อยากรู้แนวคิดของคนเขียนนิยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
37 ความคิดเห็น
ตอนเด็กเคยแอนตี้ นิยายแม่งไร้สาระ พอลองเขียนเองไปมา หยุดเขียนบ่ได้...
อยากจะบอกว่าเหมือนกัน เพราะตอนนั้นไม่เคยอ่านนิยาย ส่วนใหญ่นิยาย = ผู้หญิงอ่าน แล้วเหมือนสังคมจะมองว่าผู้ชายอ่านนิยายมันแปลก เราก็เลยมี mindset ไปแบบนั้น จนกระทั่งเจอพวก LN เจอนิยายจีนกำลังภายใน มันก็เลยมีความคิดใหม ่ๆ มา สุดท้ายก็มาเขียนซะเอง 5555
สุดยอดเลย เหมือนการเปิดประสบการณ์ใหม่แล้วก็พบสิ่งที่ตัวเองชอบ
ความรู้สึกในตอนนั้นเเค่อยากลองดูเฉยๆทีเเรกเราเเต่งเเฟนฟิคในอีกไอดี ก็ลงๆไปเฉยๆยังไม่ได้เเต่งเปิดมาอีกวันคนตามเยอะ คนเม้นบอกอยากให้เเต่งเลยจัดไป เเนวบีเเอล รู้สึกนิ้วมันคันยุบยิบอยากเเปะลิงค์ เเต่ไม่ดีกว่า
แปะเลยได้ครับ จขกท ก็อยากอ่านเหมือนกัน
ชอบเขียน แล้วก็เสพติดการเขียนครับ เหมือนคนช่างพูด จะให้ขรึมก็คงยาก ..
น่าสนใจนะครับ แบบว่าความเห็นส่วนตัว คนที่พูดเก่งหรือสามารถใช้คำพูดในการสนทนาได้ดีจะสามารถเขียนได้ดีด้วยรึเปล่า น่าจะมีความสอดคล้องกัน
มีโอกาสได้เรียนเกี่ยวกับนิยาย ได้เปิดมุมมองว่าสิ่งที่อยู่ภายใต้ตัวอักษร มันมีสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเยอะกว่าที่คิดมาก ไม่ใช่แค่สนุกแล้วก็จบกันไป ดังนั้น ยิ่งนิยายรางวัลใหญ่ๆ ความละเอียดและลุ่มลึกของนักเขียนแสดงความเป็นนักคิดยิ่งยวด (แต่ส่วนตัวเริ่มเขียนเพราะเรียนหนักและเครียด)
สมัยนั้นไม่ได้มีรูปแบบเนื้อเรื่องหลากหลายขนาดสมัยนี้ หลักๆ จะได้มาจากหนัง ละคร และหนังสือ กับจการ์ตูนบ้าง แต่สมัยนี้ไม่จำเป็นว่าความดีงามเชิงความคิดไม่จำเป็นต้องยึดอยู่ในรูปแบบเดิมๆ อย่างหนังสืออีก
อ่านน้อยก็ไม่เป็นไรในเชิงการสร้างเนื้อหา แต่ถ้าคิดจะเขียนหนังสือ งั้นควรอ่านไว้เพราะหนังสือจะมีรูปแบบบางประการที่เป็นเอกลักษณ์และวิถีของมันอยู่ค่ะ
ขอยคุณสำหรับความรู้และข้อแนะนำนะครับ
ทำลายโลกนี้น่ะ
ทำลายทำไมล่ะ555
