Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวการสอบนักเรียนแลกเปลี่ยน(แบบละเอียด) ใครกำลังจะสอบแลกเปลี่ยน ควรอ่าน!!!

ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่าาา ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลย ชื่ออายนะคะ ตอนนี้อายุ 16 ปี กำลังจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในปี 2563-2564 ประเทศสหรัฐอเมริกาค่าาาา enlightened

เราได้ทุนสมทบโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน OEG รุ่นที่ 27 ค่ะ (พี่ๆน้องๆ OEG เข้ามาคุยกันได้นะคะ)

ขอเกริ่นก่อนว่าเหตุผลที่เขียนกระทู้นี้เพราะเราพูดกับตัวเองไว้ว่า ถ้าเราสอบแลกเปลี่ยนผ่านทุกที่ที่เราไปสอบ เราก็อยากจะมาแชร์ทริคเล็กๆ ของเราให้กับคนที่สนใจ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะคะ



cheekyเราสอบไปทั้งหมด 3+1 โครงการ คือ AFS, YFU, OEG และที่ +1 คือเป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของสพฐ.ค่ะ จะรีวิวให้ครบเลย



1. AFS



โครงการนี้น่าจะเป็นที่คุ้นตาของทุกคนเลย เพราะเป็นโครงการที่เปิดมานานมากกกกก มีการแข่งขันสูง สอบค่อนข้างยาก แต่ไม่เกินความสามารถนะคะ การสอบก็จะแบ่งเป็น 2 รอบ คือข้อเขียน กับสัมภาษณ์ โดยต้องสอบข้อเขียนให้ผ่านก่อนนะคะ





ข้อเขียน



ข้อสอบของ AFS จะเน้นแกรมม่า+ reading ค่ะ ศัพท์ก็มียากง่ายปนกันไป แต่ไม่เน้นมาก พาร์ทที่เยอะสุดและยากสุดคงจะเป็น Reading เพราะมีความยาว และถามเกี่ยวกับใจความสำคัญ แนะนำให้ดู reading กับ grammar ค่ะ ระวังพวกรายละเอียดจุดเล็กๆ น้อยๆ แนวข้อสอบก็ลองหาใน google ได้เลยค่ะ มีเยอะ แต่ถ้ากันเหนียวจะทำข้อสอบที่ยากกว่า ใช้หนังสือซีรี่ส์ของ ดร.ศุภวัฒน์ได้ค่ะ

จบพาร์ทข้อเขียนจ้า




สัมภาษณ์




ผ่านข้อเขียนกันมาแล้ว ไปต่อเลยจ้า! สำหรับการสัมภาษณ์ของ AFS จะแบ่งเป็น 3 ส่วน

1.การสัมภาษณ์กลุ่ม

เค้าจะแบ่งกลุ่มให้เราค่ะ เข้าไปเค้าก็จะบอกว่าให้ทำอะไรบ้าง ของเราให้สมมติสถานการณ์ว่าถ้าเราไปสถานทูตไทยในต่างประเทศ เราจะแสดงอะไรเพื่อนำเสนอประเทศไทย ให้เวลาปรึกษา 5 นาที เราก็รำไทยค่ะ ร้องเพลงชาติ การละเล่นต่างๆ ประมาณนี้

2.การแสดงความสามารถพิเศษ


อันนี้เป็นช่วง got talent ค่ะ แนะนำว่าให้เลือกการแสดงที่สื่อถึงความเป็นไทยค่ะ จุดนี้ต้องชาตินิยม บางคนก็ทำอาหาร เล่นดนตรีไทย ร้องเพลงไทย เรารำไทยไปค่ะ รำไปเต็มเพลงเลย5555 ใครที่รำ ร้องเพลง เต้น เราแนะนำว่าตอนแสดงให้มองตา มีรีแอคกับกรรมการไปเลยค่ะ แสดงความมั่นใจ ยิ้มให้ ทำให้เขารู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดง พอแสดงเสร็จกรรมการจะถามว่า ทำไมถึงเลือกแสดงโชว์นี้ ประมาณนี้ค่ะ ไม่จี้จุดมาก พาร์ทนี้เน้นความมั่นใจ


