Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แชร์ประสบการณ์มหาวิทยาลัยในปักกิ่ง

ตั้งกระทู้ใหม่

 

สวัสดีค่ะ!

แนะนำตัวกันสักนิด เราKนะคะ เป็น year1 student ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาลัยวิทยาลัย Beijing Foreign Studies University กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนค่ะ

 

 

 

ตอนนี้เราเชื่อว่าน้องๆม.6 หรือเด็กไทยหลายๆคนกำลังมองหาช่องทางการเรียนต่อในต่างประเทศกันบ้างใช่มั้ยล่ะคะ วันนี้เราในฐานะตัวแทนเด็กไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศ จะขอแบ่งปันประสบการณ์ การเรียน การใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับน้องๆคนไหนที่กำลังสนใจหรือกำลังจะเดินทางไปศึกษาในอนาคตค่ะ

 

คณะที่เรากำลังเรียนอยู่ตอนนี้คือ International Business School ค่ะ หรือก็คือคณะธุรกิจนานาชาตินั่นเอง สำหรับคณะนี้ปี 1-2 จะเรียนเนื้อหาเบื้องต้นก่อนค่ะ พอปี 3 ปุ๊ป เราจะต้องเลือกสาขาที่เราต้องการ โดยมี International Business, International Marketing, International Finance, E-Commerce, และ Chinese Business Studies ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามความถนัดของเราเลย

 

 

ที่มหาลัยมีคนไทยหรือเปล่า?

มีค่ะ ในห้องของเรามีเพื่อนๆคนไทย 11 คน ดูเป็นจำนวนที่เยอะใช่มั้ยคะ แต่พอเทียบกับจำนวนคนในห้องแล้วนี่เป็นแค่ส่วนนึงเองค่ะ 555555 ส่วนปีอื่นๆหรือคณะอื่นๆก็มีคนไทยนะคะ รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างปะปนกันไป

 

กลุ่มเพื่อนๆคนไทยในห้องของเราค่ะ

 

 

การเรียนการสอนเป็นอย่างไรบ้าง

การเรียนการสอนที่จีนค่อนข้างต่างจากตอนเราเรียนม.ปลายค่ะ เอาจริงๆก็ต่างเยอะเลยนั่นแหล่ะ!แค่เกณฑ์การเก็บคะแนนก็ต่างแล้ว ตอนเราเรียนในโรงเรียนเราจะคุ้นเคยกับการแบ่งอัตราส่วนคะแนนเป็น 15% กลางภาค, 30% ปลายภาค อะไรพวกนี้ใช่มั้ยละคะ แต่ที่นี่คือแต่ละวิชาก็แบ่งตามใจอาจารย์ที่สอน บางวิชาไม่มีสอบค่ะเน้นส่งงานอย่างเดียว ฉะนั้นในการเรียนเราจะใส่ใจเรื่องอัตราส่วนคะแนนในแต่ละวิชามากๆเลยค่ะ

 

ส่วนห้องเรียนก็แล้วแต่ละวิชาเลยค่ะ บ้างก็ห้องเล็กบ้างก็ห้องใหญ่ บรรยากาศในห้องเรียนจะเน้นถามตอบค่ะ เน้นปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และนักเรียนมากกว่าการเปิดพรีเซ้นส์แล้วพูดๆๆ

บรรยากาศห้องเรียนเล็กค่ะ

 

 

กิจกรรมมีไหม เยอะหรือเปล่า

กิจกรรมในมหาลัยมีเยอะมากเลยค่ะ แต่จะเป็นกิจกรรมที่ไม่บังคับให้ลง ว่ากันง่ายๆก็เป็นกิจกรรมที่ทุกคนสามารถเลือกลงได้ตามความถนัด/สนใจ เช่น การประกวดวิดีโอสั้น, ถ่ายภาพ, เรียงความ,การแสดงนานาชาติฟุตซอล และอีกมากมายค่ะ 

 

ภาพทีมนักเรียนคนไทยในการแข่งขันฟุตซอลค่ะ

 

