เมื่อหมดไฟแต่งนิยาย ควรทำยังไงดีคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
12 ความคิดเห็น
ตอนนี้กำลังใช้ทริคอ่านคอมเมนท์ซ้ำๆเพื่อบอกตัวเองว่ายังมีคนที่ชอบผลงานของเรามากขนาดนี้เลยนะ จะทำให้เขาผิดหวังจริงๆหรอ แล้วก็เปิดเพลงบิ้วค่ะ
ถ้าเขียนไม่ออกจริงๆลองนึกให้สิ่งของเป็นตัวละครแล้วลองคุยโต้ตอบดูในหัวนะคะ มันแปลกมาก ตอนนี้เราเหมือนคนบ้าที่คุยกับหมอนข้าง แต่บทสนทนาในหัวนี่เรียกได้ว่าออกมาแบบพรั่งพรูเลยค่ะ
อยากให้ทุกครั้งที่หมดไฟคุณไม่ลืมความตั้งใจที่จะเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบนะคะ มันเป็นแรงใจที่ดีมากจริงๆ หวังว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายได้นะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ สำหรับคำแนะนำ เราจะลองเก็บไปคิดและทำตามดูนะคะ
ข้าน้อยก็ได้แต่บอกว่าสู้ๆขอรับ แต่ถ้าว่ามีทริคไหมคือ อย่าตีกรอบอย่ากดตัวเองขอรับ จงลองเขียนเนื้อเรื่องไปตามที่ใจต้องการ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ผู้อ่านนั้นผิดหวังหรือไม่ขอรับ ดึงความสนุกในการเขียนตัวเองกลับมาขอรับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ เราจะพยายามไม่ตีกรอบแล้วเรียกตัวเองกลับมาให้ได้ค่ะ
ลองพักสักหน่อยไหมคะ เราคิดว่าถ้าไม่มีไฟแล้วพยายามปั่นไฟให้ตัวเองขนาดไหนมันก็ค่อนข้างที่จะปั่นไม่ขึ้น
เราเคยหมดไฟแล้วก็พักสักระยะเหมือนกันแต่มันจะรู้สึกกังวลนิดหน่อยค่ะเพราะยังมีคนอ่านรอเราอยู่
แต่มันจะมีข้อเสียตรงที่ท่าหากพักนานไป พอกลับมามันจะชอบต่อไม่ติด T_T
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ ค่ะ เชื่อว่าต้องกลับมามีไฟปั่นต่อจนจบแน่นอน
เราพักมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วค่ะ แต่เพราะยังมีคนอ่านส่านหนึ่งยังรอและทวงนิยายอยู่ค่ะ เราเลยค่อยข้างลำบากใจ และเพราะพวกเขาคาดหวังกับเรามาก เราเลยค่อนข้างเครียดค่ะ แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆนะคะ
เราเคยผ่านจุดนี้มาก่อน เข้าใจเลย
แต่อยากให้อ่านลิงค์เรา (ไม่ใช่ขายนิยายนะ ^^)
เบื่อก็พัก หายเบื่อก็รีบกลับมาค่ะ
ก่อนที่ไฟนักเขียนจะหายไปจริงๆ//สู้ๆนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ไว้เราจะเข้าไปอ่านดูนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆด้วยนะคะ
ต้องมีเป้าหมายชัดเจนก่อนค่ะ ว่าเขียนไปเพื่ออะไร ถ้าเรามีเป้าหมายชัดเจนอยู่แล้ว เราเชื่อว่าต้องแต่งจบแน่นอนค่ะ
บางคนแต่งจบเพราะเขียนให้ตัวเองอ่าน
บางคนแต่งจบเพราะอยากเอาไปบริจาคให้คนอ่านฟรี
บางคนเพราะต้องการชื่อเสียงและเงินทอง
