ท้อกับนิยายที่คนอ่านน้อย แต่งให้จบหรือเขียนเรื่องใหม่เลยดี
ตั้งกระทู้ใหม่
ท้อกับนิยายที่คนอ่านน้อย แต่งให้จบหรือเขียนเรื่องใหม่เลยดี ?
เรามีพล็อตนิยายมากมายในหัวที่คิดอยากจะแต่งเป็นเรื่องใหม่ต่อไปค่ะ ถ้านิยายที่แต่งอยู่ปัจจุบันคนอ่านน้อยจะเลิกแต่ง แล้วไปแต่งเรื่องใหม่ไปเลยดีมั้ยคะ หรือจะพยายามแต่งให้จบก่อนดี T^T
แต่ถ้าพยายามแต่งจนจบแต่ก็ไม่มีใครอ่านเราก็ไม่รู้จะแต่งให้มันจบไปทำไมน่ะค่ะ รู้สึกเสียเวลาแต่งไปก็ไม่มีใครอ่าน...อะไรแบบนี้
29 ความคิดเห็น
อย่าคิดมากครับ ยอดวิว 3 ตอนล่าสุดของผมคือ 1 (ผมอ่านเอง) ผมยังไม่ท้อเลยครับ
เอาใจช่วย
แต่งให้จบสิคะ เรื่องแรกเราก็ไม่มีคนอ่านหรือเม้นเหมือนกัน เราว่าตอนนั้นก็ดีนะ ไม่กดดันดี แล้วก็ไม่มีคนมาคอยคาดหวังด้วย แต่งเสร็จก็หน้าด้านขายอีกต่างหาก5555 แต่งไปเถอะค่ะ แล้วเรื่องใหม่ก็ไปพยายามเอาใหม่ อย่างน้อยนักอ่านจะได้มั่นใจได้บ้างว่าเราจะไม่เทนิยายกลางทางนะ เพราะเคยมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันอยู่
ต้องถามตัวเองก่อนว่า...แต่งนิยายเพราะอะไร
- แต่งให้คนอ่าน
- แต่งเพื่อฝึกตัวเอง
- แค่อยากแต่ง
#ถ้าแต่งให้คนอ่าน...อย่าลืมว่านักเขียนนิยายมีเป็นแสน...นักอ่านมีเป็นล้าน = เขามีสิทธิ์เลือกเรื่องที่เขาพอใจที่สุด..เขาไม่อ่านของเรา...เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร
#แต่งเพื่อฝึกตัวเอง....ก็ฝึกไป ..แต่งให้จบ อยากปรับแก้อะไรก็จัดไป...มีความอิสระในตัวเอง
#แค่อยากแต่ง = มีเยอะค่ะในนี้ ลองไปดู เปิดเรื่องเป็น 10 เรื่อง ปูไว้ 3-4ตอน...ก็เลิก ก็หนี ... //ต้องการอะไรจากสังคมล่ะ...ถามตัวเองดู
///แรงบันดาลใจ กำลังใจ ในนี้มีเยอะค่ะ...เลือกสักแรงหนึ่ง
ไม่ไหว ท้อ ก็วางก่อน....
แต่เคยได้ยินสุภาษิตนี้ไหม = ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ //
สุดท้ายก็....อย่ายอมแพ้
เขียนได้ดีเลยค่ะ กำลังท้อเลย 555 ขอบคุณนะคะ
สู้นะคะ ^^
ถ้าคุณจขกท.มาเพื่อเขียนให้คนอื่นอ่าน แล้วไม่มีคนอ่าน แปลว่า สิ่งที่ทำมายังไม่ตอบโจทย์ผู้อ่าน หรืออาจจะยังไม่เข้าถึงผู้อ่าน ซึ่งแล้วแต่ความคุ้มค่าของจขกท.เลยค่ะ จะหยุดหรือไปต่อ
แต่สำหรับเราคือเขียนเพื่อให้ตัวเองอ่านมันก็ตอบโจทย์เราแล้วค่ะ คนอื่นมาอ่านก็ถือว่าผลพลอยได้แล้ว ที่หนักกว่านั้นคือ แต่งจบในหัวแล้ว อิ่มเอมพอแล้ว ไม่ต้องเขียนออกมาก็ได้เนอะ
อย่างน้อยการแต่งนิยายจบก็เพิ่มเครดิตให้เราได้อย่างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคนอ่านจะมาว่าได้ว่า นักเขียนคนนี้แต่งเรื่องไหนก็ไม่จบ พอเราแต่งเรื่องใหม่คนอ่านบางคนอาจจะไม่กล้าติดตาม เพราะกลัวว่าเราจะเทอีก
เป็นเราจะเปิดเรื่องใหม่ เขียนไปด้วยควบคู่กันค่ะ และแอบโฆษณานิยายตัวเองในนิยายตัวเองอีกทีแบบเนียนๆ พอเนือยเรื่องนี้ก็วาร์ปไปเขียนอีกเรื่อง แบบนี้ก็สนุกและลดอาการเบื่อลงได้ค่ะ เราเปิดสาธารณะประมาณ4เรื่อง แต่จริงๆเราเขียนหลายเรื่องกว่านั้นอีก..