3.สัมภาษณ์เดี่ยว

จุดนี้สำคัญสุดค่ะ เข้าไปมีกรรมการ 2-3 คน ของเราคนไทยหมดเลย มีคุณครู แล้วก็รุ่นพี่ที่เคยไปแลกเปลี่ยน เค้าก็จะให้แนะนำตัวค่ะ ทริคในการแนะนำตัวสำหรับเราคืออย่าแนะนำแค่ชื่อค่ะ บอกไปเลยว่าชื่ออะไร มาจากโรงเรียนอะไร อายุเท่าไหร่ อุปนิสัยอะไร สนใจในเรื่องอะไร มันเป็นการสร้าง first impression ที่ดี เหมือนเราไม่ได้รอให้เค้าเป็นฝ่ายถามอย่างเดียว แล้วก็ถามว่าเราเลือกประเทศอะไรไป เราเลือกอาร์เจนติน่าไปเค้าก็จะถามต่อว่าทำไม คือของเราเลือกประเทศแปลกด้วยแหละ เลยตอบไปว่าเราชอบวัฒนธรรมสเปน มันมีความกึ่งโบราณ กึ่งทันสมัย ประมาณนี้ แล้วก็

-เล่าเรื่องครอบครัว


-ทำไมอยากไปแลกเปลี่ยน


-พูดได้กี่ภาษา (ถ้าไปประเทศภาษาที่3จะโดนถามว่าจะทำยังไงเรื่องภาษา)

-ถ้ามีปัญหากับโฮสทำยังไง

แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับประเทศที่เราเลือกค่ะ ตามข่าวไว้ก็ดี



และเราก็สอบผ่าน ตัวจริง ประเทศอาเจนติน่าค่าาา!!!!laugh

 


2. YFU

โครงการนี้แยกมาจาก AFS อีกทีค่ะ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ เพราะมีประเทศให้เลือกเยอะไม่แพ้ AFS เลย โครงการนี้สอบข้อเขียนกับสัมภาษณ์วันเดียวกันเลยค่ะ

ข้อเขียน

เราว่าในบรรดาที่สอบมา ของ YFU ง่ายสุดค่ะ ศัพท์ไม่ยาก grammar ก็ไม่ยาก ออกไม่หมด 12 tenses แน่นอน Reading สั้นกว่า AFS ตรงนี้ขอรีวิวไม่เยอะมากแล้วกันนะคะ ไปดูพาร์ทสัมภาษณ์กันดีกว่า


สัมภาษณ์


อันนี้จะมีแค่สัมภาษณ์เดี่ยวค่ะ ไม่มีแสดงความสามารถใดๆ ของเราสัมกับครูไทยค่ะ ก็มีสลับถามไทยบ้าง อังกฤษบ้าง เปิดด้วยแนะนำตัวเหมือนเดิม คำถามก็มีประมาณว่า

-ทำไมอยากไปแลกเปลี่ยน (คำถามอมตะ รับประกันว่าเจอทุกโครงการค่ะ555)


-ทำไมเลือกประเทศนี้


เราเลือกเยอรมันค่ะ เราก็พูดประมาณว่าเป็นเมืองที่มีอารยธรรมสวยงาม เป็นต้นกำเนิดของอะไรหลายๆอย่าง แนะนำว่าหาข้อมูลประเทศที่ตัวเองเลือกไว้ก่อนค่ะ เราไม่ค่อยได้หา ก็เลยตามน้ำไป




-อนาคตอยากเป็นอะไร


-อธิบายครอบครัว


-ถ้ามีปัญหา เช่นตกรถ สอบตก เรียนยาก ทำยังไง


-ใครคือแรงบันดาลใจ/ฮีโร่ของเรา


แนะนำว่าอย่าตอบคนดังมาก เช่นไอน์สไตน์ ให้ตอบคนที่เป็นแรงบันดาลใจเราจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดังก็ได้ค่ะ ตอนนั้นเราก็นึกไม่ออก เลยตอบว่าพ่อไปค่ะ แล้วก็อธิบายเหตุผลไป