บางคนแต่งจบเพราะยิ่งเขียนก็ยิ่งมีความสุข
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน ถ้ามันมีเป้าหมายที่ชัดเจนจนถึงขั้นรุนแรง เราจะต้องทำจนมันบรรลุได้แน่ๆค่ะ เราคิดว่าที่ จขกท. แต่งไม่จบหรือหมดไฟอาจจะเป็นเพราะเป้าหมายยังไม่ชัดเจนมากพอและไม่รู้จะเขียนไปเพื่ออะไรรึเปล่าคะ
อย่างเรา เราจะเขียนเขียนยอดวิว ยอดคอมเม้น ยอดคนติดตามไว้แล้วเปิดดูทุกวันเพื่อจะให้ถึงเป้าหมายนั้น มองทุกวันมันก็ยิ่งอยากทำให้ได้ เลยหมดไฟยากค่ะเพราะอย่างน้อยของพวกนั้นก็คอยย้ำเตือนเราว่าเราต้องการอะไรกันแน่
แต่ถ้า จขกท.ตันแบบคิดพล็อตไม่ออก เราว่าให้ลองหยุดพักแล้วไปเรียบเรียงพล็อตใหม่เอานะคะ ^^ สู้ๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆนะคะ เราจะเอาไปคิดดูค่ะ
แล้วก็ความคิดเห็นของคุณนั้นทำให้เราคิดอะไรได้ขึ้นเยอะเลยค่ะ อยากขอบคุณมากจริงๆค่ะ
สู้ๆนะคะ
เราเคยหมดไฟหนักมากๆ แบบเจ้าของกระทู้เลยค่ะ TT
ทั้งดูหนัง ฟังเพลง ไม่ช่วยเลยค่ะ
จนเราเปิดบทความรับวิจารณ์นิยายขึ้นมาค่ะ
แล้วมันก็ได้เชื้อเพลิงจริงๆ ค่ะ ได้เห็นความเพียรพยายามของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ต้องการคำวิจารณ์ บางท่านไม่มีคอมเม้นต์เลยแต่ก็แต่งจนจบ บางท่านเพิ่งเริ่มหัดเขียนแต่ก็ไม่ย่อท้อ บางท่านก็เขียนเก่งมากแต่ขาดคนสนับสนุน ขาดกำลังใจ
เราไม่ได้ได้ไอเดียจากการอ่านนิยายคนอื่น แต่ความรักในการแต่งของเขาส่งผ่านมา จนรับรู้ได้ค่ะ
ตอนนี้เพิ่งแต่งจนจบไปหนึ่งเรื่องค่ะ เพราะเชื้อเพลิงเหล่านั้นจริงๆ ค่ะ ^^
เป็นกำลังใจให้นะคะ *
อดทนเขียนต่ออีกหน่อยหนึ่ง เมื่อเขียนจบ เราจะรู้สึกดีใจแน่นอน และมันจะหายเหนื่อยมากแน่นอน ความยากมันอาจจะอยูที่รายละเอียดปรีกย่อยของบทนิยาย
เขียนวางหมากลำดับเหตุการณ์ไปก่อน แล้วค่อยเสริมรายละเอียดในแต่ละตอน
เช่น ตอนหนึ่งก็อาจจะวางลำดับยกตัวอย่างเช่น นิยายผจญภัย
ชื่อตอน ล่าผลไม้แห่งแสง ก็อาจจะวางลำดับเหตุการณ์ ไว้ก่อน
ฟังเรื่อเล่าจากผู้รู้ รวบรวมเพื่อน ไปหาคนนั้น หาคนนี้ เตรียมสัมภาระ ออกเดินทาง เหตุการณ์ระหว่างทาง
อุปสรรคการค้นหา เช่น มีแมงมุมเฝ้าอยู่ เอาชนะแมงมุม หรือปริศนาที่ซ่อนของ เช่น มันซ่อยอยู่ในที่มืด เอาชนะความมืด มีสัตว์ร้ายเฝ้าอยู่ หาวิธีเอาชนะสัตว์ร้าย
นำกลับมา มีอุปสรรคต่อ มีพวกขโมย หาวิธีเอากลับคืนมา
อะไรประมาณนี้ วางหมากกลไกเล็กๆไว้ก่อน แล้วเขียนตามที่วางไว้
ผมก็ยังเขียนไม่จบสักเรื่อง เรื่องที่ผมเขียนตั้งเรื่องไว้ยาวมาก รู้ว่าเขียนวันเดียวไม่มีทางจบ
มันต้องใช้เวลาหลายวัน อาจจะเป็นปี เราจะรู้สึกท้อตลอดทั้งปีเป็นไปไม่ได้
