นิยายแฟนตาซีแบบไหนดี
ตั้งกระทู้ใหม่
1 ผู้กล้า จอมมาร
2 อัพเวลสโลไลฟ์
4 เกิดใหม่ ต่างโลก
5 เวทย์มนต์ Max status
นอกจากที่กล่าวมาแล้วมีแบบไหนอีกที่คนอ่านแล้วรู้สึกสนุกและลุ้นไปกับมันว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน เช่น พระเอกของเราเปิดเรื่องมาไม่ได้เทพอย่างใครเขาแต่ค่อยๆเห็นการพัฒนาการ พร้อมกับปมของตัวละครที่จะเผยออกพร้อมกับความดาร์คในเบื้องหลัง
เพราะเท่าๆที่เลื่อนในหมวดนี้มาแทบไม่เจออะไรที่นอกเหนือจาก5อย่างที่กล่าวมาเลย
11 ความคิดเห็น
แบบที่ 6 นิยายของผมครับ ไม่สโลไลฟ์ พระเอกตกยาก ขี้งกเป็นที่หนึ่ง เก่งช้าเหลือแสน จนถูกผู้อ่านบ่นว่าเมื่อไหร่จะเก่งสักที 5555
แนวทหารในโลกอนาคตที่เดินทางไปต่างดาว(ต่างโลกแบบวิทยาศาสตร์)ครับ
พอจะสนใจนิยายแฟนตาซีเฮอเร่อแบบไทยๆ มั่งมั๊ยคร้าบบ
แนวนี้หายากนะคนไม่ค่อยแต่งกัน
ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ
https://writer.dek-d.com/watcharakarn/story/view.php?id=2047833
ขออนุญาตโปรโมทนิยายนะคร้าบ ^^
เกิดอีกทีดันมีลำตัวเป็นหมา
ตลกชื่อเรื่องมากก 55
แบบที่คุณสนุกกับมันได้ตลอดจนจบ
ถ้าคาดหวังความสำเร็จ ให้เริ่มจากสิ่งที่คิดว่าจะทำเสร็จก่อน
ถ้าผมบอกออกไปจะมีปัญญาเขียนให้สนุกหรอครับ? [เหมือนจะใช้คำแรงไปบ้างขออภัยแต่ไม่แก้แล้วกัน]
ความชอบของคนไม่เหมือนกัน ความถนัดของคนก็ไม่เหมือนกัน คงจะมีก็แต่มหาเทพเท่านั้นแหละมั้งที่จะเขียนแนวที่ตัวเองไม่ชอบหรือมีความรู้เกี่ยวกับแนวนั้นน้อยออกมาได้สนุก ท่านเป็นมหาเทพจากดาวไหนล่ะครับ?
ถ้าคิดแค่ว่าเขียนแนวพลอตกระแสแล้วจะดังเหมือนคนอื่น ผิดถนัดนะ พลอตมันเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งแต่ไม่ใช่ว่าใครเขียนแล้วจะดังเหมือนกันหมด ชอบอ่านแนวไหนก็ลองเขียนจากแนวนั้นดีกว่าไหม อ่านแนวไหนบ่อยก็ลองเริ่มจากแนวนั้น เขียนออกมาให้สนุกให้ได้
ถ้าคิดว่า 5 อย่างด้านบนมันน่าเบื่อจัดก็ทำไมไม่ลองเอามาผสมกัน แนวย้อนเวลาก็ได้ ผสมแนวโรงเรียน ผสมแมร่งทุกอย่างเข้าไปก็ได้ถ้ามีปัญญาคิดออกมามากพอ ผสมแนวความรัก ผสมมันเข้าไปสิ นี่ท่านอ่านแค่ผิดเผินแล้วก็ไปตัดสินว่าเรื่องที่เห็นมันมีแค่ 5 อย่างที่กล่าวมา
ของผมที่เขียนอยู่ตอนนี้ชื่อเรื่อง โลกาวินาศ แนวไซไฟ ระบบเลเวลแต่ไม่เกมจ๋า พระเอกเก่งแต่เก่งด้วยนิสัยและฝึกฝนหนักกว่าคนอื่น รวมเอาแนวรักกุ๊กกิกเข้าไปด้วย ใส่ความสมจริงเข้าไปหน่อย พระเอกเป็นคนดีเหมือนผู้กล้าชอบช่วยเหลือคนอื่น ตอนนี้พระเอกโครตเก่งแบบ op เป็นความหวังของประเทศและโลก ! แบบนี้เข้าทุกองค์ประกอบ 5 ข้อของท่านเลยไหมแต่ในความเหมือนมันก็มีความแตกต่าง ขนาดภาษากับรูปประโยคผมห่วยๆ มันก็ดังเปรี้ยงมีคนอ่านนะครับ
