Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อ่านคำขวัญมหกรรมหนังสือฯปีนี้แล้วเพลียจิต

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

คำขวัญงานมหกรรมหนังสือฯปีนี้ ‘No กองดอง ซื้อไป ไม่กอง ไม่ดอง ต้องอ่าน!!’
.
ขอประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าผู้ใดมันคนแต่งประโยคเพ้อเจ้อ เพ้อฝันนี้ขึ้นมา การดองนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล ตราบใดที่ตู้หนังสือ หรือตามซอกตามหลืบยังพอมีพื้นที่ว่าง ผมมีสิทธิ์ที่จะยัดหนังสือเข้าไปจนกว่ามันจะล้นทะลักออกไปข้างนอก
.
คนที่ไม่เข้าใจก็จะมองนักดองแบบผมหรือเรา ๆ ท่าน ๆ ว่า ‘ทำไม-เป็นคนแบบนี้วะ ซื้อไปแล้วไม่อ่าน จะซื้อทำเกลืออะไร’ ประทานโทษ -อ่านน่ะ มันอ่านอยู่แล้ว พวกผมเป็นนักอ่าน แต่ที่กองดองมันล้นทะลักก็เพราะมันอ่านกันไม่ทันต่างหาก
.
ก็จะให้ทันได้ยังไงล่ะ รู้หรือเปล่าว่างานหนังสือแต่ละครั้ง พวกผมซื้อกันทีกี่สิบเล่ม
.
ถ้าจะถามว่าทำไมซื้อเยอะ คุณก็ไปถามอีพวกสำนักพิมพ์ที่มันลดราคาสิ แข่งกันลดเหมือนไม่อยากได้กำไร หนังสือมือหนึ่งขายราคามือสอง บางร้านจัดโปรโมชั่น 2 เล่ม 100 บาท ร้านข้าง ๆ โชว์เหนือ 3 เล่ม 100 ร้านถัดไปก็ไม่ยอมน้อยหน้า 5 เล่ม 100 แถมกระเป๋าผ้าให้อีกใบ
.
ร้านพวกนี้ก็ว่าผลาญเงินไปเยอะแล้ว ไปเจอ-พวก ‘ลิมิเต็ดอิดิชั่น’ นี่หนักกว่า เนื้อหาข้างในเหมือนเดิมเป๊ะ เปลี่ยนปกใหม่ ออกมาทีละสองปก ปกอ่อน ปกแข็ง แล้วคือมันจะออกให้มันเหมือนกันก็ไม่ได้นะ ปกอ่อนลายหนึ่ง ปกแข็งลายหนึ่ง สวยฉิบหายทั้งคู่
.
ผมยืนเลือกอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายควักตังค์ซื้อมาทั้งสองปก ไปยืนเลือกต่อที่บ้าน (ปกเก่าที่บ้านยังอ่านไม่ถึงครึ่ง)
.
นี่ยังไม่รวมกับหนังสือที่หมายตาไว้อีกนะ ‘ลิสต์ใครเป็นไงไม่รู้ แต่ลิสต์กูยาวเหยียด’ พอดีว่าผมเป็นนักอ่านที่ค่อนข้างหลากหลาย รู้จักคนนู้นคนนี้เยอะ แล้ว-นักเขียนที่ผมรู้จักมันก็ขยันเหลือเกิน ออกมาทีละ 2-3 เล่ม นั่งเซ็นให้จนมือสั่น (ผมก็สั่นเหมือนกัน กระเป๋าตังค์น่ะสั่น)
.
พอจบงานก็เดินหอบกองหนังสือกลับบ้าน คนอื่นจะช่วยถือก็ไม่ได้นะ หนังสือผม ผมต้องถือเอง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หนักปัญญา (ที่เบาทรัพย์) เพื่อนบ้านในซอยเห็นก็ชะเง้อคอมอง บางคนก็ถาม “-จะไปเปิดห้องสมุดเหรอนั่น”
.
เมื่อมาอยู่หน้าชั้นหนังสือ อีตอนนี้แหละฟินสุด จับเล่มนี้เข้าตู้ ย้ายเล่มโน้นไปอีกชั้น บางเล่มที่สนใจ ก็เปิดอ่านสองสามหน้าพอเป็นพิธี จบพิธีก็ยัดเข้าตู้ บอกมันว่า “เดี๋ยวว่าง ๆ มาอ่านนะ”
.
-เรื่องว่าง ไม่ว่างนี่แหละ สาเหตุหลักของการดอง
.
หนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลาราว ๆ 4-5 ชั่วโมง ผมเชื่อว่าหลายคนก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น อย่างผมเนี่ยหาได้วันละชั่วโมงครึ่งก็บุญแล้ว คืออย่างเก่งก็ 2 เล่มต่อสัปดาห์ หรือเท่ากับเดือนละ 8 เล่ม (แต่ต้องเป็นเดือนที่เน็ตฟลิกซ์ไม่มีซีรีส์ออกใหม่นะ)
.
แล้วคุณครับ ผมขอถามหน่อย “บ้านเรามีงานหนังสือกี่ครั้ง”
.
งานหนังสือใหญ่ก็ล่อไปสอง ไหนจะ ABC ไหนจะ Big Bad Wolf ไหนจะงานยิบย่อยที่มาจัดบูทตามห้าง ไหนจะอีพวกร้านหนังสือมือสองในเน็ต กด F กันไม่ต้องหลับไม่ต้องนอน
.
สารภาพตามตรงนะ ช่วงนี้ผมก็กำลังเคลียร์กองดองอยู่ คิดว่าจะตะบี้ตะบันอ่านให้ได้อาทิตย์ละ 5 เล่ม แต่คุณเชื่อไหม เมื่อสองวันก่อนมีพัสดุเข้ามาส่ง หนังสือทั้งนั้น 5-6 เล่ม!
.
ในเมื่อมันเป็นเยี่ยงนี้ ต่อให้ไม่ต้องกิน ไม่ต้องนอน ไม่ต้องทำงาน ยังไงก็ ‘ต้องดอง’ อยู่ดี

