Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ใครเคยเป็นแบบผมบ้าง ประสบการณ์ชอบผู้หญิงคนหนึ่งแต่ต้องอยู่ใน Friend Zone สุดท้ายจะเป็นอย่างไร มาอ่านกันดู

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขออนุญาตใช้พื้นที่เล่าเรื่องราวของผมหน่อยนะครับ ผมเขียนไว้เมื่อวานแต่พึ่งจะเอามาลงวันนี้
อังคารที่ 03/12/2019 
ที่ได้มาพิมพ์ในวันนี้นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่ได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับคนที่เคยชอบ และแบบเป็นคนที่โดนใจผมมากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว เป็นเพราะเฟสบุ๊คมันแจ้งเตือนเมื่อเดือนตุลาคม อันที่จริงจะโพสตั้งแต่ตอนนั้น แต่ไม่มีเวลาเพราะยังไม่ปลด พอปลดแล้วก็วุ่นๆกับเรื่องเรียนต่อ วันนี้ฤกษ์งามยามดีเพราะเป็นวันที่ข้อความสุดท้ายถูกส่งไป แบบไม่มีบทสนทนากันต่ออีกเลย มาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว
(ข้อความที่จะเล่าต่อไปนี้อ้างอิงข้อความเก่าที่เคยได้คุยกัน ผมไม่ได้ลบไป ผมแค่อันเฟรน อันฟอลโล่ไอจีเฉยๆ วันนี้ได้นั่งอ่านมันทำให้นึกถึงภาพเก่าๆขึ้นมา)
️️️เอาหละเรามาเริ่มกันเลย
เมื่อ 19/08/2018 เพื่อนของผมฝากให้ไปเอาของที่บ้านนั้นคือแว่นตา ตอนนั้นผมทำงานอยู่ในเมืองสุรินทร์ (เรียนด้วยทำงานด้วย) ผมกลับจากบ้านจะเข้าเมืองก็เลยแวะไปเอาให้ เย็นวันนั้นเพื่อนผมมาเอาของ มาพร้อมกับเธอนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เจอ ตกค่ำผมถามเพื่อนว่า เธอคนนั้นคือใคร เพื่อนใหม่หรอ เพื่อนผมบอกว่า คนแถวบ้านที่แหละรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กน้อย ผมก็ว่า เฮ้ย! น่ารักอ่ะ เอาเฟสมาหน่อย555 ในคืนนั้นเองผมก็ได้ แอดเฟสไป ผมติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ เดือนนิดๆ คือไม่ได้ทักไปหาหรือถามอะไรเลย
28/09/2018 เป็นวันแรกที่ได้ทักไปหา ผมถามชื่อเธอ และเธอก็ไม่ต้องจำเป็นต้องถามชื่อผมกลับเพราะรู้อยู่แล้วจากเพื่อนของผม เราคุยกันอยู่ระยะหนึ่ง ถามทั่วๆไป เอ่อ เธอชอบสีฟ้า สีเขียว (ปัจจุบันสีแชทก็ยังไม่เปลี่ยน) เธอแพ้คนเอาใจใส่ ผมถามว่าเธอโสด เธอโสดนะ ณ ตอนนั้น แต่ก็ยังไม่ได้อยากมี เธอบอกกับผมว่า "ไม่อยากจะเอาใครเข้ามา เพราะยังลืมคนเก่าไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสนะ แต่ยังไม่พร้อม อยู่แบบนี้ดีมากแล้ว" ผมตอบไปว่า ผมเข้าใจเธอนะ เธอก็ตอบกลับมาว่า "มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทนอยู่หรอก แต่มันบอกมันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้กว่าจะผ่านมาได้ มันก็แย่มากๆปอนด์"