เป็นนักเขียนใหม่ บางทีฝีมือเท่าหางอึ่งยังไม่ถึงขั้นก็อย่าคิดการใหญ่แบบสร้างแนวใหม่หรือฉีกแนวตลาดเลยผมว่าเดี๋ยวจะจบไม่สวย คนทำงานบางทียังต้องทำงานที่ไม่ชอบหาประสบการณ์ก่อนเลย [ถึงจะพิมพ์แบบนี้แต่ตัวผมก็ไม่ได้มีฝีมีดีเด่ไปกว่าใครนะครับ ยังเท่าหางอึ่งอยู่เหมือนกันแต่ผมรู้ตัวเองและค่อยเป็นค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ]
ถ้าถามหาแนวที่ยังไม่มีใน 5 ข้อนั้นก็แนวย้อนเวลาไงครับ เป็นกระแส ปังง่าย เขียนง่าย ถ้าคิดว่าย้อนเวลาแล้วเทพมันง่ายไป ก็ลองเขียนแค่ย้อนเวลากลับไปแล้วไม่มีพลังหรือระบบอะไรช่วยเลย แบบนั้นมันท้าทายกว่า เขียนยากกว่า ปล.อาจจะรู้สึกไปเอง << ย้ำอาจจะรู้สึกไปเอง ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้อยากจะมาถามแต่จะมาเนียนโปรโมทแนวนิยายของตัวเองหรือเปล่าด้วยประโยคนี้ "นอกจากที่กล่าวมาแล้วมีแบบไหนอีกที่คนอ่านแล้วรู้สึกสนุกและลุ้นไปกับมันว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน เช่น พระเอกของเราเปิดเรื่องมาไม่ได้เทพอย่างใครเขาแต่ค่อยๆเห็นการพัฒนาการ พร้อมกับปมของตัวละครที่จะเผยออกพร้อมกับความดาร์คในเบื้องหลัง " ถ้าอยากจะโปรโมทนิยายตัวเอง ก็โปรโมทตรงเลยดีกว่าแต่มันไม่เห็นผลหรอก เพราะนี่มันบอร์ดนักเขียน อย่างมากเขาก็กดจิ้มเข้าไปดูแล้วก็เลิกตาม ที่สำคัญการกดแนวอื่นให้ดูต่ำไม่ได้ทำให้แนวที่ตัวเองเขียนดูดีขึ้น อย่าดูถูกรสนิยมของใคร เพราะมันไม่ดีเท่าไหร่ ปล.อย่าถือสาผม ผมเกรียน 555
เป็นคอมเมนต์ที่ดุดัน แต่จริงใจดี
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นที่ดีๆและดูจริงจัง ขั้นสุดมาก แต่สำหรับคำที่ว่าดูถูกรสนิยมของคนอื่นกับกดให้คนอื่นดูตํ่านี่มันดูไม่โอเคซักเท่าไหร่เลยเพราะจุดประสงค์ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาคือตามหานิยายที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาเพื่อไปอ่าน ถึงจะจริงที่พล็อตตามกระแสนิยมมันก็มีส่วน แต่ไม่มากเท่ากับความลื่นไหลของสำนวนกับฐานคนอ่านของผู้เขียนเดิม
โดยส่วนตัว สเนห์ของนิยายแฟนตาซีคือเรื่องของพวกปมต่างๆที่ผู้อ่านจะนึกไม่ค่อยทัน แล้วผู้เขียนมาเฉลยจนต้องร้องอ๋อ
เขียนผิด ก็แก้ไข แล้วเขียนใหม่ สั่งสมประสบการณ์ เอาข้อมูลที่ผิดพลาดต่อยอดสร้างเรื่องใหม่ๆ เวลาที่เสียไปคือ ความสนุกในผลงาน คำว่าเสียเปล่า แล้วแต่มุมมอง อยากเขียนอะไรก็เขียนไป ทำไมต้องสร้างกรอบกักขังจินตนาการของตัวเองด้วย งานเขียนคือการปลดปล่อยอิสระ
คงจำพวกเกิดใหม่เป็นตัวร้ายในเกมจีบหนุ่มล่ะมั้ง เอ๊ะ แต่อันนี้มันเข้าข่ายรักแฟนตาซีหรือเปล่าหว่า เอาเถอะ แนวไปเกิดใหม่เป็นตัวร้ายกับตัวร้ายต่างๆ นาๆ ในโลกแฟนตาซีแล้วไปตบบ้องหูพวกตัวเอกแสนดีจอมปลอมนี่ก็เห็นเยอะนะ
.