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

Pungpron 18 ส.ค. 63 เวลา 06:04 น. 1

ฝากเพจ


#ปร นอกจากจะมีบทความ สาระ เกี่ยวกับวงการหนังสือ ผมยังมีเรื่องมาบ่น พร้อมแฝงโฆษณาให้อีกด้วย


กดติดตามได้ที่ : https://www.facebook.com/Pron79

2
18 ส.ค. 63 เวลา 09:16 น. 1-1

พี่โชติกับคู่หูวายป่วง MXT ก็เข้าไหดองแล้วปะคะะะ


ป.ล. แซวเล่นน้า 55555 เป็นกำลังใจให้รีบอ่านหนังสือ 5555+

สโลแกนปีนี้ก็แปลกจริง ๆ นี่คือจะบอกว่าถ้าจะดองไม่ต้องซื้องี้เหรอ แล้วอย่ามาบ่นกันล่ะว่ารายได้ไม่มีน่ะคุณสนพ.และนักเขียน แหม ๆ ตัวเองก็เป็นเหมือนกันเลย สายดอง ชั้นหนังสือก็ไม่ได้ใหญ่ ปกติเลือกซื้อเฉพาะที่จะอ่าน ถึงขนาดนัั้นก็ยังไม่ได้อ่านอีกเพียบเลย 5555

0
Pungpron 18 ส.ค. 63 เวลา 16:25 น. 1-2

น่าจะหมักจนสูทเขียวส่งกลิ่นตลบอบอวลไปสามบ้าน แปดบ้านแล้วล่ะครับ 555

0
Pungpron 18 ส.ค. 63 เวลา 07:22 น. 2-1

เจอแบบนี้มันนอยด์หน่อย ๆ จะให้ซื้อมาดองที่บ้าน หรือเก็บไว้ดองที่โกดังสนพ. 55555

0
Watarmelon 18 ส.ค. 63 เวลา 07:33 น. 2-2

สงสัยคนคิดคำขวัญเห็นว่าตัวเองอ่านได้แค่ปีละแปดบรรทัดเลยไม่ควรซื้อมาดอง

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-10.png

0
Pungpron 18 ส.ค. 63 เวลา 07:39 น. 3-1

ถ้าจริงก็เป็นเทคนิคที่ค่อนข้างจะแปลกนะครับ งานหนังสือ แต่ดันโปรโมทสิ่งที่ไม่หนังสือ 555