ที่เริ่มเขียนเลยเพราะดูอนิเมะเรื่องรีบอร์นแล้วตกหลุมรักพรีโม่อย่างจังเลยค่ะแต่บทคุณเขาน้อยจนปวดใจเลยต้องเอามาเขียนเอง แต่ตอนนั้นเขียนใส่สมุดเป็นเรื่องราวเลยล่ะค่ะ มีคอมนะแต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่พิมพ์เอา ปาไปสองเล่มกว่าๆ แล้วก็หยุดเขียน มาเริ่มเขียนนิยายของตัวเองในคอม ตอนนั้นทำเพราะชอบ อยากมีหนังสือของตัวเอง แต่ทุกวันนี้ก็...อื้ม เพราะรักนั่นแหละ แรงผลักดันคือคอมเมนท์จากนักอ่านและความอยากของตัวเองค่ะ เรื่องแนวคิดเกี่ยวกับนิยาย...เราว่ามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่เป็นความสามารถหนึ่งของคน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเขียนดี เขียนจบ ประสบความสำเร็จ เป็นเหมือนศิลปะแขนงหนึ่งที่ต้องฝึกฝนและใช้ใจพอๆ กับสมอง โดยส่วนตัวเรามองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ตัวละครที่คิดขึ้นมาต้องรับผิดชอบให้เขาได้อยู่ในพล็อตที่ดีที่สุด เคารพเขาเพราะเขาคือนักแสดงที่จะถ่ายทอดเรื่องที่เราคิด ประมาณนี้ล่ะค่ะ จริงๆ ตอนนี้เรามีนิยายเรื่องหนึ่งที่เขียนมา 6-7 ปีแล้ว แก้ตลอดแต่ไม่เคยทิ้งถึงจะแวบมาเขียนเรื่องอื่นก็เถอะ ตอนนี้ผูกพันกับตัวละครในนั้นมาก รู้จักดีสุดๆ เหมือนเป็นลูกที่เลี้ยงมากับมือเลยล่ะค่ะ ฮ่าๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนถึงจะสามารถแต่งจบได้ พล็อตเรื่องค่อนข้างยาก ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งซับซ้อนขึ้นตามความชำนาญ ถึงตอนนี้เราจะพอมีฝีมือระดับหนึ่งแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าเลเวลต่ำกว่าพล็อตหนึ่งระดับ ไม่สามารถเขียนให้คอมพลีทได้ เป็นแบบนี้มานานแล้วค่ะแต่ก็จะฝึกต่อไปจนถึงเลเวลที่เขียนได้นั่นแหละ
ชอบทุกแนวคิดเลยครับ นิยายเรื่องนั้นถ้าแต่งเสร็จตอนไหนบอกด้วยนะ ผมอยากอ่านมากเลย
อ่านมาเยอะค่ะ เยอะมาก นิยายรักล้วนๆ พออ่านเยอะจนเริ่มเบื่อ หาที่อ่านแล้วว้าวยากก็เลยอยากลองเขียน เขียนมานานมาก เปิดไปหลายเรื่อง แต่ไม่จบซักเรื่อง เป็นท้ออออออออ
คุณต่างจากเราสิ้นเชิงเลยค่ะ..
