Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เส้นทางชีวิตเด็ก ตจว สู่คะแนน 80+ (Part 1 การอ่านหนังสือ รีวิวคอร์ส+หนังสือ)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีทุกคนนะครับ เราชื่อ ภูริช เป็นเด็กต่างจังหวัด จากโรงเรียนนครสวรรค์ ปัจจุบันสอบติดแพทย์ศิริราชรุ่น 131 ด้วยคะแนนรวม 81.0926 คะแนน วันนี้เราจะมาบอกเล่าเส้นทางชีวิตของเรา รวมถึงคำแนะนำทั้งหมดเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบให้น้องๆได้ฟังทั้งหมด ม.ต้น ก็อ่านได้นะ มีเนื้อหาที่วางไว้ประมาณนี้

1-   คำถามยอดนิยม (อ่านหนังสือ & เตรียมสอบ)
1-   รีวิวคอร์ส+หนังสือ (คอร์สเตรียมสอบเอนท์)
2-   คำแนะนำรายวิชา (การอ่าน/ฝึก/เตรียมตัว แต่ละวิชา)
2-   รีวิวข้อสอบ (กสพท, GAT, PAT, ONET, วิชาสามัญ)
3-    ชีวิตช่วงมัธยม (เรื่องส่วนตัว + คำแนะนำสำหรับคนที่ไม่ใช่ ม.6)

อาจจะยาวหน่อย5555 เลือกอ่านเฉพาะจุดที่ต้องการได้เลย
สำหรับ Part 2 และ 3 ตามต่อได้ที่นี่
Part 2:   https://www.dek-d.com/board/view/3976439/
Part 3:   https://www.dek-d.com/board/view/3976440/

ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะครับ มีอะไรทักมาถามได้เลย ที่ ig: phrich417

**นี่เป็นเพียงหนึ่งในเส้นทางชีวิตของคนคนนึงเท่านั้น คนที่ได้ 80+ ปีนี้มีหลายคน และอาจใช้วิธีที่ต่างกันไป กรุณาปรับใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคน**

————   คำถามยอดนิยม    ————

mailการอ่านหนังสือยังไงให้จำได้หมด?
สนุกกับการเรียนรู้ คือวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เปิดใจในเรื่องที่จะอ่าน/จะเรียน ซึ่งแน่นอนว่ามันยากมาก5555 โดยเฉพาะกับวิชาที่ไม่ชอบ ก็ใช้วิธีอ่านทวนเยอะๆเอา
- สร้างบรรยากาศให้เหมาะกับการเรียน อย่าอ่านบนเตียง ไม่อยู่หน้าคอม ลุกขึ้นมาบนโต๊ะ หรือไปห้องสมุด/คาเฟ่ก็ได้ (เราอ่านหน้าคอม แน่นอนว่าไม่เวิร์ค เผลอๆก็เปิดเกม) ฝึกควบคุมตัวเอง โทรศัพท์ใช้เฉพาะหาข้อมูล/ธุระจำเป็น แบ่งเวลาให้เป็น
ตั้งใจเรียนให้เต็มที่ แนะนำทำสมาธิก่อนอ่าน/เรียนซัก 1 นาที อ่านแล้วต้องจำได้ จำไม่ได้อย่าข้าม ถ้าไม่เข้าหัว หยุดพักผ่อน 5-30 นาที อ่านสลับพัก พักแล้วกลับมาอ่านด้วย5555 มีดินสอ/ปากกาไฮไลท์ชี้ ช่วยเพิ่มสมาธิได้เยอะมาก ไม่ต้องอ่านยาวๆก็ได้ พี่อ่านวันละไม่ถึง 2 ชม เอง (ยกเว้นช่วงก่อนสอบก็รัวๆ)
ทวนตัวเองอยู่ตลอด ว่าตกบกพร่องเรื่องไหนไป นึกเนื้อหาตรงไหนไม่ออก กลับไปหาอ่านเลย อย่าปล่อยไม่รู้ บางอย่างถ้าเราเข้าใจ เราอาจจะไม่ต้องจำ หรือบางอย่างคิดวิธีจำเฉพาะของเราเองมาไว้เลยก็ดี ควรทำสรุป/shortnote เรียบเรียงความคิดตัวเอง ทำเป็น mindmap แบบ Supermap (ฟิสิกส์ OnDemand) ก็ดี แต่อย่าเสียเวลานานเกินไป ไม่ได้ทำส่งประกวด(รึถ้าจะทำขายก็อีกเรื่อง55555)

mail  วางแผนการเรียน/อ่านหนังสือยังไง?
คณิต อังกฤษ ต้องใช้เวลาเก็บเป็นปี ใครไม่มีพื้นฐาน ต้องวางแผนดีๆ
วิเคราะห์ ไม่ควรมาลนเก็บช่วงใกล้สอบ
ความจำ ทยอยเก็บเรื่อยๆ + เก็บช่วงใกล้สอบอีกรอบสองรอบ
-  ลุยเรียนวิชาที่ไม่ถนัดก่อน
-  เวลามักจะน้อยกว่าที่คิด เผื่อเวลาไว้ก็ดี