02/10/2018 ผมรวบรวมความกล้า บอกชอบเธอไปและขอโอกาสให้ผมได้ศึกษาดูใจกันหน่อย เอาง่ายๆคือ ถ้าผมจะจีบคุณจะถีบผมมั้ย555 ซึ่งคำตอบเป็นแบบที่ผมคาดไว้ เธอบอกมาว่า "เป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอ"
ผมว่า "ไม่ได้  คือ ไม่ได้บังคับอ่ะ" เพราะผมไม่ใช่คนถือสิทธิ์ในการตอบคำถามนี้ เราเริ่มคุยกันบ่อยขึ้น ผมขอเบอร์ไว้โทรหา  บางวันก็คอลหากันคุยทีก็เกือบชั่วโมง ผมเริ่มหลงเธอมากขึ้นเรื่อยๆและมีหวังขึ้นมา
08/10/2018 นับเป็นวันแรกที่ได้เจอกับเธอจริงๆจังๆวันนี้เธอจะกลับบ้านที่ศีขรฯ แต่ไม่มีใครไปส่งขึ้นรถตู้เพราะเพื่อนไม่ว่างเลย ผมก็อาสาไปส่งเพราะจะไปทำงานพอดี ผมไปรับเธอที่หน้าหอ เธอเดินมาขึ้นรถผม จังหวะนั้นใจผมนี่ เต้นตุ๊บๆเลย จะละลายลงตรงนั้นเพราะความน่ารักของเธอ 555 ผมไปส่งเธอตรงหน้า รพ.สุรินทร์ เพื่อรอรถ และอยู่รอจนรถมา เธอสูงเลยไหล่ผมนิดหน่อย ก่อนขึ้นรถผมหยิบเอาขนมปังกับนมที่ผมแวะซื้อก่อนไปรับเธอ เพราะรู้อยู่ว่าเธอคงไม่ทันได้กินข้าวเช้าหรอก ให้กินอะไรรองท้องไปก่อนกว่าจะถึงบ้านก็แล้วกัน เธอไม่คิดว่าผมจะแอบซื้อมาให้555 ก็เลยขอบคุณผมและมอบรอยยิ้มน่ารักที่มีเสน่ห์ของเธอมาให้ โอ๊ยยยยย นาทีนั้นอยากวิ่งไปให้รถชนตาย เพราะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์แล้ว 555 วันนั้นทำงานมีความสุขมาก ยิ้มทั้งวัน และเราก็คุยเรื่อยมา
13/10/2018 วันนี้มีเรื่องฮาๆเกิดขึ้นด้วยเว้ย คือผมไปตลาดไนท์เนอะ และก็ทักหาเธอว่า เธอกินข้าวหรือยัง จะเอาอะไรมั้ยจะซื้อไป "อยากกินส้มตำปูปลาร้าเผ็ดๆ" ก็ได้ซื้อไปให้ แต่เนื่องด้วยผมมากับเพื่อนมาหากับข้าวเย็นด้วย ก็ได้ซื้อลาบจะกลับไปกินที่ห้อง ตอนผมไปส่งส้มตำให้เธอ ผมเผลอหยิบผิดถุง เอาลาบให้เธอไป เพราะมันเเต่เขิน 555️️️ กลับถึงห้อง เพื่อนถามว่า "ลาบกูอยู่ใสสสส คือกลายเป็นส้มตำ"   ขอโทษครับเพื่อนมัวแต่เขินหน้ามืดตามัว 555
28/10/2018 ผมเล่นมุกอะไรไม่รู้แต่จำได้ว่า ผมขอเบอร์แม่เธอซึ่งเธอไม่ให้ เธอบอกจะเอาไปทำไม ผมก็บอกว่า จะเอาไปบอกความในใจที่มีกับลูกสาวเขา 555 ก็เลยซ้อมกับเธอก่อน ดังนี้ 
สวัสดีครับแม่ ผมปอนด์นะครับ คือ ผมชอบลูกสาวแม่อ่ะครับ ได้เจอเธอครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมครับ เธอมากับเพื่อนผม มาเอาแว่น ตอนนั้นเห็นว่าน่ารักดีอยากรู้จักนะแต่ไม่กล้า ในวันนั้นเอง ผมได้@เฟสเขาไป จากการขอมาจากเพื่อนผม ช่วงนั้นได้แต่ส่องครับ ยังไม่กล้าคุย และเวลาผ่านไปเดือนกว่า ในวันศุกร์ที่ 28 กันยายน ผมได้เริ่มทำความรู้จักเธอ จากการแชร์จากเพจ เพจหนึ่งของเธอ ข้อความในนั้นระบุว่า ยังไม่มีคนคุย ผมได้รวมรวบความกล้า ไปคอมเม้น ว่า " จริงมั้ย" และได้เริ่มทักแชทไปหาเริ่มทำความรู้จักกัน มีสิ่งหนึ่งที่ผมถามเธอและ เธอได้ตอบมาว่า "เธอพึ่งเจ็บช้ำมาไม่นานนัก