.
ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงจะมีแนวซ้ำไปซ้ำมาแต่ในแต่ละเรื่องมันก็มีจุดที่ต่างออกไปอยู่นา ประเด็นที่เขาจะนำเสนอมันก็มีที่น่าสนใจอยู่ ก็แค่เลือกเสพ อันไหนถูกใจก็อ่าน อันไหนไม่ถูกใจก็ไม่ต้องอ่านแค่นั้นเอง คุณอย่าลืมสิว่าในเด็กดีเนี่ยใครจะเป็นนักแต่งก็ได้ จะเก่งหรือไม่เก่งก็มีให้เห็นทั้งหมด
.
อย่างที่ผมแต่งก็ตรงตามข้อ 1 3 4 แต่แล้วไงล่ะ ผมไม่ได้จะไปโฟกัสเรื่องพวกนั้นซะหน่อย แค่เซตติ้งให้มันดูแมสเฉยๆ แล้วใส่ประเด็นที่จะนำเสนอจริงๆ ลงไปว่า "โลกที่ความขัดแย้งของสองเผ่าพันธุ์ยุติลง เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข" ประมาณนี้
ขอให้ตัวอย่างเป็นภาพยนตร์แทนนะครับ สามเรื่องนี้ผมดูแล้วชอบ ลุ้นตามตัวเอกตลอดเรื่อง ถึงแม้ว่าสองอันแรกจะไม่ใช่หนังหมวดแฟนตาซีก็เถอะ
1. Elysium (2013) เอลิเซียม ปฏิบัติการยึดดาวอนาคต เรื่องนี้ชอบที่ผูกเรื่องให้พระเอกมีพื้นฐานชีวิตแย่และเจอปัญหาจนถึงขั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงทำเลวซะ แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำมันเหมาะเจาะมากจนต้องลุยเตลิดเปิดเปิง
2. John Carter (2012) จอห์น คาเตอร์ เรื่องนี้ชอบความเป็น Sci-Fi ที่กล้าเล่นกับ Teleportation แต่หักมุมว่าเป็น Quantum teleportation คือร่างกายพระเอกไม่ได้ถูกส่งไป สิ่งที่ส่งผ่านอวกาศไปคือสำเนาของร่างกายและจิตใจ และชอบมนุษย์ต่างดาวที่อยู่เบื้องหลังคอยแทรกแซงสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ต่างดาว
3. Upside Down (2012) นิยามรักปฏิวัติสองโลก เรื่องนี้ชอบความเป็นแฟนตาซีและการดำเนินเรื่องและรายละเอียดปลีกย่อยที่แสดงให้เห็นความเป็นไปต่าง ๆ ตามกฏเกณฑ์ระหว่าง "โลกเบื้องบน" กับ "โลกเบื้องล่าง"
ที่กำลังเขียนอยู่เป็นแนวต่างโลก ตัวเอกที่ตายแล้วมา สิงสู่ นางร้ายของเรื่องและเปลี่ยนตัวเอง ให้เป็นคนดี ละมั่งนะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?