เราอ่านน้อย เขียนน้อย เขียนแค่เรื่องเดียว
แต่เราได้ไปเดียใหม่ว่าจะรีไรท์มันไปเรื่อยๆ
ให้-เรื่องเดียวนี้แหละมันดีที่สุด เพราะเราเขียนเยอะๆ ไม่ได้ เวลาก็ไม่มี
เอาเรื่องเดียวแล้วค่อยบิดไปบิดมา เสริมโน้นเติมนี้
ไม่เคยเห็นใครทำมาก่อนแต่เราจะทำ 555+
สู้ๆนะครับ นิยายที่ผู้เขียนใส่จิตวิญญาณและความรักลงไปในนิยายอะไรแบบนั้น
น่าสนุกมากเลยครับ
เขียนเพราะทำเป็นอาชีพครับ
เทียบกับอาชีพอื่น ๆ อย่างติวเตอร์ พนักงานเสิร์ฟ(พาร์ตไทม์) รายได้จะค่อนข้างน้อย ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน หรือต่อให้พอก็ไม่สามารถเติบโตได้(ศักยภาพไม่พอ ไม่มีแววรุ่ง) แต่การเขียนนิยายสามารถขายจนมีเงินเก็บได้(ถ้าประสบความสำเร็จ) ซึ่งโอกาสเติบโตค่อนข้างสูงมาก แม้จะไม่รวยแบบ JK หรือนักเขียนดัง ๆ แต่อย่างน้อยก็รายได้สามารถแตะหลักแสน หลักล้านต่อปีได้ครับ
สุดยอดเลยครับ ผมไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับรายได้ของการแต่งนิยายเท่าไหร่ นี่ครั้งแรงเลย
เห็นหัวกระทู้แล้วอยากตอบมากๆ
เรามีประสบการณ์การอ่านนิยายพอๆ กับคุณ จขกท. เลยค่ะ ส่วนการเขียนนิยายไม่มีความรู้และไม่เคยศึกษา ใช้วิธีลงมือเขียนเลยเพราะคิดว่ามันคงไม่ยากหรอก (อิอิ คิดเอง เออเอง )
ทำไมถึงเขียนนิยาย
– เราแค่อยากเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเรื่องคนพิการให้คนทั่วไปรู้จักคนพิการมากขึ้น ด้วยการแปลงข้อมูลความรู้ ไปสู่การนำเสนอรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจกว่าบทความที่ไม่มีคนสนใจจะอ่าน ส่วนการที่อยากจะมีชื่อเสียงจากการเป็นนักเขียน หรือการขายผลงานเราไม่ได้สนใจเลย เพียงแค่อยากหลอกคนมาอ่านแล้วได้ความรู้ติดไปหรือให้ความสำคัญกับคนพิการบ้าง หรือมีใจอยากจะช่วยเหลือคนพิการบ้าง นั่นคือเป้าหมายของเรา
- ตอนแรกเราคิดว่าการเขียนนิยายสั้นๆ มันไม่น่าจะยากอะไร ก็แค่ให้มี พระเอก นางเอก ได้มาเจอกันแล้วรักกัน 10-12 ตอนจบก็น่าจะเขียนได้ง่ายๆ นะ
- พอลงมือเขียนจริงๆ อ้าว คนก็ต้องมีพ่อมีแม่ล่ะอย่างน้อยตัวละครต้องเพิ่มอย่างน้อย 4 ตัว แล้วอยู่ดีๆ จะมาเดินชนกันล้มปากประกบแล้วรักกันขึ้นมาทันที มันก็ไม่ได้ไง 555+
- พ่อที่มีลูกสาวตาบอดจากอุบัติเหตุและ-นั้น พ่อคนไหนจะจ้างคนดูแลเป็นผู้ชายให้มาสอนการใช้ชีวิตหลังตาบอดให้ลูกสาว เพราะต้องจูง ต้องจับ สัมผัสกันตลอด คนดูแลก็ต้องเป็นผู้หญิง อ้าว เรื่องต้องเป็น ญxญ เข้าไปอีก ด้วยเหตุปัจจัยที่คิดและเขียนไปทีละบทๆ (ไม่ได้วางพล๊อตอะไรไว้ก่อนเพราะไม่เคยรู้จัก) อ้าว คนก็ต้องมีเพื่อน มีแฟน ตัวละครค่อยๆ ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เรื่องเลยยาวไปเป็น 30-40 ตอน
- จากการที่เรามั่นใจว่าเรื่องที่เราเขียนมันมีเจตนาดี สารที่สื่อชัด เราจึงลองส่งเข้าประกวดโครงการ "เรื่องแปลกแหวกแนว" ของเว็บนี้ ผลคือชนะเป็น 1 ใน 6 เรื่องแหวกแนวของเว็บ ด้วยความสงสัยของเรา จึงอาจหาญส่งเมลไปถามพี่กรรมการว่าเลือกด้วยเหตุใด..
