายบ้าง สุขภาพเราไม่ไหว ต้องเลือกสักอย่าง สุดท้ายเราก็ลาออกค่ะ เลือกทำตามความฝันที่อยากเป็นนักเขียน เราเป็นพวกชอบไปให้สุด ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปทางไหนก็จะมุ่งไปทางนั้น จะไม่เสียใจทีหลัง

ถามว่าเป็นนักเขียนอย่างเดียวรอดไหม เราไม่มีหนี้ ไม่มีภาระต้องผ่อนอะไร เราถือว่าตัวเรายังรอดอยู่ค่ะ แต่ในอนาคตนั้นบอกไม่ได้ เพราะงั้นก็คงต้องเก็บออมและสำรองไว้แต่เนิ่นๆด้วยค่ะ

ลองดูค่ะ คนเรามีชีวิตเดียว ใช้มันเท่าที่ใจอยากอย่างมีความสุขดีกว่าเนอะ ^^

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

ท่านโซ 28 พ.ย. 62 เวลา 19:24 น. 28

ผมเป็นคนนึงที่กำลังคิดเหมือนเจ้าของกระทู้เหมือนกันครับ รายได้จากการเขียนนิยายของผมในตอนนี้ ปีนึง เจ็ดหลัก เฉลี่ยเดือนละ หกหลัก


ผมเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งผมเขียนนิยายแฟนตาซีต้องปั่นลงวันละตอนทุกวัน ช่วงกลางวันทำงานกลางคืนเขียนนิยาย รู้สึกสุขภาพเริ่มแย่แล้ว เลยมีความคิดหลายครั้งว่าจะออกจากงานประจำดีไหม? เพราะรายได้จากงานเขียนมันเยอะกว่าเงินเดือนหลายเท่า เรียกได้ว่าผมทำงานประจำสะสมเงินเก็บหนึ่งปีเท่ากับผมรายได้นิยายแค่เดือนเดียว


เรื่องนีี้ทำให้ผมคิดแล้วคิดอีก ว่าจะตัดสินใจยังไงดี

สุดท้ายก็ลองทำแบบนี้ไปก่อน ตั้งเป้าไว้อีกห้าปีถ้างานเขียนยังมั่นคงก็จะออกไปเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว

1
TunKoB 28 พ.ย. 62 เวลา 20:52 น. 28-1

เก่งมาก ทำงานไปด้วยยังออกผลงานออกมาต่อเนื่องได้ขนาดนี้

ผมลงวันละตอนยังทำไม่ได้

ปัญหาของนักเขียนคือรายได้มันไม่มั่นคงนี่แหละครับ เรื่องแรกสำเร็จแล้วเขียนเรื่องที่สองก็ใช่ว่าจะได้เท่าเรื่องแรก ผมยังดีที่มีธุรกิจส่วนตัวแต่นิยายท่านโชนี่ขายดีมากใน fic ไม่ว่าทำยังไงก็แซงไม่ได้55 สู้ๆนะครับ


0
จขกท เองค่ะ 29 พ.ย. 62 เวลา 15:56 น. 29

สวัสดีค่ะ เรา จขกท. เองนะคะ

หลังจากที่ลองปรึกษากับที่บ้าน และพยายามทำใจทำงานไป

เราตัดสินใจลาออกค่ะ

ซึ่งอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้เราเลือกแล้วก็จะพยายามให้เต็มที่

อย่างไรในอีก 1 ปีข้างหน้าจะมาอัพเดตชีวิตให้ฟังนะคะ ว่าสุดท้ายแล้วรอดหรือไม่


ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจ ทุกแง่คิดค่ะ

การลาออกวันนี้รู้สึกเสียดายนะคะ แต่ก็ไม่ได้เสียใจ

เราแค่รู้สึกว่ามีโอกาสก็อยากเลือกสิ่งที่รักและมีความสุข ^^

0
แวะมาตอบ 30 พ.ย. 62 เวลา 08:09 น. 30

ขนาดนักเขียนอาชีพอย่างอาวินทร์ เลียววารินท์ยังไม่ค่อยจะแนะนำให้นักเขียนไทย จับงานเขียนเป็นงานหลักเลย เหตุเพราะวงการหนังสือบ้านเราไม่ได้กว้างเท่า ตปท. และโอกาสในวันที่งานเขียนขายไม่ได้ก็มีสูง ถึงเวลานั้นไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน


จับงานหลักประคองไว้ก่อน แล้วเขียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผลงานมากมายให้เลี้ยงชีพได้เป็นหลักจริงๆ ค่อยออก


แต่ถ้ายอมรับได้กับการได้ทำสิ่งที่มีความสุขแต่ไม่มีเงินใช้จ่าย(สักวันหนึ่งที่ต้องเจอ) อันนี้ก็ไม่มีใครว่ากัน


อย่ามองแต่ว่า ชอบหรือไม่ชอบ เพราะภาระหน้าที่และชีวิตของเรา คือ โลกแห่งความจริง.

1
TunKoB 30 พ.ย. 62 เวลา 13:03 น. 30-1

สมัยนี้โลกออนไลน์มันเปิดกว้างมากขึ้นครับ ตลาดก็เปิดกว้างกว่าแต่ก่อนมากหลายเท่า

0
Anonymous 30 พ.ย. 62 เวลา 10:28 น. 31

เพิ่งเริ่มทำงาน ยังอยู่ระยะการปรับตัว แรกๆ งานอาจจะหนักเพราะเราเพิ่งเป็นน้องเล็กในที่ทำงาน

แต่อีกระยะจะชิน อีก 2-3 ปี ค่อยคิดอีกทีจะเอาไงดี

0
จขกท. ค่ะ 11 พ.ค. 63 เวลา 02:49 น. 32

สวัสดีค่ะ เรา จขกท. นะคะ ในที่สุดเราตัดสินใจลาออกเดือน ธ.ค. 62 ค่ะ (ออกปุ๊ป โควิดมา ไม่รู้โชคดีหรืออะไร)


ตอนนี้เป็นนักเขียน full time เต็มตัวค่ะ รายได้ครึ่งปีเฉลี่ยยังโอเคอยู่ค่ะ จาก ม.ค-พ.ค 400000+ ซึ่งในช่วงเวลาที่ไม่มีงานลงใหม่รายได้จากงานเก่าๆ ก็เข้ามาเดือนละ 30000-40000/เดือน ค่ะ


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกท่านนะคะ ตอนนี้เลือกถอย ก็จะถอยให้ถึงที่สุด (ว่าไปนั่น)

ต้องบอกก่อนว่า เราอยู่สังคม ตจว. ค่ะ บ้านไม่ต้องเช่า น้องไม่มี ให้เงินที่บ้านเดือนละ 3000 (ไม่รวมของขวัญ จิปาถะอื่นๆ ที่ซื้อให้แม่ในโอกาสพิเศษ)

ใช้เดือนละราวๆ 10000 ค่ะ เที่ยวบ้างตามโอกาส ไม่ได้บ่อย เพราะไม่ใช่สายเที่ยวค่ะ ^^


อย่างไรเรื่องใบประกอบก็จะไม่ปล่อยให้หมดอายุค่ะ เผื่อฉุกเฉินในอนาคต สำหรับงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่พยาบาล แต่สามารถใช้วุฒิพยาบาลสอบได้ ผ่านข้อเขียนค่ะ ตกสัมภาษณ์ บางที่ก็สัมภาษณ์อย่างเดียว แน่นอน...ไม่ติด 5555


เงินสำรองตอนนี้มีเกิน 7 หลักค่ะ คิดว่าหากมีเหตุสุดวิสัยตรงนี้น่าจะในการสำรองใช้ไปก่อน (เราเป็นคนงกแต่กำเนิด 555 เก็บเงินเก่งค่ะ)


ขอบคุณทุกๆ ท่านมากค่ะ ตอนนี้ตัดสินใจแล้วก็อยากลองดูสักตั้ง อย่างไรจะมาอัพเดตให้นะคะ ว่ารอดหรือเปล่า ^^