สำหรับคนที่เรียนกับคอมซึ่งพี่แนะนำมาก เพราะมันย้อนหลังได้ เร่งได้ ให้เหมาะกับตัวเอง(ข้อเสียขึ้นอยู่กับตัวเราเอง) รวมๆแล้วมันจะมี 3 ด่านหลักๆได้แก่
คอร์สแยก (พวก ม.4 เทอม 1 ไรงี้)
คอร์สเอนท์ (สรุปเนื้อหาที่ออกสอบ+โจทย์ทั้งหมด) ถ้าจบแล้ว กรุณาเข้าใจให้ได้ทุกอย่างด้วย อย่าหลงๆลืมๆแบบคอร์สแยก
คอร์สกลุ่ม “Upskill” “ตะลุยโจทย์” (อาจมีเนื้อหามา rerun นิดหน่อย แล้วเป็นโจทย์ทั้งย้อนหลังและ mock)

ตัวเราเองเรียนคอร์สแยกทั้งหมดของ OnDemand และ Enconcept เริ่มตอนขึ้น ม.4 แล้วจบตอนจะขึ้น ม.6 แล้วตอน ม.6 ก็เรียนคอร์สเอนท์เฉพาะวิชาที่ยังไม่ได้(เพราะไม่มีเวลาเรียนทั้งหมด5555) แล้วตอนใกล้ๆสอบ เรียนคอร์ส Upskill(ซึ่งก็เรียนไปแค่วิชาเคมี เพราะไม่มีเวลาเช่นกัน) ส่วนไทย-สังคม เราสละเวลาช่วงปิดเทอม 1 ม.6 ทั้งหมด ไปเรียนคอร์ส Intensive ของ DAVANCE

ส่วนตัวไม่ชอบชีวะมาก เพราะไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่เพราะเผลอไปลง สอวน ชีวะ (เลือกอันดับผิด) แล้วรอดมาถึงค่าย 2 เลยได้ทวนชีวะหลายรอบโดยบังเอิญ คะแนนเลยดีหน่อย

ส่วนตารางการอ่านหนังสือ เราไม่มี ไม่คิดจะมีเพราะไม่คิดว่าจะทำได้5555 วันนั้นเราคิดว่าจะลืมเรื่องไหนก็จะอ่านเรื่องนั้น มีหลายวันที่ไม่ได้อ่านหนังสือก็มี(ใช้คำว่าอ่านหนังสือแค่บางวันจะดีกว่า) หลักๆคือ ทวนสิ่งที่พึ่งเรียนไป+จุดที่ไม่ได้/จุดที่ลืม มากกว่า อ่านทวนเนื้อหาที่เข้าใจหมดแล้ว ถ้าสำหรับวิชาที่คิดว่าโอเคหมดแล้ว ก็ไปไล่ฝึกโจทย์ให้หมด

ในช่วง ม.5-6 เราสามารถลงสอบ Mock หรือพวกสนามสอบจำลองอย่าง PRETCAS, Dek-D แนะนำให้ไปลองสอบดูเพื่อค้นหาจุดเด่น จุดด้อย ของตนเองเพื่อวางแผนปรับแก้ไขในอนาคต + ก่อนสอบจะได้เป็นการบังคับอ่านหนังสือไปเองในตัวด้วย

mail   ชีวิตช่วงเตรียมสอบเป็นยังไง?
ส่วนตัวพี่เฉยๆ อ่านหนังสือ ก็อย่างที่บอกไป อ่านไม่ถึง 2 ชม เล่น/พัก 3-5 ชม จริงๆก็เพราะพี่ขี้เกียจด้วยแหละ แต่ไม่ได้เล่นอย่างเดียว ทุกวันจะไปเรียนคอร์สที่ลงไว้วันละ 3-5 ชม เป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวสำหรับพี่ คิดว่าพี่ได้ทำเต็มที่ในการเรียนช่วงนั้นแล้ว สมองล้าก็พัก อ่านต่อก็ไม่มีประโยชน์ ยกเว้นว่าเรียนแล้วไม่เข้าใจ/มีจุดที่จำไม่ได้/มีเรื่องที่อยากรู้/เรื่องที่นึกแล้วลืม/เพื่อนส่งโจทย์มาถาม อันนี้ก็จะลงทุนอ่านต่อหน่อย คนเรามันมีลิมิตอยู่ หาให้เจอว่าตัวเราเองควรอ่านนานแค่ไหนแล้วยังจำ/เข้าใจได้หมดอยู่ พักแค่ไหนถึงจะกลับมาเรียนรู้เรื่อง แล้วใช้ชีวิตอยู่ในจุดๆนั้น สนุกไปกับการเรียนรู้และความท้าทายในการทำโจทย์

mail   ทำยังไงให้ลุกขึ้นมาอ่านหนังสือได้?
ปัญหาที่เรียกได้ว่ายากที่สุดในชีวิตพี่ เพราะพี่เกลียดหนังสือมาก55555 แค่เห็นความหนาก็จะอ้วกละ แรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือหาได้ตาม studygram ต่างๆในไอจี พูดง่ายๆ เป็น IG ที่จะลงว่าอ่านอะไรไปบ้าง ซึ่งจะช่วยปลุกกำลังใจเราได้มากพอสมควรเลย(หรือน้องจะทำ stdg เองก็ได้) เราไม่ได้ทำเพราะไม่ค่อยอ่านหนังสือ55555