-Celebrity ที่ชอบ
อันนี้แอบตกใจค่ะ แบบถามทำไมง่ะ แต่ก็ตอบอย่างภาคภูมิว่า Shawn Mendes ค่ะ5555 เค้าก็จะถามต่อว่าเคยเจอมั้ย แต่เราเชื่อว่าเค้าถามมันต้องมีอะไรซักอย่าง เลยโยงไปว่า Shawn เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาค่ะ

-ฝึกภาษาอังกฤษยังไง

-ถ้าไป จะเผยแพร่วัฒนธรรมอะไร

ผลออกแล้ว ติดตัวจริง ประเทศเยอรมนีค่าา!!!cheeky


3. OEG (โครงการที่เราคู่ควร จะพยายาม bias ให้น้อยที่สุดค่าาา






โครงการนี้ก็มาแรงไม่แพ้กันเลยยย เปิดมา 27 ปีแล้ว อาจจะมีโครงการให้เลือกน้อยกว่า 2 โครงการแรกหน่อยค่ะ โครงการนี้จะต่างจากโครงการอื่นตรงที่ว่า มีสอบแค่ข้อเขียน จะมีสอบสัมภาษณ์เฉพาะคนที่มีสิทธิ์ได้รับทุน ในที่นี้ แน่นอนว่าเราจะรีวิวถึงตอนสัมภาษณ์ทุนด้วยค่าาาา!!!


ข้อเขียน


สำหรับเรา เราว่า OEG จะไม่เน้นแกรมม่ามาก เน้น conversation, vocab แล้วก็ listening ค่ะ (ใช่ค่ะ มีสอบฟังด้วย) ข้อสอบจะเป็นเรื่องการสนทนาในสถานการณ์จริงมากกว่า ไม่เน้นวิชาการ พาร์ทที่เราว่ายากคงเป็น listening ค่ะ เพราะโจทย์จะไม่ถามตรงๆ ต้องฟังดีๆ โจทย์+ช้อยส์มีความลวง ต้องมีสมาธิ จะมีเสียงคนในเทป 2-3 คนพูดกัน สำเนียงยากง่ายปนกันไป แนวข้อสอบ OEG ใช้ข้อสอบ ELTIS ค่ะ google ฝึกทำได้เลย



ทำยังไงถึงได้ทุน?


หลายๆคนน่าจะสงสัย ว่าทำยังไงถึงจะได้ทุน โดยทุนนี้มี 7 ทุนค่ะ มีเต็มจำนวน 1 ทุน ที่เหลือจะเป็นทุนสมทบ โดยจะให้เฉพาะคนที่ไปอเมริกาเท่านั้นนะคะ รายละเอียดสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.oeg.co.th ค่ะ




ขอบคุณข้อมูลจาก OEG ค่ะ



สัมภาษณ์

การสัมภาษณ์ครั้งนี้เราเตรียมตัวมากสุดค่ะ อันอื่นคือแทบไม่เตรียม ไปใช้ใจตอบเอา เพราะการสัมภาษณ์ครั้งนี้มันเหมือนใกล้ความฝันแล้ว มีแต่คนเก่งๆ เราเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่เคยไปต่างประเทศ ภาษาก็ฝึกเอง ยิ่งต้องกระตือรือร้นเป็นสองเท่าเลยค่ะ

การสัมภาษณ์ของ OEG ใช้การสัมภาษณ์กลุ่มค่ะ แล้วก็ให้คิดโชว์เข้าไป 1 โชว์ เหมือนของ AFS เลย แต่จะมีการสัมภาษณ์ที่จริงจังมากค่ะ โดยการสัมภาษณ์จะแบ่งเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทยค่ะ มีกรรมการต่างชาติ 1 คน กรรมการไทยอีก 6-7 คน รุมเราเลยค่ะ


คำถามที่โดนแน่ๆ คือ

-Why do you deserve the scholarship/ Why we have to choose you?