นอกจากกิจกรรมในมหาลัยแล้ว ยังมีกิจกรรมนอกมหาลัยที่ให้โอกาสนักเรียนในการแสดงความสามารถหรือเผยแพร่วัฒนธรรมชาติของตนด้วยค่ะ เหมือนอย่างที่เราเคยเข้าร่วมมา คือเทศกาลนานาชาติที่เมืองหยางโจว ในงานมีตัวแทนนักเรียก IBS จากนานาประเทศเช่น ออสเตรเลีย,อเมริกา, แคเมรูนไทยแคนนาดา และอีกมากมาย ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ของเรานั้น ไม่ได้เพียงแต่ได้รับประสบการณ์เท่านั้น แต่ยังได้รู้จักกับเพื่อนต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกค่ะ

 

เรากับนักเรียนโรงเรียนหยางโจว และบูธประเทศไทยค่ะ

 

เพื่อนตัวแทนจากประเทศเกาหลีใต้, แคเมรูนมองโกเลีย และเราเองค่ะ ไทยแลนด์

 

ส่วนกิจกรรมนอกมหาลัยที่บังคับก็มีนะคะ กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่มีระยะเวลาประมาณ อาทิตย์ค่ะ นักเรียนจะได้มีโอกาสไปดูงานตามสถานที่หรือบริษัทต่างๆ เพื่อนำเรียนรู้และนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจหรือเป็นบทเรียนในภายภาคหน้า โดยในทุกๆเทอม เราจะต้องทำกิจกรรมนี้ ในแต่ละเทอมก็จะไปต่างเมือง ต่างที่ ไม่ซ้ำกัน กิจกรรมนี้ชื่อว่า Immersion Week ค่ะ

 

ให้อธิบายง่ายๆก็คือสัปดาห์ที่ไปดูงาน/เรียนในต่างเมือง จะนับว่าเป็นทริปก็ได้นะคะ.. แต่หลังจากนั้นแล้ว เราจะต้องทำรายงานและนำเสนอสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาค่ะ

กลุ่มเพื่อนๆของเราใน immersion week ที่เมืองผิงเยาค่ะ

 

 

 

 

ในห้องเรียนมีนักเรียนต่างชาติเยอะมั้ย

เยอะค่ะ เยอะมาก!!!!!!! คือห้องเรียนเราจะไม่มีนักเรียนที่เป็นคนจีน เพราะนักเรียนคนจีนส่วนใหญ่เรียนเป็นภาคภาษาจีนค่ะ ในส่วนของห้องเรียนเรานั้นเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ส่วนเรื่องสัญชาติในห้องถ้าให้พิมพ์ทั้งหมดคงพิมไม่หมด เอาเป็นว่าไม่ต่ำกว่า 10 สัญชาติค่ะ มีทั้งเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย กัมพูชา ฝรั่งเศส อุซเบกิสถาน ฯลฯ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวเลยค่ะว่าเพื่อนคนไทยเยอะ เราจะไม่มีเพื่อนต่างชาติ ยังไงมันต้องมีแน่ๆ

 

เมื่อคนหลายๆสัญชาติมาอยู่รวมกัน สิ่งจะเกิดขึ้นแน่ๆคือการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัฒนธรรมภาษาเช่นในกลุ่มเพื่อนของเราเนี่ยก็จริงมีคนอินโด พวกเราจะแลกเปลี่ยนกันสอนคำนู้นคำนี้ในภาของตน ทำให้หลายครั้งที่เราคุยกับเพื่อนชาวอินโดเนี่ยมันผสมๆกันหลายภาษาไทยบ้างอังกฤษบ้างอินโดบ้างจีนบ้าง สนุกค่ะ

 

เราเพื่อนคนไทยและเพื่อนๆชาวอินโดนีเซียค่ะ

 

 

 