สำหรับคนที่ท้อ ในนั้นมีคนที่ใช้เวลาครึ่งปีจากคะแนนรวม 50 ไป 86 ก็มี คนที่ซิ่วมา 4 ปีเพื่อจะเอาหมอก็มี ความพยายามจะพาเราไปสู่เป้าหมายเอง! อย่าพึ่งท้อ มีเวลาเยอะแยะ 1 นาทีก็มีค่า(ประสบการณ์ตรงจากตอนสอบ5555)
 
อีกอย่างคือคบเพื่อนดีๆ สังคมที่พากันเรียนในช่วงใกล้สอบมันเป็นอะไรที่ดีมากๆ ทั้งช่วยเพื่อน สอนเพื่อน แข่งกับเพื่อน แชร์ข้อสอบ/หนังสือ มันทำให้เราสนุกกับชีวิตเราได้ ไม่เครียดด้วย ทำให้มีแรงฮึดสู้ต่อไปได้ตลอดด้วย

mail   คำแนะนำในการฝึกโจทย์ให้เก่งๆ
- อย่าท้อกับแค่ 0/10 ถ้าดูเฉลยทั้ง 10 ข้อนั้นแล้วทำใหม่ ก็ได้เต็มแล้ว เราอาจจะแค่ไม่รู้วิธีคิด (ยกเว้นว่าจะสะเพร่าผิดทั้ง 10 ข้อ)
- บางข้อต้องเคยเจอถึงจะทำได้ ถ้าทำข้อนั้นเกิน 5-10 นาทีแล้วยังไม่รู้วิธีคิด ดูเฉลยเลย อย่ามัวเสียเวลา (esp. คณิต, ฟิสิกส์)
- จดเตือนสติไว้ว่าเราพลาดเพราะอะไร หาเป็นสมุดเปล่าๆซักเล่มก็ได้มาจด (ลืมเนื้อหา/จำสลับ/อ่านโจทย์ตก/เข้าใจโจทย์ผิด/สะเพร่า/กาผิดข้อ) (esp.คณิต, เคมี)
- เรียนรู้จากโจทย์ จำไม่ได้/ไม่เข้าใจ กลับไปอ่าน อย่าปล่อยผ่าน บางข้อจะช่วยให้เราจำได้+เข้าใจเร็วกว่าอ่านอีก
- ถ้าแม่นแล้ว ฝึกจับเวลาทำโจทย์ เลือกทำข้อง่าย/ได้คะแนนชัวร์ๆก่อน กันการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันตอนสอบจริง + การฝึกจะช่วยลดความลนตอนสอบจริง (เคมี, คณิต, อิ้ง)

mail  คำแนะนำช่วงใกล้สอบ
  ช่วงใกล้สอบ
- พยายามปรับเวลานอนให้เป็นปกติ พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพ ดูแลตัวเอง
- ก่อนวันสอบ ปรับเวลามาพักสมองมากขึ้น อ่านได้ แต่อย่านาน ควรเลือกพาร์ทจำ 1 วันก่อนสอบ/อ่านสรุปที่ตัวเองทำ
- ระวังเรื่องโรคระบาด** ใส่แมส เวลาออกนอกบ้าน/ไปที่เรียนพิเศษ
ช่วงสอบเสร็จ
- ปล่อยใจให้สบาย ถือว่ามันได้ผ่านไปแล้ว
- เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเช็คเฉลยในทวิต/จากเพื่อน (ที่เชื่อได้สุดคือ คณิต,ฟิสิกส์)
- ลองประเมินคะแนนรายวิชาเป็นเรนจ์ดู แล้วเอามาคิดเรนจ์คะแนน กสพท (ที่ให้ทำ เพื่อให้เตรียมตัวบาดเจ็บตอนประกาศผล) เราแนะนำกระทู้ของคนใน Dek-D ที่ชื่อ ไอสไตล์ คนนี้เค้าคำนวณเรนจ์คะแนน และให้คำปรึกษาเด็กมาหลายปีละ

————   รีวิวคอร์ส +หนังสือ  ————

**ส่วนตัวแนะนำให้หาที่ที่ตัวเองเรียนแล้วชอบ เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุด พี่ก็ใช้เวลาไล่หา+ลองเรียนนานอยู่เหมือนกัน
**คอร์สเกินระดับ Advanced/สอวน ไม่คุ้ม พวกคอร์สเอนท์มันเกินเนื้อหาบางส่วนให้คลุมข้อสอบอยู่ละ เอาเวลาไปเก็บจุดที่ยังไม่แม่นดีกว่า
**เคยเรียนหลายที่ แต่ขอรีวิวแค่อันที่เราถูกใจจริงๆ ไม่อยาก discredit ที่อื่น
**หนังสือนอกที่เรียน เราทำน้อยมาก ขอแนะนำจากที่เคยอ่านจากคนอื่นๆด้วยละกัน