....ต้องขอบคุณที่พี่เขาตอบกลับมาบอกว่า.. เรื่องของเรากรรมการทุกคนปัดตกรอบแรก มีเพียงเขาคนเดียวที่ขอให้หยิบขึ้นมาพิจารณา ด้วยความแปลก คือกล้าที่จะหยิบยกเอาความรู้เรื่องของคนพิการมาใส่ในนิยายแบบจัดเต็ม พี่เขาขอให้ทีมไม่เอาความเป็น ญxญ มาตีค่าว่าเรื่องไม่หมาะสม.. เราได้อ่านคำตอบแล้วน้ำตาจะไหล พี่เขาบอกให้เขียนต่อไปให้จบนะ
มันคือกำลังใจที่สำคัญมากๆ ของเราคนที่เขียนนิยายจากเจตนาเดียวคืออยากสร้างความเข้าใจคนพิการให้คนทั่วไปรู้ และประกอบกับมีนักวิจารณ์ 3 คน(มือดีที่เราเองไม่ต้องการใครอื่นมาวิจารณืให้อีกแล้ว) ช่วยมาอ่านแนะนำก็ยิ่งเพิ่มความตั้งใจในการเขียนและจะรีไรท์ไปเรื่อยๆ ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
- เราคิดว่านิยายเราอาจเปรียบได้กับ เมนูหอยทาก ที่คนทั่วไปเห็นอาหารจานนี้คงร้องยี้และเมินหน้าหนี จะมีเพียงแค่ผู้กล้าหรือผู้ชอบลองสิ่งท้าทาย หรือ แม้แต่คนที่เป็นสายกินหอยทากที่เห็นจานอาหารของเราแล้วเขาก็มักไม่สนใจกินอยู่ดีเพราะเป็นหอยทากพันธุ์ที่เขาไม่คุ้นเคย (ญxญ แล้ว ตัวเอกยังตาบอดเข้าไปอีก อยากจะบอกว่า ค่าทางคณิตศาสตร์ – เจอ – ค่ามันเป็น + นะ)
ขอฝากลิงก์ไว้.. เผื่อเพื่อนๆ อาจจะอยากไปดูหน้าตาเมนูหอยทากพันธุ์พิเศษค่ะ
https://my.dek-d.com/rinyada3579/writer/view.php?id=902423
อันนี้ e book โหลดอ่านฟรีค่ะ https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTc4NTcxIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMTE5NTQwIjt9
ได้อ่านแล้วรู้สึกชอบในหลายๆอย่างเลยครับ ทั้งแนวคิดในการเขียนแล้วเรื่องราวของนิยาย ถ้างั้น จขกท จะไปดูหอมทากพันธุ์พิเศษด้วยนะครับ^_^
ค่ะ ของแปลกก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป
เราเพียงชี้ชวนให้หยิบขึ้นมาดูสักนิด ถ้ามันไม่ใช่ก็แค่วางคืนหรือปาเข้าป่าไปค่ะ 555+
