Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวสัมภาษณ์ JIPP CU #dek63

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค้า เราเป็นหนึ่งในคนที่สอบติด JIPP CU รอบ early admission ในรุ่นdek63 น้า เราติดไปด้วยคะแนน SAT 1350 & IELTS overall 6.5 คะแนน (คะแนนSAT เราทำได้1350ในครั้งแรกที่สอบเลยนะ อ่านด้วยตัวเอง ใครสนใจลองไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าที่เรารีวิวดูนะ ^^ เราคิดว่ามันมีประโยชน์มากๆสำหรับใครที่พยายามอัพคะแนนSAT เเล้วมันยังไม่เพิ่มสักทีอ่ะนะ ถ้าพวกแกรู้ทริคการทำข้อสอบSAT คะแนน1,300+น่าจะเป็นของแกได้ไม่ยาก :) )
+++++++++++   เข้าเรื่องกันดีกว่า +++++++++
 
JIPP CU มีเกณฑ์การคัดเลือกนักเรียนตามนี้ (สำหรับในปี63อ่ะนะ เราไม่รู้ว่าปีอื่นเป็นแบบนี้ไหม)
SAT 50% IELTS 25% สัมภาษณ์ 25%
*ตามที่ทุกคนเห็น คะแนนSAT มีผลสูงมาก แนะนำให้ทำSATให้คะแนนดีๆนะ*
แต่ ถ้าคะแนนSAT 1230+ แต่IELTS คะแนนสูงมาก เช่น 7.5/8 ก็มีติดเหมือนกันเด้อ

+++++++++++++++++++++++++++++++
 
สัมภาษณ์ของJIPP CU จะเเบ่งเป็นสองช่วง
    1) ช่วงเเรกจะให้เราเข้าไปในห้องๆนึงเหมือนห้องlecture(เข้าไปหลายคน เป็นกลุ่มๆตามที่พี่เขาได้เเบ่งเลขไว้เเล้ว ว่าใครสัมภาษณ์ห้องไหน ห้องละ3คน)  แล้วเขาจะแจกข้อสอบข้อเขียนให้ เเล้วให้เวลา 15นาทีในการทำ ในตัวข้อสอบของรุ่นเราก็จะมีกระดาษสองแผ่น แผ่นแรกคำถามถามประมาณว่า What's your strength & weakness?  explain about yourself หลังจากจบคำถามก็มีบรรทัดให้เขียนยาววเลย ส่วนแผ่นที่สอง เขาจะให้passageเกี่ยวกับ neuroscience นี่แหล่ะ อย่างปีของเรา dek63รอบ early ได้หัวข้อเกี่ยวกับสาร oxytocin ที่มาส่งผลต่อการ focusของดวงตา 
 
อยากรู้ใช่ไหมว่า passageมันวิชาการประมาณไหน เราหามาให้เรียบร้อยละ
--------- แท่เเด๊มมมม ---------

Just the briefest eye contact can heighten empathetic feelings, giving people a sense of being drawn together. But patients who suffer from autism, even in its most high-functioning forms, often have trouble establishing this sort of a social connection with other people. Researchers are delving into what’s going on behind the eyes when these magical moments occur, and the hormones and neural substrates involved may offer hope of helping people with autism. University of Cambridge neuroscientist Bonnie Auyeung and colleagues gave oxytocin—a compound commonly referred to as the “love hormone,” as it’s been found to play roles in maternal and romantic bonding—to both normal men and those with a high-functioning form of autism also called Asperger’s syndrome. The scientists then tracked the eye movements of the study subjects and found that, compared with controls, those who received oxytocin via nasal spray showed increases in the number of fixations—pauses of about 300 milliseconds—on the eye region of an interviewer’s face and in the fraction of time spent looking at this region during a brief interview

https://www.the-scientist.com/notebook/the-hormones-and-brain-regions-behind-eye-contact-33100

 
---------    passageคืออันนี้เลย เท่านี้เลย เขียนแบบนี้เลยจ้า  ---------
คำถามจากpassage เราจำไม่ค่อยได้เเล้ว  สอบเสร็จมานานเเล้วแต่เพิ่งมาว่างเขียน มันถามประมาณว่า จงสรุป the key idea of this passage/ experiment &  เราสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ยังไง?   (ถามเป็นภาษาอังกฤษนะ)
 
