Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พูดคุย อุปสรรคในการเขียนนิยายเรื่องแรกที่จบแล้ว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขออนุญาติถามความเห็นนักเขียนทุกคน อยากรู้ว่าทุกคนใช้แรงบันดาลใจ เวลา ความอดทน เพียรพยายาม มานะ แค่ไหน และมีอุปสรรคอะไรบ้างระหว่างทางในการเขียน ถึงจะได้นิยายเรื่องแรกที่จบบริบูรณ์ของชีวิตครับ แล้วความรู้สึกการอ่านนิยายของตัวเองตั้งแต่แรกจนจบเป็นยังไงบ้างครับ
ขอความกรุณาสละเวลาในการแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ เพราะในตอนนี้ผู้เขียน หมดไอเดีย หมดไฟ ในทุกอย่าง ทุกวันนี้ทำได้แค่เขียนพล็อต วางโครเรื่องตั้งแต่ตอนต้นจนจบเสร็จ พอกลับมาอ่านที่ตัวเองทำเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำเลยครับ มีวิธีแก้ในเรื่องนี้ด้วยไหม

แสดงความคิดเห็น

>

16 ความคิดเห็น

Nellar-s 5 พ.ค. 63 เวลา 20:24 น. 1

คำว่าหมดไฟ เข้าใจว่าหมายถึงหมดความรู้สึกอยากเขียนต่อ แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ต่างจากความขี้เกียจครับ ผมเริ่มเขียนนิยายเพื่อถ่ายทอดจินตนาการในหัวออกมา เพราะอยากเขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากอ่าน อยากอ่านพล็อตแบบนี้ และอยากมีนิยายที่แต่งจบเป็นชิ้นเป็นอันแล้วสักเรื่อง ผมใช้เวลา 11 ปีครับกับนิยายเรื่องเดียว จำนวน 88 ตอน เปิดเรื่องปี 52 เพิ่งมาจบเมื่อ 30เมษ 63 ผมมักจะมาแต่งตามอารมณ์ บางครั้งหายไปสองปี กลับมาแต่งอีกทีลงแค่ห้าตอน แล้วก็หายไปอีกเป็นปี แต่มักจะมีคำถามกับตัวเองว่าอยากจะเห็นบทสรุปของเรื่องราวพวกเขาไหม คำตอบคือ อยากครับ เพราะตั้งต้นจากการเขียนในสิ่งที่ตัวเองอยากอ่านอยู่แล้ว

สู้ๆ นะครับ นานแค่ไหนไม่เป็นไร แต่ต้องหาทางลงและดำเนินเรื่องให้จบ รับผิดชอบต่อตัวเองและนักอ่านที่รอติดตามครับ

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:35 น. 1-1

ผมชอบการคำพูดปลอบใจของคุณมากๆนะครับ คำว่า ‘นานแค่ไหนก็ไม่เป็นไร’ และผมก็อยากจะขยายความให้คุณรู้กับเจตนาของผมเรื่องคำว่า ‘หมดไฟ’ ที่ผมใช้นั้นมันเกิดจากตรงการคิดพล็อตที่จะทำยังไงให้เรามีเหตุการณ์ที่ไม่เหมือนพล็อตนิยายเรื่องอื่นๆนะครับ จึงทำให้มีความรู้สึกถอดใจอยู่บ้าง ก็ต้องขอโทษในเรื่องนี้ด้วยที่ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจน แต่ไม่เป็นไรครับ คำแนะนำ ประสบการณ์ของคุณมีค่าต่อจิตใจผมในตอนที่กำลังจะเลิกล้มในการเขียนเช่นกัน ผมจะพยายามต่อไปครับ เพราะ นานแค่ไหนก็ไม่เป็นไรถ้าเราไม่ล้มเลิกนะครับ ขอบคุณนะครับ

0
Ton T zz 5 พ.ค. 63 เวลา 20:24 น. 2

เรื่องแรกตอนแต่งอุปสรรคเยอะมากครับ ทั้งขี้เกียจหมดไฟโดนจิจาร รู้สึกว่าตัวเองแต่งได้แย่แล้วหมดกำลังใจ ไม่อยากทำต่อเพราะกลัวเรื่องพัง แต่สุดท้ายก็ดั้นด้นมาจนจบครับ เพราะผมมีเป้าหมายว่าจะแต่งนิยายให้เก่งๆแค่นั้น ถ้าผมเลิกตอนนั้นผมคงไม่พัฒนาฝีมือได้ถึงทุกวันนี้ ถ้าคุณจริงจังกับเป้าหมายถึงจะตันหรือเขียนไม่ออกคุณก็จะผ่านมันไปได้ ขอแค่เชื่อมั่นในเรื่องตัวเองก็พอ ส่วนความรู้สึกเมื่อกลับไปอ่านเรื่องแรกของตัวเองนั้นบอได้คำเดียวเลยละครับ เสียดายเนื้อเรื่องมากเพราะบรรยายได้ห่วยแตก ใช้คำได้แย่มากๆ ผมคิดว่าสักวันจะกลับไปแก้ทั้งเรื่องเลย555

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:38 น. 2-1

ขอบคุณที่มาบอกเล่าประสบการณ์นะครับ เรื่องแรกของผมก็คงจะความรู้สึกเหมือนๆคุณนะครับ ผมจึงเข้มงวดกับการเขียนนิยายเรื่องต่อมาที่ผมอยากจะให้เป็นเรื่องแรกที่ดีมากจนเกินไป จนกดดันตัวเองนะครับ แต่ยังไงผมก็จะสู้ต่อไปนะครับ