mail     คณิต
KUMON (สำหรับคนที่จะฝึกพื้นฐาน)
- แนะนำสำหรับเด็กประถม/ม.ต้น เป็นที่ที่ทำให้พื้นฐานคณิตจากกากเป็นก็อดได้(ถ้าทนรับการบ้านที่นั่นไหว มีการบ้านให้ทุกวัน) ตอนแรกพี่โง่มาก สอบตก คูณเลขผิด บลาๆ พี่เริ่มเรียนตอน ม.1 ที่ระดับ C แล้วจบระดับ O ตอนจะขึ้น ม.4 (พี่เร่งมาก55555 ขก เรียนแล้ว)
- มีโจทย์ให้ทำเยอะมาก + ให้ทำซ้ำๆด้วย ช่วยฝึกความรอบคอบ+ทำเร็วได้ดีมาก ที่นี่ให้จับเวลาด้วย(ถ้าเราซื่อสัตย์อ่ะนะ5555) อีกอย่างมันฝึกเราหลายอย่างมาก เราจะได้ skill อะไรดีๆเยอะมากๆ
- ที่นี่ทำให้พี่ชอบคณิตมากๆ อยากเรียนรู้ไปเรื่อยๆเลย เพราะช่วงหลังๆโจทย์มันท้าทายมากๆ ช่วงระดับสูงๆวิธีการสอนที่นี่ คือ จะให้ดูตัวอย่างแล้วก็ทำเอง ซึ่งตรงนี้มันจะฝึกเราหลายอย่างมากๆ ทั้งการเรียนรู้จากตัวอย่าง การหาคำตอบด้วยตัวเอง มันช่วยฝึกให้เรารู้วิธีหาเอง ไม่ต้องรอใครมาป้อนด้วย
- ระดับยากสุด (ระดับ O) มีแคลคูลัสมหาลัยด้วย (Cal 1 + 2 นิดหน่อย + ODE) ก็จะได้แอบๆเรียนเนื้อหามหาลัยนิดหน่อย แต่กรอบเนื้อหาไม่ค่อยตรงกับ ม.ปลาย ต้องไปเรียนเพิ่มเอา
ALevel 
- สอนจับคอนเซ็ปต์ได้ดีมาก โดยรวมๆแล้ว เปิดเรื่องที่จะสอนได้ดี สอนเน้นวิธีคิด ไม่ได้หาสูตรลัดจ๋าไป สอนเรื่องที่เข้าใจยากๆให้ง่ายได้จนเหมือนดูไม่มีอะไรเลย ให้จำเท่าที่จำเป็นแบบพอใช้สอบจริงๆอยู่ในระดับที่กำลังดีมากๆ ไร้ที่ติเลย
- หนังสือมีหน้าสรุปแต่ละบทแบบย่อๆด้วย(ในคอร์สแยก) ส่วนในคอร์สเอนท์ก็จะเป็นเหมือนหนังสือสรุปแต่ละบทที่มีโจทย์แทรกเลย
- โจทย์ในเล่ม มีทั้งยากปนง่าย แต่ถ้าเป็นคอร์สเอนท์จะมีแต่โจทย์ยาก เยอะมากๆ ทำยังไงก็ไม่หมด มีโจทย์พวกสมาคม, สอวน, สสวท ด้วย แทบจะไม่ต้องหาจากที่ไหนมาเพิ่มอีกแล้วเลย
- คอร์สตะลุยโจทย์ PAT1 คือ รวมข้อสอบเก่าทั้ง กสพท วิชาสามัญ PAT1 แทบไม่มีเฉลยพลาดเลย
- เครือ OnDemand เรียนได้ทุกที่ผ่านระบบ LearnAnywhere
หนังสือแนะนำ
- ทุกเล่มของพี่ณัฐ อุดมพาณิชย์ เช่น Crack, Syntax, Vaccine
- Hack วิชาสามัญคณิต
- ตะลุยโจทย์เทพคณิต
- อ่านขาดคณิต (ยากสำหรับคน Advanced)
- HI-SPEED MATHS


mail   ชีวะ
พี่วิเวียน OnDemand
- เป็นที่ที่สอนชีวะได้ละเอียดและลึกที่สุดตั้งแต่ที่พี่รู้จักมา และเฉลยผิดพลาดน้อยที่สุดเช่นกัน เนื้อหาใช้ได้ยัน สอวน
- หนังสือสีสวยมาก เรียงเนื้อหาได้เป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุด วางเนื้อหาจบครบในหน้านั้น ทำให้ตำแหน่งเนื้อหาในหน้ามีส่วนช่วยในการจำด้วย
- มีจุดที่ต้องจดเองน้อยมาก รึจะจดพวกนอกเรื่องที่ก็ยังเกี่ยวกับในเนื้อหาอยู่ดี
- คอร์สเอนท์ทั้งลึก ละเอียดพอๆกับคอร์สแยกเลย สอนคอนเซ็ปต์ดีมาก มีความเป็นระบบสุดๆ มีวิดิโอประกอบ ถึงไม่ชอบชีวะก็รู้สึกว่าได้เข้าใจทุกส่วนของเนื้อหาชีวะจริงๆ
- มีสถิติการออกข้อสอบสนามหลักประกอบ คำแนะนำในการเลือกอ่านแต่ละบท
- โจทย์ยากมากจริงๆ วิเคราะห์กันสุดขีด เฉลยรับประกันความถูกต้องมากๆ ในคอร์สเอนท์ พี่เค้าเฉลยให้เองในเทปทุกข้อด้วย (อีกจุดสำคัญของชีวะคือการได้กลับมาทวนและย้ำความจำอีกรอบในโจทย์ อย่าข้ามเด็ดขาด!!)
หนังสือแนะนำ 
- ชีวะเล่มหมึก 
- Biomap
- อ่านขาดชีวะ
- Mock-up Biology Exam
-   Biology the Problem Book
- ชีวะ 15 พศ
- Hack วิชาสามัญชีวะ




