Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ตัวตายตัวแทน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เป็นเรื่องราวของก้อยเด็กสาวที่กำลังจะจบชั้นมอ6 ก้อยมีเพื่อนสนิทอีกสองคนคือมิกกี้และฝน ทั้งสามคนนี้สนิทกันมาก สนิทถึงขนาดคุยกันได้ทุกเรื่อง และอีกสองอาทิตย์ทั้งสามคนก็ต้องสอบปลายภาคเพื่อจบการศึกษาและแยกย้ายไปตามความฝันของตัวเอง ทั้งสามได้เล่าความฝันของตัวเองให้เพื่อนๆอีกสองคนฟัง มิกกี้ด้วยความเป็นผู้ชายหวานๆเขาอยากที่จะเรียนต่อทางด้านการแสดงเพื่อเป็นดารา ส่วนฝนเขาก็จะกลับไปสานต่อธุรกิจของที่บ้าน และก้อยก็อยากที่จะเป็นพยาบาลเพื่อช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ทั้งสามคนได้เม้าท์มอยกันหลังเลิกเรียนอย่างสนุกสนานก็ได้มีรุ่นน้องมอ5คนหนึ่งชื่อพลอย ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่ทั้งสามคนสนิทด้วยเดินเข้ามาหาทั้งสามคนเพื่อร่วมวงสนทนาระหว่างรอรถกลับบ้าน ระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พลอยก็ได้พูดขึ้นว่า “นี้พี่ พี่เคยได้ยินตำนานพี่มอ6 ของโรงเรียนเราหรือป่าว” ทั้งสามคนมองหน้ากันและก้อยก็ได้ถามพลอยว่า “มันคืออะไรหรอพลอย ตำนานพี่มอ6ที่ว่า” ก้อยมิกกี้และฝนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัยเพราะตลอดเวลาที่อยู่ที่นี้ ทั้งสามคนไม่เคยได้ยินตำนานนี้มาก่อนเลย ระหว่างที่พลอยกำลังจะตอบคำถามของทั้งสามคนรถรับส่งของพลอยก็มาพอดี พลอยจึงขอตัวไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน ทิ้งให้ทั้งสามคนคาใจ หลังจากที่พลอยกลับไปทั้งสามคนก็จบการสนทนาเรื่องนี้ไปจนเวลาผ่านไปสักพัก ทั้งสามคนนั้นแยกย้ายกันกลับบ้าน จนก้อยกลับไปถึงบ้านและอ่านหนังสื่อเพื่อเตรียมตัวสอบในอีกสองอาทิตข้างหน้าก้อยก็เผลอหลับไป จากนั้นก้อยก็ได้ฝันว่าตัวเองกำลังจะเดินข้ามถนนหน้าโรงเรียนและก้อยก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งมองมาที่ก้อยจากอีกฟากของถนนจากนั้นก้อยก็สะดุ้งตื่นมาในตอนเช้า ด้วยความที่ก้อยนั้นเวลาใกล้จะสอบก้อยจะชอบโหมอ่านหนังสือหนักจนหลับคาหนังสือเป็นประจำ ก้อยเลยไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับฝันเมื่อคืน เพราะก้อนคิดว่าคงเกิดจากการที่ตัวเองโหมมากเกินไปเลยทำให้ฝันแปลกๆ จากนั้นก้อยก็ไปโรงเรียนตามปกติโดยที่ไม่ได้บอกเรื่องฝันเมื่อคืนให้ใครรู้ แต่หลังจากฝันในวันนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาก้อยก็ได้ฝันเห็นผู้ชายคนนั้นมาตลอด และทุกครั้งที่ก้อยอยู่ที่โรงเรียน เวลาไปเข้าห้องน้ำคนเดียวหรืออยู่ในห้องเรียนคนเดียวก้อยก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองก้อยอยู่ จนก้อยเริ่มรู้สึกไม่ดีเลยทำให้ก้อยเลือกที่จะเล่าเรื่องนี้ให้กับมิกกี้และฝนฟังฝนและมิกกี้ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเลยบอกให้ก้อยไม่ต้องคิดมากเพราะมันคงไม่มีอะไรก้อยคงคิดมากไปเอง แต่ถึงมิกกี้และฝนจะพูดปลอบใจยังไงก้อยก็ยังมีความรู้สึกว่าสิ่งที่ก้อยฝันและสัมผัสได้นั้นมันไม่ชอบมาพากลจนเย็นวันนั้นระหว่างที่ก้อยกำลังรอพ่อมารับและได้นั่งคุยกับมิกกี้และฝนอยู่ม้านั่งแถวๆหลังโรงเรียน ก็ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเหมือนว่าจะสติไม่ดีมาเก็บขยะบริเวณหลังโรงเรียนพอดี แต่ทันทีที่ก้อยมองชายคนนั้นก้อยก็รู้สึกได้ทันทีว่าชายคนนี้กำลังมองมาที่ก้อยอยู่ แน่นอนว่าก้อยไม่ได้รู้สึกไปเอง เพราะหลังจากนั้นทุกๆวันหลังเลิกเรียน ก้อยก็จะเจอกับชายคนนี้อยู่ตลอดและทุกครั้ง ก้อยก็ยังรู้สึกได้ว่าชายคนนี้มองมาที่ก้อยตลอดเวลา เหมือนต้องการจะบอกอะไร จนมาถึงวันสุดท้ายก่อนวันสอบวันแรกเพราะโรงเรียนของก้อยนั้นต้องสอบทั้งหมด3วัน เวลาพักเที่ยงพอดีก้อยมิกกี้และฝนก็ได้นำการบ้านชิ้นสุดท้าย ไปส่งให้ครูที่ห้องพักครูระหว่างที่ทั้งสามส่งงานเสร็จและกำลังจะไปทานข้าว มิกกี้กับฝนก็ปวดห้องน้ำขึ้นมาแต่ก้อยไม่ได้ปวด มิกกี้และฝนเลยบอกให้ก้อยรออยู่หน้าห้องน้ำก่อน ก้อยก็ได้ตกลงกับเพื่อนและยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งตรงหน้าห้องน้ำนั้นเอง เป็นห้องพิมพ์ดีดเก่า ที่ไม่มีใครเข้าไปใช้งานนานแล้ว โดยห้องนี้จะมีลักษณะเป็นห้องไม้และจะมีช่องที่เป็นกระจก ก้อยเองก็ไม่ได้สนใจห้องนี้สักเท่าไหร่เพราะก่อนหน้านี้ก้อยก็ผ่านที่ห้องนี้บ่อยๆจนเวลาผ่านไปสักพักก้อยก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากในห้องพิมพ์ดีด เสียงนั่นมันคล้ายกับกำลังมีคนปีนกำแพงข้างในห้องเสียงนั้นค่อยๆไต่ขึ้นไต่ขึ้น ก้อยรู้สึกกลัวแต่ไม่รู้ทำไมจะร้องก็ร้องไม่ออกวิ่งก็วิ่งไม่ได้สิ่งที่ก้อยทำได้คือมองไปตามเสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นดังขึ้นจนหยุดที่ช่องกระจก จากนั้นก็มีมือของคนมาเกาะที่กระจกพร้อมกับค่อยๆโผล่หน้ามาให้ก้อยเห็นก้อยถึงกับเข่าอ่อนและทรุดลงไปนั่งกับพื้น เพราะสิ่งที่ก้อยเห็นคือผู้ชายคนนั้นที่ก้อยฝันเห็นบ่อยๆ แต่ต่างจากฝันตรงที่สิ่งที่ก้อยเห็นตรงหน้าคือผู้ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นผู้ชายคนนั้นก็พูดกับก้อยว่า”สวัสดีก้อย”พร้อมสะแหยะยิ้ม ด้วยความกลัวก้อยร้องกรี๊ดลั่นอาคารและสลบไปจนทำให้มิกกี้และฝนที่อยู่ในห้องน้ำรีบออกมาดูและครูที่อยู่แถวนั้นก็ได้รีบมาดูก้อยแล้วพาก้อยไปที่ห้องพยาบาลหลักจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก้อยก็ตื่นขึ้นมาเจอกับมิกกี้ฝนและพลอยทุกคนถามก้อยด้วยความเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมก้อยถึงไปนอนกับพื้นแบบนั้น