ใช่เลยค่ะ เราติดคิดคล้ายๆคุณ อยากแต่งเป็นของตัวเองสักเรื่อง แต่พอนึกไปว่าตัวละครมีความสัมพันธ์มากกว่าหนึ่ง(สังคมเพื่อน/ครอบครัว/ที่ทำงาน) โหไปต่อไม่ถูกแล้ว จะเดินเรื่องยังไงให้ตัวหลักไปถึงพอยท์ที่สัมพันธ์กับความเป็นจริง มันกลายเป็นเรื่องยากกับเราเลย เราอ่านนิยายเยอะมากพลอตในหัวก็เยอะ แต่มันติดอยู่แค่นี้จริงๆ;-;
ไม่ทราบได้ลองเขียนบ้างแล้วหรือยังคะ
เราว่ามันก็ไม่ยากเกินไปนักหรอกนะคะ ค่อยๆ ทำไป เราว่าคุณทำได้อยู่แล้วล่ะ แค่อย่าใส่ตัวละครมามากนักเอาแค่เท่าที่จำเป็นก่อนในเรื่องแรกๆ
ของเราทำอย่างที่เขียนไว้เลยค่ะ นึกได้ว่าตัวนางเอกต้องเกี่ยวพันธ์กับใครบ้างก็เพิ่มตัวละครเอาให้น้อยที่สุดที่ดูพอจะสมจริง ตัวเอกอีกตัวก็เอาแค่พ่อแม่ จัดให้น้องตายไปซะ แม่อีกฝั่งตายไปซะ เขียนง่ายหน่อย 555+
ที่ไม่ใส่มาเยอะกลัวว่าเดี๋ยวเขียนแจกบทบาทเขาไม่หมด เอาแค่พยายามเดินเรื่องให้ครบประเด็นที่เราอยากสื่อสาร แล้วที่เหลือก็ให้มีบทน่ารักๆ กันบ้างเดี๋ยวคนอ่านก็จะเคืองว่านี่มันใช่นิยายรักไหม อิอิ
นั่นสิเนอะ ลองเขียนแคบๆเน้นน้อยไว้ก่อน จุดเชื่อมต่างๆจะลองจับวางใหม่ดู ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
มันเป็นความเพ้อฝันของตัวเอง เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่เราจัดการได้ มันอยู่ในมือ
เริ่มเขียนเพราะเพื่อนชวนเล่นกัน เขียนตาม ๆ กัน แต่เกิดรักตัวละคร(ไม่ใช่รักแบบน้าน) อยากให้มันทำโน่นทำนี่ แกล้งมัน เล่นกับมัน สร้างความน่าเอ็นดูให้มัน แต่แน่นอน พอเขียนพับลิคแล้วก็ดันอยากใส่แนวคิดต่าง ๆ แฝงไปให้คนอ่านตลอด จะเข้าใจและดูออกหรือเปล่าก็แล้วแต่วิสัย เพราะไม่เคยเขียนลงไปตรง ๆ เดี๋ยวโดนหาว่าสอน
สุดท้ายน่าจะเพราะรู้สึกสนุก ท้าทาย แล้วก็ชอบ กำลังใจก็ได้จากตัวเองทั้งนั้นแหละ เคยเขียนหลายเรื่องแต่จริงจังยังเรื่องเดียวอยู่ จะเอาให้มันจบ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ความเอ็นดูน่ารักนะครับ จขกท ก็เป็นนะ555
หลายๆอย่างในคอมเม้นนี้เหมือนผมเลย ผมเลยคิดว่าไม่แน่อาจจะมีคนที่เพ้อฝันแบบนี้ที่มาเขียนนิยายอีกเยอะแน่ๆรึเปล่านะ?