mail   เคมี (ส่วนตัว อ.อุ๊ หรือพี่เคน ก็ดีทั้งคู่)
Upskill พี่เคน OnDemand
- เป็นคอร์สที่ทำให้พี่อัพคะแนนจาก 62 เป็น 86 ได้ ภายในเวลา 1 สัปดาห์
- มีสรุปเนื้อหาเคมี ม.ปลายทั้งหมดโดยคร่าวๆ(ที่ละเอียดมาก ครอบคลุมเนื้อหา 95%) ให้เรียน 20 ชม พูดง่ายๆคือ คอร์สเอนท์แบบย่อๆเลย จุดที่ละเอียดเกินมากๆจะไม่มี (บางอันมี แต่ต้องจดเพิ่มเอง)
- หนังสือสรุปออกแบบมาดีมี 2 เล่ม เล่มแรกเป็นสรุปเนื้อหาทุกอย่าง เล่นที่สองเป็นข้อสอบเก่าวิชาสามัญย้อนหลัง 8 ชุด
- พี่เคนสอนมีแทรกมุกตลอดเวลา เรียนได้เรื่อยๆไม่เครียด
- ในส่วนของคอร์สเอนท์+คอร์สแยก การบ้านเยอะอยู่ แต่เค้าจะเฉลยในคอร์สให้เกินครึ่งอยู่แล้ว ข้อหลายข้อที่คนในห้องสดไม่ถาม แต่เค้าเห็นว่าน่าสนใจ ก็จะเฉลยให้ เหมาะแก่พี่ที่แทบไม่ทำการบ้านเลยมากๆ
หนังสือแนะนำ
- ครูพี่กุ๊ก: หัวใจ Chemistry, ChemEasy, Chemwork
- สรุปเคมีของติวเตอร์พอยท์
- สกัดจุดเคมี
-   Hack วิชาสามัญเคมี
- เคมี 15 พศ


mail  ฟิสิกส์
V-series OnDemand
- สอนจับสอนคอนเซ็ปต์ได้ดีมากๆๆ มีโจทย์ประกอบการสอนแต่ละเรื่องตลอด มี bookmark โจทย์ที่ควรเห็นก่อนสอบไว้ด้วย ทำไว้เป็น QR Code ให้
 - หนังสือมีหน้าว่างให้จดเยอะ มีที่คั่นในตัว
- ทุกอย่างมีความระบบระเบียบมากๆ ทั้งการสอน ทั้งวิธีทำโจทย์โดยเฉพาะหนังสือที่เป็น mindmap ที่ออกแบบมาได้ดีเยี่ยม แต่ต้องเขียนเอง (or ถ่ายรูป ถ้าขี้เกียจจด)
- โจทย์เยอะมากๆ แทบไม่ต้องไปหาเล่มอื่น มีปะปนโจทย์ยากโจทย์ง่าย มีโจทย์เสริมท้ายเล่มด้วย (แหล่งรวมโจทย์ยากๆเลย)


mail   อังกฤษ
(เราเตรียมน้อยมาก เพราะมันอยู่ในชีวิตประจำวันเราอยู่แล้ว

Enconcept (เรียนตอน ม.4-5)
-   Ultimate Grammar  สรุป Grammar ได้กระชับและครอบคลุมมากๆๆๆๆ พวกตัวอย่างแปลกๆ ข้อยกเว้น มีหมดจริงๆ มีสรุปแบบ 1 หน้าจบอยู่ท้ายหนังสือด้วย
-   Ultimate Vocab  รวมศัพท์และสำนวนไว้เยอะมากๆ โดยศัพท์มีทั้งแตกจากรากไปเรื่อยๆกับ Synonym และมี Conversation ที่ใช้บ่อยๆด้วย ข้อเสียคือ ต้องจดเองทั้งหมด (ปวดมือมากกกก)
-   Memolody  เป็นคอร์สที่จะเอาศัพท์ที่เหลือ(หารครึ่งกับ Vocab) มาแต่งเป็นเพลงเพื่อให้เราจำได้เร็วมากขึ้น เราสามารถเปิดซ้ำได้ผ่านแอป MyMemolody (เราสารภาพนะ ไม่เคยเปิดซ้ำ เซ้นท์ทางเพลงเราแย่มาก ลืมหมดTvT)
-   โจทย์ที่เหลือ เยอะมากกกกกกก
หนังสือแนะนำ    (อันนี้เรารู้น้อยมากๆ)
- หนังสือทุกเล่มของ อ.ศุภวัฒน์ พุกเจริญ