ก้อยได้แต่นิ่งเงียบ และถามพลอยว่า”พลอย เล่าเรื่องตำนานพี่มอ6 ให้พี่ฟังหน่อย”พลอยถึงกับงงที่จู่ๆก้อยก็มาขอให้เล่าเรื่องนี้ แต่ด้วยน้ำเสียงของก้อยที่จริงจังเลยทำให้พลอยยอมเล่า พลอยเล่าว่า “เมื่อประมาณ10ปีที่แล้ว มีรุ่นพี่มอ6 อยู่คนหนึ่ง พี่เขาชื่อพี่ต้น พี่เขาเป็นคนเรียนเก่งขยันเรียบร้อยเป็นที่รักของทุกๆคนในโรงเรียนและมีผลการเรียนที่ดีมาตลอด จนอาจารย์บางคนถึงกับพูดว่าพี่ต้นนี้แหละที่จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงเรียนของเรา โดยทางโรงเรียนก็จะให้ทุนศึกษาต่อกับพี่ต้น เพื่อให้ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่แล้ววันสอบวันสุดท้ายเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ระหว่างที่พี่ต้นกำลังข้ามถนนที่หน้าโรงเรียนก็ได้มีรถยนต์ขับชนพี่ต้นจนตายคาที่ หลังจากนั้นมา ทุกๆปีในวันสอบปลายภาควันสุดท้ายก็จะมีเด็กมอ6 ที่ต้องตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เด็กในโรงเรียนเลยคิดว่าวิญญาณของพี่ต้นอาจจะต้องการตัวตายตัวแทน” หลังจากที่พลอยพูดจบ ก้อยก็ได้ถามพลอยอีกว่ารู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับห้องพิมพ์ดีดมั้ย พลอยได้แต่ส่ายหัวแล้วตอบว่าไม่รู้ หลังจากนั้นก็มีเสียงของครูที่อยู่ในห้องพยาบาลพูดขึ้นว่า“ต้นน่ะ เมื่อก่อนเค้าเก่งวิชาพิมพ์ดีดมาก แต่หลังจากที่ต้นเสียไป ทุกครั้งที่มีคนมาเรียนที่ห้องพิมพ์ดีด ก็มักจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น เลยทำให้ทุกคนเชื่อว่าวิญญาณของต้นยังไม่ได้ไปไหน จากนั้นผอก็สั่งให้ปิดห้องพิมพ์ดีดนี้ไม่ให้ใช้งาน และสั่งห้ามทุกคนปล่อยข่าวเรื่องของต้น” ก้อย มิกกี้ ฝนและพลอย หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายและกลับไปเข้าห้องเรียนตามเดิม ระหว่างที่นั่งเรียนอยู่นั้นก้อยก็ได้คิดถึงคำพูดของพลอยที่ว่า พี่ต้นต้องการตัวตายตัวแทน จนทำให้ก้อยประติดประต่อเรื่องทั้งหมด ทั้งเรื่องที่ก้อยฝันเห็นพี่ต้นทุกคืน และรู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองก้อยอยู่ตลอดเวลา มันทำให้ก้อยมั่นใจแล้วว่า ปีนี้ตัวตายตัวแทนที่ถูกเลือกก็คือก้อย จากนั้นเวลาเลิกเรียน ก้อย มิกกี้ ฝนและพลอย ก็ได้มานั่งคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับก้อย ก้อยบอกกับทุกคนว่า ตัวตายตัวแทนในปีนี้ของพี่ต้นก็คือก้อยอย่างแน่นอน ทุกคนได้แต่กังวลไม่รู้จะทำยังไงด้วยความเป็นห่วงก้อย พลอยเลยเสนอว่าให้ก้อยทำบุญให้กับพี่ต้นทุกคนก็เห็นด้วย แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจะพาก้อยไปที่วัดชายวัยกลางคนที่ก้อยเคยเห็นว่าเขามองก้อยก็เดินเข้ามาหาก้อยเพื่อนๆของก้อยต่างตกใจมากเพราะด้วยความที่ชายคนนี้สติไม่ดีเลยทำให้ทุกคนคิดว่าชายคนนี้จะมาทำร้ายก้อยทุกคนได้ไปดึงตัวชายคนนี้ออกจากตัวก้อยก่อนที่ ครูที่อยู่แถวนั้นจะมาเจอแล้วเข้ามาช่วย ชายคนนั้นก็เอาอะไรบางอย่างยัดใส่มือของก้อยไว้แล้วพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนที่ชายคนนั้นจะถูกลากตัวออกไป แต่ก้อยนั้นกลับไม่ได้รู้สึกว่าชายคนนี้จะเข้ามาทำร้ายก้อยเลย แต่เหมือนเค้าต้องการที่จะบอกอะไรบางอย่างกับก้อย ก้อยได้แบมือออกดูว่าชายคนนั้นเอาอะไรมาใส่มือของเธอ แล้วได้พบว่า ในมือของก้อยนั้นคือสร้อยพระของหลวงพ่อรูปหนึ่ง แล้วเพื่อนๆก็พาก้อยไปที่วัดเพื่อทำบุญให้กับพี่ต้น จนถึงวันที่สอบวันแรกและวันที่สอง ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีเหมือนกับว่าวิญญาณของพี่ต้นนั้นจะไม่ได้มารบกวนก้อยอีกแล้ว ก้อยได้เล่าเรื่องนี้ให้กับมิกกี้ฝนและพลอยได้ฟัง ทุกคนก็ต่างพากันโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอ จนมาถึงวันสอบวันสุดท้ายในช่วงเช้าก่อนที่จะเข้าเรียนนั้นมิกกี้ได้นัดก้อยฝนและพลอยมากินข้าวเช้าที่หน้าโรงเรียนก่อนเข้าสอบ แต่ในระหว่างที่ก้อยและทุกคนกำลังจะข้ามถนน ก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดและมองมาหาก้อยจากอีกฝั่งด้วยความแค้นดวงตาอันแดงกล่ำมองมาที่ก้อยอย่างไม่ละสายตา ก้อยรู้ได้ทันทีว่านั้นคือวิญญาณของพี่ต้น ทุกคนพากันข้ามถนนไปกันหมดเหลือแต่ก้อยไว้ข้างหลังอย่างกับว่าทุกคนมองไม่เห็นก้อยว่าก้อยยังยืนอยู่ตรงถนน สายตาคู่นั้นมันทำให้ก้อยก้าวไปไหนไม่ได้ ตระโกนเรียกเพื่อนเท่าไหร่เพื่อนก็ไม่ได้ยิน จากนั้นร่างของพี่ต้นก็วิ่งเข้ามาหาก้อยอย่างรวดเร็วเหมือนจะเอาชีวิต แต่ก็มีบางอย่างทำให้ก่อนที่วิญญาณของพี่ต้นจะถึงตัวก้อยกระเด็นออกไปและหายไป จากนั้นก้อยก็ถ่อยหลังล้มลงไปนั่งกับพื้นก่อนที่จะมีเสียงบีบแตรรถดังขึ้น จึงทำให้เพื่อนๆของก้อยรีบวิ่งกลับมาดูก้อยในทันที ก้อยได้แต่คิดในใจว่าคงเป็นเพราะสร้อยพระที่ชายวัยกลางคนคนนั้นให้ไว้ ไม่งั้นก้อยก็คงถูกรถชนไปแล้ว จากนั้นครูที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้มาถามอาการของก้อยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้อยตอบว่า”หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” จากนั้นไม่นานก็เป็นการจบการสอบปลายภายและได้ทำการบอกลากัน และในระหว่างที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกลับ ก้อยก็ได้ไปแอบขโมยกุญแจห้องพิมพ์ดีดจากห้องพักภารโรงเพื่อที่จะเข้าไปในห้องพิมพ์ดีด เพราะก้อยรู้สึกว่าถึงแม้ว่าเค้าจะรอดจากเหตุการณ์เมื่อเช้ามาได้ แต่ก้อยก็ยังรู้สึกได้ว่าพี่ต้นยังตามก้อยอยู่ และดูเหมือนว่าก้อยก็อยากที่จะจบเรื่องนี้โดยการที่ไปคุยกับวิญญาณของพี่ต้นโดยตรง ก้อยไขกุญแจเข้าไปในห้องพิมพ์ดีด ทันทีที่เข้าไป ก้อยก็สัมผัสได้ทันทีว่าบรรยากาศในห้องนี้มันเย็นกว่าปกติและก้อยก็ยังรู้อีกว่าพี่ต้นอยู่ในห้องนี้ ก้อยพูดขึ้นว่า”ออกมาเถอะค่ะพี่ต้น หนูมาแล้ว พี่ออกมาเจอหนูสิคะ” สิ้นเสียงก้อยประตูหน้าต่างของห้องพิมพ์ดีดก็ปิด เหมือนกับว่ามีคนมาปิดมัน ทั้งๆที่ข้างนอกไม่มีใครอยู่เลย และหลังจากนั้นร่างของพี่ต้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของก้อย ก้อยทั้งกลัวแต่ก็อยากจบเรื่องนี้ ก้อยถามพี่ต้นไปว่า”พี่ต้องการอะไร พี่ทำแบบนี้แล้วมันทำให้พี่มีความสุขหรอค่ะพี่ต้น” จากนั้นพี่ต้นก็ตอบกลับมา “กูจะทำไปทำไมมันก็ไม่ใช่เรื่องของ- ถ้ากูไม่ได้จบ ก็ต้องมีคนไม่จบเหมือนกู” สิ้นเสียงวิญญาณของพี่ต้นก็เข้ามาบีบคอของก้อยขึ้นพร้อมบอกก้อยว่า ”และ- คือรายต่อไปที่จะไม่จบ” สิ้นคำพูดพี่ต้นก็หัวเราะด้วยความสะใจ ในระหว่างที่ก้อยกำลังจะสิ้นลม ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาจนทำให้วิญญาณของต้นต้องปล่อยก้อยแล้วทิ้งลงกับพื้น ก้อยถึงกับอึ้งเพราะคนที่เปิดประตูเข้ามาคือชายวัยกลางคนที่ให้สร้อยพระกับก้อยไว้ ชายคนนั้นได้พูดว่า”หยุดเถอะนะต้น หยุดสร้างเวรสร้างกรรมไปกว่านี้เลย” และต้นก็ได้ตอบกลับชายคนนั้นว่า”เธอจะไปรู้อะไร เธอไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าเราต้องเจ็บปวดทรมาณและเจ็บปวดขนาดไหน”  และชายคนนั้นก็พูดแทรกว่า “เข้าใจสิ เข้าใจดี เพราะเราเองก็ไม่ต่างจากเธอ” วิญญาณของต้นถึงกับชะงัก “การที่เราต้องสูญเสียเธอไปการที่เราต้องเสียคนที่รักไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็นหรอกและยิ่งเห็นเธอมาฆ่าคนไปทุกปีๆแบบนี้อีก ขอร้องละต้น หยุดสร้างเวรสร้างกรรมไปกว่านี้เลยนะ” และชายคนนั้นก็เดินไปกอดต้น “ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้เกิดมารักกันอีกนะ” ต้นได้กอดชายคนนั้นแล้วก็ร้องไห้ จากนั้นวิญญาณของต้นหายไป
หลังจากนั้น4ปี ก้อยมิกกี้ฝนและพลอยก็ได้กลับมาร่วมตัวกันที่โรงเรียนแห่งนี้อีกครั้งและก้อยก็ยังได้มารู้ภายหลังอีกว่าชายกลางคนที่ให้สร้อยพระกับก้อยไว้คือน้าพล โดยน้าพลได้เคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้เช่นกัน และน้าพลกับพี่ต้นก็ยังได้คบหาดูใจกัน จนกระทั่งพี่ต้นเสีย น้าพลก็เสียสติและก็เร่ร่อนอยู่แถวโรงเรียนมาตลอด และหลังจากเรื่องของก้อยจบลงก็ไม่มีใครได้พบกับวิญญาณของพี่ต้นอีกและทุกปีของโรงเรียนแห่งนี้ก็ไม่มีเด็กมอ6คนไหนที่ต้องตายโดยไม่ทราบสาเหติอีกเลย
 
จบ

แสดงความคิดเห็น

>