0
Magic of Azure 5 พ.ค. 63 เวลา 20:37 น. 3

อืม เพราะเป็นนักอ่านมานาน และอ่านมาเยอะมาก เลยเหมือนสมองมันอัดแน่นเต็มไปด้วยสิ่งที่อยากเขียนมากมาย


ปัญหาของการเขียนนิยายเรื่องแรกคืือ การดันเรื่องไปให้จนถึงตอนจบที่วางไว้ แต่ระหว่างทางมันยากมาก เพราะอย่างที่บอกว่าสมองมันอยากใส่โน้นใส่นี่ไปในเรื่อง มันเลยชอบแอบแวะข้างทางไปบ้าง ออกทะเลบ้าง ต้องพยายามลากกลับมา


ภาษาก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นอุปสรรค์ และอีกเรื่องที่สำคัญค่ือ กลับมารีไรท์บ่อยๆ จนเรื่องไม่เดิน (แต่มันก็จำเป็นจริงๆ) เพราะเรื่องแรกเราจะยังลืมโน้นลืมนี่อยู่ตลอด


สิ่งที่ควรมีในการเขียนนิยายเรื่องแรกคือ แต่งในเรื่องที่ตัวเองชอบอ่านค่ะ มันจะทำให้เราไปถึงเป้าได้ง่ายกว่าแนวที่ไม่ถนัด


นักอ่านก็เป็นกำลังที่ดีค่ะ ไม่ต้องมากมายแค่มีแฟนตามอ่านอย่างจริงจังซักคนสองคน ก็เป็นแรงผลักดันที่ดีแล้วค่ะ


1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:55 น. 3-1

ขอบคุณที่มาบอกเล่าประสบการณ์ในความคิดริเริ่มที่จะจะแต่งนิยายนะครับ ผมเองก็มีแฟนตามอ่านอยู่ 2 คน และผมก็รู้แล้วละครับว่าปัญหาที่ผมเจอในตอนนี้คืออะไร เพราะผมไม่ได้เขียนในสิ่งที่ผมเสพจึงทำให้ผมตัน เพราะผมกลัวว่าพล็อตมันจะเหมือนเรื่องอื่นๆมากจนเกินไปนะครับ แต่ยังไงผมก็จะตัดความกังวลนี้ออกไปแล้วเริ่มเขียนแนวที่ตัวเองชอบอ่านอย่างจริงจัง ขอบคุณคำแนะนำดีๆนะครับ

0
Atthanisa 5 พ.ค. 63 เวลา 20:59 น. 4

นิยายเรื่ิองแรกเป็นช่วงที่ไฟโหมมากค่ะ และพยายามแต่งทุกวันลงทุกวัน ใช้ความมีวินัยช่วยเรื่องอาการหมดไฟ คือยังไงกูก็ต้องแต่งให้จบ แต่งจบนี่โล่งเลยค่ะ และรักนิยายเหมือนลูกเลยอยากแต่งให้จบ เลยแต่งจนจบค่ะ ถ้าคุณกำลังหมดไฟ ลองอ่านหนังสือสร้างแรงบันดาลใจก็ไม่เลวนะคะ


สู้ๆค่ะ ขอให้แต่งให้จบนะคะ

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:42 น. 4-1

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ ผมชอบคำว่าไฟโหมมากเลยครับ ผมจะสร้างวินัยกับตนเองตามคำแนะนำนะครับ ผมจะพยายามต่อไป

0
Miran/Licht 5 พ.ค. 63 เวลา 21:02 น. 5

อันที่จริงที่ยายเรื่องที่เผยแพร่นี้ไม่ใช่เรื่องแรกสุดที่เขียน หรือกระทั่งเรื่องแรกหลังจากพักไปเกือบ 10 แล้วกลับมาเขียน แต่เป็นเรื่องที่ 2

เรื่องแรกไม่ได้เอาลงเว็บลงนิยายค่ะ เพราะเห็นว่ายังมีจุดรอแก้อยู่มากมาย ดังนั่นข้ามมาพูดถึงเรื่องที่ 2 แล้วกันนั่นคือ 'อนุบาลมังกรน้อย' เรื่องนี้จบที่ 67 ตอน จากนั้นเราก็ประกาศว่าขอพักก่อนนะ แต่ด้วยความกลัวมันจะโดนกลืนหายไปกับสารบบ ก็เลยสร้างกุศโลบายขึ้นมา แล้วเขียนตอนพิเศษ ตามเทศกาลบ้าง ตามแต่จะนึกออกบ้าง มันเลยมีการอัพเดตอยู่เนือง ๆ จนตอนนี้ 67 ตอนแรกรวมตอนพิเศษ ก็มีรวมสิริได้ถึง 96 ตอนค่ะ (ฮา) และก็ยังเรียกผู้อ่านใหม่มาได้เรื่อย ๆ


ความรู้สึกตอนเขียน ด้วยความว่า เรื่องนี้เกิดจากการที่เราไปเล่น Roll-play ของคอมมูหนึ่งมา ซึ่งเอาธีมนิยายเรื่องหนึ่งมาเป็นฉากหลัง ก็คุยกับเจ้าของเรื่องอะไรแล้ว เราก็เลยมาเขียนนิยายกึ่งแฟนฟิค คืออ้างถึงเรื่องนั้นบ้าง แต่ตัวละคร และฉากกับรายละเอียดต่าง ๆ เราอิมโพรไวส์เอง 90%


ทีนี้ตอนที่เขียนก็พยายามเก็บอารมณ์เรื่องเดิม แต่เราก็คิดว่าเราคงเลียนสำนวนเรื่องเดิมตลอดไม่ได้หรอก มันฝืนตัวเองก็เลยพยายามกับการเขียนที่เราเรียกว่า 'สำนวนลิเก' พอควร แต่สนุกดีนะ ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้มาก่อน