เราเคยลั่นวาจากับนักอ่านเอาไว้นะคะว่าตราบใดที่ยังมีคนอ่าน แม้จะแค่1คนเราก็จะเขียนต่อ สู้ๆนะคะ เย้
ลองคิดดูถ้าคุณชอบนิยายเรื่องหนึ่งมากๆๆๆ แต่นิยายคนนั้นคนติดตามและคนอ่านน้อยทำให้คนแต่งคนนั้นเลิกทำต่อ คุณจะรู้สึกยังไงครับถ้าคุณเป็นคนที่ติดตามเรื่องนั้น ผมว่าถ้าคุณแต่งไปแล้วก็ทำให้มันจบเถอะ สงสารคนที่ติดตามนิยายอยู่555 ขนาดผมยังไล่แต่งนิยายให้จบเลย แต่ตอนนี้กำลังปั่นให้จบอยู่
ขอเล่านะ
เราเคยแต่งฟิครีบอร์นเรื่องหนึ่งไว้ตอนปี 57 แล้วก็ดันบอกไปว่า "จะมีภาคต่อนะ ยังไม่จบ" แต่หลังจากนั้นเราก็ลืมไปเลย ไม่ได้เข้าเด็กดีอีก จนปี 63 (ปีนี้) กะว่าจะสมัครใหม่เลยกดเข้าไป มันเด้งไอดีที่เราลืมไปแล้ว ขึ้นมาว่า ยังมีคนมาเม้นต์รออยู่ในปี 63!
คือ เราช็อคอ่ะ มันของของที่เราคิดว่าทิ้งแล้วนะ เราไม่สนใจมันแล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนอดทนรอ ทำให้เรารู้สึกผิดมากๆ ตอนนี้เรากลับมาเขียนฟิคต่อจนจบ แม้ว่ามันจะเอ้าท์กระแสไปแล้ว และไม่ได้หวังว่าจะมีใครตามอ่าน แต่การที่มีนักอ่านคอยอยู่ แม้จะแค่คนเดียว ในฐานะคนแต่ง ที่ลงให้อ่านก็ควรจะแต่งให้จบค่ะ
แต่เราก็ควรทำตามใจตัวเองด้วยนะ การเขียนทั้งที่ใจหดหู่น่ะ มันไม่ทำให้ดีขึ้นหรอก
หากเป็นเรา ในกรณีนี้ เราจะทำทั้ง 2 อย่างค่ะ เช่น ในหนึ่งอาทิตย์จะลงเรื่องเก่า 2 ตอน (ประกาศให้ชัดไปเลย คนอ่านได้ไม่รอเก้อ) แล้วก็เอาเวลาไปเขียนเรื่องใหม่ด้วย ไม่ทิ้ง แต่ก็ต้องเปิดหาเส้นทางใหม่สำหรับเราด้วย ยังไงก็พยายามเข้านะคะ
สู้ต่อไปค่ะ ไม่มีใครอ่านเราก็อ่านของตัวเอง อ่านแล้วปรับปรุงเรื่องเราไปเรื่อยๆ
มองในแง่บวกคือเราได้พัฒนาการเขียน พัฒนาจินตนาการ ฝึกวางโครงเรื่อง
ถ้าเราแต่งเองแล้วรู้สึกสนุกไปกับมัน นี่ก็คือกำไรอย่างหนึ่งในการเขียนนิยายแล้วค่ะ
คนอ่านอาจยังน้อยแต่ถ้าเราเป็นคนรับผิดชอบไม่ทิ้งขว้าง เนื้อหาน่าติดตาม
เดี๋ยวคนอ่านจะตามมาเองค่ะ สู้ๆ นะคะ
จากประสบการณ์ที่เคยเจอมากับตัวเอง...