ปล.ที่บ้านเยอะเหมือนกันครับ ใครเข้ามานึกว่าห้องสมุด

0
บุรพัต 18 ส.ค. 63 เวลา 08:58 น. 4

ลองคิดมุมกลับบ้าง โดยฐานะคนอ่านจะมีใครอยากซื้อนิยายที่รู้ว่าดองแน่ๆ ไม่มีทางรู้ว่ามีกี่เล่มจบจริงๆ แต่การเขียนเล่มเดียวจบจะสร้างความมั่นใจแก่ผู้อ่านว่า เรื่องนี้ไม่ดองแน่ กล้าควักเงินง่ายกว่า


ไม่ต้องดูงานหรอก ดูร้านหนังสือทั่วไปสิ มีนิยายเก่าหลายเรื่องไม่ยอมเขียนต่อเป็นชาติ ถ้าย้อนเวลาเหมือนพระเอกจีนโบราณก็ไม่เฉียดไปซื้อแน่ จะคัดเฉพาะนิยายที่เขียนจบจริง

1
เพียงนักเขียนคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ 18 ส.ค. 63 เวลา 10:41 น. 5

เพื่อนเรามีห้องแยกไว้สำหรับหนังสือดองโดยเฉพาะค่ะ อ่านเสร็จก็ย้ายไปเก็บไว้ในตู้อีกห้อง

เคยเข้าไปห้องดอง ตกใจ โอ้โห หนังสือเยอะมากอ่ะแก.... กองเต็มห้องเลย มันบอกนี่ที่ยังอ่านไม่จบ จากนั้นก็พาไปอีกห้องที่มีตู้หนังสืออ่านจบแล้ว


ชั้นวางชั้นแรกของมานยังไม่เต็มเลยคร่า~ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-13.png

0
wizzard potion 18 ส.ค. 63 เวลา 20:28 น. 7

ใจเย็นนะครับ เขาแค่จะสื่อว่าให้สงสารน้องหนังสือเขาบ้างซื้อไปก็ไม่ได้อ่าน อ่านอันเก่าก่อนเถอะ 55555555 (อันนี้บอกตัวเองล้วนๆ )

0
vector-raid 31 ส.ค. 63 เวลา 16:11 น. 9

ผมกลับคิดว่า นี้เป็นการเตือนให้เรารู้ว่า ถ้าเราจะซื้อหนังสือ เราต้องซื้อแล้วเอาไปอ่านจริงๆ ไม่ใช่เอาไปวางไว้ในตู้แล้วฝุ่นจับ หรือมองข้ามมันไปหลายปีเลยนะครับ


ผมไปงานหนังสือมาหลายปี (จะเว้นก็เดือนเมษาฯปีนี้แหละ ที่เป็นงานแบบออนไลน์ ไม่ปลื้มเลยครับ) ผมแวะไปอ่านหนังสือเก่าๆที่เคยขายมาก่อน (แม้บางบู๊ทจะห่อพลาสติคกันแกะอ่านเลยก็ตาม) แต่มีน้อยครั้งที่จะซื้อกลับมา บางครั้งผมกลับมาแบบมือเปล่า ไม่มีหนังสือสักเล่มติดมือมา (ส่วนหนึ่งเพราะ มันไม่ค่อยมีแบบที่ผมอยากได้ หรือมีที่อยากได้ แต่ไม่รู้มีเวลาอ่านหรือเปล่า)


 เดือนตุลาฯ นี้ผมต้องไปแน่นอน เพราะผมอยากได้หนังสือกลับมา หลังจากที่เดือนเมษาฯ ต้องอยู่บ้านกักตัว และปล่อยให้งานแบบออน์ไลน์ผ่านไปจนจบนะครับ

0