  ***อย่างที่บอกไปว่ามีเวลาแค่ 15นาที แบ่งเวลาดีๆเลยนะ ถ้าจะให้ดี เตรียมคำตอบมาเลย ว่า your weakness/ strength คืออะไร จงอธิบาย จะได้ช่วยเพิ่มเวลาให้ได้อ่าน ทำความเข้าใจpassage 2ที่เป็นบทความนานขึ้น ลายมือขอแค่พออ่านออก ***

***อยากให้ทุกคนเตรียมดินสอกด ดินสอ กับยางลบตัวเองไว้เลยนะ ดินสอที่เขาแจกก็เป็นประมาณดินสอแท่งที่ซื้อมาเป็นโหลๆ ยางลบที่ก้นลบไม่สะอาดอ่ะ ตอนนั้นเราเอาไปแต่ขี้เกียจหยิบของตัวเอง ...พอต้องลบจริงๆ อื้อหือ ดำไปหมดเลยนั่นนน สุดท้ายต้องเสียเวลาไปเกือบ 15วิเพื่อควานหายางลบของตัวเอง (ทุกวินาทีโคตรล้ำค่านะทุกคน อย่าทิ้งไปเชียว อย่าลืมว่าต้องเขียนตอบ ไม่ใช่พิมพ์เด้อ!)

สำคัญมาก !    อยากจะบอกทุกคนว่า ทุกสิ่งที่เขียนกรรมการจะได้อ่านทุกอย่างก่อนที่เราจะได้ไปสัมภาษณ์กับอาจารย์ในช่วงที่2
--อย่างในพาร์ทเเรกขอให้มั่นใจด้วยว่าตัวเองตอบคำถาม/โม้เรื่องตัวเองต่อได้ตอนสัมภาษณ์กับอาจารย์
--ส่วนพาร์ทสองที่เป็น passage จงจำให้ดีว่า 1.ทดลองเกี่ยวกะอะไร 2.ใครทำ 3.ผลที่เกิดขึ้นเป็นยังไง 4.ใช้กับชีวิตประจำวันได้ยังไง ขอร้องให้เจียดเวลามาทำความเข้าใจกะตรงนี้เยอะๆนะ ....เพราะเราถูกอาจารย์ถามมาเเล้ว  5555555555   เราตอบคำถามผิดไปด้วยแหล่ะ เพราะจำpassageไม่ได้  เเต่เราก็ตอบอาจารย์ไปตรงๆนะ ว่าเราจำไม่ได้จีจีอ่ะแงงงง อาจารย์ก็บอกไม่เป็นไร (แต่ ไม่เป็นไรของอาจารย์ ตอนนั้นคือกลัวมากว่าจะสอบติดไหม เพราะรุ่นพี่เคยบอกมาว่า คนที่ได้คะแนนSAT ดีๆไม่จำเป็นว่าจะต้องติดเสมอไป ถ้าสัมภาษณ์แย่ ก็หลุดได้เหมือนกัน แงง)