แน่นอนค่ะ อารมณ์เหมือนโดนยิง ในใจก็ได้แต่คิดว่า แล้วทำไมไม่เลือกหนู5555 การตอบเราแนะนำว่าให้บอกก่อนว่าเราเป็นคนยังไง มีนิสัยยังไง จากนั้นก็มาบอกจุดประสงค์ที่ไปแลกเปลี่ยน ตบท้ายสรุปอีกทีว่าเรานี่แหละ ควรค่าแก่ทุน สำหรับจุดประสงค์ที่ไปแลกเปลี่ยน เราไม่แนะนำให้ตอบว่าไปเรียนภาษานะคะ เพราะถ้าเรียนภาษา ไปเรียนเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยน แนะนำว่าให้ทำความเข้าใจความหมายของคำว่านักเรียนแลกเปลี่ยนให้ดีค่ะ

-ติดตามข่าวอเมริกาบ้างมั้ย


-ถ้ามีปัญหากับโฮสทำไง


-จุดอ่อน/จุดแข็ง


-ฝึกภาษายังไง

-คิดว่าอะไรจะเป็นปัญหามากที่สุดในการไปแลกเปลี่ยน

-วางแผนจะทำอะไรเมื่อไปแลกเปลี่ยน

-มองตัวเองในอนาคตไว้แบบไหน

-ปัญหาที่หนักที่สุดในชีวิตที่เคยเจอ แล้วแก้ยังไง

-ถ้าไม่ได้ทุนจะทำยังไง จะเสียใจมั้ย


  
สิ่งที่ยากที่สุดคือการจี้จุดค่ะ กรรมการหาจุดบอดเราเก่งมาก เช่นเราวางแผนอะไรไว้ เค้าก็จะถามต่อว่า แล้วถ้ามันไม่เป็นไปตามแผนล่ะ ถ้าเพื่อนไม่คบละ ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือ สติ ค่ะ อย่าว่อกแว่ก อย่าลน มั่นใจในตัวเอง เราทำเต็มที่แล้ว สู้ค่ะheart

และผลออกมา เราเป็น 1 ใน 7 คนที่ได้ทุน 100,000 บาทค่าาา

ยัง! ยังไม่จบ...ง่วงก็ไปนอนก่อนได้นะแล้วมาอ่านต่อ5555




4. โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมสพฐ. รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริก


โครงการนี้อาจจะไม่ได้สมัครง่ายเหมือนทุกโครงการนะคะ เพราะต้องได้รับการเสนอชื่อจากโรงเรียน ถึงจะเข้าสอบได้ค่ะ ยังไงใครที่สนใจก็สอบถาม/ติดตามข่าวกับทางโรงเรียนด้วยน้า แต่ปีนี้โครงการยุตินะคะ ทางสพฐ.เลยขึ้นบัญชีไว้ก่อน สำหรับการสอบจะเหมือน AFS คือต้องสอบผ่านข้อเขียนก่อน ถึงจะมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ค่ะ


ข้อเขียน


สำหรับเรา เราว่ายากสุด ไม่รู้น้าอันนี้บางคนบอกไม่ยากมากถ้าดูไปดีๆ ซึ่งก็จริงค่ะ เรามีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงสัปดาห์ คะแนนสอบเลยได้ไม่สูงมาก แต่ก็ผ่านเข้ามานะ แนะนำว่าให้ท่องศัพท์4หน้าครูสมศรีค่ะ ช่วยพอตัวเลย แกรมม่าของดร.ศุภวัฒณ์ก็ได้อยู่ reading คือยาวและศัพท์ยากมาก ดูมาดีๆน้าาาา

สัมภาษณ์


ท้ายที่สุดก็มีชื่อเข้าสัมจ้าาาา มีเวลาเตรียมตัว 1 วัน55555 แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคค่ะ คำถามก็เดินๆนั่นแหละค่ะ แนะนำตัว แนะนำครอบครัว ทำไมอยากไป อนาคตอยากเป็นอะไร เคยไปต่างประเทศมั้ย แล้วก็ให้แสดงความสามารถพิเศษค่ะ แน่นอนว่าเรารำไทยค่ะ เราเลือกรำหลวงพ่อโสธร เพราะเราเป็นคนฉะเชิงเทรา ก็บอกกรรมการไปว่าเราอยากให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักจังหวัดเรามากขึ้น พอรำเสร็จกรรมการก็ให้เล่าประวัติหลวงพ่อโสธรค่ะ