เวลาในการเขียนคือ เราเริ่มลงนิยายตอนวันสิ้นปี 59 ต่อ 60 ลงรวด 7 ตอนแต่ปิดไว้ก่อนเปิดให้อ่าน 5 ตอนแรก แล้วนั่งรถออกตจว.ทันที จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดให้อ่านอีก 2 ตอน กลับมาบ้านก็มาเขียนต่อ

ลงตอนจบพฤศจิกายนปี 60 เกือบ 1 ปีค่ะ ที่จริงมันควรจบเดือน ตุลา 60 แต่ทุกคนก็ทราบว่าปีนั้นเกิดอะไร เราก็เลยประกาศงดลงทั้งเดือนค่ะ วันแรก ๆ ของเดือนยังมีอารมณ์ขยันอยู่นะจากนั้นก็ดรอบลงมาก จนเดือนพฤศจิกาก็มาเขียนให้จบทั้งที่เหลือไม่กี่ตอน ก็นับว่ามีอุปสรรคพอดู


จากนั้นเขียนจบกะว่าขอพัก แต่ไม่...นาน มาเปิดเรื่องใหม่เป็นรวมเรื่องสั้น ฮาา แต่ก็เขียนแบบลงบ้างไม่ลงบ้าง ผลตอบรับก็พอควร ลงตอนแรกตอนเดียว ติดท็อป 100 หมวดได้ (ฮา) แต่ยอดเข้าชมมันไม่ตรงปัจจุบันในเวลานั้นนะ

https://image.dek-d.com/27/0060/1867/130498636


ก็ยังติดใจในการเขียนเรื่องสั้นเรื่อยมาจนกระทั่งได้ยินว่า ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจใช้แรงบันดาลโทสะไปก่อน คนในครอบครัวเสียพอดี ตอนที่เปิดรวมเรื่องสั้นชุดที่ 2 และลงตอนแรก เป็นวันเดียวกับวันเผาพอดี ก็ฮึดเขียนได้เรื่องสั้น 31 เรื่องจนออกอีบุ๊คในเวลา 2 เดือน ก็สนุกดี จบ.

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:45 น. 5-1

ขอบคุณที่เข้ามาบอกเล่าประสบการณ์การเขียนให้ฟังนะครับ ทำให้ผมรู้เลยว่ามันมีหลายปัจจัยจริงๆกว่านิยายสักเรื่องจะจบลงได้ และทำให้ผมมีแรงที่จะพยายามทำตามหมายให้สำเร็จครับ

0
ระเบียงแคคตัส 5 พ.ค. 63 เวลา 21:14 น. 6

ขออนุญาตครับ เพราะไอเราก็ยังไม่จบแต่รีไรท์มาครึ่งทางแล้ว

ผมสละเวลามานั่งปั่นงานรีไรท์ทุกคืนมีสองสามคืนในเดือนหนึ่งที่อู้ไปคุยกับสาวจนไม่ได้ปั่น แต่หลักคือต้องใช้วินัยและไม่ฝืนตัว สิ่งที่ออกมาจะได้จินตนาการบริสุทธิ์ จากนั้นก็นำไปขัดเกลาภายหลังด้วยสมอง นิยายเรามันก็จะได้ออกมาเป็นจินตนาการที่สมเหตุสมผล(จะเมคเซนท์เท่าไหร่ก็แล้วแต่คนอ่ะนะ)

เรื่องหมดไฟมันมีเส้นบาง ๆ คั้นระหว่างขี้เกียจครับ หมดไฟ คือ แบบ เฮ้ยไม่ใช่ว่ะ เราไม่อยากเป็นนักเขียนแล้ว มันไม่ใช่เรา

เรื่องเขียนไม่ได้ดั่งใจใคร ๆ ก็เป็นครับ แต่สาเหตุมันก็มาจากการที่เราฝืนตัวเองหรือมีเรื่องอื่นในหัวมาก่อกวนจนถ่ายทอดจินตานาการได้ไม่เต็มที่ วิธีแก้ก็ตามแก้ไขจุดต่าง ๆ ที่คิดว่าไม่เวิร์ค แก้ไปเรื่อย ๆ ชิลล์ ๆ เสริมนิดตัดหน่อยให้สวยงามขึ้น หรือถ้าใจเด็ดจริงเขียนใหม่ออกมาเลยครับ

ยังไงก็สู้ ๆ นะครับ ปั่นมันไปด้วยกัน

"เขียนจบมันไม่ง่าย แต่ใคร ๆ ก็ทำมันได้"

ป.ล.สำนวนเหมือนเชี่ยวชาญ เปล่าเลยนี่ก็มือใหม่555

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:50 น. 6-1

ชอบที่เจ้าของความคิดเห็นตรงประเด็นเรื่องเขียนไม่ได้ดั่งใจครับ ทำให้ผมคิดได้ว่าผมฝืนที่จะเขียนในสิ่งที่ผมยังไม่ค่อยรู้แน่ชัดมากเกินไปจนทำให้ผมไม่มีแรงที่จะเขียน ต่อ ยังไงก็ขอขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจ และเตือนสตินะครับทำให้ผมรู้ว่าผมต้องทำอะไรและไม่หลอกตัวเองเขียนในสิ่งที่ไม่รู้ต่อไป