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

จขกท. เองค่ะ 21 ธ.ค. 63 เวลา 18:32 น. 34

จขกท. เองค่ะ

มาอัพเดตชีวิตหลังจากครบ 1 ปีที่ตัดสินใจลาออกโดยที่บ้านไม่เห็นด้วย


สำหรับปีนี้มีรายได้จากงานเขียนมา 1 ล้านกว่าค่ะ

แต่ละเดือนอยู่ที่ 35000-200000 ซึ่งนับว่าเกินที่คาดไว้เยอะ


โดยรวมพอใจชีวิตตอนนี้มากค่ะ มีเวลากับตัวเอง มีเวลากับครอบครัว แต่ต้องมีวินัยเพิ่มขึ้นเพราะไม่มีใครบังคับทำงาน


ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรืออะไรนะคะ รอดูในปีต่อๆ ไปค่า

4
TunKoB 21 ธ.ค. 63 เวลา 18:40 น. 34-1

ปีละล้านกว่านี่สุดยอดกว่างานประจำมากๆแล้วครับ ชีวิตเป็นของเราด้วย พอมีฐานแฟนเยอะขึ้น อะไรมันก็ง่ายขึ้นตาม เราสามารถทำให้ความไม่แน่นอน กลายเป็นแน่นอนได้ด้วยวินัย สุดยอดจริงๆครับถือว่าเป็นแนวทางที่ดีมากๆสำหรับนักเขียนรุ่นน้องหลายคน ผมรายได้ยังอยู่หกหลักต่อปีเอง อยากขึ้น 7 หลักบ้างงง

0
จขกท. 21 ธ.ค. 63 เวลา 19:38 น. 34-2

สะสมไปเรื่อยๆ นะคะ

แรกเริ่ม 6 มา 2-3 ปีเหมือนกันค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
peiNing Zheng 24 ธ.ค. 63 เวลา 22:31 น. 34-3

ดีใจที่คุณจขกท พอใจในสิ่งที่ตัดสินใจเลือกนะคะ (จุดพลุๆ เย้! ^^) 


ไว้ปีถัดๆ ไป เราเสนอว่า คุณจขกท ไม่ต้องอัพเดตในนี้ก็ได้ค่ะ ตั้งกระทู้ใหม่เลย แต่อาจอ้างอิงลิ้งค์นี้ไว้เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นจขกท นี้ (เพราะถอดล็อกอินมาเนอะ) หรืออาจจะแปะลิ้งค์กระทู้ใหม่ให้เพื่อนๆ ในกระทู้นี้ได้ตามไปอ่่านกัน


ตั้งกระทู้ใหม่ เพื่อนๆ ในบอร์ดท่านใหม่ๆ ที่ไม่ได้ตามกระทู้นี้ได้เห็น ได้อ่านประสบการณ์และช่วงเวลาของการตัดสินใจ จะได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจกันค่า

0
จขกท. 24 ธ.ค. 63 เวลา 23:04 น. 34-4

ขอบคุณมากๆ ค่ะ เอาเป็นว่าอัพเดตรอบหน้าจะมาตั้งกระทู้ใหม่พร้อมแปะลิงค์เนอะ

ไม่อยากใส่ล็อกอินเพราะกลัวว่าจะเป็นการโฆษณา (กลัวเจอคนรู้จักด้วย ฮ่าา)

แต่ถ้าใครอยากคุยหรือปรึกษาเป็นการส่วนตัว ทิ้งช่องทางติดต่อไว้ได้นะคะ

จขกท. จะติดต่อกลับไปเองค่า ^^

0
Artisbergfah26 25 ธ.ค. 63 เวลา 11:57 น. 35

ลองดูครับ ถ้าชอบก็ทำ ถ้ามุ่งมั่นกับสิ่งใด ความสำเร็จก็จะตามมา แต่ต้องขยัน อดทนและมีระเบียบวินัยต่อตัวเองมากๆ ผมขอเป็นกำลังใจให้ครับ ผมเองก็เป็นนักเขียนอยู่

ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ


อาทิตย์ เบิกฟ้า

0