ถ้าลองได้ทิ้งสักเรื่องนึง เดี๋ยวพอเขียนเรื่องต่อไปมันก็จะมีสารพัดเหตุผลให้อ้างเพื่อทิ้งอีกครับ (ไม่ไ่ด้บอกว่าอ้างไม่ได้ ติดสอบ ติดเรียน ปัญหาชีวิต ฯลฯ เหตุผลมันมีเสมอครับ) ชั่วชีวิตที่ผมเขียนนิยายมาก็ทิ้งไปเยอะ เกือบสิบเรื่องได้ และทุกครั้งทุกเรื่องก็หาข้ออ้างสวย ๆ มาปลอบใจตัวเองทั้งนั้นแหละ พอทิ้งไปแล้วก็ลืม นาน ๆ ทีถึงจะนึกขึ้นมาได้สักครั้ง...
แต่ในทางกลับกัน เรื่องไหนที่เขียนจนจบได้ด้วยกำลังของตัวเองนี่ มันมีความสุขมากนะครับ วินาทีที่จรดคำว่าอวสานลงไปคือมันบรรยายเป็นคำพูดหรืออารมณ์ไม่ถูกเลยเชียว
ที่ว่ามาทั้งหมดก็ไม่ได้จะบังคับว่าเราต้องตะบี้ตะบันเขียนให้จบนะครับ เหตุผลมันมีในตัวเราทุกคนอยู่แล้วผมหรือใครก็ว่าคุณไม่ได้ ผมบอกได้แค่ว่านิยายของเราดังนั้นมันเป็นสิทธิ์ของเรา เขียนให้อ่านฟรีไม่ได้มีภาระผูกพัน เพียงแต่ผมแค่แวะมาแชร์ความรู้สึกเฉย ๆ ถ้าจขกท.รู้สึกว่าไม่ไหวก็ลองหยุดพักดู ทิ้งเวลาสักระยะแล้วค่อยคิดทบทวนดูอีกทีก็ดีเหมือนกันนะครับ
ขอให้ จขกท. โชคดีจ้า...
ถามสั้นๆ ถ้าไปแต่งเรื่องใหม่คิดว่าจะได้คนอ่านมากกว่าเรื่องเก่าไหม ในเมื่อปัญหาไม่ได้อยู่ที่นิยาย แต่เป็นฝีมือการเขียน
ขอโทษนะคะ ลองอ่านนิยายของเราแล้วหรอคะ
ถ้าฝีมือเราแย่ไม่ดีตรงไหนยังไงช่วยวิจารณ์ขยายให้ทราบด้วยนะคะ จะได้นำไปแก้ไขปรับปรุง ขอบคุณค่ะ
ควรแต่งให้จบครับ คิดง่าย ๆ ว่าเราสร้างพวกเขาขึ้นมาแล้วจะปล่อยให้ค้างเติ่งก็ใช่ที คนไม่อ่านเราก็อ่านเองครับ อ่านมันทุกวัน อ่านจนเราแบบอินกับใันแล้วเขียนต่อไปเรื่อย ๆ ครับ
เราเข้าใจนะครับการที่ไม่มีคนอ่านมันก็ท้ออะเนอะ แต่จะเปลี่ยนเรื่องใหม่เลย หากมีนักอ่านมาอ่านแล้วเขาไปดูผลงานเก่าแล้วเห็นว่าลงไม่จบ เรื่องใหม่ก็มีโอกาสที่จะไม่จบด้วยอะครับ เราใช้วิธีนี้ทำนายนิยายที่ตามจากนักเขียน 555
สู้ๆค่ะ เขียนให้จบ Happy กับตัวเอง อย่าเพิ่งท้อค่ะ
เอ ถ้าเขียนเรื่องใหม่ ทั้ง ๆ ที่เรื่องเก่าก็ยังไม่จบ กลัวว่าแบบนี้จะติดเป็นนิสัยได้นะคะ ต้องสู้ ๆ ค่ะ อดทนด้วย เปลี่ยนมาเป็นอย่าเพิ่งเขียนยาวมาก เรื่องที่เขียนอยู่ก็หาทางลดจำนวนเนื้อหาให้น้อยลง จะได้จบเร็วขึ้น อย่าเพิ่งท้อค่ะ มีคนอ่านหรือไม่ ยังไม่สำคัญเท่ากับ จะเขียนอย่างไรให้จบเป็นเรื่อง ๆ ดี
แต่ถ้าถามตัวเองแล้วได้คำตอบว่า ฉันต้องการเขียนแล้วให้มีคนอ่านนะ อันนี้ต้องออกสำรวจแล้วค่ะว่า ช่วงนี้นักอ่านเขานิยมอ่านแนวไหน ต้องสำรวจตลาดค่ะ ถ้ารู้ว่าเขาชอบแนวไหน คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะสามารถแต่งได้ในแบบที่พวกเขาต้องการหรือเปล่า