mail   ไทย-สังคม
Turbo/Intensive อ.ปิง (เราเรียนแต่ Intensive)
- อ.ปิง เล่าได้สนุกมากกกกกก ใช้คำง่ายๆ เล่าเรื่อง K กับพวกช่วงเหตุการณ์ประท้วงได้สนุกมาก5555 + ได้ความลับดำมืด ข่าวลือต่างๆในประเทศไทยด้วย จดเพิ่มเยอะเลย55555(จุดที่เค้าเล่าบางอันเป็นข้อสอบ ONET เก่าด้วย
- ช่วงประวัติศาสตร์เหมือนได้เดินทางรอบประเทศ/โลกไปด้วยเลย
- เนื้อหาละเอียดยิบ(ในระดับที่โอเค) อธิบายชัด ย่อคอนเซ็ปต์ของแต่ละเรื่องออกมาได้ชัดเจนมาก มี infographic + ภาพประกอบ
- คอร์ส Intensive มีการจัดเนื้อหาสำหรับ ม.6 ด้วย ให้เรียนไป เก็บคะแนนในโรงเรียนไปด้วย
- Intensive จะมีโจทย์แค่ไทย+เศรษฐศาสตร์นิดๆ Turbo จะมีเล่มสรุปจุดที่โจทย์ออกบ่อยๆ และเล่มรวมโจทย์
- เวลาเหลือน้อย/ไม่ได้ชอบไทย-สังคม แนะนำ Turbo ไปเลย พอสอบละ(ก็คือ ต่อให้อ่านมากกว่านี้ก็ไม่ออก55555)
หนังสือแนะนำ
- Fight for U ฉบับ TCAS 4.0 อ.ชัย
- สรุปสังคม ม.ปลาย by Kru P’Ball
- สรุปสังคม ของติวเตอร์พอยท์
- คลังข้อสอบเก่า+แนวข้อสอบ DAVANCE


mail    ความถนัดแพทย์
ความถนัดแพทย์+Upskill OnDemand
- คอร์สเดียว จบเรื่องความถนัดแพทย์ทั้งหมดไปเลยจริงๆ
- โจทย์เยอะพอสมควร (มีทั้งของคอร์สเรียนหลัก + ของ Upskill)
-   พาร์ท IQ  ค่อนข้างดี โจทย์หลายรูปแบบ มีข้อสอบ BMAT มาให้ฝึกเพิ่มด้วย
-    พาร์ทจริยธรรม  พี่วิเวียนสอน แนะนำมากกกกกก เค้าไม่ได้ตั้งใจสอนแค่ให้เราทำข้อสอบได้ เค้าสอนให้เราเป็นคนดีจริงๆ ได้ข้อคิดอะไรหลายอย่างมากๆจริงๆ มันทำให้เราเข้าถึงความเป็นแพทย์มากขึ้นมากๆ
-   พาร์ทเชื่อมโยง   ใช้ตัวอย่างสอนคอนเซ็ปต์ ได้ดีมากๆๆๆ ทำให้เห็นภาพคอนเซ็ปต์ของโจทย์และจุดหลอกได้ดี มีหน้าให้ฝนสำหรับจับเวลาด้วย
หนังสือแนะนำ (มีแค่ของ GAT เชื่อมโยง)
- GAT ไทย อ.ขลุ่ย
- GAT จารย์บิ๊กซ์


ต่อ  Part 2:   https://www.dek-d.com/board/view/3976439/
 

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

โปกก 24 พ.ค. 63 เวลา 20:16 น. 2

เวลาทวนเนื้อหาคือเรียนเสร็จทำโจทย์กลับมาทวนวันต่อวันเสร็จก็ทำการบ้าน เเละเรียนไปเรื่อยๆ พอนึกได้ว่าลืมอันไหนก็กลับไปทวนใช่ไหมครับ หรือเเบบว่า ทำไปที่ละบทเวลาที่เผื่อไว้ก็เอามาลองทวนใหม่หมดเลย

5
phRich417 24 พ.ค. 63 เวลา 23:38 น. 2-1

ใช่ๆ ต้องใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน

ในระหว่างที่เรียนไปเรื่อยๆ (และถ้าขยันจริงๆ) ทวนวันต่อวันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดละ กลับมาอ่านเรื่องที่เรียน+ทำโจทย์ และถ้าลืมเรื่องก่อนหน้า ก็กลับไปอ่านก็ได้(ต้องกลับไปอ่านนะ) ถ้าจะอ่านแบบทบต้น ควรอ่านจากเนื้อหาใหม่ไปเก่า(ไม่งั้นก็อาจจะได้อ่านแต่หน้าแรกๆไปเรื่อยๆ)


สำหรับวิชาที่ห่างหายไปนาน หรือช่วงใกล้สอบ(พวกสอบย่อย/สนามจำลอง) (หรือคนที่ขี้เกียจทวนวันต่อวัน) ก็ใช้วิธีทวนใหม่ทั้งหมดก็ได้ (พี่ขี้เกียจ เลยส่วนมากมาทางนี้5555) หรือถ้าเวลาน้อย ก็เน้นจุดที่ยังไม่ได้

0
บุคคล 25 พ.ค. 63 เวลา 21:58 น. 2-2

พี่ครับเเล้วถ้าเวลาพี่จบเนื้อหาวิชาบางวิชาเเล้ว เเล้วเริ่มเรียนวิชาใหม่ พี่ก็เผื่อตารางเเต่ละวัน ว่าให้กลับไปทวนวิชาที่จบเเล้วบ้างปะครับจะได้ไม่ลืม ปล.ผมก็เป็นคนอ่านจบเเต่ละบทเเล้วค่อยมาอ่านทวนรวมโอเวอร์ออลตอนก่อนตะลุยโจทย์รสมครับผม

0
phRich417 26 พ.ค. 63 เวลา 16:50 น. 2-3

อันนี้พี่ว่าแล้วแต่น้องเลย สำหรับพี่ จะหยิบมาทวนเฉพาะตอนที่จะใช้แล้วนึกไม่ออก(ช่วงใกล้สอบนั่นเอง55555) ถ้าเริ่มเรียนวิชาใหม่ก็โฟกัสกับตัวใหม่ไปก่อน ถ้าตั้งใจเรียน+เรียนไม่เบลอ มันจะติดอยู่ในหัวเรานาน 1-2 เดือนอยู่แล้ว ทวนช่วงสอบย่อยหรือจะตะลุยโจทย์ไปเลยก็ได้