2)
ช่วงที่สองคือ หลังจากที่เราทำข้อเขียนเสร็จเเล้ว 15นาที เขาจะให้ไปนั่งรออีกห้องนึง  บรรยากาศในห้องเงียบเสมือนป่าช้า  dead airสุดๆ เพราะหลายคนไม่รู้จักกันอ่ะ  ไม่กล้าคุยหรือใดๆ พี่ๆปี4ที่เขากลับมาจาก Queenslandแล้ว เขาก็แบบ 'ไม่ต้องเครียดนะน้อง' 'น้องๆสงสัยอะไรถามพี่ได้นะ' ก็พยายามให้เราไม่เครียด ชวนคุยไปเรื่อยยย พี่ๆเขาน่ารักดี ยิ้มแย้ม เป็นกันเองสุดๆ 5555 ห้องสัมภาษณ์เราจำไม่ได้ว่าทั้งหมดมีกี่ห้อง เราอยู่ห้องสัมที่1 เราก็รอคิวจนพี่เขาเรียกตัวไป (จะมีพี่ๆประจำห้องมารับนะ ไม่ต้องห่วงว่าจะหลง) เราก็ไปถึงหน้าห้อง เริ่มเเรกนึกว่าเรียกปุ๊บแล้วเข้าห้องสัมฯเลย แต่ป่าว คนก่อนหน้ายังไม่ได้สัมฯเลย 555 ก็คือประมาณว่า คนแรกเข้า คนที่สอง สาม มานั่งรอstandbyก่อนอ่ะ (สำหรับของห้องเราอ่ะนะ) ระหว่างรอเข้าห้องสัมภาษณ์พี่ๆก็ชวนคุยกันดี เราก็ถามพี่ปี4ไปว่าเรียนที่ queensland เป็นไงมั่ง เขาก็บอกว่า "บรรยากาศเมืองดีมาก เมืองที่มหาลัยตั้งอยู่มันค่อนข้างสงบ เหมาะสำหรับอ่านหนังสือสุดๆ! " เราก็อ๋อออวว ดีเลยย ....รอไปสักพักคนก่อนหน้าเราก็เข้าสัมภาษณ์ พอเขาสัมภาษณ์เสร็จก็ออกมา เรารออีกสักพัก(คิดว่าน่าจะเป็นเวลาที่อาจารย์อ่านคำตอบของเราในข้อเขียนอยู๋) เสร็จปุ๊บพี่คุมห้องก็บอกว่า 'พร้อมไหม พร้อมแล้ว เข้าได้เลยย' เราก็ สูดลมหายใจเข้าลึกลึ๊กกก แล้วก็ยิ้มแย้ม เปิดประตูเข้าไปเรยยย ก็แบบไหว้สวัสดีอาจารย์ ห้องนึงน่าจะมีอาจารย์สัมฯ2คนนะ ห้องเราเป็นอาจารย์ ผู้หญิงคนไทย (แต่พูดอังกฤษเก่งมาก) กับอาจารย์ผู้ชายฝรั่ง หน้าเขาก็kindเหมือนกัน  ...เสร็จปุ๊บ เเล้วก็ไปนั่งที่เก้าอี้ อาจารย์ก็ถามคำถามแรกมาเลย    Please introduce yourself เราก็แนะนำตัวไปแบบสั้นๆ ชื่อ_ ชื่อเล่น_  เรียนอยู่ระดับชั้น_ โรงเรียน_ จบ. อาจารย์ก็แบบอึ้งนิดๆ แนะนำตัวโคตรสั้น 5555 อาจารย์เลยให้พูดต่อว่า Tell me more about yourself HOBBIES? or FAMILY? or anythingelse เราก็เล่าไป คำถามจากอาจารย์ก็จะถามมาเรื่อยๆเเบบ ตามที่เราพูดไป อย่างเราบอกไปว่า พ่อแม่สนับสนุนเราที่จะเรียนJIPPนะ เราอยากเรียนจิตวิทยาอยู่เเล้วเป็นทุนเดิม>> เขาถามต่อว่า  If you interested in psychology, you can study in Thai program. Why JIPP? , หรือ พอพูดถึงเรืื่อง my weakness/strength เราก็เล่าไปว่า เราเป็นพวกที่ค่อนข้างperfectionistนะ ทำงานแต่ละอย่างรู้สึกว่ามันดีได้กว่านี้ ไม่พอใจสักที บางทีเหลือทำให้หมดไฟในการทำอะไรต่อ >> อาจารย์ถามว่า When you fell burnout. คุณจัดการกับมันยังไง (ถึงบอกไงว่าให้เตรียมตัวด้วยว่าหลังจากตัวเองโม้เรื่องราวของตัวเองถ้าอาจารย์ถามต่อ จะตอบยังไง อาจารย์เขาจะถามคำถามตามที่เราพูดออกมานี่แหล่ะ เขาสงสัยอะไรเขาก็จะถาม) อาจารย์ถามไปเรื่อยๆ เเล้วอาจารย์ก็บอกว่าสัมภาษณ์เสร็จละ(เป็นภาษาอังกฤษ) เราก็ Thank you เเล้วก็เดินออกไป ใจจริงคือรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมาก คิดว่าน่าจะทำออกมาได้ดี (ถึงแม้จะตอบคำถามผิดเกี่ยวกะpassageในข้อเขียนไปสอง สาม ข้อ เพราะจำเนื้อหาpassageไม่ได้ ก็เถอะ)

คำถามนอกจากนี้ก็จะมี คำถามจากpassage2 , เหตุการณ์โลกในปจบ.ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยา
NOTE  สำหรับใครที่ยื่นไปหลายคณะ อาจารย์เขารู้นะ แล้วอาจารย์เขาก็จะถาม ว่า"คุณยื่นคณะนี้คณะเดียวรึป่าว" จะตอบยังไงก็ตามใจนะ 555 แต่พึงระลึกไว้ว่า*อาจารย์เขารู้* อย่่างเราเรายื่นคณะ JIPPแค่ที่เดียว อาจารย์เขาไม่ถามเรื่องนี้เลยเด้ออ