ไม่มีใครบอกให้เราเขียนทุกวันซะหน่อย มันต้องมีวันที่เราอยากจะเขียนขึ้นมาบ้างแหละ
สู้ครับ
เราใช้วิธีไปอ่านนิยายที่น่าสนใจหรือไม่ก็เเค่คิดเรื่องราวในหัวไปเรื่อยๆหรือไม่ก็ส่งนิยายไปให้
คนรู้จักคอมเม้นอะคะ
พักก่อนค่ะ พักแบบไม่ยุ่งกันนิยายไปสัก 2-3 วัน (อย่านาน้กินเดี๋ยวเปื่อย) แล้วก็ระหว่างนั้นก็คิดพล็อตเรื่องคร่าวๆดู แบบไม่ต้องเค้นมาก แค่นึกไปเรื่ยๆค่ะ
จากนั้นพอกลับมาเขียน เริ่มเขียนจากส่วนที่เราชอบก่อนก็ได้ ไม่ต้องเขียนเรียงตาม timeline ค่ะ เขียนแบบที่รู้สึกอยากเขียนอะไรงี้ ที่เหลือก็ค่อยมาปะติดปะต่อกัน นักอ่านเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับนักเขียนอย่างเราค่ะ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ นักเขียนต้องสู้กับใจตัวเองค่ะ ถ้าสามารถผ่านพ้นไปได้ คุณจะต้องรู้สึกภูมิใจเมื่อหันหลังกลับไปมองแน่นอน
เราแต่งนิยายหลายเรื่องพร้อมกันค่ะ
ทั้งแนวอาชญากรรม ผี และล่าสุดแฟนตาซีคอมเมดี้
จริงๆก็อยากจะตั้งใจแต่งให้จบทีละเรื่อง
แต่พอเริ่มเขียนหลายเรื่องลงเว็บพร้อมกันแล้วมีคนติดตาม ถึงเราจะท้อ แต่ก็คิดเสมอว่ามีคนรออ่านอยู่เราจะปล่อยดองไว้ไม่ได้
วิธีแก้ตันของเราคือ ถ้าตันเรื่องนี้ ก็ไปแต่งเรื่องอื่นก่อนค่ะ อาจจะแต่งเป็นแนวที่ถนัดหรือจะแต่งอะไรตามใจเราต้องการก็ได้
ถ้าคิดเรื่องที่ตันออกเมื่อไหร่ก็ค่อยมาเขียนเพิ่มค่ะ และก็วางพล็อตกับตอนจบคร่าวๆไว้ จะช่วยแก้เรื่องตันได้ค่ะ
บางวันที่เราแอบขี้เกียจหรือรู้ว่าวันนี้จะแต่งได้ไม่ได้เท่าไหร่ เพราะไม่มีอารมณ์เราก็พักค่ะ
ต้องทำให้สำเร็จ แล้วจบมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะต้องมาเสียดายในภายหลัง
การเขียนไม่จบมันจะค้างคาอยู่ในใจเราไปอีกนาน
แล้วมันจะมีคำถามหนึ่งเกิดขึ้น เหมือนแผลในใจว่า
รู้อย่างนี้น่าจะเขียนให้จบก็ดีหรอก
นิยายของคุณเจ้าของกระทู้กระแสตอบรับจากนักอ่านก็ดี อย่าทอดทิ้งมัน
วิธีง่ายๆ เลยนะ ที่ผมใช้อยู่ ให้คิดบทสนทนา แล้วพิมพ์ลงไปก่อนครับ
พอได้บทสนทนา เนื้อหามันจะคืบหน้า แล้วเราค่อยมาคิดบทบรรยาย เพิ่มเติมเข้าไปทีหลัง
เวลาที่ผมขี้เกียจ หรือหัวตันๆ จะใช้วิธีนี้ บทสนทนาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เนื้อหามันดำเนินต่อ
ไปได้ครับ พอเราเห็นว่าเนื้อเรื่องมันคืบหน้าแล้วเราก็จะอยากกลับมาเขียนต่อเองครับ
ป.ล. การคิดคำบรรยายจะยากและใช้พลังมากกว่าบทสนทนา บางคนตันที่ต้องคิดบทบรรยาย
เลยแนะนำว่าให้ใช้บทสนทนาเปิดทางให้เราไปก่อน ง่ายกว่า
ปั่นให้จบซะ
ไม่ไหวจริง ๆ ก็วางก่อนค่ะ เพราะเขียนไปก็ต้องลบใหม่อยู่ดี บางทีเราก็มีช่วงเว้นเหมือนกัน
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?