เคยเป็นนักอ่านตัวยงมาก่อนไม่น่าจะต่ำกว่า2000เล่มรวมทั้งการ์ตูน เสียดายที่มาทิ้งช่วงเป็น10ปี แต่ไม่เคยคิดจะเขียนมาก่อนเลย เคยเขียนแต่วรรณกรรม ร้อยกรองสั้น ๆ ตามโอกาสบ่อย ๆ เซ่อมาตลอด จนกระทั่งราว ๆเดือนมิย .ปีผ่านมาจึงสนใจศึกษางานเขียนทางออนไลน์ และลองเขียนเรื่องแรกครับ ชอบครับ ตอนนี้ต้องขอบคุณตัวอักษรทุกตัวที่ออกมาวิ่งเพ่นพ่านในสมองจนน่ารักไปหมดครับ เพ้อเจ้อ555
น่าร๊าก มันเป็นสิ่งที่รักจากการอ่านจนมาสู่ๆการเขียน ชอบมากครับ
ขอบคุณครับ
จุดเริ่มต้นจากการได้อ่านนิยายหวานแหววเรื่องหนึ่งแล้วอยากเขียนบ้างค่ะ ตอนเด็กๆ เราติดหนังสือการ์ตูนมากๆ อยู่ในร้านเช่าการ์ตูนได้เป็นวันๆ จนเพื่อนแนะนำให้อ่านนิยายค่ะ หลังจากนั้นก็ยาวเลย นิยายในห้องสมุดก็ตามอ่านจนหมดทุกเล่ม พออยากมีหนังสือเป็นของตัวเองบ้าง ก็เลยเริ่มลงมือเขียนค่ะ
แต่ปัจจุบันเราเขียนนิยายเพื่อเยียวยาตัวเองค่ะ เราเป็นพวกคิดมาก เครียดง่าย และจิตตกง่าย มีอะไรมากระทบหน่อยก็จิตตกไปทั้งวัน ปัญหาที่บ้านก็รุมเร้าจนไม่เป็นอันทำงาน อยากหนีออกไปอยู่คนเดียวไกลๆ ก็ติดโควิด19 อีก ทุกวันนี้ช่วงเวลาส่วนใหญ่แทบจะเรียกว่าหันหน้าเข้ากำแพง ก็มีนิยายที่เราเขียนนี่แหละค่ะที่เป็นสิ่งเดียวที่เป็นดั่งใจ ไม่ทำให้เราหงุดหงิด เหมือนได้กินโกโก้ไข่มุก
สู้ๆนะครับ การคิดมากมันอาจจะแก้ให้หายไม่ได้(เพราะจขกทก็เป็น)
แต่การมีสิ่งที่เยียวยาจิตใจตัวเองให้เดินต่อไปได้ เป็นสิ่งที่วิเศษมากครับ
ทำต่อไปนะครับ ถ้ามีเวลาว่างผมจะไปติดตามผลงานให้ได้
ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะคะ
เริ่มจากอ่านเลยค่ะ อ่่านนิยายเยอะมากกกก หลายแนวด้วย ทั้งสืบสวน แฟนซี นิยายรัก ฆาตกรรม และก็อ่านพวกวรรณกรรม นิยายแปลด้วย พอทำแบบนี้เราจะรู้ตัวอ่ะค่ะว่าชอบงานเขียนแนวๆไหน แล้วพอเราเริ่มอยากจะเขียนอ่ะค่ะไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นมั้ยแต่นี่พล็อตจะไหลเข้ามาเอง555555555 น่าที่เราคือเขียนพล็อตไว้ในกระดาษ แล้วก็เขียนตามนั้นเลยคับ
เป็นเหมือนการเริ่มต้นจากอ่านสู่เขียน และยังมีพรสวรรค์จากความคิดจากสมองที่จินตนาการเก่งทำให้มีพล็อตอยู่ในหัว สุดยอดเลยครับ
ขอบคุณมากเลยค่ะ เธอก็สู้ๆนะ
ด้วยกระแสที่ดีเลยกลายเป็นใบเบิกทางในการเขียนนิยาย
เราเป็นคนที่พ่อสอนให้รักการอ่านมาตั้งแต่เด็กค่ะ พ่อชอบเล่านิทานให้ฟัง ชอบอ่านนิยายกำลังภายในของโก้วเล้ง กิมย้ง ฯลฯ เรื่องหนังสือนี่พ่อทุ่มให้ไม่อั้นเลย เรากับน้องสาวเลยกลายเป็นพวกรักการอ่านเหมือนพ่อ