เอาล่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ทำจิตใจให้สบาย คิดในแง่บวก ช่วงนี้อาจดวงไม่ดี ต้องทำบุญเพิ่ม เมื่อสบายใจ ทุกอย่างก็จะสบายตามด้วย สู้ ๆ นะคะ อย่าไปท้อ อย่าไปกลัวความผิดหวัง อย่าไปตั้งความหวังกับมัน เขียนไปสบาย ๆ เลยค่ะ แล้วคุณจะมีความสุขกับทุกอย่าง
ทุกคนสามารถคิดพรอตเรื่องต่างๆออกมาได้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นแนวไหน
แต่ว่า ถ้าเราเขียนเรื่องนั้นไม่จบ เหมือนเราได้ทิ้งมันไปนั่นแหละ วันหนึ่งมันก็อาจจะวนมาลูปเดิม
ผมแนะนำให้เขียนให้จบนะ เขียนให้จบเป็นเรื่องที่ยาก ถ้าทำได้ มันจะมีผลกับเรื่องอื่นๆที่เราเขียนด้วย ทุกคนก็ท้อกันหมดนั่นแหละ
ไม่มีสิ่งไหนที่ยาก ถ้ายากก็คงไม่มีนิยายที่เขียนจบ
ไม่มีสิ่งไหนที่ง่าย ถ้าง่ายทุกคนก็คงเป็นักเขียนกันหมด
งานเขียนสามารถฝึกฝนฝีมือได้ตราบใดที่เรายังเขียนอยู่
เจ้าของกระทู้เปิดนิยายไว้เยอะมาก แต่ลงไม่กี่ตอนก็งดอัพ แบบนี้อาจจะทำให้นักอ่านไม่กล้าติดตามได้นะคะ เพราะถ้าเราจะเฟบ เราจะเข้าไปดูผลงานที่ผ่านมาของเขาก่อนเสมอเลย
ผมเคยโดนแล้ว 1 เคส เข้าใจดีครับ (มันคงห่วยจริงๆนั่นแหละ)
ผมใช้วิธีดอง ..เพราะแต่งเพื่อผู้อ่านครับ ถ้าไม่มีคนอ่านก็เก็บไว้ในหัวดีกว่า
แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
ถ้าไม่มีคนอ่านแล้วไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่งต่อก็ได้ ถ้าไม่มีคนท่านจริงๆ นะ แต่ถ้ามีคนตามอ่านแม้หนึ่งคนก็ต้องชั่งใจว่าทิ้งเขาลงไหม นักเขียนคงไม่ได้นับตัวเองเป็นหนึ่งในคนอ่านด้วย คุณไม่อยากอ่านเรื่องของคุณต่อหรอ ไม่อยากรู้จุดจบของตัวละครที่สร้างมาแล้วใช่ไหม ถ้าตัวคุณเองยังไม่อยากรู้ไม่อยากอ่านต่อเลย มันก็ยากจะสร้างแรงจูงใจให้คนอื่นมาอ่านนะ แล้วคุณก็จะถูกจดจำในหมวดของนักเขียนที่เทคนอ่านด้วย
ถ้าคุณจริงจังกับมันมากพอคุณต้องกล้าที่จะรับผิดชอบตัวละครของคุณ เนื้อเรื่องของคุณ นักอ่านที่ติดตามคุณ ยืดหยัดเพื่อพวกเขา เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องของคุณคุ้มค่าแก่การลงมือเขียนให้จบ คุ้มค่าที่คนอ่านจะเสียเวลาคลิ๊กเข้ามา ความมั่นใจตรงนี้มันจะออกมาในงานเขียน
เข้าใจแหละว่าเหนื่อย การเขียนต้องใช้เวลา ยอดอ่านก็เหมือนกันมันจะค่อยๆ มา ไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ ขึ้นอยู่กับฝีมือ ดวง กลยุทธ์ในการโฆษณา บางเรื่องเขียนจบไปสามปีแล้วนักอ่านเพิ่งจะมาอินกันก็มี มันมีจังหวะของมัน เหมือนน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าคุณมีนิยายที่เขียนจบแล้วคุณก็จะมีถังน้ำไว้ตักตอนน้ำขึ้น แต่ถ้าไม่เขียนมันจะไม่มีอะไรเลย
เอาใจช่วยให้ผ่านความสับสนนี้ไปให้ได้นะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?