0
玉兰 5 พ.ค. 63 เวลา 21:35 น. 7

เรื่องแรกเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก ตอนนั้นบ้าพลังเขียนพร้อมกันสองเรื่อง ลงพร้อมกันสองเรื่อง คือกว่าจะเขียนจนจบได้ก็ต้องตัดใจพักอีกเรื่องที่เขียนพร้อมกันเอาไว้ก่อน แล้วลงมือเขียนเรื่องที่เป็นเรื่องแรกอย่างจริงจัง เปิดเรื่อง พ.ย. 60 จบเรื่อง ก.ย. 62 รวม 120 ตอน และตอนพิเศษอีก 2 ตอน ปัจจุบันเรื่องแรกก็ตีพิมพ์ไปแล้ว ส่วนเรื่องที่พักเอาไว้ก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาเขียนอยู่ โดนทวงเป็นระยะแต่ก็ไม่ย่อท้อ ตั้งใจว่าปีนี้ยังไงก็ต้องเขียนให้จบ สู้เว้ย! o(╥﹏╥)o

3
Miran/Licht 5 พ.ค. 63 เวลา 21:39 น. 7-1

แต่ละคนเขียนจบมาได้ด้วยธารเลือดที่กระอักออกมาระหว่างเขียน https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png

0
玉兰 5 พ.ค. 63 เวลา 21:45 น. 7-2

จริงค่ะ กระอักทั้งเลือด ทั้งน้ำตา พอเขียนจบนี่แทบจะกราบในความพยายามของตัวเอง แต่เรื่องพักอย่าได้หวัง คนอ่านยังรอภาค 2 อยู่ o(╥﹏╥)o

0
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:52 น. 7-3

ขอบคุณที่แวะมาเล่าประสบการณ์การเขียนนิยายให้ฟังนะครับ เจ้าของคอมเมนท์ทำให้ผมรู้ว่ามันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปจริงๆ และต้องไม่หยุดพยายามต่อไป สู้ๆกับการเขียนครั้งล่าสุดด้วยนะครับ

0
parnchan♔. 5 พ.ค. 63 เวลา 21:39 น. 8

นิยายเรื่องแรกที่เราเขียน เราเขียนใส่สมุดค่ะ เพื่อนๆ ในห้องเรียนจะเวียนกันอ่าน

ในตอนนั้นเราไม่ได้แคร์ว่าเพื่อนรู้สึกยังไง เราแค่ "อยากเขียน"

การเขียนคือการคลายเครียด

เราแค่อยากจมอยู่ในโลกที่เราอยากให้เกิดขึ้นแต่ไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้

นิยายเรื่องแรกที่เราเขียนจนจบลงเด็กดี คอมเม้นท์อยู่ที่ 900 ค่ะ

แต่ความจริงคอมเม้นท์ไม่ใช่แรงผลักดันที่ทำให้เขียนจนจบค่ะ (เป็นกำลังใจ แต่ไม่ใช่เชื้อเพลิง)

แรงผลักดันจริงๆ ของเรา เกิดจากการถามตนเองทุกครั้งว่า

"ทำไมคนอื่นถึงอัพนิยายได้ทุกวัน ทำไมคนอื่นถึงเขียนได้จนจบ"

ทั้งๆ ที่เราเกิดมาร่างกายครบครันเท่ากัน แล้วทำไมเราจะทำแบบเขาไม่ได้?

เราคิดแบบนั้นจนกระทั่งเราแต่งจบค่ะ เชื้อเพลิงที่ได้มาคือคำตอบเดียวว่า "ฉันต้องทำได้"


สำหรับเรา ณ ตอนนี้ที่ห่างหายจากการเขียนนิยายไป 10 ปีค่ะ

ทั้งแฟนคลับ ทั้งแรงกาย ทั้งแรงใจ มอดดับไปหมดแล้วค่ะ

ถามว่าท้อไหมที่ไม่มีคอมเม้นท์.. ท้อมากค่ะ


เราท้อถึงขั้นเปิดบทความวิจารณ์นิยายขึ้นมาค่ะ

และการที่มีเพื่อนๆ น้องๆ พี่ๆ บนเว็บไซต์แห่งนี้เข้ามาใช้บริการ

หลังจากที่เราได้อ่านนิยายของพวกเขาแล้ว

ไฟมันก็กลับมาค่ะ... เพราะเราสัมผัสได้ว่าพวกเขา "รัก" ในงานเขียนของเขา

รักจนอยากแบ่งปัน รัก.. แม้ไม่มีใครอ่านก็ยังอยากเขียนต่อจนจบ


เราคิดว่าเราคงจะสิ้นหวังมากกว่า ถ้าไม่ได้เขียน

เพราะการเขียนนิยายเป็นสิ่งที่เราชอบมากค่ะ

ไฟที่มันดับไปแล้วจริงๆ มันไม่เคยดับหรอกค่ะ

ถ้าตอบคำถามในใจได้จริงๆ ว่าเขียนเพราะอะไร? ทุกครั้งที่เราหมดไฟ... เราจะนึกถึงเด็กคนหนึ่งที่เขียนนิยายลงสมุด

อ่านเองคนเดียว หัวเราะคนเดียว มีความสุขกับสิ่งเล็กๆ และภาคภูมิใจกับมัน

เติบโตมาพร้อมกับมัน และยังมีแรงเขียนต่อไปเรื่อยๆ


เราพิมพ์ยาวหน่อยขออภัยนะคะ เราแค่อยากแชร์ และอยากเป็นกำลังใจ

คิดว่าเรื่องราวของเราอาจจะทำให้คุณนึกถึงตัวคุณเองในวันแรกที่เริ่มจับปากกาเขียนนิยาย