ตั้งแต่เด็กก็อ่าน วรรณกรรมเยาวชนของ โรอัลด์ ดาลห์ บ้าง อีนิด ไบตัน บ้าง บันทึกลับของแอนน์ แฟรงก์ โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง แฮรี่พอตเตอร์ ฯลฯ
พอโตมาหน่อยก็อ่านพวกนิยายสืบสวนสอบสวน อย่าง คินดะอิจิ มิเกะเนะโกะ โฮล์ม อกาธา คริสตี้
ส่วนพวกการ์ตูนโชเน็นนี่อ่านหนักๆ ช่วงมหาลัย เพราะอยู่ใกล้ร้านเช่าการ์ตูน (ดราก้อนบอล กินทามะ FMA)
เรื่องเขียนนิยาย ครั้งแรกตอน ม.ปลาย เพราะ Puppy Love ค่ะ เขียนไปเขียนา ออกทะเล (นึกแล้วก็ขำตัวเอง เอาคนที่ชอบเป็นพระเอก อาศัยประสบการณ์จริงตอนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเขียน)
พออยู่มหาลัย ไอเดียที่ได้มาเขียนนิยาย ส่วนใหญ่ได้มาจากอนิเมะกับมังงะมากกว่า (เราสาย J) ส่วนใหญ่จะหลงใหลพวกพลังพิเศษ ความโชเน็น มิตรภาพลูกผู้ชาย และรวมไปถึงเรียนสายวิทย์ นิยายเราเลยค่อนไปทาง ไซไฟ-แฟนตาซี
สำหรับเรื่องสำนวนภาษา เราอ่านนิยายเยอะมาเป็นทุนเดิม ถึงนิยายที่อ่านเป็นคนละแนวกับที่เขียน แต่เราคิดว่าภาษาเราไม่ได้แย่ค่ะ ยังต้องเกลาบ้าง แต่ไม่มีปัญหามากนัก (มั่นใจว่าเป็นคนที่ภาษาไทยแข็งแรงคนนึง จะมีปัญหาคือชอบพิมพ์ตกหล่นมากกว่า)
หลังๆ ทำงานแล้ว มาถึงมีทางของตัวเอง เป็นอ่านนิยายวายจีน 555
พูดมายาว ที่อยากจะบอกก็คือ พราะอ่านมาเยอะ เสพโน่นนี่เยอะ เลยอยากระบายจินตนาการบ้าง บวกกับชีวิตจริงเพื่อนน้อย ไม่ค่อยพูด ก็เลยเขียนนิยายที่จะนำเสนอแนวคิดของตัวเองออกมา มันก็มีเท่านี้แหละค่ะ เคยหยุดเขียนไปเป็นปี แต่สุดท้ายก็กลับมาอยากเขียนอีก ไม่จบสิ้น
ประสบณ์การเป็นสิ่งที่สำคัญแทบจะที่สุด การที่ได้อ่านมากจึงเชื่อมต่อกับการเขียนและกลายเป็นนักเขียนนิยายในที่สุด
ส่วนที่เริ่มอ่านนิยายก็เพราะเพื่อนแนะนำมา ตอนแรกๆก็ไม่ค่อยอยากจะอ่านหรอกเพราะแบบเราไม่ชอบอ่านหนังสือมากๆๆๆ(โดยเฉพาะหนังสือเรียน) เพราะงั้นพอเห็นตัวหนังสือในหนังสือนิยายเพื่อนก็เลยส่ายหัวยิกๆ จนเพื่อนแนะนำให้มาลองอ่านในเว็ปนี่แหละถึงจะติด
หลังจากอ่านไปได้ปีสองปี ตอนแรกๆก็อ่านอย่างเดียวนะ แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกใจหน่ะเลยมาเป็นนักเขียนเองแทนซะนี่
ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนเหมือนกันเลย บางทีที่หลายคนไม่ชอบอ่านหนังสือเรียนก็อาจจะเป็นเพราะหนังสือเรียนมีแต่ตัวหนังสือที่ต้องทำความเข้าใจ เรียนรู้ตามหลักการที่ถูกต้อง