คือส่วนนี้เรารีวิวได้ไม่เต็มปาก เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ก็หวังว่าจะพอเป็นแนวได้บ้างน้า


ผลออกมา ผ่านตัวจริงลำดับ 7 ค่าา (ถ้านับตามคะแนน ได้ที่3 จ้า)

ท้ายที่สุดนี้ เราก็อยากจะฝากทุกคนว่าอย่ายอมแพ้ พยายามให้เต็มที่ แล้วก็พยายามเปิดโอกาสให้ตัวเองมากๆ แล้วเราจะได้รู้ว่าเราทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด สิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เราสู้ต่อไปค่ะ




หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ หากสิ่งใดผิดพลาดไป จขกท.ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ



สู้ไปด้วยกันนะคะheart

ปล.ใครมีคำถามเพิ่มเติม หลังไมค์มาได้ที่ ig: theeyewn ได้เลยค่ะ




แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

worawaneye 15 ก.พ. 63 เวลา 09:41 น. 1-1

ยินดีค่า หวังว่าข้อมูลจะมีประโยชน์นะคะ แล้วไปแลกเปลี่ยนกัน https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

0
me! 19 ก.พ. 63 เวลา 13:39 น. 2

เก่งมากเลยอาย เค้าภูมิใจในตัวเเกมากๆๆ ขอให้อายใช้ชีวิตแลกเปลี่ยนแบบเต็มที่และคุ้มค่า ระหว่างทางอาจจะมีปัญหาบ้างแต่ก็ขอให้ผ่านมันไปได้นะ ยินดีด้วยได้ทำตามฝันแล้วเรารู้เลยว่าประสบการณ์นี้จะไม่ทำให้เเกregretแน่นอน สู้ๆ!

1
worawaneye 22 ก.พ. 63 เวลา 20:42 น. 2-1

แงงงง ขอบคุณมากๆน้าาาา เอาจริงๆเพื่อนๆคนรอบข้างก็เป็นอีกหนึ่งแรกผลักดันให้สู้ต่อด้วย

0
อายคนเก่ง 23 ก.พ. 63 เวลา 11:37 น. 4

ไม่เคยพูดต่อหน้าเลยแต่อยากบอกว่าภูมิใจในตัวแกมาก ภูมิใจในทุกเรื่อง มีครั้งนึงที่แกยังไม่ไปสอบแลกเปลี่ยน แกบอกเค้าว่าแกจะไปแลกเปลี่ยน กลับมาจะสอบเข้ารัฐศาสตร์และอีกมากมาย มันทำให้เค้ากลับมาคิดว่าตัวเองทำไรอยู่ ต้องหาสิ่งที่ชอบได้แล้วไหม แกคืออีกคนนึงที่ทำให้เค้าคิดได้เลย วันนี้แกผ่านมาขั้นนึงแล้ว สู้ๆนะเว้ย แกเก่งอยู่แล้ว ตอนแกไปคิดถึงแน่ๆเลยว่ะ จากใจเลยไม่กล้าพูดต่อหน้า เขิล

1
itsactuallyeye 23 ก.พ. 63 เวลา 14:06 น. 4-1

ฮืออออ น่ารักกก ขอบคุณมากๆน้ะ สู้ไปด้วยกัน นี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ดีใจนะที่ได้เป็นหนึ่งในแรงผลักดัน

0
Sue-it 23 ก.พ. 63 เวลา 12:52 น. 5

ไม่มีอะไรจะพิมพ์ แต่เธอทำมันออกมาได้ชัดเจนในตัวของมันเองแล้วว่าเธอพัฒนามาไกลขนาดไหน จำได้เลยที่เธอบอกว่าได้เกรดภาษาอังกฤษเท่าไหร่นะตอนประถม แล้วเธอก็มีความมุ่งมั่นในภาษามาตั้งแต่ตอนนั้น เธอเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ เอาจริงๆเราไม่เสียใจเลยที่เธอต้องไปอยู่ที่นู่น เราดีใจมากๆที่เธอได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงตอนนี้เราจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันเหมือนก่อนหน้านี้แล้วก็เหอะ เธอก็ยังเป็นเพื่อนที่เราสนิทใจมากๆที่สุดคนนึงเสมอ

เริ่มน้ำเน่าแล้วอะเธอ55555555 พอเอาเป็นว่า รู้ๆกันอยู่เนอะ โคตรภูมิใจในตัวเธอเลยว่ะ

1
itsactuallyeye 23 ก.พ. 63 เวลา 14:07 น. 5-1

รักส์อ่ะ สู้ไปด้วยกันนะเว่ย นี่เป็นจุดเริ่มต้นแรก We gotta move on!