อย่าทิ้งความรู้สึกเหล่านั้นไปนะคะ

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:17 น. 8-1

ผมชอบการเขียนนิยายของเจ้าของคอมเมนท์ทำให้ผมนึกถึงช่วงมัธยมซึ่งผมก็เคยเขียนบทความเล่าประสบการณ์การเข้าค่ายพักแรมลูกเสือส่งอาจารย์ภาษาไทย แล้วได้ออกไปเล่าให้เพื่อนฟังหน้าห้องตอนนั้นผมเขียนได้ 7 หน้า ก็คงจะอารมณ์ความสุขประมาณนั้นที่เราได้ถ่ายถอดในสิ่งที่อยากถ่ายทอดตามที่เจ้าของคอมเมนท์ดึงสติของผมกลับมานะครับ

อีกอย่างคือผมก็ทิ้งการเขียนนิยายไปประมาณ 3 ปีได้แล้วละครับ แต่ผมก็หนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกได้เลยว่าเป็นความฝันแรกๆของผมที่จำได้มาตลอดคือการเขียนนิยายผมก็เลยกลับมาพยายามทำตามที่ผมอยากทำอีกครั้ง ผมยังนึกเสียดายเวลาตรงนั้น แต่พอมารู้ว่ายังมีคนที่ประสบการณ์คล้ายผม ผมก็นู้สึกว่ายังไม่สายไปแล้วละครับ ที่จะเริ่มใหม่อีกครั้ง ยังไงก็ขอบคุณที่แวะมาบอกเล่าประสบการณ์ความรู้สึกรักในงานเขียนครั้งแรก ของเจ้าของคอมเมนท์ ผมจะพยายามต่อไปครับ

0
Whatcha say 5 พ.ค. 63 เวลา 21:39 น. 9

ติดกับดัก "พล๊อต" คุณยังไม่ได้ลงมือเขียนจริงเลยนี้ครับ และมันไม่ได้หมายความว่าพล็อตเสร็จนิยายจบ ในระหว่างเขียนจะเจอปัญหายิบย่อยกว่านี้ ไม่ใช่ปัญหาแค่การเขียน แต่รวมถึงเวลาในชีวิตประจำวันอีกด้วย


เวลาเขียนจบรู้สึกยังไง โล่งใจมากครับ เหมือนเอาเรื่องเก่าออกจากหัว แล้วสวมเรื่องใหม่เข้ามาแทนที่ ความรู้สึกของผมมันชอบวนลูปแบบนี้ ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เขียนเรื่องใหม่ มันคันมือหยิกๆอย่างบอกไม่ถูก นี้ยังไม่รวมถึงพล็อตอื่น ๆ เข้ามาในหัวระหว่างเขียน อุปสรรคหนึ่งในชีวิตผมเลย เรื่องเก่ายังเขียนไม่จบ อยากเขียนเรื่องใหม่ต้องห้ามใจตัวเองมากๆ ได้แต่จินตนาการเล่น

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-03.png เฮ้อชีวิต.....

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:23 น. 9-1

ขอบคุณที่แวะมาบอกเล่าประสบการณ์แล้วดึงสติของผมนะครับ ในเรื่องติดกับดักพล็อต คุณพูดถูกแล้วครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมกลัวพอๆกับการเขียนจริงครับเรื่องนี้ เพราะผมคาดหวังที่อยากจะเขียนจริง แบบไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องจนเกินไปจนปิดโอกาสของตัวเองในการที่จะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ขออภัยที่ผมไม่ได้บอกเรื่องความกังวลนี้ด้วย อีกอย่างผมก็กังวลที่จะเขียนพล็อต เหมือนๆของคนอื่นจึงมีเหตุการณ์ที่ผมบอกว่ามักจะอ่านแล้วไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเขียน คุณเจ้าของคอมเมนท์พูดให้ผมคิดได้ว่า ผมจะต้องก้าวข้ามขั้นตอนนี้ให้ได้ ทำลายความกลัวให้ได้ ยังไงก็ขอบคุณที่ให้คำแนะนำนะครับ ผมจะพยายามต่อไปครับ

0
Aksarapark 5 พ.ค. 63 เวลา 21:56 น. 10

แวะเข้ามาให้กำลังใจนะคะ หมดไอเดีย หมดไฟ มันเกิดขึ้นได้กับนักเขียนทุกคน แต่อยากให้รู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หรือผลงานลงไว้ที่ผ่านมาทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งดี แม้เราคิดว่ามันยังไม่ดีพอ ทำไมทำได้เท่านี้ แต่คุณรู้มั้ยว่่ามันดีกว่าเราไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะอย่างน้อยวันนี้คุณก็เก่งขึ้น ทั้งเรื่องใจและเรื่องทักษะ


สำหรับแรงบันดาลใจส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่เราชอบอะไร สงสัยใคร่รู้เรื่องใด หลงใหลกับอะไรมากพอที่จะนำเสนอให้คนอ่าน"ว้าว"ได้ เวลาในการเขียนและความอดทนของเราอยู่ที่เป้าหมายว่าต้องการเขียนเพื่ออะไร เพื่อฝึกฝน เพื่อเพิ่มผู้ติดตาม เพื่อคลายเครียด เพื่อขายแล้วลองตั้งเดดไลน์ดูค่ะ ไม่งั้นนิยายอาจไม่จบ เราเขียนเพื่อคลายเครียดค่ะ ช่วงนั้นเครียดมากเลยขยี้ภายใน2เดือน สำหรับอุปสรรคของเราคือทำยังไงให้พลอตที่วางไว้สมจริง ตัวละครมีพัฒนาการก็ต้องค้นคว้าและหาข้อมูลเพิ่มเติม ความรู้สึกเมื่ออ่านงานของตัวเองจบแล้วคือขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจเขียน ภูมิใจกับมัน อย่างน้อยเราก็มีดีสักเรื่องเป็นชิ้นเป็นอัน เรื่องหน้าจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ


อยากให้สู้ต่อไปนะคะ มีคนมากมายอยากเขียนแต่แค่พลอตยังคิดไม่ออก คุณเก่งมากแล้ว

ไม่มีใครเก่งเทพมาตั้งแต่เกิดทุกคนล้วนต้องมีวินัยและฝึกฝนทั้งนั้น มีฝัน...อย่าหยุดฝัน พื้นที่นี้ยังต้องการนักเขียนดี ๆ อีกมากมาย ให้จินตนาการเล็ก ๆ ของเราสร้างความสุขให้คนอ่านเพียงแค่หนึ่งคนนั้นก็ล้ำค่าแล้วค่ะ ... มือใหม่เหมือนกันค่ะ :) ))

2
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:06 น. 10-1

ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ ผมจะลองปรับมุมมองความคิดใหม่ตามคำแนะนำของเจ้าของคอมเมนท์ในเรื่องการลงมือทำในสิ่งที่เราตั้งใจแล้ว ดีกว่าไม่ลงมือทำ และผมก็พบกับปัญหาเดียวกับเจ้าของคอมเมนท์ที่ว่ากลัวเรื่องไม่สมจริง นั้นทำให้ผมเป็นกังวลมาตลอด คงเป็นปัญหาจากการค้นหาข้อมูลที่บางครั้งผมไม่แน่ใจว่าจะหาข้อมูลจากที่ไหนได้ครบ ถ้าเจ้าของคอมเมนท์มีคำแนะนำเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ แล้วก็ขอให้คุณสู้ๆเช่นกันครับ

0
Aksarapark 6 พ.ค. 63 เวลา 22:00 น. 10-2

การค้นหาข้อมูลให้สมจริงของเราขึ้นอยู่กับแนวที่เขียนค่ะ

แนวย้อนยุค อิงประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ไซไฟ ก็ไปห้องสมุด พิพิธภัณฑ์

แนวความรัก ชีวิต ดราม่า อ่านหนังสือจิตวิทยา สังเกตเรื่องราวชีวิตคนรอบตัว สัมภาษณ์

แนวสืบสวน อาชญากรรม อ่านงานเขียนเก่า ๆ ข่าวเก่า ๆ

แต่ก็ไม่ได้ว่าจะลงลึกมากจนเป็นงานเขียนวิชาการ เอาแต่พอดีที่สำคัญที่สุดคือพลอตสนุกค่ะ


เหนื่อยก็พัก แล้วกลับมาปังกว่าเดิม สู้ๆค่ะ

0
Jaruad_prayfah 5 พ.ค. 63 เวลา 22:06 น. 11

เราได้แรงบันดาลมาจากรูปภาพค่ะ กว่าจะแต่งจบเรื่องแรกใช้เวลาเป็นปีเลยทีเดียว ระหว่างที่กำลังแต่งเราค่อนข้างท้อมากๆ เพราะว่า คอมเม้นไม่ค่อยมี เนื้อหาที่วางไว้พอมาอ่านใหม่มันก็ดูไม่สมเหตุสมผลต้องแก้ใหม่หมด หมดไฟ งานเยอะ ความขี้เกียจ ต่างๆนาๆถาโถมเข้ามานับไม่ถ้วนเลยค่ะ


แต่พอแต่งจบเราจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆเลยนะ><


สู้ๆต่อไปนะคะ บางคนก็คิดพล๊อตแทบไม่ออกเลยด้วยซ้ำ แต่คุณน่ะเก่งแล้ว เราต้องหมั่น พยายามฝึกฝนน้าา ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เเรก สุดท้ายนี้สู้ๆนะคะ ไฟติ้ง!https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-01.png

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 14:28 น. 11-1

ผมอยู่ในจุดเดียวกับเจ้าของคอมเม้นครับ แต่อยู่ในจุดที่ยังไม่ได้เจอปัญหาของจริงเพราะกลัวว่าเราจะต้องมานั่งปรับแก้ใหม่ ตรงที่ขาดที่เกินอีกรอบ จึงอยากทำครั้งเดียวให้มันดี แต่ผมก็ได้อ่านจากหลายๆคอมเมนท์จนมาถึงคอมเมนท์นี้ก็คิดได้ว่า ไม่มีอะไรดีครบในครั้งแรกแล้วละครับ และคุณก็ทำให้ผมคิดได้ว่า บางสิ่งบางอย่างเราต้องใช้เวลานานพอสัมควรที่จะทำมันออกมาให้ดี ยังไงก็ต้องขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจพร้อมกับคำแนะนำเล็กน้อยๆที่มีค่านะครับ

0
little_finger2 5 พ.ค. 63 เวลา 23:46 น. 12

เรื่องแรกของเราพึ่งจบสดๆร้อนๆเลยค่า

เอาจริง ตอนแรกกลัวไม่จบมาก

อุปสรรคสำคัญคือ ขี้เกียจค่ะ แล้วก็ออกทะเลไปเยอะ 55555 

กว่าจะดึงกลับเข้าพล็อตที่วางไว้ได้เกือบแย่


แรงบันดาลใจของเราคือ อยากให้ตัวละครของเรา เค้ามีตอนจบ

แรงฮึดอีกอย่างก็คือ อยากแต่งเรื่องใหม่ ฮาาาาา


ถ้ารู้สึกว่าหมดไฟ ลองพักสมองดูก่อนนะคะ เดี๋ยวไหลเอง

เป็นกำลังใจให้ค่า


1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 13:55 น. 12-1

ขอบคุณที่แวะมากให้กำลังใจนะครับ ผมก็มีช่วงเวลาที่ขี้เกียจ ออกนอกทะเลบ้างเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ผมคิดถึงช่วงเวลานั้นมากๆ ถ้าผมคิดพล็อตและพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วผมจะเริ่มเดินทางกับนิยายของผมอีกครั้ง และกลับไปใช้ชีวิตในบรรยากาศของความขี้เกียจที่ผมคิดถึง