แต่กรณีที่สามารถเผื่อเวลาในแต่ละวันได้แล้วยังไหวอยู่(ซึ่งพี่ทำไม่ได้) ก็มาทวนหน่อยก็ดี จะทวนเนื้อหาหรือทำโจทย์ก็ได้ ทุกครั้งที่ทวน มันจะเกิดความเข้าใจใหม่ๆตลอด ซึ่งมันจะช่วยให้เราจำเนื้อหาตรงนั้นได้ดีขึ้นในแต่ละครั้งมากๆ


ถ้าไม่เหลือเวลา/เบลอ ก็นอนดีกว่า นอนให้เพียงพอ ช่วงที่หลับจะเป็นช่วงที่สมองจัดการกับความทรงจำ ทำให้จำเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น + การนอนทำให้เฟรช เรียนรู้เรื่องด้วย

0
บุคคล 26 พ.ค. 63 เวลา 21:47 น. 2-4

ขอบคุณพี่มากๆเลยครับผม ทวน เเบบพี่ ก็ได้ควมสบายใจไปเลย ไม่ต้องห่วงหน้า พะวงหลัง พี่ครับพี่คิดว่าถ้าทำโจทย์รวมตอนเเบบพึ่งเรียนเก็บเนื้อหาเสร็จ เเล้วทวนคราวๆเเต่ละบทหมดเเล้ว เอาข้อสอบจริงมาลองเลยมันจะเสียโจทย์ไหมครับ

0
phRich417 27 พ.ค. 63 เวลา 03:15 น. 2-5

พี่ว่าไม่หรอก ยิ่งฝึกกับข้อสอบจริงเร็ว ก็ยิ่งทำให้เราหาทางรับมือได้เยอะขึ้น รู้จุดบกพร่องของตัวเองมากขึ้น ทวนคร่าวๆเสร็จก็ลองเลยก็ได้ จะได้รู้ว่าต้องทวนจุดไหนมากขึ้น


แต่ก็เก็บพวกข้อสอบปีล่าสุด รึ 2 ปีล่าสุด ไว้ทำช่วงก่อนสอบก็ได้ จะได้เป็นการทบทวนตัวเองอีกรอบ พี่ก็ใช้วิธีนี้กับ PAT1 (จริงๆคือนึกไดัว่ายังไม่ได้ทำ)

0
่457 25 พ.ค. 63 เวลา 21:59 น. 3

การทวนไม่ตายตัวที่สำคัญๆจริง คือเผื่อเวลาก่อนสอบทำโจทย์เก่า ทบทวนสิ่งที่ลืมจุดบกพร่องใช่ไหมครับ

1
phRich417 26 พ.ค. 63 เวลา 16:25 น. 3-1

ใช่ครับ ถ้าไม่นับสะเพร่า ก็เหลือแค่จุดที่เราไม่รู้ ไม่ถนัดที่จะเป็นตัวฉุดคะแนนเราเพียงอย่างเดียว เราจึงควรจะเน้นทวนที่จุดๆนั้นเป็นหลัก พวกข้อสอบที่ดีๆที่เราผิดบ่อยๆก็มาร์คหัวไว้ ช่วงก่อนสอบก็เอาข้อพวกนั้นมานั่งไล่ดูด้วย

0
Nck 27 พ.ค. 63 เวลา 14:38 น. 4

หนังสือที่เรียนพิเศษ กับหนังสือโจทย์ นี้ต่างกันเยอะไหมครับ พอดีว่าเราลงเรียนพิเศษเหมือนพี่แล้วทำโจทย์ในนั้นแทน แต่หนังสือโจทย์ตามทั่วไปในใจก็อยากเอามาทำ แต่ในใจก็ไม่อยาก เลยอยากรู้ต่างกันไงครับ

3
Nck 27 พ.ค. 63 เวลา 14:42 น. 4-1

ปล.ผมเห่นพี่ก็น่าจะเป็นสายเกมเมอร์ แต่พี่ทำยังไงถึงเอาเรื่องเรียนไปได้ด้วยอะครับ

0
phRich417 4 มิ.ย. 63 เวลา 19:36 น. 4-2

ขอโทษที่มาตอบช้าหน่อยๆนะorz

ส่วนตัวพี่ว่าแทบไม่ต่างกันเลย ยิ่งฝึกหลายๆข้อก็ยิ่งดี บางที่มันจะมีการดัดแปลงข้อสอบเก่า หรือเป็นข้อที่คิดขึ้นมาใหม่เอง ทำให้เราได้ฝึกหลายๆรูปแบบไปด้วย ทำไปเรื่อยๆก็อาจจะเจอข้อซ้ำเดิมหรือข้อที่มีแนวคิดคล้ายๆกัน พี่ก็เลยคิดว่า ไม่ต่างกันหรอก ยิ่งดีด้วยซ้ำ ครอบคลุมหลายๆแนว ได้ฝึกเยอะๆ