เธอไม่พร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ เธอยังกลัวที่จะเสียใจอีก เธอไม่อยากดึงคนใหม่เข้ามา" เรื่องพวกนี้ผมเข้าใจดี ผมเองก็เคยเป็น ผมก็ได้บอกกับเธอว่า ไม่เป็นไร ขอให้ดูๆกันไปก่อน ลองคุยกันดู ถูกใจค่อยว่ากัน ถ้าไม่ก็ค่อยว่ากันใหม่ ผมได้เจอเธอตัวจริงๆครั้งที่ 2 แบบเธอคุยกับผมอ่ะนะ ตอนที่มารับเธอแล้วไปส่งขึ้นรถกลับบ้านครับ ผมจะไปทำงานพอดี และเธอยังไม่มีใครไปส่ง ผมเลยขออาสา เธอชอบกินข้าวเช้าเกือบเที่ยง และวันนั้นเธอยังไม่กินอะไรเลย เพราะพึ่งจะ8โมงกว่า ผมไม่ได้ถามว่ากินอะไรหรือยัง แต่ผมแอบซื้อไว้แล้ว ไว้ให้เธอกินรองท้องบนรถตู้ขณะกลับบ้าน ผมใช้เวลาอยู่รอรถตู้เป็นเพื่อน 15-20 นาที คุยอะไรเรื่อยเปื่อย เจอเธอตัวจริง เธอตัวเล็กแฮะ สูงเท่าไหล่เอง 555 พอผมได้คุยได้ทำความรู้จักเธอมากขึ้น เธอคือแบบน่ารักมากอ่ะครับ ถ้าถามว่าทำไมถึงชอบเธอหนะหรอ อ่อ ได้ครับ อะนึง ผมชอบผู้หญิงที่คุยสนุก ออกแนวติ๊งต๊องบ้าง มันจะมีความสุขนะเวลาอยู่ด้วย สอง เธอตัวเล็กดี 555 ใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนได้สะดวก 555 สาม ผมชอบภาษาเขมรสุรินทร์เรา อยากได้สาว ใย ขแม บาน 555 ซึ่งเธอพูดได้555 สี่ ชอบในความเป็นกันเองของเธอดูไม่หยิ่งนะ ผมไม่รู้หรอกนะว่า เธอจะให้คำตอบผมแบบไหนตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน ผมได้เผื่อใจไว้บ้างแล้วตั้งแต่เริ่มคุย นี่ก็วันที่ 25 แล้ว อีก 3 วัน ก็ครบ1เดือนที่คุยกันมา ผมไม่รู้หรอกนะว่า สถานะคนคุยมันคุยอะไรกันได้บ้าง ลึกซึ้งได้หรือเปล่า ผมก็พยายามทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลาย ผมไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะแม่ เหล้าเบียร์มีบ้าง บุหรี่นี่ไม่สูบเลย เหม็นแสบจมูก เรื่องเจ้าชู้นี่ ไม่มีนะครับ ไม่ค่อยจีบใครถ้าไม่สนใจจริงๆ นิสัยส่วนตัว เป็นพวกขี้บ่น เมื่อก่อนใจร้อน ตอนนี้เย็นลงเยอะ ค่อยข้างจะขี้งอลขี้น้อยใจ 555 
เนี่ย ลูกสาวแม่คนนี้ผมจริงจัง จริงใจ มากนะเนี่ย 
ถ้าเป็นอย่างที่หวังและอนาคตของ อีก 5 ปีเป็นไปตามที่ตั้งไว้ถึงตอนนั้น ผมคงมีเงินเก็บสักก้อน แล้วเราค่อยว่ากันใหม่นะแม่ 5555 ...แค่นี้ก่อนนะครับสวัสดีครับ นี่ซ้อมไว้ๆ5555"  (นี่คือบทสนทนาในวันนั้น)
หลังจากวันนั้น เราก็คุยกันปกติ ผมซื้อของไปฝากเธอหลังเลิกงานเรื่อยๆ เพราะอยากเจอเธอบ่อยๆ (ส่งหน้าหอเท่านั้น ไม่เคยเข้าที่ห้องเพราะไม่ใช่คนละลาบละล้วง)
จนวันหนึ่งเธอบอกกับผมว่า
 ?: "ปอนด์เเกคิดกับฉันแบบเพื่อนไม่ได้บ่"
!: "ทำได้ยากแหม๋"
?: "เป็นเพื่อนกันมันยากหรอกแก แกดีมากอ่ะ"
!: "ดีตรงไหน"
?: "ก็ดีกว่าที่เคยเจอ"
!: "เฮ้อ เคยทำดีกว่านี้เขาก็บอกว่าเธอดีเกินไป เขาก็เดินจากไป...."