0
Xiaoai 6 พ.ค. 63 เวลา 00:07 น. 13

ยาวหน่อยนะคะ นึกไปแล้วก็อิน 55555


เรื่องแรกเหนื่อยมากค่ะ ใช้เวลาเขียนสองสามปีได้ แถมไม่ต่อเนื่องอีกต่างหาก แรกๆ เราไฟแรงมากกก เขียนอัปๆ จนดันขึ้นท็อปได้ แต่มาช่วงหลังคือเราอืดมาก บวกกับเจอเม้นต์ด่าด้วยเลยนอยด์ หายไปนานเกือบครึ่งปีได้ ที่ต้องกลับมาเขียนเพราะเซ็นสัญญากับสนพ.ไปแล้ว (ผ่าง) ถือว่าเป็นแรงกระตุ้นได้อย่างดีเลย ไม่งั้นตอนนี้ก็อาจจะยังไม่จบ อีกอย่างคือเป็นเพราะคิดถึงตัวละครของตัวเองและนักอ่าน อยากทำสักอย่างให้ประสบความสำเร็จในชีวิต จริงๆ แรงที่ผลักดันสูงสุดก็ไม่ใช่เงินอย่างที่ตอนแรกอยากได้นั่นแหละ แต่กลายเป็นเพราะตัวนิยาย ตัวละคร กับตัวเราเองล้วนๆ อยากรู้บทสรุปของเขา ไม่อยากให้ค้างๆ คาๆ ทำให้อัปแบบไม่สนยอดสนเม้นต์เลย โดนด่าก็ไม่นอยด์ด้วย จากเม้นต์หลักร้อยเหลือหลักสิบก็ไม่เป็นไร เราโฟกัสทีนิยายอ่ะ คลายให้ทุกปมแล้วขอให้จบทีเถ๊อะ 5555


อุปสรรคข้อสำคัญของเราคือเราเรียนคณะที่เรียนโหดมาก อ่านหนังสือเยอะ และเป็นสายวิทย์สุขภาพ อีกข้อหนึ่งคือเรื่องสุขภาพทั้งกายใจของเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทุกวันนี้ยังต้องกินยาอยู่เลยค่ะ พอเขียนจบมาได้ก็นั่งคิดเลยว่าตัวเองเก่งมาก 5555 นิยายเราเขาจะเอาไปตีพิมพ์ เวลารีไรต์ทีหนักหน่วงมาก เรานอนตีสามติดๆ กันหลายวัน แปดโมงก็ตื่นไปเรียน ด้วยข้อจำกัดพวกนี้ จะว่าได้ดราฟสุดท้ายที่พอใจจริงๆ รึเปล่าก็ยังไม่ใช่ แต่ไม่อยากแก้แล้วค่ะเหนื่อยโพด


ทุกวันนี้นิยายเราก็มีอีบุ๊คกับบ็อกเซทจากนิยายเรื่องเดียวที่เขียนจบนั่นแหละค่ะ ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างแต่ก็พอได้จับเงินหลักหมื่น 5555 เวลาลูบเวลาเห็นก็มีความสุขนะ นานๆ ทีก็หยิบออกมาอ่านแล้วนั่งขำ ว่าเขียนไปได้ไง วันดีคืนดีก็มีคนอ่านทักเข้ามาหวีดนิยาย บางคนหวีดยาวเป็นหน้าเอสี่เลยค่ะ ทำให้เราก็รู้ว่าเอ้อ มีคนอ่านเขาอินขนาดนี้เหมือนกันนะ


ไม่รู้ว่าเรื่องที่เราเล่ามาจะพอช่วยให้จขกทมีไฟขึ้นมาได้ไหม แต่ผลหลังจากที่เขียนจบแล้วของเราคือออกมาค่อนข้างดีเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ ส่วนเรื่องที่บอกว่าวางพล็อตแล้วเหมือนไม่ตั้งใจ อันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน 555 แต่เราว่าดราฟแรกคือเขียนไปเต๊อะ มันมีความสดใหม่ ไม่พอใจก็มารีไรต์ที่หลัง หรือถ้ารู้สึกว่ายังไปต่อไม่ได้ก็พักก่อน ลองหาวันที่จังหวะดีๆ มาทบทวนพล็อต แล้วคิดว่าขาดเหลืออะไร นานๆ ไปอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาก็ได้

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 13:57 น. 13-1

ผมชอบอุปสรรคที่เจ้าของคอมเมนท์ยกมาให้ฟังมากเลยครับ เพราะทำให้รู้ว่าทุกคนก็ต้องมีหลายปัจจัยที่ต้องทำ ที่ต้องรับผิดชอบ และที่ต้องรับมือ เพราะฉะนั้นผมจะพยายามต่อไปครับ และกลับมามีไฟในการเขียนอีกครั้ง ขอบคุณที่แวะมาเล่าประสบการณ์นะครับ