0
Black VY 24 ก.พ. 63 เวลา 09:32 น. 6

เห็นว่าติดทั้งอาเจนติน่า เยอรมัน ทำไมถึงไม่เลือกไป2ประเทศนี้คะ ได้ภาษาที่3ด้วย ทำไมถึงเลือกไปอเมริกา ขอถามถึงคณะและมหาลัยที่อยากเข้าด้วยค่ะ และเพราะอะไรถึงอยากเข้า ขอถามวิธีการฝึกภาษาให้ทั้งพูดทั้งเขียนได้ทีค่ะ นี่ไม่เก่งเลยโดยเฉพาะการพูด มันนึกคำไม่ออก พูดไม่ได้ แกรมม่าการเขียนก็ไม่เก่งอีก อยากจะสอบถามและขอวิธีฝึกภาษาค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

1
itsactuallyeye 24 ก.พ. 63 เวลา 19:12 น. 6-1

1. ทำไมถึงไม่เลือกอีก 2 ประเทศ

-เอาจริงๆ เราอยากไปประเทศภาษาที่ 3 มากเลยนะคะ เราชอบวัฒนธรรมทั้งสเปน ทั้งเยอรมันเลย แต่ที่เลือกไปอเมริกาเพราะเราอยากฝึกengให้เต็มที่ไปเลย เหมือนเรียนมาตั้งนานก็ควรจะลงสนามจริงได้แล้ว อีกอย่างอเมริกามีความหลากหลายมากๆ เราก็อยากเปิดมุมมองของตัวเองด้วยค่ะ

2. คณะ?

-เราอยากเข้ารัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาฯ ค่ะ (ไม่จุฬาก็ธรรมศาสตร์ค่ะ) เพราะเราอยากเป็นนักการทูต เราชอบเรียนภาษา ชอบเรียนรู้วัฒนธรรม ความแตกต่างของแต่ละชาติ มุมมองความคิดของแต่ละบุคคล แล้วก็ชอบตามข่าวการเมืองไทย-ต่างประเทศด้วย มันก็ยากแหละเนอะ แต่ต้องสู้!!!

3.การฝึกแกรมม่า+เขียน

-เอาจริงๆแกรมม่าเราก็ไม่ได้ระดับสูงมากนะ55555 ก็พอไปได้ไม่ได้แย่มาก เราฝึกจากการเปลี่ยนแนวในการเรียนค่ะ(อันนี้จะไม่นับการเรียนพิเศษเน้ออ แต่เราก็ไม่ค่อยได้เรียนพิเศษหรอก5555) เปลี่ยนมาใช้ textbook ภาษาอังกฤษค่ะ อย่าใช้ textbook ไทยไปตลอดชีวิต แรกๆก็จะงงนิดนึง แต่พอไปนานๆเราจะรู้สึกได้เลยว่า textbook อังกฤษจะอธิบายชัดเจนมากๆ หาข้อสอบเก่าๆมาทำ การทำข้อสอบเยอะๆ พอผิดบ่อยๆ เราจะจำจุดนั้นไม่ลืมเลยค่ะ ถ้าแรกๆคะแนนน้อย อย่าท้อนะ เราก็เป็น ทำความเข้าใจจุดที่เราผิด แล้วทำต่อค่ะ ถ้าชอบอ่านนิยาย อ่านข่าว ลองหาข่าวอังกฤษอ่านดูค่ะ ส่วนการเขียน เราใช้วิธีสุ่มเลือกหัวข้อที่สนใจแล้วเขียนเป็น essay ขอให้ครูต่างชาติที่รร.ตรวจให้(เค้าใจดีมาก ตรวจให้เราตลอดเลย) ทำอย่างงี้เรื่อยๆ แต่ไม่ต้องกดดันตัวเองน้า เอาที่ตัวเองสบายใจ