แต่ก็มีข้อเสียคือ อาจจะไปเจอเล่มที่แย่ๆเฉลยผิดเยอะก็ได้55555 พวกเล่มที่พี่แนะนำก็คือคัดอันที่เฉลยผิดน้อยมากๆจนถึงไม่มีเลยมา แต่ก็ไม่ต่างกันกับในคอร์สอยู่ดีแหละ พวกโจทย์ในคอร์สก็มีเฉลยบ้างนิดๆหน่อยๆ เหมือนกัน

0
phRich417 4 มิ.ย. 63 เวลา 20:19 น. 4-3

สำหรับสายเกมเมอร์55555 การแบ่งเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญ เรียนเสร็จค่อยเล่นเพื่อพักสมอง เล่นก็อย่าเกินลิมิตตัวเอง จริงๆไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม สรุปก็คือ แบ่งเวลาให้เป็น อย่าเอางานอดิเรกมาก้าวก่ายเวลาเรียน พูดง่ายแต่ทำยาก(มาก)


ส่วนตัวพี่ แน่นอนว่า พี่ทำไม่ได้55555 มันยากเกินไป พี่ติดเกมมากกกก แต่ว่าพี่ไม่ชอบแพ้มากๆ รวมถึงเรื่องเรียนด้วย พี่ตั้งปณิธานไว้ว่าถ้าพี่เรียนแล้วไม่เข้าใจ พี่จะกลับมาทวนจนกว่าจะเข้าใจ+จำได้ พอเข้าใจแล้ว/ทำโจทย์ได้ มันจะให้อารมณ์ประมาณเคลียร์ Stage ในเกมได้ มันรู้สึกดีมากกกกก


รึจะเอาเรื่องเรียนมาประยุกต์ในงานอดิเรกก็ได้นะ55555 อย่างพี่ก็คือ เคยใช้ฟิสิกส์มาคำนวณความสูง max ของการกระโดดในเกมๆนึงด้วย, เกมหลายเกมก็มีส่วนช่วยในภาษาอังกฤษมากๆๆๆๆ จนอาจจะไม่ต้องเรียนอังกฤษก็พร้อมสอบได้เลย5555, การ speedrun ใช้ความรู้ด้านคอมกับคณิตหลายอย่างมาก (ตัวอย่างเช่น ลองเสิร์ช "SM64 Tas Explained" เราจะเจอกับ "Parallel Universe" ในเกม Mario)

0
phRich417 4 มิ.ย. 63 เวลา 19:27 น. 5-1

เอ่อ พี่เคยเข้าค่าย 2 ชีวะอะ น่าจะเรียกว่า เด็กโอลิมปิก ได้มั้งนะ

0
phRich417 28 พ.ค. 63 เวลา 01:22 น. 6-1

หมดไปเป็นแสน555555 รวมๆแล้วทั้ง ม.ปลาย อาจจะถึง 3 แสนเลย มีคอร์สที่เรียนไม่จบตั้ง 4-5 คอร์สด้วย เสียดายมาก

0
Kochiro 4 มิ.ย. 63 เวลา 18:24 น. 7

สอบถามหน่อยครับ คอร์ส upskill เคมี พี่เคน พี่เค้าสอนเฉลยข้อสอบสามัญหมดทุกข้อไหมครับ หรือมีข้ามบ้าง ขอบคุณมากครับ

1
phRich417 4 มิ.ย. 63 เวลา 18:50 น. 7-1

คอร์ส Upskill พี่เคน เค้าเฉลยไม่ครบทุกข้อ เฉพาะข้อที่เด็กในห้องสดถาม(รึบางข้อที่ห้องสดไม่ได้ถามแต่พี่เคนเค้าเห็นว่าน่าสนใจ) แต่ว่าเค้ามีเฉลยละเอียดไว้ให้ในระบบของ OnDemand อยู่ละ (ที่เรียกว่า OnlineSolution อะ)

0
phRich417 17 มิ.ย. 63 เวลา 22:57 น. 8-1

อย่างที่พี่บอกไปว่า

- Intensive จะเสียเวลา 3 เท่า แต่ก็จะได้ความรู้มากกว่า 5 เท่า ซึ่งต่อให้เรียนละเอียด ก็ใช่ว่าจะจำได้หมด หรือครอบคลุมข้อสอบ แต่ก็ได้ความรู้รอบตัวมากขึ้น

- Turbo จะมีข้อสอบของวิชาสังคมและข้อสอบเก่าด้วย ในขณะที่ Intensive จะมีข้อสอบไทยเยอะ แต่สังคมจะมีแค่บางเรื่องที่เกี่ยวกับคำนวณ


เอาเป็นว่า

1. แบ่งเวลาแล้วเหลือ

2. ชอบสังคมอยู่แล้วส่วนนึง

3. อยากได้คะแนนสูงมาก

4. สามารถจำเนื้อหาเยอะๆได้

5. วิชาอื่น คิดว่าแน่นแล้ว/ แน่นทัน


ถ้าน้องมีครบ 5 ข้อ จะลง Intensive ก็ได้ แต่ถ้าไม่ครบ พี่ว่า Turbo ก็เหลือแหล่แล้ว5555555555


คือ คุ้มมั้ย? มันคุ้มตรงได้พวกความรู้รอบตัวหลายอย่าง แต่กับข้อสอบ มันไม่คุ้มอะ พี่ก็ทำได้ประมาณกันกับคนที่เรียน Turbo อยู่ดี555555

0