0
SilverPlus 6 พ.ค. 63 เวลา 00:55 น. 14

พล็อตคงไม่น่าสนใจมากพอ เจ้าของกระทู้เลยเบื่อที่จะเขียนให้จบ


เพราะโดยส่วนตัว เรื่องที่แต่งจบล่าสุด พล็อตน่าสนใจมากพอที่จะสกัดพล็อตใหม่ ๆ ที่คิดออกมาเรื่อย ๆ ได้ รวมไปถึงเลี้ยงไฟแห่งการเขียนไปได้ตลอดเรื่อง


เวลาผมไม่อยากแต่งนิยาย ผมจะโทษพล็อตเป็นอันดับแรก ว่ามันไม่น่าสนใจมากพอ ไม่คุ้มกับเวลาและแรงที่ลงไป ทำให้หลายครั้ง กว่าผมจะแต่งนิยายเรื่องใหม่ได้ ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลย กว่าจะค้นเจอพล็อตที่น่าสนใจมากพอ


มันอาจจะไม่น่าเชื่อ ที่พล็อตน่าสนใจ เพียงอย่างเดียวจะทำให้เราแต่งนิยายได้จนจบ

แต่เชื่อสิ หากตัดเรื่องเวลา การเรียน การทำงานออกไปแล้ว แค่พล็อตดี ๆ อันเดียว เราจะอยู่กับมันไปจนจบเรื่องได้เลย


ลองตรวจดูพล็อตอีกครั้ง ถ้ามันยังไม่ว้าวมากพอ ก็ให้รอไปก่อน จนกว่าจะได้พล็อตที่เรารู็สึกว่า "ไม่เขียน ไม่ได้แล้ว" ออกมา

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 13:50 น. 14-1

ขอบคุณที่ตอบคำถามนะครับ ในใจก็แอบคิดแบบเจ้าของคอมเมนท์นี้เหมือนกันครับ เพราะพล็อตมันซ้ำ มันเหมือนกันเกิดไปบางครั้งพอเราคิดเสร็จก็ไปเหมือนคนอื่นนะครับ สรุปคือก็พยายามเขียนพล็อตเรื่องที่คิดได้ไปเรื่อยแล้วนำมาปรับ นำมาแต่งมาเติมก่อนจะเขียนตามที่เจ้าของคอมเมนท์แนะนำนะครับ

0
InaeO 6 พ.ค. 63 เวลา 09:27 น. 15

เรื่องแรก...


เราผิดกับทุกคนเลย เรื่องแรกเราเขียนผ่านไปแบบง่ายๆ ด้วยความมั่ว

มั่วล้วนๆ ตัวละครไม่ได้มีเอกลักษณ์อะไรมากมาย พระเอกก็ไม่ได้เด่น เรื่องไม่มีสคริป ไม่ค่อยสมเหตุสมผลอีกต่างหาก เขียนแบบไม่ค่อยคิดอะไรเลย


แต่ด้วยความที่สมัยนั้น (เอ่อ มันก็ประมาณ 14 ปีที่แล้วอะ) ไม่มีนิยายวายเท่าไหร่ เราเขียนนิยายวาย (ติดเรทด้วย ตอนนี้โดนแบนไปละ) คนอ่านเลยเยอะ (เยอะสำหรับเราตอนนั้น ถ้ามาเทียบกับสมัยนี้ตัวเลขนั้นก็ไม่นับว่าเยอะแล้ว) ก็เขียนไปเรื่อย ลงเดือนละ 2 ครั้ง ลงอยู่น่าจะหลายปีเลย (พันกว่าหน้าเอสี่)


ผ่านไปสิบกว่าปีก็ไม่นึกว่าจะมีคนรู้จักมันแล้ว โดนแบนไปนานมากแล้วด้วย ปรากฎว่าพอลงนิยายเรื่องปัจจุบัน มีรีดที่เคยอ่านเรื่องนั้นกลับมาอ่าน แล้วก็มาเม้น แล้วก็ยังอยากอ่านเรื่องนั้นอีก https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-05.png กะ กลายเป็นเรื่องล่ำลือกันว่าสนุกมาก (มันไม่ได้สนุกกกขนาดนั้น แต่สมัยนั้นมันไม่มีให้อ่านแบบนี้ป่าวค้าาา) แล้วคนอื่นที่มาเห็นเม้นก็มาถามหาอยากอ่านบ้าง (มันไม่สนุกกกก TT_TT ลองเอามาลงตอนนี้ที่นิยายหลากหลายมากก็ไม่น่าจะมีคนอ่านน๊า)

1
ยู เ อ ฟ โ อ 6 พ.ค. 63 เวลา 13:48 น. 15-1

ขอบคุณที่ตอบคำถามนะครับ เรื่องแรกของเราก็เหมือนแบบคุณเลย ตัวละครยังไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ และภูมิหลังของตัวละครยังไม่ค่อยอินมากพอ แต่ยังไงก็จะพยายามต่อไปครับ

0
♡โรสลิน♡ 6 พ.ค. 63 เวลา 23:44 น. 16

น้ำตาแทบเล็ดค่ะ กว่าจะรีไรท์เสร็จอีก หลายรอบมากกว่าจะเขียนได้ขนาดนั้น แต่สุดท้ายก็ลบไปเรียบร้อยแล้วค่ะ จบบริบูรณ์....

1
ยู เ อ ฟ โ อ 10 พ.ค. 63 เวลา 20:44 น. 16-1

ดีใจด้วยนะครับ ผมก็จะพยายามต่อไป ขอบคุณที่แวะมาเล่าประสบการณ์นะครับ ทำให้รู้ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างวันเดียวเสร็จฉันใด นิยายก็ไม่สามารถเพอร์เฟคได้เพียงเขียนครั้งเดียวฉันนั้น555

0