หลังจากวันนั้นเราก็ยังคุยกันอยู่นะ แต่มันเริ่มน้อยลง จนประมาณกลางเดือน พ.ย. ผมเริ่มเห็นเฟสคนๆหนึ่งมาคอมเม้นเขา มากดหัวใจให้เขา โปรโฟล์รูปเด็กน้อยผู้หญิงคนเดียวกันเหมือนเขา ผมก็เก็บความสงสัยนี้ไว้และได้เริ่มติดตาม จนกระจ่างผมจึงเริ่มถอยห่างออกมา เริ่มถามน้อยลงวันละคำถามก็มี 2 วันครั้งก็มี ผมถามเช้าเขาตอบเย็นก็มี (เขาอาจไม่ว่างตอบก็ได้ช่วงนั้น) จนวันนี้เมื่อปีที่แล้ว สติ๊กเกอร์ตัวสุดท้ายถูกส่งไป แต่ผมไม่ถึงขนาดกับมีน้ำตาอะไรหรอกนะ เพราะมันชินแล้ว และเพลงก็ขึ้นมา 
"ฉันเลยถอยไปอยู่ตรงนั้น ตรงที่ไม่มีใครให้กอด
เลยถอยไปอยู่ตรงนั้นพบความลำพังเหมือนครั้งก่อน เหมือนตอนที่ไม่มีใคร ฉันยังทนได้"
เอาจริงๆก็ควรฟังเพื่อนเตือนนะ แต่ไม่ไง อยากเสี่ยง
สุดท้ายก็มานั่งผิดหวัง เพราะตั้งความหวังและคาดหวังไว้มากเกินไป คำตอบก็มีอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วแต่ดื้อด้าน ไม่ฟังใคร นั้นคือข้อเสียของผม คงเพราะไม่มีโอกาสจะได้เจอคนแบบนี้อีกก็เลย อยากลองทำมันสักครั้ง ช่วงนั้นก็อันเฟรน อันฟอลโล่กันเลยทีเดียวไม่อยากรับรู้อะไร เพราะอารมณ์ล้วนๆ จนเวลาผ่านล่วงเลยมาถึงปีนี้ เฟสบุ๊คมันแจ้งเตือนก็เลยได้กดดูความทรงจำเก่าๆ ผมกลับรู้สึกขอบคุณนะ ขอบคุณช่วงเวลาดีๆช่วงหนึ่ง ที่ทำให้ผมกล้าที่จะพูดกล้าที่จะทำอะไรหลายๆอย่าง เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลาของความสำเร็จของผม ผมเองก็ใช่ว่าจะจีบใครเก่ง มีอีกหลายเรื่องที่ผมต้องปรับปรุงตัวเอง ความชัดเจน ความใส่ใจ ความรักที่แสดงให้เห็นมากกว่าพูด ชีวิตนี้เคยมีแฟนมาแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งผมทำได้ไม่ดีเลย ถ้าไม่นับก็ 5 ปี ถ้านับก็ 2 ปีแล้ว ที่อยู่แบบไม่มีสถานะแฟนกับใคร อาจจะมองว่าทำไม่ลองเปิดใจ ผมลองแล้วครับ แต่ไม่ได้เลย ล้มเหลวทุกที มีเพื่อนสนิทผม 2-3 คนที่รู้เรื่องพวกนี้ของผมดี อาจจะมองว่า เฮ้ย! -ปอนด์คนคุยเยอะจะตาย โธ่! บางทีเพื่อนบางคนก็รู้ดีกว่าตัวผมเองเนอะ ปีนี้หนะมีนะ 1 คนที่อยากจะลองแต่ไม่ว่ะ คุยได้เดือนนิดๆมันไปบ่ได๊ก็ห่างๆไปแล้ว ตั้งแต่ พ.ค. ผมก็ไม่ได้อะไรกับใครอีกเลย 
และคาดว่าก็คงเป็นแบบนี้ไปอีก 4 ปี เพราะถ้าเป็นไปตามกำหนดบินผมจะเดินทางไปญี่ปุ่นกลางปีหน้าแล้ว ผมไม่ขวนขวายแล้ว จะตั้งใจสร้างครอบครัวให้มันดี ให้มีพร้อมทุกอย่างก่อนดีกว่า ถึงวันนั้นจะมีก็ดีไม่มีก็ได้ ขอบคุณทุกท่านที่รับฟัง ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจบ ขอบคุณที่ติดตาม ผมลงให้อ่านแล้วนะเพื่อนๆ จะว่าอย่างไรก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา (นั่งพิมพ์ 2 ชั่วโมงครึ่ง เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย) 555

แสดงความคิดเห็น

>