 
สัมภาษณ์เสร็จแล้ว กลับบ้านได้! รอประกาศผลอย่างเดียว
ซึ่งวันประกาศผล เราก็ติดนะทุกคน heart วันนั้นเราดีใจร้องไห้เลย เพราะเราตั้งใจจะเข้าคณะนี้อยู่แล้ว
JIPPเป็นคณะแรก และ คณะเดียวที่เรายื่น ถ้าไม่ติดก็เคว้งเหมือนกันว่าจะไปคณะไหนต่อ
ก็ เราตั้งใจเขียนอันนี้ึ้ขึ้นมาเพราะอยากแชร์ให้คนที่สนใจJIPPได้เตรียมตัวนะ
รุ่นเราถึงแม้มันจะพอมีข้อมูลที่คนมารีวิวบ้างแล้ว แต่มันก็ไม่มากพอเท่าไหร่55555
หวังว่าน้องๆหรือเพื่อนๆจะจุใจกับรีวิวนี้ 5555

คำถามหลักๆที่อาจารย์ถามจะประมาณนี้เลยอยู่ในเพจ
Learning Cafe ศูนย์รวมข้อมูลการสอบอินเตอร์
เเอดเพจlearning cafe เขาทำมาให้ได้อ่านกันล่ะ ^^

https://www.facebook.com/LearningCafebydom9914/photos/a.623706191148293/1266433296875576/?type=3&theater
ในภาพอาจจะมี ข้อความลิ้งค์ที่แนบไว้อันนี้เป็นสรุปที่พี่เขาทำไว้สำหรับ 2020นะ
 
ปล. สำหรับใครที่อยากรู้คำถามที่มันถามจริงๆ จากประสบการณ์คนสัมฯ JIPP หลายๆคน รอติดตามในpassageกับ เพจLearning Cafe ศูนย์รวมข้อมูลการสอบอินเตอร์ ละกันนะ เพราะเราให้้ข้อมูลพี่เขาไปหมดแล้วหลังจากสอบสัมเสร็จ ข้อมูลตอนนั้นมันน่าจะตรงกว่านี้  ปล.พี่เขายุ่งๆนะ อย่าไปเร่งเขามาก555 พี่เขาจะทำสรุปคำถามที่เราจะเจอในสัมภาษณ์ของคณะนั้นๆ ให้เราได้อ่านตอนช่วงที่เราใกล้ๆสอบสัมน่ะแหล่ะ ก็คือสรุปชุดใหม่น่าจะออกปีหน้า2021 รอคอยได้เลยนะ dek64 65 และต่อๆไป yes

19/2/2563 - วันที่เขียน
เขียนโดย - ซีทะเล

 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

Jon 5 ก.ย. 63 เวลา 21:54 น. 1

คือเราอยากรู้ว่าที่สัมภาชน์ทั้งหมดกี่คน และ เค้ารับทั้งหมดกี่คน #ตอบด้วยนะคะพี่ซี ตามมาจากคลิปค้าา

1
Ctalae 18 ต.ค. 64 เวลา 22:04 น. 1-1

คณะรับคนเข้ารอบสัมภาษณ์ทุกคนที่ยื่นคะแนน แล้วผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ sat 1100, Ietls 6.5 ถ้าคนสมัครมาก คะแนนผ่านเกณฑ์มาก ก็จะมีคนสอบสัมกันเยอะนะ ดังนั้นแต่ละรุ่นจะมีคนเข้ามาสัมไม่เท่ากัน เเล้วเเต่จำนวนคนสมัคร แต่จะคัดคนเข้าจริงๆอีกทีคือหลังสัมเสร็จน้าา

0
mapleP 15 ต.ค. 63 เวลา 23:23 น. 2

อยากทราบว่าสัมภาษณ์ที่ไหน และประมาณช่วงเกือนไหนของปีคะ แง ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลนะคะ

1
Ctalae 18 ต.ค. 64 เวลา 22:00 น. 2-1

สัมช่วง มค ถึง กพ ค่ะ ในรอบแรกของTCASนะ ตอนเราที่โควิดยังเพิ่งระบาด ไปสอบที่ตึกบรมราชชนนีศรีศตพรรษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงจุฬาฝั่งเล็กแถวมาบุญครองน้า

0