4.ฝึกพูด

-ด้วยความที่เราไม่เคยไปต่างประเทศเลย (ใช้คำว่าไม่เคยขึ้นเครื่องบินเลยจะดีกว่า) ที่บ้านเราก็ไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลย เราฝึกจากการดูหนัง ฟังเพลงค่ะ (คือเราก็สายฝออยู่แล้วด้วยแหละ555มันเลยมีpassion) ตอนแรกดูหนังแบบซับไทยก่อน ค่อยๆเปลี่ยนเป็นซับeng พอเริ่มได้ละปิดซับเลย เราจะได้สำนวณใหม่ๆมาเต็มเลย อย่างการฟังเพลงก็ลองฟังให้จับใจความได้ก่อน แรกๆก็จะงงๆว่าร้องไรวะ55555 เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ลองฟังพวก podcast,tedtalk ด้วยก็ดีนะคะ ทุกวันนี้เราก็ทำอยู่ ส่วน youtube channel เราดู peachii ค่ะ (ถ้าชอบดารา,นักร้องฝรั่ง ลองหาพวกบทสัมภาษณ์ดูนะคะ เราจะมีกำลังใจที่อยากจะฟังมากขึ้น) อีกอย่างนึงคือเราพูดคนเดียว ก็เพ้อแหละ แต่มันช่วยนะ บางทีเราพูดในใจออก แต่พูดออกมาเป็นคำไม่ได้ พูดไปเลยค่ะ พอเราพูดได้เราจะรู้สึกว่า เราก็ทำได้นี่นา มันเป็นแรงให้เราฝึกต่อ


ยาวแล้วมั้ง555555 จริงๆก็มีอีกนะคะ ยังไง dm ที่ig: theeyewn มาได้เลยน้าาา เผื่อจะถามพวกpodcastต่างๆ ทักมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจค่าาา

0
Natural_21 9 เม.ย. 63 เวลา 16:20 น. 7

ออยากทราบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการไปเรียนค่ะพี่พอที่จะบอกได้ไหมคะ หนูคิดว่าจบม.3แล้วจะพยายามไปสอบเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกันค่ะ

1
itsactuallyeye 9 เม.ย. 63 เวลา 16:46 น. 7-1

ต้องแล้วแต่โครงการ+ประเทศที่เลือกน้า

-oeg U.S.A. 429,000 ไม่รวมค่าตัวเครื่องบิน

-AFS U.S.A. 550,000 รวมตั๋วเครื่องบินแล้ว

-AYC,BWK อันนี้เคยหาข้อมูลอยู่ที่ 300,000 กว่าๆ ไม่รวมค่าตั๋วค่ะ อันนี้เช็คในเว็บโครงการได้


ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ออกเองก็จะมีค่าวีซ่า (บางโครงการรวมในค่าโครงการแล้ว) ค่า passport (ถ้าทำใหม่)ค่าตรวจสุขภาพ, ค่าวัคซีน แล้วก็พวกของใช้ต่างๆ ประมาณนี้ค่า

0
itsactuallyeye 14 พ.ค. 63 เวลา 23:17 น. 8-1

รวมๆกันค่ะ ทั้งไทยทั้งอังกฤษ แต่เตรียมตัวอังกฤษไปเยอะๆดีสุดค่ะ ยิ่งเราพูดอังกฤษได้เยอะ คะแนนสัมภาษณ์เราก็จะออกมาดีกว่าอยู่แล้วค่ะ

0
itsactuallyeye 14 พ.ค. 63 เวลา 23:18 น. 9-1

มีค่าสมัครสอบอยู่ที่ 200-300 ค่ะ ส่วนมากไม่เกินนี้

0
itsactuallyeye 18 มิ.ย. 63 เวลา 17:37 น. 10-1

55555 ยังต้องฝึกอีกเยอะค่ะ ภาษาอังกฤษยิ่งไม่ใช้ยิ่งลืม

0