แล้วการใช้ชีวิตละเป็นไง

เริ่มจากการเดินทางไปเรียนก่อนนะคะ เราและเพื่อนๆอยู่ในบริเวณมหาลัยค่ะ เราอยู่หอใน ฉะนั้นเวลาไปเรียนก็เดินไปเรียนนี่แหล่ะค่ะ สุดจะสะดวก เพื่อนๆบางคนที่ตื่นไม่ทันเช็คชื่อคาบเช้าก็ซื้อจักรยานปั่นไปเรียนค่ะ เก๋ๆ ส่วนการเดินทางนอกมหาลัย/ในปักกิ่งไม่ยากเลยค่ะ ระบบขนส่งสาธารณะที่นั่นดีมากๆ รถเมล์สะอาดและมาตรงเวลา รถไฟใต้ดินก็ปกคลุมทั่วเมืองปักกิ่ง ขึ้นนั่นโผล่นี่ ไม่งงค่ะ ง่ายมากๆ หรือถ้าหลงจริงๆที่นั่นก็มี Gr*b เหมือนบ้านเรา แต่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า d*d* ถูกและได้รถเร็วกว่ามากค่ะ

 

            อาหารการกินก็โอเคค่ะ ถ้าพูดถึงร้านค้าร้านอาหารรอบๆมหาลัยแล้วก็ถือว่าเยอะนะคะ โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อเนี่ย มีครบทุกมุม อาหารที่ราคาถูกจะอยู่ที่โรงอาหารค่ะ คือมันก็อร่อยนะคะ แต่สำหรับคนไทยที่โตมากับอาหารรสจัด ต้มยำ ลาบ ส้มตำ อาจต้องมีปรับตัวกันบ้าง     กลุ่มเด็กไทยของเราไม่ค่อยจะมีคน homesick หรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะ Thai-food-sick กันมากกว่า ซึ่งพอคิดถึงอาหารไทยมากๆแล้วเนี่ย ก็จะมีการรวมตัวทำอาหารไทยกันค่ะ วัตถุดิบหลักจริงๆก็ผงลาบ ผงแกงจากไทยนี่แหล่ะ ใครที่จะไปหอบไปเยอะๆนะคะ

ส่วนพวกร้านหลังมอเราก็จะมีพวกร้านชานมไข่มุก ปิ้งย่างเกาหลี ร้านเกี๊ยว หรือถ้าเบื่ออาหารรอบมอแล้วที่นั่นก็มีบริการส่งอาหารถึงประตูหอผ่านแอปค่ะ ถ้าถามว่ากลับมาน้ำหนักเพิ่มมั้ย.. ไม่พูดดีกว่าค่ะ 555

 

ข้าวซอยโดยเพื่อนคนเชียงใหม่ และลาบโดยเราเองค่ะ

#thaifoodthebest

 

 

มาถึงตรงนี้ก็คงจะมีคำถามกันในหัวใช่มั้ยละคะว่า ช่วงนี้ covid-19 outbreak นี่ แล้วนี่จะไปเรียนยังไง กลับไปหรือเปล่า หรือว่า ดรอป ไม่ต้องเรียน 

            เกริ่นก่อนว่าตอนนี้เป็นเทอม ของเราค่ะ ซึ่งกำหนดการตามเดิมเราต้องกลับไปปักกิ่งในช่วงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ แต่เพราะโรคระบาด ทำให้ทางมหาวิทยาลัย ประกาศใช้หลักสูตรเรียนออนไลน์ค่ะ แพลตฟอร์มที่ใช้ก็ประมาณวิดิโอคอนฟีเร้นท์ ทุกคนเปิดกล้องเรียน ส่งการบ้านและโปรเจ็กต์ผ่านอีเมลส์  ซึ่งทุกคนก็หวังว่าเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้โดยเร็วและกลับไปเจอกันที่ปักกิ่งอีกครั้งค่ะ

 

 

สำหรับน้องๆคนไหนที่สนใจเรียนต่อในหลักสูตรนี้ ข่าวดีค่ะ ตอนนี้มหาวิทยาลัยกำลังเปิดรับสมัครนักเรียนประจำปีการศึกษา 2020 ภาคฤดูใบไม้ร่วง

สามารถติดตามรายละเอียดได้ทางเพจ fb: IBS BFSU

หรือแอคเคาท์เด็กดีอันนี้ได้เลยค่ะ

แสดงความคิดเห็น

3 ความคิดเห็น