ต่างจากนิยายที่ส่วนใหญ่จะมีการจินตนาการด้วย และบางเรื่องยังแทรกเนื้อหาความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง แบบเนียนๆ ทำให้ผู้อ่านจดจำได้ง่ายกว่าปกติ
เพราะอยากเขียนมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เกิดจากการที่เราอ่านมาก่อนก็อยากจะเขียนบ้าง สนุกในการเขียน สนุกเวลาเห็นคนอ่านมีปฏิกิริยา มันเป็นกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข
เราเกิดมาเพื่อทำให้เราและคนรอบข้างมีความสุข เหมือนกับเขียนนิยายแล้วผู้เขียนมีความสุข จากนั้นผู้อ่านก็มีความสุขตามเนื้อเรื่องของผู้เขียน
อ่านแล้ว สวมมงทันทีเลยค่ะ 555
เราเป็นคนชอบเขียนชอบอ่านมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ เริ่มแรกเลยคือครอบครัวเราฝึกให้เขียนไดอารี่ เราก็เริ่มฝึกเขียนแสดงอารมณ์มาตั้งแต่นั้นว่าวันนี้รู้สึกยังไง เจออะไร เหมือนมันเป็นการฝึกเขียนบรรยายไปในตัว เราเริ่มเขียนที่เรื่องสั้นก่อน มาเรื่อยๆจนเริ่มเขียนนิยายแบบจริงจัง ส่วนอ่านก็ชอบค่ะ ทั้งชีวิตนี้อ่านหนังสือมามากกว่า20เรื่อง ส่วนกำลังใจหรือแรงผลักดันของเราไม่ได้อยู่ที่ยอดคอมเม้นท์หรือยอดหัวใจค่ะ แปลกไหมคะ?555 มีเราเป็นแบบนี้คนเดียวรึเปล่า คือเราเขียนเพราะใจรักจริงๆ ไม่เกี่ยวกับยอดวิวยอดอะไรทั้งสิ้น เรามักเห็นหลายๆคนบ่นหรือท้อเวลายอดพวกนั้นน้อย แต่สำหรับเราถึง ถึงเรื่องนั้นๆจะมียอดคนอ่านน้อยหรือเยอะก็ตาม เราก็จะมุ่งหน้าเขียนเรื่องราวที่มาจากจินตนาการของเราต่อไปค่ะ เรียกง่ายๆก็คือใจมันรัก อยู่วงการนี้มานาน อะไรก็ฉุดไม่อยู่ค่ะ 5555
เพราะเป็นรักแท้จึงไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งได้
ชอบแนวคิดของทุกคนของทุกคนเลย หลากหลายคนก็หลากหลายแนว
แต่ถึงอย่างนั้นนักเขียนนิยายก็มีในรักในการเขียนกันทั้งนั้น
คือเราชอบอ่านนิยายมาตั้งแต่เด็ก ๆ ค่ะ คือตอนประมาณประถม6 เริ่มอ่านแจ่มใส พอมาตอนม.1 ก็กลายเป็นสาววายเลยเลิกอ่านชายหญิง เราอ่านชายชายมาเรื่อย ๆ ค่ะ แล้วแนวที่เราชอบส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีคนเขียน หรือถ้ามีคนเขียนจริง ๆ ก็ถูกใจเราน้อยมากเลยค่ะ เลยตัดสินใจออกมาเขียนเอง ทีแรกก็คิดในแง่ดีว่าต่อให้ไม่มีใครอ่าน ก็คิดซะว่าเขียนให้ตัวเองอ่านแล้วกัน สุดท้ายก็มีคนติดตามคอยอ่านอยู่หยิบมือนึงค่ะ แต่ก็เพียงพอแล้วนะสำหรับเรา555 คือคอมเมนต์สำหรับเราจริง ๆ งะ คือยอดคนอ่านก็ส่วนหนึ่ง แต่เรานี่มองยอดคอมเมนต์เป็นหลักเลย ที่ทำให้เขียนต่อมาเรื่อย ๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?
บทความที่คนนิยมอ่านต่อ